อายุแค่นี้ ต้องพยายามอะไรมากขนาดนี้เลยหรือ?

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ แนะนำตัวก่อน ใช้ชื่อสมมุติว่า ดินละกันนะค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของดิน เป็นเด็กผู้หญิงคนนึงค่ะ.....
ตั้งแต่จำความได้ เกิดมาก็มีครอบครัวครบนะค่ะ แต่พอเวลาผ่านไป สักประมาณดิน 2 ขวบ พ่อแม่ก็หย่ากัน
ทำให้ดินได้มาอยู่กับตา กับยายตั้งแต่เด็ก สิทธิ์การดูแลเป็นของแม่ค่ะ แม่ขึ้นมากรุงเทพเพื่อทำงานส่งมาให้ดิน ให้ตายาย
ในทุกๆเดือน ครอบครัวดินถามว่าอยู่ในระดับไหน?? วัดไม่เคยได้ค่ะ อยู่ต่ำสุดบ้าง สูงสุดบ้าง มีแค่นี้จริงๆ ไม่มีกลางๆเลย
ในครอบครัวของดินจะมีน้าสาวอีก1 คนที่คอยจุนเจือช่วยเหลืออยู่เสมอ แต่จะชอบมีปัญยากับแม่บ่อยๆ
ใช้ชีวิตเด็กบ้านนอกทั่วไป มีความสุขดีไม่รู้สึกขาดเกินอะไร แต่พอขึ้นมัธยมชีวิตก็เปลี่ยนไป ......

น้าสาวมาคุยกับตายายว่า จะให้ดินไปอยู่กรุงเทพด้วย เพราะน้าท้อง จะให้ไปช่วยดูน้องเป็นเพื่อนหน่อย
ดินดีใจมากที่จะได้ไปอยู่กรุงเทพ จะได้อยู่ใกล้แม่มากขึ้น แม่รู้เรื่อง แม่ก็ดีใจด้วย
เรามารู้ข่าวอีกที อีก2 อาทิตย์เค้าจะเปิดเรียนแล้ว หาโรงเรียนเกือบแทบไม่ทัน
จนไปได้โรงเรียนแถวบ้านน้า เป็นโรงเรียนอิสลามแห่งนึง ชีวิตช่างแตกต่างจากเด็กบ้านนอก เล่นดินเล่นโคลน โดดยาง
ได้มาเห็นแสงสีกรุงเทพ ดูผู้คนมากมาย ได้มาอยู่ในบ้านหลัง5ล้านใหญ่โต....มีสวนให้วิ่งเล่น นี่มันเจ้าหญิงชัดๆ (ในสายตาเด็กบ้านนอกคนนึง)
แต่แล้วความสบายก้อยู่กับเราได้ไม่นาน เมื่อปัญหาใหญ่ของครอบครัวใกล้เข้ามา ก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน แม่กับน้าเริ่มมีปากเสียงกัน มีดินเป็นส่วนนึงของปัญหา นั่นคือค่าเลี้ยงดูและส่งเสีย........ แม่เลยถามกับดินว่า ดิน!! พร้อมจะลำบากไปกับแม่ไหม ? แม่เป็นหญิงแกร่งคนนึง ทำงานหาเลี้ยงคนในครอบครัว
แม่ทำงานโรงงานในตอนนั้น ดินตอบอย่างมั่นใจ ว่าถ้าได้อยู่กับแม่ ลำบากแค่ไหนดินก็จะไป เพราะเพียงเหตุผลแค่ว่าอยากอยู่กับแม่ เรามีกันแค่2คน ไม่รักแม่จะให้รักใคร แล้วสิ่งที่คิดในคำว่าลำบากของแม่ มันเป็นแบบไหน ก็รู้ซึ้งถึงคำนี้... การเดินหลายๆโลเป็นยังไง มาม่าห่อเดียวกินกัน3คนเป็นยังไง (แม่มีแฟนใหม่แล้ว เป็นพ่อเลี้ยงเรานั่นเอง ) แต่เราเรียกน้า ไม่เรียกใครว่าพ่อทั้งนั้น  ก็ยอมลำบากตรากตำมาเรื่อยๆ ในช่วงอายุ14 เป็นครั้งแรกที่คิดอยากจะหารายได้เข้าบ้าน เลยไปสมัครงานพาทไทม์ทำดู แต่ด้วยอายุ และวุฒิก็หายากพอสมควร แต่ก็พยายามหาต่อไป จนได้ร้านขายหนังสือเเห่งนึง ซึ่งอยู่แถวจตุจักร ไกลโฮกมาก เพราะตอนนั้นดินอยู่แถวมีนบุรี เข้างาน4โมงเย็นเลิก 2ทุ่ม ชม.ละ 50 (4ชม.= 200บาท) ดินก็ทำ ออกจากบ้านตั้งแต่เที่ยง กลับถึงบ้าน5ทุ่มทุกวัน ในช่วงปิดเทอม แลกกับเศษเงินของใครหลายๆคน จนจบม.2 ขึ้นม.3  อายุ15 ดินเป็นคนมีความสามารถหลายด้าน แต่ครอบครัวไม่เคยสนับสนุน ดินเป็นทั้งประธานนักเรียน ดินเป็นทั้งเจ้าหน้าที่ธนาคารโรงเรียน เป็นนักร้องนำ เป็นทุกอย่างที่ทำแล้วชอบ เด็กๆในโรงเรียนรู้จักทุกคน แต่ครอบครัวก็จะบอกเสมอ เอาเวลาไปตั้งใจเรียนไหม เปลืองเงินทำอะไร ไร้สาระ โดนแบบนี้มาตลอด ก็ไม่เข้าใจไอ้คำว่า!!! ตั้งใจเรียน.... ต้องเกรดมากแค่ไหนถึงถึงจะเรียกเรียนดี ต้องอ่านหนังสือแค่ไหนถึงจะภูมิใจ  เกรด3 .5 บ้าง 3.6 3.8 บ้างไม่เคยมีใครพอใจ ดินเป็นคนชอบดนตรีมาก ชอบเล่นกีต้าร์ ร้องเพลง ถึงขนาดเก็บตังซื้อกีต้าร์ของตัวเอง.... แล้วไปประกวดโฟร์คซองให้ร.ร. ได้รางวัลมา เล่าให้ใครฟังก็มีแต่คำเดิมๆซ้ำซาก ไร้สาระ ไม่เป็นไรไม่สนับสนุนก็ไม่เป็นไร  อยากให้เรียนก็จะเรียน !!! ในช่วงม.3 ทุลักทุเลมาก เงิน40 บาทไปโรงเรียน ต้องหาร2 วันก็มี ค่ารถไปกลับ 2แถว ตกวันละ10 บาทเดินไปขึ้นที่ตลาดวันละโล ไปกลับ 2โล เหนื่อยท้อ บางวันต้องขาดเรียนบ้าง ย้ายไปนอนบ้านน้าบ้าง นอนกับแม่บ้าง เป็นช่วงที่ย้ายบ้านบ่อยที่สุดในชีวิต เหตุเพราะหนีหนี้ที่พ่อเลี้ยงก่อขึ้น รอบๆนึงหลายหมื่น  แต่แม่ก็รักเค้ามาก จำได้ตอนนั้นย้ายอพาทเม้นท์ไปทั่ว ประมาน5 ที่ใน2 ปี จนจบม.3 มา จะต้องสอบเข้าม.4 การแข่งขันสูงขึ้น ดินไปสอบร.ร แห่งนึงที่เป็นที่รู้จักในเขตนั้นๆ เลยเชียว.... ในใจคิดไว้อยู่แล้วว่าหัวสมองระดับเรา พื้นฐานเด็กต่างจังหวัด โรงเรียนที่ไม่เป็นที่รู้จัก เราสอบไม่ได้แน่ๆ วิทย์ คณิต แม่บอกให้ดินลงเอกนี้ เราย้ำนักหนาว่า แม่!! ดินไม่ได้เก่งอะไรหรอกนะ ให้สอบเอกนี้ไม่ได้แน่ๆ ดินจะเข้าศิลป์ คู่แข่งน้อยกว่ามาก แม่ไม่ยอม ไม่เป็นไร มายรักแม่ มายจะเชื่อแม่ทุกอย่าง
เซอร์ไพร!!!!! สอบไม่ติดจริงๆ ร้องไห้ฟูมฟายกันไป ปัญหาอยู่ที่หาโรงเรียนต่อ ตอนอยู่ม.3 ด้วยเกรดเฉลี่ยมาแล้วได้ 3.6 โควต้าที่ยื่นมาให้ ได้ประมาณ3 โรงเรียนได้ โดยไม่ต้องสอบเข้า แต่เป็นโรงเรียนช่างทั้งหมด แม่ไม่ยอมให้เรียน แม่ให้ไปสอบ นึกขึ้นมาตอนนี้ รู้สึกเสียดายขึ้นมา จนสุดท้ายก็ต้องไปเรียนพาณิชที่แม่คิดว่าปลอดภัยกว่าช่าง แต่ดีใจตรงที่ได้เรียนสาขาที่ชอบ
แต่หารู้ไหม มันยิ่งทำให้ลำบากกว่าเดิม กดดันกว่าเดิม เพื่อนในวิทลัยใช้ไอโฟน ใช้คอม ใช้กระเป๋าดีๆทั้งนั้น ในจุดๆนี้ แอบอิจฉา แต่ไม่ได้อ้อนวอนหรือเอาอะไรจากครอบครัว ในสาขาที่เรียนเป็นสาขาที่ต้องใช้อุปกร์อยู่เสมอๆ ปากกาบ้าง ดินสอบ้าง สีบ้าง เรียนศิลป์ค่ะ ในตอนนั้นก็ยังไม่ฟื้นจากสภาวะจนเลยค่ะ กะแค่สี 6สี กระปุกละ10บาท ยังต้องเก็บเงินซื้ออยู่ ในตอนม.3 เงิน40 บาทมันพอค่ะ แต่ตอนนี้ปวชแล้ว 40 บาทค่ารถยังไม่ได้เลย ข้าวก็ต้องซื้อกิน น้อยใจวาสนาตัวเองนิดๆ แต่ก็ทนกัดฟันเรียนมาได้2เดือนเท่านั้น ก็บอกกับแม่ว่า แม่!! ดินจะดรอปเรียนนะ ดินไม่อยากต้องมานึกว่าวันนี้จะมีเงินไปเรียนไหม จะได้ไปเรียนรึป่าว ดินจะช่วยหาเงินมาให้แม่  จึงตัดสินใจแบบนั้นออกไป...... งานแรกที่ทำเป็นงานที่หาในเน็ต เป็นงานรับโทรศัพท์เกี่ยวกับนายหน้าคอนโด  เป็นบริาัทที่เปิดเองในครอบครัวนึง ซึงมีหญิง2 ชาย1 ในตอนแรกๆพี่เค้าดีกะเราทุกอย่าง แต่งานค่อนข้างกดดัน และมีกลิ่นตุๆเข้ามา  ในตอนนั้นไม่ได้นึกถึงความปลอดภัย ความรอบคอบใด ขอแค่ไหนได้ตังค์ ทำหมด!!! จนพี่พม่าร้านตามสั่งข้างๆ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวนี้เช่นกัน บอกว่า พี่เนี้ยเป็นลูกจ้างที่นี่มา 3-4 เดือนแล้ว เงินพี่ยังไม่ได้เลย กินนอนอยู่กับเค้า รู้ไหมอะไรที่พีคกว่านั้น!!!.... พี่เค้า3คนเป็นผัวเมียกันนะ เราก็ห่ะ!!  ใช้ผู้ชายร่วมกัน มันไม่ธรรมดาละสิ  แล้วพี่เค้ายังบอกอีกว่า วันนั้นพี่เค้าทำงานบ้านอยู่ พี่ผู้ชาย เค้าบอกให้พี่พม่าไปนอนด้วย เราก็ห่ะรอบที่2  !!! แต่พี่พม่าฉลาดหัวไวเลยรอดตัวไป เราก็มาย้อนคิด วันนั้นพี่ผช บอกว่า ใส่กางเกงขาสั้นมาทำงานก็ได้นะ เราก็ยิ้มๆไม่พูดอะไร  ทำงานได้20 วันออกเลย ทำงานฟรี เงินก็ไม่ได้ เกือบโดนทำไม่ดี ไม่ร้ายอีก ก็เริ่มหางานใหม่ได้งานเซเว่นแถวบ้าน เหนื่อยมาก กรรมกรห้องแอร์ดีๆนี่แหล่ะค่ะ เข้าไปวันแรกได้ขัดห้องน้ำ เช็ดพื้น จัดสต็อกใหม่ทั้งหมด ซึ่งสภาพเกินบรรยายย มีใครตายในทีนี้หรือป่าว?? แล้วในตอนนั้นก็เห็นเปิดรับสมัครเรียนกศน . เรียนอาทิตย์วันเดียวน่าสนใจดี เลยไปสมัครเรียน พร้อมทำงานไปด้วย แต่ทำได้แค่2 เดือนก็เริ่มหางานใหม่ เพราะเงินเดือนไม่สมกับทำงานเอาซะเลย เข้าทุกกะ เช้า บ่าย ดึก กะเช้าควบไปยันบ่ายก็มี เข้า6.00เลิก12.00 (รปภ. ดีๆนี่ละจ้า) คิดอย่างเดียวแค่ว่าหาเงินมาช่วยเบาภาระแม่บ้างก็ยังดี จนมาได้งานที่3 เป็น PC ในห้าง ทำงานสบาย เงินเดือนโอเค แต่เจอคนบริหารกดดัน ทำยอด เห้ออชีวิต นี่อายุ16 นะเว่ย ใช้ชีวิตโครตคุ้มค่าเลย ท้อใจมาก เวลาได้เงินเดือนก็ให้แม่ตลอด มีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก ก็ทำมาเรื่อยๆ ได้ครึ่งปี เห็นสมัครเรียนราม แบบพรีดีกรี ก็ไปสมัคร เพราะเป็นคนหัวสูง ทำได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที ก็เรียนด้วย ทำงานด้วย ฐานะทางการเงินดีแม่เริ่มดีขึ้นในจุดที่ดีมากๆ แม่เลยให้ลาออกจากงานเดิม เพื่อให้มาทำงานใหม่ที่แม่ทำอยู่ แต่ดินดันมีแนวว่าไม่อยากทำงานประจำแล้ว เลยลองขายของในเน็ตบ้าง  ขายของตลาดนัดบ้าง ก็กลายเป็นขายดี พอหาเงินได้บ้าง เลยไม่ทำงานประจำอีก  จนย้ายมาเรียนรามแบบเต็มตัว เน้นเรียนมากขึ้น ชีวิตก็สดใสขึ้น มีอยู่มีกิน แม่ก็เริ่มออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งรายได้ก็มากพอสมควร  ในตอนนี้ดินอายุ17 แล้ว ครอบครัวในช่วงนี้ดีพอสมควร แต่เรื่องเงินนี่แหล่ะที่ทำให้คนเปลี่ยนไป มายก็ทำพาทไทม์ไปด้วย หารายได้เสริมไปด้วย ตั้งแต่จำได้ ตั้งแต่ดรอปเรียนมาไม่เคยเอ่ยปากขอเงินแม่เลย มีแต่แม่จะให้เอง ไม่มีร้องขออยากได้นั่น นี่ เก็บตังซื้อเองมาตลอด  พอแม่เริ่มมีขึ้น แม่ก็เริ่มตีตัวออกห่าง ขอย้ายไปอยู่ไกลๆ เพราะมีปัญหากับเรื่องหนี้ของพ่อเลี้ยงอีก พ่อเลี้ยงชอบเล่นการพนัน จนติดเป็นสันดาน (ขออนุญาติหยาบคายค่ะ ทนไม่ไหวจริงๆ ) เวลาแม่มีเงิน พ่อเลี้ยงก็จะเอาไปเล่นพนันจนหมด เป็นแบบนี้ทุกรอบ ในชีวิตดินถึงมีแค่สูงสุด กับต่ำสุดแค่นั้น.... แม่บอกจะไปอยู่กับยายต่างจังหวัดนะ ในใจก็คิดแม่ไม่ถามเราสักคำว่าเรารู้สึกยังไง ในฐานะคนเป็นลูกก็ตอบไปแค่ เอาที่แม่สะดวกใจ มีไรก็ทักมาบอกลูกบ้างนะ แล้วพอแม่ไปแม่ก็ทำธุกิจขึ้นมาใหม่ จนกลับมาดีอีกครั้ง แม่จะชอบโพสรูปอยู่กับพ่อเลี้ยงเสมอ.... ไปกินนู้น นี่ ชีวิตดี๊ดี อะไรแบบนี้ บางทีก็คิดว่า... ไม่เห็นมีเราในส่วนนั้นบ้างเลย เราก็วนเวียนอยู่กับป้า กับน้าอยู่กรุงเทพด้วยกันบ่อยๆ จนเห็นได้ว่าช่วงนี้แม่เริ่มเปลี่ยนไป ...
วันนึงเราอยากจะย้ายหอใหม่ ให้ไปอยู่ใกลๆม.ราม แล้วใกล้ๆน้าด้วย เพราะน้าป่วย เป็นโรคโรคๆนึง แล้วลูกน้า ก็เป็นออทิสติก เลยคิดว่าถ้าไปอยู้ด้วยใกล้ๆ อาจจะช่วยดูแลน้ากับหลานได้บ้าง เพราะตั้งแต่เด็กๆ น้าสาวเป็นคนเดียวที่มีอะไรก็จะหยิบยื่นให้เสมอ ถึงขนาดที่ว่าจะให้เราเป็นลูกสาวก็ยังได้ น้าเลยพาไปหาหอใหม่ ซึ่งได้มาหอนึง ค่ามัดจำ7000 เข้าอยู่ เรามีเงินในส่วนนั้นอยู่แล้ว แต่มันดันชนกับที่เราต้องไปจ่ายค่าลงทะเบียนเรียนพอดี แม่เลยเอ่ยปากจะช่วย2000 ค่าลงทะเบียน ก่อนหน้านั้น เราไม่ค่อยได้ขอเงินบ่อยนัก ดีใจมากที่แม่จะช่วย ทีนี้เราคิดว่ากลัวเงินไม่พอ เลยขอเงินแม่เพิ่มอีก1000 เท่านั้นแหล่ะ ........
ลมอะไรหอบให้แม่เป็นถึงขนาดนี้ .... เราพิมไลน์คุยกับแม่ ยืนอยู่บนรถเมล์กำลังจะกลับหอ
แม่:พิมกลับมาว่า ย้ายไปกี่รอบแล้วล่ะหอล่ะ ใช้แต่เงิน
ดิน: ดินทำให้แม่เดือดร้อนมากใช่ไหม ทีพ่อเลี้ยงเอาไปเล่นการพนันตั้งเท่าไหร่ ไม่เห็นเป็นไรเลย ดินทำเพื่อแม่ตั้งหลายอย่าง
ไม่เคยเห็นความดีบ้างเลยหรอ  
เท่านั้นแหล่ะ แม่โมโห โกรธที่ไปว่าคนรักของเค้า
แม่: เค้าเลี้ยงกูกะตั้งเท่าไหร่ เดี๋ยวกูจะโอนให้เงินอ่ะ หุบปาก อย่างมันไม่เจริญหรอก ลืมบุญคุญ กูจะไม่เอาใครแล้ว มีแต่คนเอาเปรียบกู  มันสันดานเ-ี้ยเหมือนพ่อ  -ัส  อวดดี อี-อก เด็กเลว  ..... แล้วแม่ก็แคปหน้าจอ แล้วเอาลงกลุ่มบ้านที่มีทุกคนอยู่ในกลุ่มประจานเรา
อ่านปุ้บ น้ำตาจากที่ไหนไม่รู้พรั่งพรูมาทีเดียว นี่ผิดมากเลยหรอ ที่ทำมาตลอด ไม่มีคุณค่าเลยหรอ ดรอปเรียน ทำงาน หางานงกๆ ไม่อยู่ในความทรงจำบ้างเลยหรอ ทำไรไม่ถูก โหนรถเมล์ก็ร้องไห้ จนคนมองทั้งคันรถ ทนไม่ไหวต้องเดินลงจากรถไป เดินตามทางคิดทบทวนกับตัวเอง นี่การที่เราเอาความจริงมาพูดมันผิดมากเลยหรอ?  นี่ลูกแม่นะ นี่คนเป็นสายเลือดของแม่นะ ทำไมแม่ทำร้ายจิตใจได้ขนาดนี้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์พ่อ ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานกว่า 7 ปี  ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆทั้งสิ้น ไม่เหลือใคร ไม่เหลือจริงๆ สักคนก็ไม่เหลือ คิดอยู่แค่อย่างเดียว ตายๆไปเลยดีไหม จะได้จบๆไป  น้าก็ส่งข้อความมาหา โอเคไหม เป็นอะไรรึป่าว ยังมีน้ามีป้า มียายอยู่ด้วยนะ ยายก็โทรมา ไหวไหมดิน มีเงินไหมลูก ไม่ไหวกลับมาอยู่กับยายนะ อยากจะยิ้มตอบยายไปว่าโอเค แต่ก็ตอบไม่ไหว ร้องไห้ใส่ยายอีก เห้อออ ช่างอ่อนแอจริงๆเลย ดินเอ้ยย ตั้งแต่วันนั้นแม่ก็เฉยๆ เราก็เฉยๆ ไม่ค่อยได้คุยกัน แม่อยู่ต่างจังหวัด เราอยู่กรุงเทพ  อยู่หอคนเดียว คำพูดที่แม่ด่าจำอยู่ในสมองยันทุกวันนี้ แล้วก็ย้ำเตือนมาเสมอว่าต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองนะ ไม่มีใครอยู่ข้างๆแล้วนะ ต้องอดทนนะ เราโตแล้ว  วันนึงพี่ชายทักมาหาขอยืมเงิน ดินมีพี่ชายที่ห่างกันถึง10ปีได้ เป็นเกเรไม่เอาไหน มีเมีย มีลูก2คนแล้ว แต่ก็ทำตัวเสเพลไปวันๆ ดินก็บอกไปว่าไม่มี ให้ไปขอแม่ แม่มี ในทุกๆครั้ง เรามีเราให้ตลอด คืนไม่ครบก็ไม่ว่า  พี่ชายก็เลยไปขอแม่ ไม่ถึง10 นาทีเท่านั้นแหล่ะ ได้เลย เออ!!! ดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่