หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] เที่ยวไต้หวันฉบับสาวโสด..เที่ยวคนเดียว(ชิวได้อีกนะ)
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
อยากไปเที่ยวเมืองจีน ตั๋วเครื่องบินไม่แพง ฟรีวีซ่า ค่าเงินพอๆกับบ้านเรา เที่ยวไม่ยากไม่ลำบากจนเกินไป..โจทย์เยอะขนาดเน้!!
มันมีด้วยหรา...555
หาไปหามา....ก็ไปเจอะเธอ "ไต้หวัน" ตอบโจทย์ในทุกๆสิ่ง
การท่องเที่ยวด้วยตัวเองนั้น ในความคิดส่วนตัวเราคิดว่าไม่ต้องรอให้เก่งภาษาก็สามารถไปเที่ยวได้
ตัวเราเองไม่ได้จะเก่งอะไรมากมาย พองูๆปลาๆ(บลาๆ) ส่วนภาษาจีนนั้น แทบจะไม่ต้องพูดถึง เพราะจำได้แค่ 2 คำ คือ หนีฮ่าว(สวัสดี) กับ เชี่ยเชี่ย(ขอบคุณ) แล้วจะไปรอดไหมหล่ะนี่ 555 แต่ด้วยใจที่เต็มร้อย..เอ้าลุย!!
เครื่องลงถึงที่หมาย เราก็ตะลอนเที่ยวกันเลย(กระทู้นี้ขออนุญาตไม่พูดถึงการเดินทางเข้าเมืองเพราะมีมากมายหลายกระทู้แล้ว เราขอพูดถึงแต่สถานที่เที่ยวแล้วกันคะ) การเที่ยวในครั้งนี้ยอมรับเลย ว่าไม่ได้วางแผนดีเท่าที่ควร
เหยียบแผ่นดินไต้หวันปุ๊บ..เราก็พุ่งไปยัง "ผิงซี" ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวัน ในอดีตที่นี่เป็นเมืองถ่านหิน แต่ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
หากจะถามนอกรอบว่า..ลงเครื่องปุ๊บแล้ว เธอลากกระเป๋าไปเที่ยวด้วยเนี้ยนะ!! 555
จริงๆก็ไม่ได้ลากมากมายหร้อก พอหอบนิดหน่อย(คริคริ)
ที่สถานีเค้าจะมีที่ฝากกระเป๋าค่ะ อยู่ข้างสถานีรุ่ยฟัง(เดินออกมาด้านหน้าสถานีที่รับฝากจะอยู่ขวามือ เป็นประตูทืบๆ มีป้ายเขียนด้านบน ค่าฝากใบละ 50 NTD) นั่นแหล่ะ..เราถึงลั้ลลาได้อย่างสบายใจ
ตลอดการนั่งรถไฟด้วยระยะทาง 12 กิโลเมตรกว่าๆ จะมีหมู่บ้านที่ให้เยี่ยมชมหลายหมู่บ้านด้วยกันค่ะ แต่เราเลือกที่จะเที่ยวยังหมู่บ้านสุดท้ายก่อน อากาศที่นี่เย็นสบาย เพราะช่วงที่เรามากำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่หมู่บ้านสุดท้ายไม่ค่อยมีอะไรมาก เราจึงนั่งรถไฟย้อนกลับมาลงยังอีกหมู่บ้าน ซึ่งมีความคึกคักเป็นอย่างมาก หนึ่งในไฮไลท์ของหมู่บ้านนี้คือการปล่อย "โคม" ซึ่งคล้ายกับการปล่อยโคม วันลอยกระทง(บ้านเรา) แต่โคมจะเป็นโคมทรงจีนและ บ้านเค้าสามารถบังคับทิศทางให้ตกได้ด้วยนะ 555
คือประมาณว่า..ปล่อยไปได้สัก 200 เมตรแล้วตกเลย(อะไรประมาณเน้!!)
เดินชมวิวจนเพลิน ท้องก็เริ่มโอดครวญมาเบาๆ..จริงๆมันก็ไม่เบาเท่าไหร่หรอก ก็ดังพอประมาณคนจีนหันมามองกัน 2-3 คน 5555
อาหารแปลกหูแปลกตาที่นี่มีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น "ปีกไก่ยัดไส้ข้าว" คือ ข้างในมันเหมือนกับข้าวผัด แล้วเค้าเลาะเอากระดูกไก่ออกหมดเลย เหลือแต่เนื้อกับข้าวเท่านั้น แถมยังโรยผงปาปริก้าอีกด้วย อันเดียวก็อิ่มนะ สนนราคาอันละประมาณ 65 NTD นอกจากนี้แล้วยังมีน้ำเลม่อน รสชาติอมเปรี้ยวนิดๆ ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เราว่ามันชุ่มคอดีนะ แล้วอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนถึงเจ้าถิ่น นั่นก็คือ "เสี่ยวหลงเปา" ที่มีน้ำซุปร้อนๆด้านใน บ้านเราหาทานค่อนข้างยากและราคาค่อนข้างสูง แต่ที่นี่หาทานได้ทั่วไป ราคาถาดประมาณ 120 NTD
อ๊ะๆ...อีกอย่างที่ควรชิม "ไอติมถั่วผักชี" (3 อัน 100 NTD) คือ เค้าจะมีถั่วตัดก้อนใหญ่ๆ แล้วก็ขูดออกมา ตักใส่แป้งแล้วตามด้วยไอติม และโรยผักชี เมนูนี้เราพลาดชิม เพราะผักชีหมด 5555
สำหรับที่นี่!!บ้านเมืองเก่าๆเค้าจะอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ย้อนมาดูบ้านเรานะ อันไหนเก่าๆทุบทิ้งหมด 555
เราใช้เวลากับที่นี่มากไปหน่อย เลยไม่ทันได้แวะหมู่บ้านแมว แต่ก็แอบเห็นน้องเหมียวจากที่นี่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน อยากจะแนะนำผู้ที่มาเที่ยวที่นี่นะค่ะ ว่าควรบริหารเวลาในแต่ละจุดให้ดี เพราะมีน้ำตกสวยๆริมทางด้วย โดยเราไม่ทันแวะ(แอบเสียดาย)แถมช่วงเย็น ผู้คนก็จะแออัดกันขึ้นรถไฟหน่อยๆ เรียกได้ว่า..ยืนจนหลับ 555
สำหรับการเดินทางไปยังผิงซี: จากไทเป ให้นั่งรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินไปลงสถานีหนานกัง(Nangang) จากนั้นต่อรถไฟ TRA ไปลงสถานีรุ่ยฟัง(Ruifang) เพื่อเปลี่ยนขบวนเพื่อไปผิงซีอีกที(ตั๋วแบบเหมารายวันนั่งรถไฟเที่ยวผิงซี 80 NTD)
กว่าจะถึงสถานีรถไฟต้นทาง เราก็รีบไปเอากระเป๋าแล้วไปหารถบัส เพื่อจะต่อไปยังเมือง "จิ่วเฟิน" คืนนี้เราจะนอนที่นี่กัน
จุดพีคคือ ถนนทางไปแคบมากกก..แล้วคนขับก็ขับเร็วมากกกก หนทางประหนึ่งไป "แม่กำปอง" ใครที่เคยไปแม่กำปองโปรดนึกภาพตาม แล้วคนขับเค้าขับเลนส์ซ้ายไง บ้านเราจะขับเลนส์ขวา เราก็จะงงๆกับถนนเล็กน้อย บวกกับเส้นทางโค้งไปโค้งมา โชคดีที่ไก่ยัดไส้ของเราไม่ออกมาทักทายชาวโลก 555 สำหรับใครที่ไม่อยากนั่งรถบัสไปจิ่วเฟิน สามารถนั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟได้ค่ะ ราคาประมาณ 250 NTD
โรงแรมที่เราเลือกที่ไปพักนั่นก็คือ Flip Flop Hostel แบบห้องพักรวม(นอนรวมครั้งแรกในชีวิต) ปกตินอนรวมเนี้ย เราจะเคยเห็นแต่ในหนังใช่ม่ะ!! แต่ด้วยความที่ฉายเดี่ยวไง อยากลอง อยากรู้ อยากสร้างประสบการณ์ความลำบากให้กับชีวิต ก็ได้ลำบากสมใจเลยทีนี้
ลงรถบัสปุ๊บ ฝนตกค่า..ลากกระเป๋าไปด้วย อีกมือนึงก็ดู GPS หาที่พัก เดินฝ่าดงแหล่งช็อปจิ่วเฟินมันเข้าไปเลย
โอ้โห!!ให้นึกภาพตอนเราไปซื้อของที่สำเพ็งนะ แบบคนเยอะๆ รถเยอะๆ แต่ในสำเพ็งจะมีรถเวสป้า ขี่เข้ามาไรงี้ แต่ที่นี่ไม่ใช่น้า รถกระบะเล็กเล้ย..ขับเข้ามาเฉ้ย ณ ตอนนั้น ใครเจอซอก เจอหลืบ ให้รีบหลบอ่ะ มันก็จะทุรักทุเล สำหรับเราเล็กน้อย แต่ก็นะ..สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต(หุหุ) ภาพอาจจะไม่ได้มีมาก นั่นก็เพราะเราไปถึงดึกแล้ว ร้านรวงก็ทะยอยกันปิด ที่นี่ประมาณ 1 ทุ่มก็ปิดกันเกือบหมดแล้ว
เดินขาลากมาจนเกือบจะสุดซอย จริงๆมันก็ไม่ได้สุดซอยหรอก เพราะแต่ละซอยมันทะลุหากันได้หมด
เราก็ได้พบกับที่พักของเรา เหมือนสวรรค์มาโปรดอ่ะ(นาทีนั้น) เจ้าหน้าที่โฮสเทลเปิดประตูรับเจอเราในสภาพหัวยุ่ง จมูกแดง(แอบเขิล)
เนื่องจากอากาศข้างนอกหนาว หมอกลงจัด (รูปที่พักไม่มีนะค่ะ เนื่องจากหมดสภาพ)เอาเป็นคำบรรยายแทนไปละกัน
ข้อดีของการพักที่นี่นั้นก็คือ..สะอาด ปลอดภัย และกลางคืนที่นี่เค้ายังพาเดินทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวฟรีอีก โดยจะพาเดินเวลา 20.00 - 21.00 น. อาหารเช้าแบบโฮมเมดอร่อย พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ที่นอนนุ่มมาก เตียงมีฮิตเตอร์ด้วยอ่ะ ซึ่งได้มาใช้ในตอนเช้า(เพราะว่า..ฝนตกหนักมาก ลมแรงและอากาศหนาวมาก) สนนราคาที่เราจองผ่านเว็บไซต์กับทางที่พักโดยตรงก็คืนละ 700 กว่าบาท
พยากรณ์อากาศของไต้หวัน ประกาศให้ไต้หวันเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างแท้จริง!!(แม่เจ้า..แผนการไปยืนถ่ายภาพชิวๆ ณ ร้านน้ำชาอันโด่งดัง ต้องถูกพับเก็บไปอย่างไร้ร่องรอย) เฮิร์ตเล็กๆจากเมืองโบราณจิ่วเฟิน เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศ เราก็เดินทางกันต่อ..
สถานีต่อไปของเรานั่นก็คือ "ทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือ Sunmoon Lake" เที่ยวข้ามโลกเลยอ่ะ..เหมือนภาคเหนือข้ามไปภาคกลาง
นั่งรถไฟความเร็วสูง(จากไทเปเมน ไป-กลับ ประมาณ 1,400 NTD) ต่อด้วยรถบัส(แพ็คเกจไปซันมูน 620 NTD ราคานี้รวมตั๋วเรือ,ปั่นจักรยาน) ประมาณ 4 ชม.เอ้ง(ก็ถึง)
ขอนอกเรื่องนิดนุง การนั่งรถไฟความเร็วสูง มันก็เป็นความฝันเล็กๆของเราเหมือนกันน่ะ คือตอนเด็กๆ เราดูการ์ตูนโดเรมอน เวลาที่ไปปิ๊กนิคแล้วเค้ากินข้าวกล่องกันบนรถไฟไง เราก็ทำตามมั่ง..โดยไปซื้อข้าวกล่องที่ 7-11 ในสถานี เบาะนั่งก็สบาย อารมณ์คล้ายกับนั่งเครื่องบิน ช่องว่างระหว่างขาก็กว้างนั่งสบาย แกะข้าวกล่องออกมากิน พร้อมกับชมวิว..แต่มันก็แค่ความฝัน เพราะความจริงคือ รถไฟความเร็วสูง(ไง)มองภาพข้างทางก็จะแว่บๆ เร็วๆ มองไปมองมา ก็นะ กินข้าวพร้อม...เอิ่ม!! 555
ขออนุญาตข้ามรูปสถานที่ สุริยันจันทราไปก่อนน้าา..รูปยังไม่เสร็จ
ว้าปไปเล่าที่เที่ยวอื่นก่อนนะค่ะ 555
ชื่อสินค้า:
ไต้หวัน Taiwan
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
จากสถานีรถไฟเชียงใหม่ ไป ม่อนจอง ถนนขับง่ายไหมครับ
พอดีว่าจะไปม่อนจองโดยเช่ามอเตอร์ไซส์ขับไปเอง วางแผนว่าถึงเชียงใหม่แล้วขับไปหมู่บ้านมูเซ่อ อาจแวะเที่ยวระหว่างทางบ้าง พักหมู่บ้านมูเซ่อ 1 คืนแล้วขึ้นดอย แต่ก็มีข้อกังวลเรื่อง 1.เส้นทางขับลำบากไหม
สกุณาวายุ
รีวิวทริป 7 วัน 6 คืน - คิด(ถึง)ญี่ปุ่น…เลยขอเล่าย้อน Autumn in Tokyo 2023 EP.2
ก่อนจะเข้าสู่วันที่สองของทริป เมื่อวานเราเพิ่งเริ่มต้นการเดินทางด้วยการสำรวจโตเกียวแบบเบาๆ เดินเล่นย่าน Asakusa/Ueno, ชมวิวจาก Shibuya Sky แล้วไปต่อที่แสงไฟคริสต์มาสใน Roppongi แค่วันแรกก็ทำให้รู้เลยว
สมาชิกหมายเลข 1030737
[พาแม่ไปเที่ยวแถว Kansai กันเถอะ] Day 3 - วันสุดท้ายที่เกียวโต ณ.ป่าไผ่
Day 3(Arashiyama Bamboo groove >> Aeon Mall Kyoto >> Osaka) Day 1 - พวกเราพร้อมจะบินDay 2 - Uji เมืองชาเขียวที่ไม่ได้มีแต่ชาเขียว แต่มีเห็ดมาริโอ้ !! Nintendo MuseumDay 4 - ศาลเจ้าสุดเกร๋
สมาชิกหมายเลข 7732593
[ T a i w a n ] - Day 2: ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ เส้นทางรถไฟสายผิงซี - หมู่บ้านแมว - จิ่วเฟิน
: เส้นทางรถไฟสาย PINGXI (Jintong - Houtong - Shilin station) และ หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น Jiufen สำหรับตอนแรก ติดตามได้ที่ Link ข้างล่างเลยจ้าา Day 1 : The Rainny Land (กระเช้า Maokong, R
มาริ
Chapter 8 : 1 วัน ใน ซิงผิง(Xingping), หยางซั่ว,กุ้ยหลิน มุมลับ ดูวิวบนแม่น้ำลี่ จ่าย 10 หยวน
ห่างหายไปนาน เพราะไม่ค่อยว่าง พอว่างก็มานั่งเล่าเรื่องให้ฟังกันต่อ https://www.youtube.com/watch?v=KEoRloWunnoคลิปนี้แบ่งปันประสบการณ์ ข้อมูลเรื่องค่าเดินทาง ให้ชมรมรักการเที่ยวเองของสามเฒ่าพาเที่ยว
สามเฒ่าพาเที่ยว
ทะเลโอกินาว่า สวยที่สุดทะเลแถบอบอุ่นซีกโลกเอเชียแล้วใช่มั้ยครับ
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนโอกินาว่าจะเป็นหมู่เกาะล่างสุดของญี่ปุ่น ที่ค่อนลงมาใต้มาก ๆ พอสมควรแล้ว คือใกล้กับไต้หวัน ใกล้ฟิลิปปินส์ มากกว่าส่วนอื่นของญี่ปุ่นเลยทำให้สภาพอากาศ สภาพแวดล้อมต่างจากญี่ปุ่นส่วนอื่นพ
สมาชิกหมายเลข 6652492
ไต้หวัน Landing ใหม่ของคนไทย : เที่ยวเองชิวๆ เรื่อยๆ ไม่กลัวหลง
ตอนนี้ใครๆ ก็ไปไต้หวัน คนรอบข้างต่างก็บอกว่าดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ อะไรๆ ก็ดีไปหมด เฮ้ย ! อะไรจะดีขนาดนั้น เอาเป็นว่ามันจะจริงหรือมั่ว เราเลยไปท้าพิสูจน์ ขอบอกว่า นี่คือ รีวิวที่มาจากประสบการณ์ที่เราเ
โอเคเลยแมวดำ
พาเที่ยว STI Gallery สวรรค์ของแฟนคลับซูบารุ ที่ญี่ปุ่นครับ
ทริปสงกรานต์ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นครับ และครั้งนี้ผมก็ตั้งใจมากๆ ที่จะแวะไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์รถที่สาวกซูบี้หลายคนอยากจะไปกันนะครับ ที่นี่คือ STI GALLAERY ครับ STI GALLERY ตั้งอยู่ที่เมือง MI
คนไม่มีแอลกอฮอล
ขับรถเที่ยวไต้หวัน EP.2 : ล่องเรือทะเลสาบสุดอลัง + ขึ้น Ropeway ชมวิวพีคสุดที่ Formosan Village
https://youtu.be/zvr59-9aRDs ขับรถเที่ยวไต้หวัน EP.2 : ล่องเรือทะเลสาบสุดอลัง + ขึ้น Ropeway ชมวิวพีคสุดที่ Formosan Village หลังจากเริ่มต้นทริป Road Trip ไต้หวันกันใน EP.1 วันนี้เราจะพาทุกคนไปลุย EP
สมาชิกหมายเลข 5099478
อยากนั่งรถไฟเที่ยว ขอที่เที่ยวใกล้สถานีรถไฟ จังหวัดไหนก็ได้หน่อยค่ะ
พอดีลาหยุดไว้ 3 วัน ตอนแรกมีแพลนจะกลับบ้านตจว แต่แพลนล่มแล้ว เลยว่าจะนั่งรถไฟเที่ยวชิลๆดีกว่า แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดีค่ะ เลยอยากได้ที่เที่ยวจังหวัดไหนก็ได้ที่ใกล้สถานีรถไฟ เน้นที่เที่ย
สมาชิกหมายเลข 3127921
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 3.0 พัน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] เที่ยวไต้หวันฉบับสาวโสด..เที่ยวคนเดียว(ชิวได้อีกนะ)
มันมีด้วยหรา...555
หาไปหามา....ก็ไปเจอะเธอ "ไต้หวัน" ตอบโจทย์ในทุกๆสิ่ง
การท่องเที่ยวด้วยตัวเองนั้น ในความคิดส่วนตัวเราคิดว่าไม่ต้องรอให้เก่งภาษาก็สามารถไปเที่ยวได้
ตัวเราเองไม่ได้จะเก่งอะไรมากมาย พองูๆปลาๆ(บลาๆ) ส่วนภาษาจีนนั้น แทบจะไม่ต้องพูดถึง เพราะจำได้แค่ 2 คำ คือ หนีฮ่าว(สวัสดี) กับ เชี่ยเชี่ย(ขอบคุณ) แล้วจะไปรอดไหมหล่ะนี่ 555 แต่ด้วยใจที่เต็มร้อย..เอ้าลุย!!
เครื่องลงถึงที่หมาย เราก็ตะลอนเที่ยวกันเลย(กระทู้นี้ขออนุญาตไม่พูดถึงการเดินทางเข้าเมืองเพราะมีมากมายหลายกระทู้แล้ว เราขอพูดถึงแต่สถานที่เที่ยวแล้วกันคะ) การเที่ยวในครั้งนี้ยอมรับเลย ว่าไม่ได้วางแผนดีเท่าที่ควร
เหยียบแผ่นดินไต้หวันปุ๊บ..เราก็พุ่งไปยัง "ผิงซี" ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวัน ในอดีตที่นี่เป็นเมืองถ่านหิน แต่ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
หากจะถามนอกรอบว่า..ลงเครื่องปุ๊บแล้ว เธอลากกระเป๋าไปเที่ยวด้วยเนี้ยนะ!! 555
จริงๆก็ไม่ได้ลากมากมายหร้อก พอหอบนิดหน่อย(คริคริ)
ที่สถานีเค้าจะมีที่ฝากกระเป๋าค่ะ อยู่ข้างสถานีรุ่ยฟัง(เดินออกมาด้านหน้าสถานีที่รับฝากจะอยู่ขวามือ เป็นประตูทืบๆ มีป้ายเขียนด้านบน ค่าฝากใบละ 50 NTD) นั่นแหล่ะ..เราถึงลั้ลลาได้อย่างสบายใจ
ตลอดการนั่งรถไฟด้วยระยะทาง 12 กิโลเมตรกว่าๆ จะมีหมู่บ้านที่ให้เยี่ยมชมหลายหมู่บ้านด้วยกันค่ะ แต่เราเลือกที่จะเที่ยวยังหมู่บ้านสุดท้ายก่อน อากาศที่นี่เย็นสบาย เพราะช่วงที่เรามากำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่หมู่บ้านสุดท้ายไม่ค่อยมีอะไรมาก เราจึงนั่งรถไฟย้อนกลับมาลงยังอีกหมู่บ้าน ซึ่งมีความคึกคักเป็นอย่างมาก หนึ่งในไฮไลท์ของหมู่บ้านนี้คือการปล่อย "โคม" ซึ่งคล้ายกับการปล่อยโคม วันลอยกระทง(บ้านเรา) แต่โคมจะเป็นโคมทรงจีนและ บ้านเค้าสามารถบังคับทิศทางให้ตกได้ด้วยนะ 555
คือประมาณว่า..ปล่อยไปได้สัก 200 เมตรแล้วตกเลย(อะไรประมาณเน้!!)
เดินชมวิวจนเพลิน ท้องก็เริ่มโอดครวญมาเบาๆ..จริงๆมันก็ไม่เบาเท่าไหร่หรอก ก็ดังพอประมาณคนจีนหันมามองกัน 2-3 คน 5555
อาหารแปลกหูแปลกตาที่นี่มีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น "ปีกไก่ยัดไส้ข้าว" คือ ข้างในมันเหมือนกับข้าวผัด แล้วเค้าเลาะเอากระดูกไก่ออกหมดเลย เหลือแต่เนื้อกับข้าวเท่านั้น แถมยังโรยผงปาปริก้าอีกด้วย อันเดียวก็อิ่มนะ สนนราคาอันละประมาณ 65 NTD นอกจากนี้แล้วยังมีน้ำเลม่อน รสชาติอมเปรี้ยวนิดๆ ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เราว่ามันชุ่มคอดีนะ แล้วอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนถึงเจ้าถิ่น นั่นก็คือ "เสี่ยวหลงเปา" ที่มีน้ำซุปร้อนๆด้านใน บ้านเราหาทานค่อนข้างยากและราคาค่อนข้างสูง แต่ที่นี่หาทานได้ทั่วไป ราคาถาดประมาณ 120 NTD
อ๊ะๆ...อีกอย่างที่ควรชิม "ไอติมถั่วผักชี" (3 อัน 100 NTD) คือ เค้าจะมีถั่วตัดก้อนใหญ่ๆ แล้วก็ขูดออกมา ตักใส่แป้งแล้วตามด้วยไอติม และโรยผักชี เมนูนี้เราพลาดชิม เพราะผักชีหมด 5555
สำหรับที่นี่!!บ้านเมืองเก่าๆเค้าจะอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ย้อนมาดูบ้านเรานะ อันไหนเก่าๆทุบทิ้งหมด 555
เราใช้เวลากับที่นี่มากไปหน่อย เลยไม่ทันได้แวะหมู่บ้านแมว แต่ก็แอบเห็นน้องเหมียวจากที่นี่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน อยากจะแนะนำผู้ที่มาเที่ยวที่นี่นะค่ะ ว่าควรบริหารเวลาในแต่ละจุดให้ดี เพราะมีน้ำตกสวยๆริมทางด้วย โดยเราไม่ทันแวะ(แอบเสียดาย)แถมช่วงเย็น ผู้คนก็จะแออัดกันขึ้นรถไฟหน่อยๆ เรียกได้ว่า..ยืนจนหลับ 555
สำหรับการเดินทางไปยังผิงซี: จากไทเป ให้นั่งรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินไปลงสถานีหนานกัง(Nangang) จากนั้นต่อรถไฟ TRA ไปลงสถานีรุ่ยฟัง(Ruifang) เพื่อเปลี่ยนขบวนเพื่อไปผิงซีอีกที(ตั๋วแบบเหมารายวันนั่งรถไฟเที่ยวผิงซี 80 NTD)
กว่าจะถึงสถานีรถไฟต้นทาง เราก็รีบไปเอากระเป๋าแล้วไปหารถบัส เพื่อจะต่อไปยังเมือง "จิ่วเฟิน" คืนนี้เราจะนอนที่นี่กัน
จุดพีคคือ ถนนทางไปแคบมากกก..แล้วคนขับก็ขับเร็วมากกกก หนทางประหนึ่งไป "แม่กำปอง" ใครที่เคยไปแม่กำปองโปรดนึกภาพตาม แล้วคนขับเค้าขับเลนส์ซ้ายไง บ้านเราจะขับเลนส์ขวา เราก็จะงงๆกับถนนเล็กน้อย บวกกับเส้นทางโค้งไปโค้งมา โชคดีที่ไก่ยัดไส้ของเราไม่ออกมาทักทายชาวโลก 555 สำหรับใครที่ไม่อยากนั่งรถบัสไปจิ่วเฟิน สามารถนั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟได้ค่ะ ราคาประมาณ 250 NTD
โรงแรมที่เราเลือกที่ไปพักนั่นก็คือ Flip Flop Hostel แบบห้องพักรวม(นอนรวมครั้งแรกในชีวิต) ปกตินอนรวมเนี้ย เราจะเคยเห็นแต่ในหนังใช่ม่ะ!! แต่ด้วยความที่ฉายเดี่ยวไง อยากลอง อยากรู้ อยากสร้างประสบการณ์ความลำบากให้กับชีวิต ก็ได้ลำบากสมใจเลยทีนี้
ลงรถบัสปุ๊บ ฝนตกค่า..ลากกระเป๋าไปด้วย อีกมือนึงก็ดู GPS หาที่พัก เดินฝ่าดงแหล่งช็อปจิ่วเฟินมันเข้าไปเลย
โอ้โห!!ให้นึกภาพตอนเราไปซื้อของที่สำเพ็งนะ แบบคนเยอะๆ รถเยอะๆ แต่ในสำเพ็งจะมีรถเวสป้า ขี่เข้ามาไรงี้ แต่ที่นี่ไม่ใช่น้า รถกระบะเล็กเล้ย..ขับเข้ามาเฉ้ย ณ ตอนนั้น ใครเจอซอก เจอหลืบ ให้รีบหลบอ่ะ มันก็จะทุรักทุเล สำหรับเราเล็กน้อย แต่ก็นะ..สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต(หุหุ) ภาพอาจจะไม่ได้มีมาก นั่นก็เพราะเราไปถึงดึกแล้ว ร้านรวงก็ทะยอยกันปิด ที่นี่ประมาณ 1 ทุ่มก็ปิดกันเกือบหมดแล้ว
เดินขาลากมาจนเกือบจะสุดซอย จริงๆมันก็ไม่ได้สุดซอยหรอก เพราะแต่ละซอยมันทะลุหากันได้หมด
เราก็ได้พบกับที่พักของเรา เหมือนสวรรค์มาโปรดอ่ะ(นาทีนั้น) เจ้าหน้าที่โฮสเทลเปิดประตูรับเจอเราในสภาพหัวยุ่ง จมูกแดง(แอบเขิล)
เนื่องจากอากาศข้างนอกหนาว หมอกลงจัด (รูปที่พักไม่มีนะค่ะ เนื่องจากหมดสภาพ)เอาเป็นคำบรรยายแทนไปละกัน
ข้อดีของการพักที่นี่นั้นก็คือ..สะอาด ปลอดภัย และกลางคืนที่นี่เค้ายังพาเดินทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวฟรีอีก โดยจะพาเดินเวลา 20.00 - 21.00 น. อาหารเช้าแบบโฮมเมดอร่อย พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ที่นอนนุ่มมาก เตียงมีฮิตเตอร์ด้วยอ่ะ ซึ่งได้มาใช้ในตอนเช้า(เพราะว่า..ฝนตกหนักมาก ลมแรงและอากาศหนาวมาก) สนนราคาที่เราจองผ่านเว็บไซต์กับทางที่พักโดยตรงก็คืนละ 700 กว่าบาท
พยากรณ์อากาศของไต้หวัน ประกาศให้ไต้หวันเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างแท้จริง!!(แม่เจ้า..แผนการไปยืนถ่ายภาพชิวๆ ณ ร้านน้ำชาอันโด่งดัง ต้องถูกพับเก็บไปอย่างไร้ร่องรอย) เฮิร์ตเล็กๆจากเมืองโบราณจิ่วเฟิน เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศ เราก็เดินทางกันต่อ..
สถานีต่อไปของเรานั่นก็คือ "ทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือ Sunmoon Lake" เที่ยวข้ามโลกเลยอ่ะ..เหมือนภาคเหนือข้ามไปภาคกลาง
นั่งรถไฟความเร็วสูง(จากไทเปเมน ไป-กลับ ประมาณ 1,400 NTD) ต่อด้วยรถบัส(แพ็คเกจไปซันมูน 620 NTD ราคานี้รวมตั๋วเรือ,ปั่นจักรยาน) ประมาณ 4 ชม.เอ้ง(ก็ถึง)
ขอนอกเรื่องนิดนุง การนั่งรถไฟความเร็วสูง มันก็เป็นความฝันเล็กๆของเราเหมือนกันน่ะ คือตอนเด็กๆ เราดูการ์ตูนโดเรมอน เวลาที่ไปปิ๊กนิคแล้วเค้ากินข้าวกล่องกันบนรถไฟไง เราก็ทำตามมั่ง..โดยไปซื้อข้าวกล่องที่ 7-11 ในสถานี เบาะนั่งก็สบาย อารมณ์คล้ายกับนั่งเครื่องบิน ช่องว่างระหว่างขาก็กว้างนั่งสบาย แกะข้าวกล่องออกมากิน พร้อมกับชมวิว..แต่มันก็แค่ความฝัน เพราะความจริงคือ รถไฟความเร็วสูง(ไง)มองภาพข้างทางก็จะแว่บๆ เร็วๆ มองไปมองมา ก็นะ กินข้าวพร้อม...เอิ่ม!! 555
ขออนุญาตข้ามรูปสถานที่ สุริยันจันทราไปก่อนน้าา..รูปยังไม่เสร็จ
ว้าปไปเล่าที่เที่ยวอื่นก่อนนะค่ะ 555