คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 21
สวัสดีครับทุกๆท่าน ... วันนี้คุณ ชุนเทียน เอาของชอบผมมายั่วน้ำลายซะงั้น จริงๆผมมีแผนจะไป 3 ประเทศคือ บราซิล ชิลี และเอธิโอเปีย
เอธิโอเปีย เป็นหนึ่งในชาติที่มีประวัติศาสตร์อันต่อเนื่องยาวนานที่สุดบนแอฟริกา ในยุคล่าอาณานิคม เอธิโอเปียเป็นประเทศเดียวในแอฟริกาที่ยังคงเอกราช แต่โดนกองทัพอิตาลีในสมัยของเบนิโต มุสโสลินี เข้ายึดครองเมื่อ ค.ศ. 1936 ... แต่อีก 6 ปีต่อมา อังกฤษและชาวเอธิโอเปียได้ร่วมกันต่อสู้และขับไล่กองทัพอิตาลี และที่สุดก็ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1944
เอธิโอเปียน ที่หลายคนอาจสงสัยว่าจะมีความปลอดภัยหรือหรือเปล่า มีอะไรให้น่าสนใจบ้าง เพราะได้ยินแค่ชื่อก็อาจจะคิดย้อนไปในอดีตที่เราได้เห็นแต่ความแห้งแล้งทำเลทราย ผู้คนอดอยากและล้มตายจากสงครามกลางเมือง แต่หลังจากบ้านเมืองสงบ แคว้น Eritrea ที่ติดทะเลแดงนั้นแยกตัวออกจาก เอธิโอเปีย ทำให้ไม่มีทางออกทะเล ... เมืองหลวง ชื่อ อะดิส อะบาบา อยู่บนที่ราบสูงกว่าสี่พันฟุตจากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี ด้วยเป็นแหล่งอารยะธรรมเก่าแก่ มีภูมิเทศและสภาพอากาศที่หลากหลาย ทำให้มีดบราณสถานรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและสุดสะพรึงในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ เอธิโอเปีย ยังเป็นแหล่งผลิตกาแฟอะราบริก้าคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย

ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนว adventure ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย มีบริษัททัวร์พาผจญภัยแบบนอนกลางดินกินกลางทะเลทรายแบบลุยๆ แต่ราคามหาโหดน่าดู เพราะต้องใช้เวลาหลายวันๆและเตรียมความพร้อมหลายด้านที่จะนั่งรถจิ๊ปโฟร์วีลฝ่าฟันสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเพื่อเข้าไปชมใกล้


เมืองโบราณ Gondar ที่ห่างจากเมืองหลวง 500 กิโลเมตร ภูมิประเทศเขียวขจีมีความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์กว่าเขตที่ราบสูงและที่ราบภูเขาไฟ

กาแฟคุณภาพของประเทศ

สายการบิน เอธิโอเปียน แอร์ไลน์ส นับเป็นสายการบินหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เป็นสายการบินชั้นนำของทวีปแอฟริกาที่ใช้เมืองหลวงอย่าง อะดิส อะบาบา เป็นฮับเชื่อมต่อระหว่าง แอฟริกา กับทุกทวีป โดยเฉพาะทวีปเอเชีย โดยมีคู่แข่งที่สำคัญคือ เคนย่า แอร์เวย์ส
สุดท้าย(เกือบลืม) ขอมอบอีกเพลงโปรดของผมจากศิลปิน(เรียกได้เต็มปาก เพราะแต่งเอง อะแรนจ์เอง ร้องเอง) น้อง Adele ของผม
เอธิโอเปีย เป็นหนึ่งในชาติที่มีประวัติศาสตร์อันต่อเนื่องยาวนานที่สุดบนแอฟริกา ในยุคล่าอาณานิคม เอธิโอเปียเป็นประเทศเดียวในแอฟริกาที่ยังคงเอกราช แต่โดนกองทัพอิตาลีในสมัยของเบนิโต มุสโสลินี เข้ายึดครองเมื่อ ค.ศ. 1936 ... แต่อีก 6 ปีต่อมา อังกฤษและชาวเอธิโอเปียได้ร่วมกันต่อสู้และขับไล่กองทัพอิตาลี และที่สุดก็ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1944
เอธิโอเปียน ที่หลายคนอาจสงสัยว่าจะมีความปลอดภัยหรือหรือเปล่า มีอะไรให้น่าสนใจบ้าง เพราะได้ยินแค่ชื่อก็อาจจะคิดย้อนไปในอดีตที่เราได้เห็นแต่ความแห้งแล้งทำเลทราย ผู้คนอดอยากและล้มตายจากสงครามกลางเมือง แต่หลังจากบ้านเมืองสงบ แคว้น Eritrea ที่ติดทะเลแดงนั้นแยกตัวออกจาก เอธิโอเปีย ทำให้ไม่มีทางออกทะเล ... เมืองหลวง ชื่อ อะดิส อะบาบา อยู่บนที่ราบสูงกว่าสี่พันฟุตจากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี ด้วยเป็นแหล่งอารยะธรรมเก่าแก่ มีภูมิเทศและสภาพอากาศที่หลากหลาย ทำให้มีดบราณสถานรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและสุดสะพรึงในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ เอธิโอเปีย ยังเป็นแหล่งผลิตกาแฟอะราบริก้าคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย

ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนว adventure ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย มีบริษัททัวร์พาผจญภัยแบบนอนกลางดินกินกลางทะเลทรายแบบลุยๆ แต่ราคามหาโหดน่าดู เพราะต้องใช้เวลาหลายวันๆและเตรียมความพร้อมหลายด้านที่จะนั่งรถจิ๊ปโฟร์วีลฝ่าฟันสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเพื่อเข้าไปชมใกล้


เมืองโบราณ Gondar ที่ห่างจากเมืองหลวง 500 กิโลเมตร ภูมิประเทศเขียวขจีมีความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์กว่าเขตที่ราบสูงและที่ราบภูเขาไฟ

กาแฟคุณภาพของประเทศ

สายการบิน เอธิโอเปียน แอร์ไลน์ส นับเป็นสายการบินหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เป็นสายการบินชั้นนำของทวีปแอฟริกาที่ใช้เมืองหลวงอย่าง อะดิส อะบาบา เป็นฮับเชื่อมต่อระหว่าง แอฟริกา กับทุกทวีป โดยเฉพาะทวีปเอเชีย โดยมีคู่แข่งที่สำคัญคือ เคนย่า แอร์เวย์ส

สุดท้าย(เกือบลืม) ขอมอบอีกเพลงโปรดของผมจากศิลปิน(เรียกได้เต็มปาก เพราะแต่งเอง อะแรนจ์เอง ร้องเอง) น้อง Adele ของผม
"Set Fire To The Rain"
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 3/12/2017 (อุรุกวัย...สวิสแห่งละตินอเมริกา)
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เมื่อวานคุณคนไทยใจกว้างแวะมาเยี่ยมห้องเพลงและว่ามีโครงการแบ็คแพ็คตะลุยบราซิลปีหน้า
ก็อวยพรให้เดินทางปลอดภัย เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ มีอะไรสนุกก็มาเล่าสู่กันฟังนะคะ
เลยเกิดแรงบันดาลใจ รากหญ้าทัวร์จะพาเที่ยวรอบโลก วันนี้ไปเที่ยวละตินอเมริกาค่ะ
ไปรู้จัก "อุรุกวัย" กัน
อุรุกวัย
ประเทศเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ พอเรากางแผนที่ดูก็จะรู้ตำแหน่ง อยู่ตรงนี้นั่นเอง
ถึง 'อุรุกวัย' เป็นประเทศขนาดเล็กที่ดูจะไม่มีพลังอำนาจเหมือนอย่างบราซิล และอาร์เจนติน่า
แต่หากจัดอันดับประเทศที่มีเสถียรภาพดีที่สุดในละแวกนี้ อุรุกวัยนำมาเป็นอันดับที่หนึ่ง
อุรุกวัยมีประชากรแค่ 3.4 ล้านคนกว่าๆ เพิ่งก่อตั้งประเทศมาร้อยกว่าปี หลังประกาศเอกราชจากบราซิลในปี 1825
ประชากรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 เป็นผู้อพยพจากสเปนและอิตาลีในอดีต
อุรุกวัยมีแนวทางพัฒนาประเทศผ่านการดำรงตนอย่าเงียบๆ
ใช้จ่ายงบประมาณไปกับการวางรากฐานทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ปรากฎงบประมาณด้านการทหารที่ต่ำเพียง 500,000 ดอลล่าร์ บำรุงกำลังทหาร 25,000 นาย
ซึ่งภารกิจส่วนใหญ่เน้นหนักไปที่การปฏิบัติการเพื่อมนุษยธรรม และไม่มีการฝึกซ้อมรบขนาดใหญ่
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างบราซิล
ซึ่งมีกำลังทหาร 2 ล้านคน ใช้งบประมาณ 32,000 ล้านดอลล่าร์ต่อปี นับว่าห่างลิบลับ
นอกจากนี้ อุรุกวัยยังมีฉายาที่ผุ้คนยอมรับกันมาขึ้นว่า 'สวิสเซอร์แลนด์แห่งอเมริกาใต้'
เนื่องด้วยความสำเร็จในการทำให้อัตราคนว่างงานต่ำ แต่สามารถจ่ายภาษีสูง
จนสามารถจัดตั้งสวัสดิการจากภาครัฐหลายประการไปช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนได้
ปุนตาเคลเอสเต (Punta del Este) มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมานอนอาบแดดและเที่ยวแสงสียามค่ำคืน
อีกทั้งในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ช่วงใกล้ๆ ปี 2010
อุรุกวัย เป็นประเทศเดียวในอเมริกาใต้ ที่สามารถหลีกเลียงผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวได้อย่างเต็มตัว
ระบบการจัดการธุรกิจของอุรุกวัยก็มีส่วนพัฒนาเศรษฐกิจให้เข้มแข็งเช่นกัน
โดยระเบียบขั้นตอนการจัดตั้งธุรกิจของชาวอุรุกวัยนั้น ได้ชื่อว่ามีความรวดเร็วมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โดยใช้เวลาทุกขั้นตอนรวมเพียง 7 วันเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ อุรุกวัย ดำรงตนในการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ในการแสดงออกและการมีสถานะ
โดยเมื่อปี 2013 ได้มีการผ่านร่างกฎหมายให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้
รวมทั้งเปิดโอกาสให้พลเมืองในการใช้กัญชาโดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
อุรุกวัยถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้ซื้อกัญชาอย่างถูกกฎหมาย แต่รัฐบาลควบคุมเคร่งครัดค่ะ
ซึ่งการที่อุรุกวัยังสามารถยืนหยัดในโลกที่กระแสเอียงขวาได้อย่างมั่นคงนั้น
ต้องยอมรับว่าด้วยขนาดประเทศและประชากรที่เล็กน้อย
รวมทั้งรากฐานด้านการวางที่ยืนของประเทศที่จะอยู่อย่างสงบ ไม่ไปแทรกแซงใดๆ ในเวทีโลก
ตลอดจนวินัยพลเมืองซึ่งตระหนักถึงการทำหน้าที่เสียภาษีเพื่อให้ได้ผลเป็นสวัสดิการกลับคืนมา
มีส่วนช่วยให้อุรุกวัยเป็นประเทศตัวอย่างของความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่ประเทศเล็กๆ อื่นๆ สามารถศึกษาได้อย่างดี
ในขณะที่ประเทศค่อนข้างมั่นคงถ้าเทียบกับเพื่อนบ้าน แต่อุรุกวัยกลับมีประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก !!!
โฮเซ มูจีกา ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก
ถึงเขาจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา
แต่สำหรับประชาชนแล้ว "โฮเซ่ มูฮีก้า" ประธานาธิบดีคนที่ 40 ของประเทศอุรุกวัย
จะเป็นที่จดจำไปนานแสนนานเลย ในฐานะของ "ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก"
เพราะเขาบริจาคเงินประจำตำแหน่งกว่า 90% จาก คิดเป็นเงินไทยราวๆ 400,000 บาท
เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ประกอบกิจการรายย่อยอีกด้วย
ก่อนจะมาเป็นประธานาธิบดี ท่านเคยเป็นนักรบกลุ่มโจร Tupamaros มาก่อน
โดยพวกเขาจะเป็น "โรบินฮู้ด" ที่ออกปล้นจากองค์กรหรือหน่วยงานที่ไม่ดี เช่น ธนาคารหน้าเลือด
พ่อค้าปืน และธุรกิจเถื่อนต่างๆ นำเงินที่ได้มาบริจาคให้กับผู้ยากไร้
แถมยังเคยโดนจับติดคุมาถึง 2 ครั้ง รวมโทษ 14 ปี แถมยังถูกยิงมาถึง 6 ครั้ง
แต่เขาก็ยังสู้เพื่อพี่น้องกับพวกพ้องจนขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศจนได้
ถ้าว่ากันตามตำแหน่งแล้ว ประธานาธิบดี ก็จะมีบ้านรับรองอยู่แล้ว
แต่ท่านกลับเลือที่จะอาศัยอยู่ในบ้านที่เป้นฟาร์มเล็กๆ ที่อยู่กับภรรยาและสุนัขที่เลี้ยงไว้เท่านั้น
แล้วให้เปลี่ยนบ้านรับรองประธานาธิบดีเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เกียรติอดีตประธานาธิบดีของอุรุกวัยคนก่อนๆแทน
เพราะถือว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ในที่เงียบสงบก็เพียงพอแล้ว
ท่านไม่มีเครื่องบินประจำตำแหน่ง บางครั้งก็อาศัยโบกรถ เอ๊ย โบกเครื่องบินไปกับเพื่อนบ้านค่ะ เช่น
ตอนมีการจัดประชุมผู้นำลาตินอเมริกาและยุโรปเมื่อต้นปี 2013 ที่ชิลี
หลังจากนั้นจะมีประชุมต่อที่ มอเทวีเดโอ ท่านก็ขอโดยสารเพื่อนบ้านประธานาธิบดีเม็กซิโก ขึ้นเครื่องบินไปด้วย
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
https://minimore.com/b/y552t/4
https://pantip.com/topic/31844188
http://www.worldatlas.com/sa/uy/where-is-uruguay.html
http://www.travelmeguide.com/top-5-places-to-visit-in-uruguay/
https://amazingthaisea.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2/
..................................................
ผู้นำจะรวยหรือจนไม่สำคัญ สำคัญที่ต้องพัฒนาประเทศให้เจริญ ลดความเหลื่อมล้ำ
สร้างความมั่นคงให้ประชาชนโดยเท่าเทียมกัน
Uruguay National Anthem (Himno Nacional de Uruguay) : เพลงชาติอุรุกวัย
https://www.youtube.com/watch?v=qSFt6nb79Y0