ม็อบยางบุกยื่นร้อง"รมช.กษ." ขอเงินช่วยคนกรีดยางครัวเรือนละ3 พันบาทแก้วิกฤติราคายางร่วง วอนให้เกษตรกรมีส่วนร่วม ชี้กยท.เป็นเสือตัวที่ 6 มิใช่เป็นลูกแมวในกงเล็บ 5 เสือ
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้และอีสาน นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนสถาบันเกษตรกรสวนยาง ในมาตรา 4 ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือ ให้ นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยมีการประชุมหารือร่วมกันซึ่งให้ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯที่เกี่ยวข้องเรื่องยางพารามาร่วมรับฟัง เพื่อเร่งวางมาตรการและแนวทางแก้ปัญหาราคายางอย่างเป็นระบบ
นายสุนทร กล่าวว่า การปฎิรูปยางพาราและข้อเรียกร้องเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรี และกระทรวงเกษตรฯ คือให้การยางแห่งประเทศไทย(กยท.)จ่ายเงินสวัสดิการให้แก่คนกรีดยางครัวเรือนละ 3,000บาท เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่สุดจากวิกฤติราคายางพาราตกต่ำในช่วงนี้ พร้อมทั้งขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งบอร์ดการยางแห่งประเทศไทยเฉพาะกิจ เพื่อทำการปฏิรูปการยางแห่งประเทศไทย โดยต้องคัดเลือกจากคนดี มีความรู้และความสามารถ มีคุณธรรม มีความเชี่ยวชาญเรื่องการยาง และเข้าใจเจตนารมณ์ พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 โดยให้ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยาง และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีส่วนร่วม และให้แต่งตั้งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยที่มีความรู้ ความสามารถและเชี่ยวชาญด้านการค้ายาง การผลิตและการแปรรูปยาง รวมทั้งมีทักษะในการเจรจาต่อรองและสร้างภาคีแนวร่วมได้ดี
นายสุนทร กล่าวว่า ส่วนมาตรการปฎิรูปยางพาราให้รับขึ้นทะเบียนชาวสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และจัดทำยุทธศาสตร์ยางพาราหรือแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรชาวสวนยาง ในกรณีสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนป่าไม้ 5 ล้านไร่ ขอให้ กยท.ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำข้อตกลงและให้เกษตรกรชาวสวนยางขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมาย (ป่าสงวนเสื่อมโทรมในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ3-5) ซึ่งเกษตรกรต้องรวมกลุ่มเพื่อใช้สิทธิชุมชน (แปลงรวม) โดยต้องลดจำนวนต้นยางเหลือ 40 ต้นต่อไร่ และให้ปลูกต้นไม้ยืนต้นที่มีค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 40 ต้นต่อไร่ เพื่อเปลี่ยนสวนยางเชิงเดี่ยวให้เป็นป่าเศรษฐกิจ
"จากการลดปริมาณผลผลิตยางรวมทั้งเพิ่มการใช้ยางในประเทศ ทำให้ลดการเก็งกำไรล่วงหน้า ส่งผลราคายางเสถียรภาพในระดับ60-70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเลยจุดคุ้มทุนที่เกษตรกรรับได้ ให้กยท.ตั้งบริษัทค้ายางตามมาตรา 10 เพื่อถ่วงดุลและรักษาเสถียรภาพราคายางพารา และกยท.ต้องเป็นพี่เลี้ยงทางการตลาดให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ให้ กยท.เป็นเสือตัวที่ 6 มิใช่เป็นลูกแมวในกงเล็บ 5 เสือในบริษัทร่วมทุนฯและลดการพึ่งพาตลาดประเทศจีนที่มาเทกโอเวอร์บริษัทค้ายางในไทย จนทำให้เกิดการผูดขาด โดยให้หาตลาดใหม่ๆ เช่น รัสเซีย หรือประเทศแถบอาหรับ"นายสุนทร กล่าว.
JJNY : ปฏิรูปดี๊ดี...ซี้จุกสูญ ม็อบยางบุกกษ.ร้องขอเงินช่วยคนกรีดยางครัวเรือนละ3พันบาท
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้และอีสาน นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนสถาบันเกษตรกรสวนยาง ในมาตรา 4 ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือ ให้ นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยมีการประชุมหารือร่วมกันซึ่งให้ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯที่เกี่ยวข้องเรื่องยางพารามาร่วมรับฟัง เพื่อเร่งวางมาตรการและแนวทางแก้ปัญหาราคายางอย่างเป็นระบบ
นายสุนทร กล่าวว่า การปฎิรูปยางพาราและข้อเรียกร้องเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรี และกระทรวงเกษตรฯ คือให้การยางแห่งประเทศไทย(กยท.)จ่ายเงินสวัสดิการให้แก่คนกรีดยางครัวเรือนละ 3,000บาท เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่สุดจากวิกฤติราคายางพาราตกต่ำในช่วงนี้ พร้อมทั้งขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งบอร์ดการยางแห่งประเทศไทยเฉพาะกิจ เพื่อทำการปฏิรูปการยางแห่งประเทศไทย โดยต้องคัดเลือกจากคนดี มีความรู้และความสามารถ มีคุณธรรม มีความเชี่ยวชาญเรื่องการยาง และเข้าใจเจตนารมณ์ พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 โดยให้ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยาง และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีส่วนร่วม และให้แต่งตั้งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยที่มีความรู้ ความสามารถและเชี่ยวชาญด้านการค้ายาง การผลิตและการแปรรูปยาง รวมทั้งมีทักษะในการเจรจาต่อรองและสร้างภาคีแนวร่วมได้ดี
นายสุนทร กล่าวว่า ส่วนมาตรการปฎิรูปยางพาราให้รับขึ้นทะเบียนชาวสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และจัดทำยุทธศาสตร์ยางพาราหรือแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรชาวสวนยาง ในกรณีสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนป่าไม้ 5 ล้านไร่ ขอให้ กยท.ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำข้อตกลงและให้เกษตรกรชาวสวนยางขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมาย (ป่าสงวนเสื่อมโทรมในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ3-5) ซึ่งเกษตรกรต้องรวมกลุ่มเพื่อใช้สิทธิชุมชน (แปลงรวม) โดยต้องลดจำนวนต้นยางเหลือ 40 ต้นต่อไร่ และให้ปลูกต้นไม้ยืนต้นที่มีค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 40 ต้นต่อไร่ เพื่อเปลี่ยนสวนยางเชิงเดี่ยวให้เป็นป่าเศรษฐกิจ
"จากการลดปริมาณผลผลิตยางรวมทั้งเพิ่มการใช้ยางในประเทศ ทำให้ลดการเก็งกำไรล่วงหน้า ส่งผลราคายางเสถียรภาพในระดับ60-70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเลยจุดคุ้มทุนที่เกษตรกรรับได้ ให้กยท.ตั้งบริษัทค้ายางตามมาตรา 10 เพื่อถ่วงดุลและรักษาเสถียรภาพราคายางพารา และกยท.ต้องเป็นพี่เลี้ยงทางการตลาดให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ให้ กยท.เป็นเสือตัวที่ 6 มิใช่เป็นลูกแมวในกงเล็บ 5 เสือในบริษัทร่วมทุนฯและลดการพึ่งพาตลาดประเทศจีนที่มาเทกโอเวอร์บริษัทค้ายางในไทย จนทำให้เกิดการผูดขาด โดยให้หาตลาดใหม่ๆ เช่น รัสเซีย หรือประเทศแถบอาหรับ"นายสุนทร กล่าว.