ตั้งแต่เรียนจบมาก็ได้งานทำเลย จริงๆเพราะว่าร้อนเงิน—“ ผมได้โอนมรดกหนี้จากครอบครัวมา 2 ก้อนครับ
1. พ่อเอารถเข้าไฟแนนซ์เพราะต้องเอาไปถอนจำนองที่ดินจากธนาคาร(ญาติขอโฉนดไปจำนองแต่ไม่มีเงินไปไถ่ถอน) = 270,000 แบ่งจ่ายงวดละ 6,000 บาท/เดือน (โปะไม่ได้ตอนนี้ยอดหนี้เหลือ 170,000 เนื่องจากจ่ายเกินนิดหน่อยในแต่ละเดือนเท่าที่ไหว)
2. แม่กู้เงินมาซ่อมบ้าน = 200,000 แบ่งจ่ายงวดละ 1,700 บาท/เดือน
3. ภาระอื่นๆ เช่น ประกันชีวิตแม่และตัวเอง ค่าโทรศัพท์แม่และตัวเอง รวม 4,000
4. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่ทางบ้านขอมาและเราจ่ายไหว
ปีหน้าแพลนว่าจะปิดยอดหนี้ไฟแนนซ์ให้ได้ จะจ่ายค่ารถเพิ่มเป็น 10,000 บาท/เดือน และเอาโบนัสสิ้นปี 2018 ปิดยอดอีก 50,000
ภาระ1-3 ผมเป็นคนอาสาเองครับพ่อแม่ไม่ได้บังคับ แต่เนื่องจากเวลาที่แม่มาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังมันก็รู้สึกไม่ดีครับ ผมไม่ได้อยู่ดูแลพ่อแม่เพราะต้องมาทำงานที่กทม. จึงอยากเติมเต็มส่วนที่ไม่ได้อยู่ดูแลท่าน
ปกติผมจะเป็นคนเฮฮาร่าเริงมากออกแนวบ๊องนิดๆ และทุกคนรอบตัวคิดว่าผมไม่มีเรื่องเครียดอะไร เลยชอบมีคนเอาเรื่องแย่ๆมาเล่าให้ฟังบ่อยมาก ซึ่งคนฟังก็รู้สึกไม่ดีตามไปด้วย เพราะอย่างนี้แหละผมเลยไม่เล่าเรื่องราวดราม่าต่างๆให้คนอื่นฟัง ผมไม่อยากเอาเรื่องไม่ดีไปให้คนอื่นต้องรู้สึกแย่ไปด้วยโดยเฉพาะเรื่องเงิน บางทีก็รู้สึกว่าทำไมไม่มีใครถามเราเลยว่าโอเครึเปล่า
อยากขอกำลังใจหรือวิธีให้กำลังใจตัวเองครับ เพื่อนๆพี่ๆในนี้มีวิธีรับมือกันอย่างไรบ้างในวันที่เหนื่อย ท้อแท้และรู้สึกว่าเรามีปัญหาแต่เล่าให้ใครฟังไม่ได้
ในวันที่ท้อแท้มีวิธีให้กำลังใจตัวเองกันยังไงบ้างครับ
1. พ่อเอารถเข้าไฟแนนซ์เพราะต้องเอาไปถอนจำนองที่ดินจากธนาคาร(ญาติขอโฉนดไปจำนองแต่ไม่มีเงินไปไถ่ถอน) = 270,000 แบ่งจ่ายงวดละ 6,000 บาท/เดือน (โปะไม่ได้ตอนนี้ยอดหนี้เหลือ 170,000 เนื่องจากจ่ายเกินนิดหน่อยในแต่ละเดือนเท่าที่ไหว)
2. แม่กู้เงินมาซ่อมบ้าน = 200,000 แบ่งจ่ายงวดละ 1,700 บาท/เดือน
3. ภาระอื่นๆ เช่น ประกันชีวิตแม่และตัวเอง ค่าโทรศัพท์แม่และตัวเอง รวม 4,000
4. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่ทางบ้านขอมาและเราจ่ายไหว
ปีหน้าแพลนว่าจะปิดยอดหนี้ไฟแนนซ์ให้ได้ จะจ่ายค่ารถเพิ่มเป็น 10,000 บาท/เดือน และเอาโบนัสสิ้นปี 2018 ปิดยอดอีก 50,000
ภาระ1-3 ผมเป็นคนอาสาเองครับพ่อแม่ไม่ได้บังคับ แต่เนื่องจากเวลาที่แม่มาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังมันก็รู้สึกไม่ดีครับ ผมไม่ได้อยู่ดูแลพ่อแม่เพราะต้องมาทำงานที่กทม. จึงอยากเติมเต็มส่วนที่ไม่ได้อยู่ดูแลท่าน
ปกติผมจะเป็นคนเฮฮาร่าเริงมากออกแนวบ๊องนิดๆ และทุกคนรอบตัวคิดว่าผมไม่มีเรื่องเครียดอะไร เลยชอบมีคนเอาเรื่องแย่ๆมาเล่าให้ฟังบ่อยมาก ซึ่งคนฟังก็รู้สึกไม่ดีตามไปด้วย เพราะอย่างนี้แหละผมเลยไม่เล่าเรื่องราวดราม่าต่างๆให้คนอื่นฟัง ผมไม่อยากเอาเรื่องไม่ดีไปให้คนอื่นต้องรู้สึกแย่ไปด้วยโดยเฉพาะเรื่องเงิน บางทีก็รู้สึกว่าทำไมไม่มีใครถามเราเลยว่าโอเครึเปล่า
อยากขอกำลังใจหรือวิธีให้กำลังใจตัวเองครับ เพื่อนๆพี่ๆในนี้มีวิธีรับมือกันอย่างไรบ้างในวันที่เหนื่อย ท้อแท้และรู้สึกว่าเรามีปัญหาแต่เล่าให้ใครฟังไม่ได้