สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
สวัสดีค่ะ คุณวัชรานนท์
บางท่าน จะบอกว่าน้ำมิตรมองอะไรด้านเดียว รับข้อมูลด้านเดียว
ก็จริงค่ะ การรับข้อมูลรอบด้านเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และน่าจะเปิดมุมมองที่กว้างได้ ทำให้ตัวเราเองคิดอ่านอะไรได้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น
บางท่าน จะบอกว่าน้ำไม่รู้ข้อมูลอะไรในอดีต การพิจารณาของน้ำอาจจะตั้งอยู่บนความผิดพลาดได้
ก็จริงค่ะ หลักสถิติต้องประเมินจากข้อมูลในอดีต เพื่อประเมินอนาคต
แต่น้ำว่า ไม่เสมอไปค่ะ น้ำมองเหตุการณ์ในปัจจุบัน น้ำเห็นการเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับการบอกเล่าในอดีต
ล็อกอิน ที่ถูกสมาชิกหลายท่านกล่าวถึงว่า หยาบคาย ตอบโต้ แปลงร่างสมัครล็อกอินเข้ามาด่าๆ ๆ ถูกยึดล็อกอินเป็น 100 ล็อกอิน
ถ้าสิ่งที่หลายท่านกล่าวขวัญถึงนั้นเป็นความจริง น้ำว่าคงจะปะทะกันกระทู้ต่อกระทู้ แบบไม่มีใครยอมใคร
ปัจจุบัน น้ำกลับเห็นล็อกอินท่านนั้น ออกมาตอบโต้น้อยมาก ถึงแม้ว่าจะมีหลุดด่าหนักออกมาจน คห โดนลบ
แต่น้ำก็เห็นการปรับบุคลิกที่ต่างจากคำบอกเล่าเมื่อในอดีต ถ้าสิ่งในอดีตที่พูดถึงกันเป็นเรื่องจริง แสดงว่าเขามีการปรับตัวไปในแนวโน้มที่ดีขึ้น
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมีเยอะกว่า กลับมีพฤติกรรมจากผู้ดีออกไปในทางเป็นผู้ร้ายมากขึ้น เป็นการพัฒนาการอย่างหนึ่ง แต่พัฒนาไปในทางลบ
น้ำเห็นแบบนี้ นะ คนอื่นจะเห็นแบบไหน น้ำไม่รู้ค่ะ
คนเราผิดพลาดกันได้ ทำสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับหรือไม่ชื่นชมได้
แต่หากมีการปรับไปในแนวทางที่ดีขึ้นได้ น้ำชื่นชมค่ะ
แต่กับคนที่เคยดูดี ดันปรับไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม น้ำไม่ชื่นชม
คนเรามีเหตุผลหลากหลายที่จะกระทำอะไรก็ตาม ยิ่งทำไม่ดี เหตุผลจะยิ่งมาก จนเบื่อจะฟัง
น้ำให้โอกาสคนที่ปรับตัวพัฒนาตน เสมอค่ะ
..............
แก้คำผิด
บางท่าน จะบอกว่าน้ำมิตรมองอะไรด้านเดียว รับข้อมูลด้านเดียว
ก็จริงค่ะ การรับข้อมูลรอบด้านเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และน่าจะเปิดมุมมองที่กว้างได้ ทำให้ตัวเราเองคิดอ่านอะไรได้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น
บางท่าน จะบอกว่าน้ำไม่รู้ข้อมูลอะไรในอดีต การพิจารณาของน้ำอาจจะตั้งอยู่บนความผิดพลาดได้
ก็จริงค่ะ หลักสถิติต้องประเมินจากข้อมูลในอดีต เพื่อประเมินอนาคต
แต่น้ำว่า ไม่เสมอไปค่ะ น้ำมองเหตุการณ์ในปัจจุบัน น้ำเห็นการเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับการบอกเล่าในอดีต
ล็อกอิน ที่ถูกสมาชิกหลายท่านกล่าวถึงว่า หยาบคาย ตอบโต้ แปลงร่างสมัครล็อกอินเข้ามาด่าๆ ๆ ถูกยึดล็อกอินเป็น 100 ล็อกอิน
ถ้าสิ่งที่หลายท่านกล่าวขวัญถึงนั้นเป็นความจริง น้ำว่าคงจะปะทะกันกระทู้ต่อกระทู้ แบบไม่มีใครยอมใคร
ปัจจุบัน น้ำกลับเห็นล็อกอินท่านนั้น ออกมาตอบโต้น้อยมาก ถึงแม้ว่าจะมีหลุดด่าหนักออกมาจน คห โดนลบ
แต่น้ำก็เห็นการปรับบุคลิกที่ต่างจากคำบอกเล่าเมื่อในอดีต ถ้าสิ่งในอดีตที่พูดถึงกันเป็นเรื่องจริง แสดงว่าเขามีการปรับตัวไปในแนวโน้มที่ดีขึ้น
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมีเยอะกว่า กลับมีพฤติกรรมจากผู้ดีออกไปในทางเป็นผู้ร้ายมากขึ้น เป็นการพัฒนาการอย่างหนึ่ง แต่พัฒนาไปในทางลบ
น้ำเห็นแบบนี้ นะ คนอื่นจะเห็นแบบไหน น้ำไม่รู้ค่ะ
คนเราผิดพลาดกันได้ ทำสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับหรือไม่ชื่นชมได้
แต่หากมีการปรับไปในแนวทางที่ดีขึ้นได้ น้ำชื่นชมค่ะ
แต่กับคนที่เคยดูดี ดันปรับไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม น้ำไม่ชื่นชม
คนเรามีเหตุผลหลากหลายที่จะกระทำอะไรก็ตาม ยิ่งทำไม่ดี เหตุผลจะยิ่งมาก จนเบื่อจะฟัง
น้ำให้โอกาสคนที่ปรับตัวพัฒนาตน เสมอค่ะ
..............
แก้คำผิด
ความคิดเห็นที่ 7
เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดฮะพี่น้ำ ไม่ว่าจะแสดงความเห็น หรือการตัดสินใจในการงาน
หากเราได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเรา ก็สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ ถึงใครจะไม่รับฟังหรือเข้าใจเราผิด อย่างน้อนเราก็ไม่อายตัวเอง
แต่ในทางกลับกัน เมื่อเราตัดสินกระทำสิ่งใดๆในหลักการของคนอื่น เราจะอธิบายอะไรให้ใครฟังได้
มีคนเห็นด้วย ก็ย่อมมีคนเห็นต่างเสมอ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เราต้องเปลี่ยนไปเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเรา
มีหลักการ มีเหตุผลบนความถูกต้อง สามารถอธิบายได้ทุกเมื่อ นั่นคือความเข้มแข็ง
ไม่เป็นตัวของตัวเอง นั่นคืออ่อนแอลง
เลิฟๆฮะ..
หากเราได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเรา ก็สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ ถึงใครจะไม่รับฟังหรือเข้าใจเราผิด อย่างน้อนเราก็ไม่อายตัวเอง
แต่ในทางกลับกัน เมื่อเราตัดสินกระทำสิ่งใดๆในหลักการของคนอื่น เราจะอธิบายอะไรให้ใครฟังได้
มีคนเห็นด้วย ก็ย่อมมีคนเห็นต่างเสมอ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เราต้องเปลี่ยนไปเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเรา
มีหลักการ มีเหตุผลบนความถูกต้อง สามารถอธิบายได้ทุกเมื่อ นั่นคือความเข้มแข็ง
ไม่เป็นตัวของตัวเอง นั่นคืออ่อนแอลง
เลิฟๆฮะ..
ความคิดเห็นที่ 16
สวัสดีค่ะ คุณ คห 15
น้ำคิดว่า คนที่เข้ามาเล่นในห้องราชดำเนินมากๆ บางคนถึงกับหลงในบรรยากาศ วังวน และมีพฤติกรรมเข้าใกล้นักการเมืองเข้าไปเรื่อยๆ
การแสดงความคิดเห็น เหมือนพฤติกรรมนักการเมืองบางคน ที่มีการใส่ร้ายป้ายสีกัน พูดให้ภาพลักษณ์ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย ดิสเครดิตกัน
การร่วมมือกันเพื่อทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง การส่งต่อข้อมูลเพื่อค่อยๆ ทำลายกันทางความคิด พฤติกรรมเหล่านี้เกาะกินราชดำเนินไปเรื่อยๆ
ลองดูสิคะ มันเป็นแบบนั้น มีบ้างหรือเปล่า
บางทีการกระทำใด ที่กระทำอยู่ฝ่ายเดียวซ้ำๆ บ่อยๆ มันก็เป็นความเคยชินอย่างหนึ่ง เห็นทุกวันจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่พอมีการกระทำในทำนองเดียวกันเลย แต่เกิดกับอีกฝ่ายหนึ่ง ผลสะท้อนกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
เริ่มมีการพูดถึงมารยาทมากขึ้น เริ่มมีการพูดถึงการไว้เนื้อเชื่อใจ เริ่มมีการพูดถึงว่าเป็นคู่กรณีตรงหรือไม่ เริ่มมีการพูดถึงความไม่เหมาะไม่ควรต่างๆ มากมาย ซึ่งก่อนหน้านั้น ไม่การพูดถึง ไม่มีการท้วงติง ออกมาจากผู้พูดคนเดียวกันนั้น
เพราะใจคนไม่นิ่ง ไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของความเป็นกลาง เรามีความลำเอียงอยู่ในตัวเองทุกคน เชื่อสิ
น้ำก็ลำเอียงค่ะ มากด้วย
น้ำคิดว่า คนที่เข้ามาเล่นในห้องราชดำเนินมากๆ บางคนถึงกับหลงในบรรยากาศ วังวน และมีพฤติกรรมเข้าใกล้นักการเมืองเข้าไปเรื่อยๆ
การแสดงความคิดเห็น เหมือนพฤติกรรมนักการเมืองบางคน ที่มีการใส่ร้ายป้ายสีกัน พูดให้ภาพลักษณ์ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย ดิสเครดิตกัน
การร่วมมือกันเพื่อทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง การส่งต่อข้อมูลเพื่อค่อยๆ ทำลายกันทางความคิด พฤติกรรมเหล่านี้เกาะกินราชดำเนินไปเรื่อยๆ
ลองดูสิคะ มันเป็นแบบนั้น มีบ้างหรือเปล่า
บางทีการกระทำใด ที่กระทำอยู่ฝ่ายเดียวซ้ำๆ บ่อยๆ มันก็เป็นความเคยชินอย่างหนึ่ง เห็นทุกวันจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่พอมีการกระทำในทำนองเดียวกันเลย แต่เกิดกับอีกฝ่ายหนึ่ง ผลสะท้อนกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
เริ่มมีการพูดถึงมารยาทมากขึ้น เริ่มมีการพูดถึงการไว้เนื้อเชื่อใจ เริ่มมีการพูดถึงว่าเป็นคู่กรณีตรงหรือไม่ เริ่มมีการพูดถึงความไม่เหมาะไม่ควรต่างๆ มากมาย ซึ่งก่อนหน้านั้น ไม่การพูดถึง ไม่มีการท้วงติง ออกมาจากผู้พูดคนเดียวกันนั้น
เพราะใจคนไม่นิ่ง ไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของความเป็นกลาง เรามีความลำเอียงอยู่ในตัวเองทุกคน เชื่อสิ
น้ำก็ลำเอียงค่ะ มากด้วย
ความคิดเห็นที่ 17
แต่หัวอกคนที่ต้องมารองรับการเกรี้ยวกราดและหยาบคายเล่า? (หรือจะรวมนิสัยการข่มขู่เพิ่มเข้าไปอีกก็ได้นะครับ) ซ้ำในบางกรณีมีการบอกว่าสมควรแล้วที่ต้องโดนอย่างนั้น และจะไม่มีวันขอโทษ!! คุณน้ำมีมุมมองตรงนี้ว่าอย่างไรครับ?
................................................................................................................
คุณวัชรานนท์ คห 9
ยินดีมากค่ะ ที่กลับมาสนทนาเพิ่มเติม
การเกรี้ยวกราดและหยาบคาย
ใครเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่มีใครรับได้หรอกค่ะ ไม่มีใครชอบหรือสนับสนุนให้ใครทำอะไรแบบนี้
แล้วถ้าไม่ชอบ จะต้องทำไงล่ะ? ก็คงต้องแยกการตอบสนองต่อพฤติกรรมนี้ ออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ตัวผู้ถูกกระทำ
1.1 เรียกร้องให้มีการรับผิดชอบต่อการเกรี้ยวกราดหยาบคาย เช่นการขอโทษต่อการกระทำนั้น ถ้าเรียกร้องเองไม่ได้ผล หาคนสนับสนุนมาร่วมเรียกร้อง ถ้ายังไม่ได้ผลและคิดว่ารุนแรงมากยอมความไม่ได้ ก็ไปฟ้องดำเนินคดีเรียกความยุติธรรมให้กับตนเองตามขั้นตอนของกฏหมาย ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของกระบวนการเรียกร้องความยุติธรรม
1.2 เจอหน้ากันเมื่อไร เอาคืนเมื่อนั้น จนกว่าจะได้รับการชดเชยต่อการกระทำครั้งที่ผ่านมา
1.3 ปล่อยมันผ่านไปเลย แล้วหลีกเลี่ยงการปะทะในโอกาสต่อไป ให้อภัยในสิ่งที่ได้รับมา
ส่วนที่ 2 ไม่ใช่ตัวผู้ถูกกระทำโดยตรง อย่างเช่น น้ำหรือบุคคลอื่นๆ เป็นต้น
1.1 แนะนำต่อตัวผู้ถูกกระทำ ตามข้อ 1 ด้านบนนั้น
1.2 แนะนำต่อตัวผู้กระทำ ในสิ่งที่ไม่ควรทำ ตำหนิในสิ่งที่ทำไม่ถูก ส่วนจะได้รับการปฏิบัติตามหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของผู้นั้น
1.3 ช่วยกันไม่ได้เกิดการปะทะหรือจะมีกรณีอื่นใดในโอกาสต่อไป ด้วยการขอร้องหรืออะไร ตามที่เพื่อนๆ ของเขาได้กระทำกันอยู่นี้
ส่วน ถ้าใครคาดหวังว่า จะมีคนอื่นๆ ออกมาร่วมประณามการกระทำนั้นด้วยหรือไม่
ประเด็นนี้ น้ำว่า แต่ละคนก็มองในมุมที่ต่างกัน ทำในมุมที่ต่างกัน
ถ้าคุณวัชรานนท์ อยากจะถามตรงๆ ว่าทำไมน้ำไม่ออกมาประณามการกระทำนั้น ซึ่งบางคน คงตั้งคำถามนี้อยู่ในใจ แต่ไม่ถามออกมา
ตอบว่า น้ำไม่ชอบการแสดงออกที่หยาบคาบหรือข่มขู่ ไม่สนับสนุนเลย เคยแสดงความเห็นเรื่องนี้ไว้นานแล้วและบ่อยมาก ตั้งแต่ใช้ล็อกอินน้ำมิตร พูดบ่อยจนเบื่อจะพูดแล้ว เพราะว่า มันทำอะไรไม่ได้ ไม่เคยเตือนใครได้สักที ไม่เคยห้ามใครได้สักที จนที่สุดก็เลิกพูดเรื่องนี้ไปแล้ว อย่างดีถ้าเถียงกับใครก็ว่าล็อกอินนั้นไปตรงๆ ตอนเถียงกัน แค่นั้น จบละ ส่วนใครจะทำต่อก็ต้องรับผิดชอบพฤติกรรมกันเอาเองแล้วละ โตๆ กันแล้วไม่ใช่เด็กๆ
ยืนยันตรงนี้ ว่า การหยาบคาย ข่มขู่ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำต่อผู้อื่น
ก็ไม่คิดว่าจะมีวิธีอื่นใด ที่ใครจะทำอะไรได้มากกว่านี้แล้วนะคะ
.......................................................................................
ผมเองก็เห็นการ "เปลี่ยนแปลง" อย่างที่คุณน้ำเห็นนะครับ...ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็น แต่ผมตั้งข้อสังเกตุว่าการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขารู้หรือรู้ในภายหลังว่าเขากำลังปะทะกับคนที่เหนือกว่าหรือสูสีกับเขา แต่ถ้าเกิดเขาปะทะกับคนที่อ่อนกว่าแล้วผมก็จะเป็นเห็นการเกรี้ยวกราด หยาบคาย และข่มขู่บนบอร์ดครับ
.......................................................................................
คนเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้หลายสาเหตุ นะคะ
1. เปลี่ยนแปลง เพราะกลัว
การเปลี่ยนแปลงเพราะกลัวนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว เมื่อเลิกกลัวเมื่อไรก็ทำอีก เมื่อแน่ใจว่าจะได้รับการคุ้มครองก็จะกระทำอีก
2. เปลี่ยนแปลง เพราะสังคมลงโทษ
การเปลี่ยนแปลงนี้ ดีกว่าข้อ 1 ขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะยังให้ความสำคัญกับการตอบสนองของสังคม พฤติกรรมจะมีการระมัดระวังมากขึ้น
3. เปลี่ยนแปลง เพราะได้รับประโยชน์อื่นตอบแทน
การเปลี่ยนแปลงนี้ ก็เฉพาะเมื่อได้รับประโยชน์นั้นอยู่ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
4. เปลี่ยนแปลง เพราะเกรงใจเพื่อนๆ ที่หวังดี
ตรงนี้เป็นการพยายามปรับตัวเพื่อคนรอบข้าง จะพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ ดังนั้นการมีเพื่อนดีๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ
5. เปลี่ยนแปลง เพราะต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เกิดจากความตั้งใจของเจ้าตัวเอง อาจจะเพราะเบื่อหน่าย รำคาญ หรือเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์กับการกระทำเดิมๆ
เป็นมุมมอง ความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ถูกใจใครทั้งหมดแน่นอน
น้ำไม่มีธงในใจ และลำเอียงค่ะ
................................................................................................................
คุณวัชรานนท์ คห 9
ยินดีมากค่ะ ที่กลับมาสนทนาเพิ่มเติม
การเกรี้ยวกราดและหยาบคาย
ใครเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่มีใครรับได้หรอกค่ะ ไม่มีใครชอบหรือสนับสนุนให้ใครทำอะไรแบบนี้
แล้วถ้าไม่ชอบ จะต้องทำไงล่ะ? ก็คงต้องแยกการตอบสนองต่อพฤติกรรมนี้ ออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ตัวผู้ถูกกระทำ
1.1 เรียกร้องให้มีการรับผิดชอบต่อการเกรี้ยวกราดหยาบคาย เช่นการขอโทษต่อการกระทำนั้น ถ้าเรียกร้องเองไม่ได้ผล หาคนสนับสนุนมาร่วมเรียกร้อง ถ้ายังไม่ได้ผลและคิดว่ารุนแรงมากยอมความไม่ได้ ก็ไปฟ้องดำเนินคดีเรียกความยุติธรรมให้กับตนเองตามขั้นตอนของกฏหมาย ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของกระบวนการเรียกร้องความยุติธรรม
1.2 เจอหน้ากันเมื่อไร เอาคืนเมื่อนั้น จนกว่าจะได้รับการชดเชยต่อการกระทำครั้งที่ผ่านมา
1.3 ปล่อยมันผ่านไปเลย แล้วหลีกเลี่ยงการปะทะในโอกาสต่อไป ให้อภัยในสิ่งที่ได้รับมา
ส่วนที่ 2 ไม่ใช่ตัวผู้ถูกกระทำโดยตรง อย่างเช่น น้ำหรือบุคคลอื่นๆ เป็นต้น
1.1 แนะนำต่อตัวผู้ถูกกระทำ ตามข้อ 1 ด้านบนนั้น
1.2 แนะนำต่อตัวผู้กระทำ ในสิ่งที่ไม่ควรทำ ตำหนิในสิ่งที่ทำไม่ถูก ส่วนจะได้รับการปฏิบัติตามหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของผู้นั้น
1.3 ช่วยกันไม่ได้เกิดการปะทะหรือจะมีกรณีอื่นใดในโอกาสต่อไป ด้วยการขอร้องหรืออะไร ตามที่เพื่อนๆ ของเขาได้กระทำกันอยู่นี้
ส่วน ถ้าใครคาดหวังว่า จะมีคนอื่นๆ ออกมาร่วมประณามการกระทำนั้นด้วยหรือไม่
ประเด็นนี้ น้ำว่า แต่ละคนก็มองในมุมที่ต่างกัน ทำในมุมที่ต่างกัน
ถ้าคุณวัชรานนท์ อยากจะถามตรงๆ ว่าทำไมน้ำไม่ออกมาประณามการกระทำนั้น ซึ่งบางคน คงตั้งคำถามนี้อยู่ในใจ แต่ไม่ถามออกมา
ตอบว่า น้ำไม่ชอบการแสดงออกที่หยาบคาบหรือข่มขู่ ไม่สนับสนุนเลย เคยแสดงความเห็นเรื่องนี้ไว้นานแล้วและบ่อยมาก ตั้งแต่ใช้ล็อกอินน้ำมิตร พูดบ่อยจนเบื่อจะพูดแล้ว เพราะว่า มันทำอะไรไม่ได้ ไม่เคยเตือนใครได้สักที ไม่เคยห้ามใครได้สักที จนที่สุดก็เลิกพูดเรื่องนี้ไปแล้ว อย่างดีถ้าเถียงกับใครก็ว่าล็อกอินนั้นไปตรงๆ ตอนเถียงกัน แค่นั้น จบละ ส่วนใครจะทำต่อก็ต้องรับผิดชอบพฤติกรรมกันเอาเองแล้วละ โตๆ กันแล้วไม่ใช่เด็กๆ
ยืนยันตรงนี้ ว่า การหยาบคาย ข่มขู่ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำต่อผู้อื่น
ก็ไม่คิดว่าจะมีวิธีอื่นใด ที่ใครจะทำอะไรได้มากกว่านี้แล้วนะคะ
.......................................................................................
ผมเองก็เห็นการ "เปลี่ยนแปลง" อย่างที่คุณน้ำเห็นนะครับ...ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็น แต่ผมตั้งข้อสังเกตุว่าการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขารู้หรือรู้ในภายหลังว่าเขากำลังปะทะกับคนที่เหนือกว่าหรือสูสีกับเขา แต่ถ้าเกิดเขาปะทะกับคนที่อ่อนกว่าแล้วผมก็จะเป็นเห็นการเกรี้ยวกราด หยาบคาย และข่มขู่บนบอร์ดครับ
.......................................................................................
คนเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้หลายสาเหตุ นะคะ
1. เปลี่ยนแปลง เพราะกลัว
การเปลี่ยนแปลงเพราะกลัวนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว เมื่อเลิกกลัวเมื่อไรก็ทำอีก เมื่อแน่ใจว่าจะได้รับการคุ้มครองก็จะกระทำอีก
2. เปลี่ยนแปลง เพราะสังคมลงโทษ
การเปลี่ยนแปลงนี้ ดีกว่าข้อ 1 ขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะยังให้ความสำคัญกับการตอบสนองของสังคม พฤติกรรมจะมีการระมัดระวังมากขึ้น
3. เปลี่ยนแปลง เพราะได้รับประโยชน์อื่นตอบแทน
การเปลี่ยนแปลงนี้ ก็เฉพาะเมื่อได้รับประโยชน์นั้นอยู่ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
4. เปลี่ยนแปลง เพราะเกรงใจเพื่อนๆ ที่หวังดี
ตรงนี้เป็นการพยายามปรับตัวเพื่อคนรอบข้าง จะพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ ดังนั้นการมีเพื่อนดีๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ
5. เปลี่ยนแปลง เพราะต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เกิดจากความตั้งใจของเจ้าตัวเอง อาจจะเพราะเบื่อหน่าย รำคาญ หรือเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์กับการกระทำเดิมๆ
เป็นมุมมอง ความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ถูกใจใครทั้งหมดแน่นอน
น้ำไม่มีธงในใจ และลำเอียงค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ยังเข้มแข็ง หรือ อ่อนแอลง? (น้ำมิตร)
เหตุผลมีร้อย 108, 1009
ถ้าลองบวกอายุคนที่เข้ามาอ่านกระทู้ดู รวมกันแล้วน่าจะเกิน 1000 ปี (สมาชิกท่านหนึ่งกล่าวไว้)
ลองดูสังคมในราชดำเนินช่วง 5 ปีย้อนหลังกลับไป (น่าจะพอ)
มีสมาชิกส่วนหนึ่ง ที่ให้น้ำหนักในเรื่องการดิสเครดิตอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้ขาดความน่าเชื่อถือในการแสดงความคิดเห็น
มีการไปเน้นโฟกัสที่ตัวบุคคล, เน้นที่พฤติกรรมด้านลบ มากกว่าการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือสถานการณ์บ้านเมือง มีการขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวออกมาตีแผ่มากขึ้น อะไรก็ตามที่สามารถจะไปขุดหามาได้ ก็จะนำมาใช้โจมตีกัน นำเรื่องขัดแย้งส่วนตัวเข้ามาโจมตีกันในห้องราชดำเนินเพื่อหาแนวร่วม หรือ เพื่อโจมตีกันนั่นเอง
บางท่านก็กระทำอย่างเปิดเผย เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน เล่นจริงเจ็บจริงไม่ใช้แสตนอิน
บางท่านก็แปลงร่างเพื่อเซฟตัวเอง บางท่านก็บอกไม่เกี่ยวข้องแต่ก็แปลงร่างไปร่วมวงด้วย
มีการคลอบงำกันทางความคิด ชักจูง ชี้นำ ทำซ้ำๆ สร้างอุปทานหมู่ไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากจะมองวิเคราะห์กันไปจริงๆ แยกแยะความเกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่อง ก็มีสมาชิกเพียงบางส่วนเท่านั้นและเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกทั้งหมดของห้องราชดำเนิน ที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้
แต่มันส่งผลกระทบไปถึงภาพรวมของห้องราชดำเนิน ทำให้ภาพลักษณ์ของห้องราชดำเนินดูดรอปลงไป มันเป็นไปได้อย่างไร?
จขกท คิดว่า ส่วนสำคัญเลย เกิดจากภาวะอารมณ์ของสมาชิกที่ไม่หนักแน่น จิตใจอ่อนแอลง พ่ายแพ้ต่ออารมณ์ความคิดด้านลบของตนเอง ไขว่คว้าหาสิ่งชดเชยภาวะอารมณ์ที่เสียหายไปจากสถานการณ์บ้านเมืองที่มันพลิกผันจนเสียศูนย์
ทุกวันนี้ เราให้ความสำคัญกับอะไร
• ให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ถูกผิด แล้วเราใช้อะไรเป็นเกณฑ์วัดความถูกต้อง ความถูกผิด? เกณฑ์ของใครถูก เกณฑ์ของใครผิด เกณฑ์ของใครไม่เหมาะ
• ให้ความสำคัญกับความเป็นพวกพ้อง ความสนิทสนม
• ให้ความสำคัญกับการถูกยอมรับในสังคมราชดำเนิน ในชื่อเสียงคำเยินยอ หัวโขน หรือเปล่า
• ให้ความสำคัญกับการไม่ถูกตำหนิติเตียนจากสังคม กลัวที่จะทำสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ แม้จะเห็นต่างออกไป
• ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ฉาบฉวย มิตรภาพ ซึ่งบางครั้งจับต้องได้ บางครั้งจับต้องไม่ได้
• ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คิดว่ามันสำคัญ ที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ความชอบ
แต่ไม่ว่า จะให้ความสำคัญกับอะไรก็ตาม
อย่าให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นๆ จนละเลยความเป็นตัวตนของตนเองและอย่าละทิ้งสังคมส่วนรวม ก็น่าจะเพียงพอ