(WWII) เบื้องหลังการกำหนดกรอบเจรจา การดำเนินการเจรจาของรัฐบาลญี่ปุ่นในการเจรจากับเมกาก่อนญี่ปุ่นโจมตี Pearl Harbour

เกริ่นนำ
เหตุการณ์ในกระทู้นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจาก Fumimaro Konoye ได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับเมกาไม่มีความคืบหน้า แกมองว่าตนเองไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะทำให้การเจรจากับเมกาลุล่วง ด้วยเหตุเพราะอำนาจตัดสินใจในประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่แก แต่อยู่ที่กองทัพบก แกไม่สามารถควบคุมกองทัพได้ ก่อนแกลาออก แกถูกลองสังหาร แต่รอดมาได้

ก่อนลาออกจากตำแหน่งนายกฯ Konoye ได้สนับสนุนให้ Hideki Tojo ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสงครามในเวลานั้น รับตำแหน่งนายกฯต่อจากแก โดยแกกำชับให้ Marquis Koishi Kido ผู้ดำรงตำแหน่ง  Lord Keeper of Privy Seal (เทียบกับตำแหน่งปัจจุบันน่าจะเป็นตำแหน่ง ประธานรัฐสภา (จุดนี้ผมไม่มั่นใจมากนัก)) และเป็นที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ ให้ดำเนินการผลักดัน Tojo เป็นนายกให้ได้ เนื่องจาก Konoye มองว่า Tojo เป็นคนกล้าตัดสินใจ มีความเด็ดขาด และเป็นบุคคลของกองทัพบกที่ไม่ต้องการให้เกิดสงครามกับเมกา รวมถึงน่าจะเป็นคนที่ประสานความร่วมมือระหว่างกองทัพบกกับกองทัพเรือได้ดีที่สุด นอกจากนี้ Tojo ยังเป็นบุคคลที่มีความเข้าใจในเนื้อหาการเจรจาระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับเมกาที่ดำเนินมาแล้วเป็นเวลาหลายเดือนก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี

16 ตุลาคม 1941 วันประชุมเพื่อเลือกสรรและแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่

มีผู้คัดค้าน Tojo ในที่ประชุมเหมือนกัน โดยเฉพาะ พลเรือเอก Okada อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในขณะที่ Okada ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แกถูกลอบสังหารโดยบุคคลในกองทัพบกจากเหตุการณ์ กบฎ 26/2 Okada คัดค้านว่า “คนของกองทัพบกเคยลอบสังหารคนของกองทัพเรือด้วยปืนไรเฟิล ผมคงได้แต่ภาวนาว่า หลังจากคนของกองทัพบกได้เป็นนายกฯ แล้ว พวกเขาคงจะไม่ลอบสังหารเราด้วยปืนใหญ่”

Kido ตอบว่า “ผมก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่จะมีใครควบคุมกองทัพบกได้ดีเท่า Tojo ในเวลานี้ หรือท่านคิดว่า คนของกองทัพเรือจะทำหน้าที่ได้ดีกว่า?”, Kido ถาม Okada

“ในมุมมองของผม”, Okada ตอบ, “ผมเห็นด้วยว่า ไม่มีใครในกองทัพเรือที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯ แต่ผมขอเสนอเพื่อนของผม พลเอก Ugaki เขาเป็นคนที่ไม่ต้องการให้ญี่ปุ่นทำสงครามกับเมกาและไม่ใช่พวก Ultranationalism เขาต้องการลดอำนาจของทหารบกลงด้วยซ้ำ

การคัดค้าน Tojo ดำเนินไปจนถึง 15:30 น. จากนั้น ประธานองคมนตรี Yoshimichi Hara กล่าวการสนับสนุน Tojo โดยให้เหตุผลว่า แกมั่นใจว่า Tojo จะทำตามพระราชประสงค์ของพระองค์ นั่นคือ “สันติภาพ” ขณะที่ Koki Hirota, อดีตนายกฯ, ถามในที่ประชุมว่า “ ถ้า Tojo เป็นนายกฯ แล้ว Tojo จะสามารถควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสงครามได้หรือไม่?”
“ได้” Kido ตอบ
“งั้นดีเลย” Hirota กล่าว “Tojo จะได้ควบคุมพวกหัวรุนแรงในกองทัพบกด้วย”

ท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง Hideki Tojo เป็นนายกรัฐมนตรี

หลังจากนั้นไม่นาน Tojo รับทราบมติที่ประชุม แต่แกยังกังวลว่า พระมหากษัตริย์อาจไม่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแก เนื่องจาก พระองค์อาจยังทรงไม่พอพระราชหฤทัยที่แกมีส่วนทำให้ Konoye ต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ต่อมาราว 16:00 น. วันเดียวกัน เลขาธิการสำนักพระราชวังโทรบอก Tojo ให้รีบไปรายงานตัวที่พระราชวัง

Tojo รีบบึ่งไปพระราชวัง เพื่อเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระบรมราโชวาทว่า “เราขอสั่งให้เธอรีบจัดตั้งรัฐบาลใหม่และทบทวนบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เราเชื่อว่า เวลานี้ประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จงจำไว้ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป กองทัพบกกับกองทัพเรือต้องประสานงานกันให้ใกล้ชิดกว่าเดิม เราจะเรียกเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือมากำชับเรื่องนี้ด้วย”

Tojo ขอพระราชทานเวลาเพื่อทบทวนความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ และไปนั่งรอในห้องรับรองหลังจากนั้น ต่อมาพลเรือเอก Oikawa, Navy Minister, หลังจากแกได้เข้ารับพระบรมราโชวาทจากพระมหากษัตริย์ลักษณะเดียวกับ Tojo แล้ว ได้เข้ามาพบ Tojo ในห้องรับรอง พร้อมกับ Kido
“ผมขอเดาว่าพระองค์คงทรงมีพระราชดำรัสให้กองทัพเรือกับกองทัพบกประสานงานกันให้ใกล้ชิดมากขึ้น” Kido กล่าว “และผมขอให้พวกคุณศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยไม่ต้องสนใจมติที่ประชุม, Imperial Conference, ในวันที่ 6 กันยายน 1941” — มติที่ประชุมในครั้งนั้น คือ ให้กองทัพเตรียมพร้อมทำสงครามกับเมกาควบคู่ไปกับการเจรจา ถ้าการเจรจาล้มเหลว ญี่ปุ่นจะทำสงคราม แต่เมื่อ Kido บอกเช่นนั้น หมายความว่า ณ เวลานี้ รัฐบาลและกองทัพญี่ปุ่นต้องไม่โฟกัสที่การเตรียมเข้าสู่สงคราม แต่ต้องโฟกัสที่สันติภาพ

Tojo ตอบ Kido ว่า “ผมเข้าใจความรับผิดชอบของตัวเองที่มีต่อประเทศและที่มีต่อพระราชกระแสรับสั่งของพระองค์”

ณ ศาลเจ้า Yasukuni ที่ซึ่งวิญญาณของวีรบุรุษผู้สละชีวิตในสงครามสถิตอยู่ Tojo โค้งคำนับพร้อมตั้งจิตอธิษฐาน Tojo ตระหนักดีว่านี่คือบทบาทที่สำคัญยิ่ง เขาต้องคิดใหม่ และคิดในฐานะประชาชนทั่วไป ไม่ใช่ในฐานะทหาร ก่อนอื่น เขาต้องจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง ไม่ใช่รัฐบาลที่เต็มไปด้วยตัวแทนจากทหาร รัฐมนตรีของเขาต้องมีความรู้และประสบการณ์ที่เหมาะสม ยึดมั่นในพระราชประสงค์ของพระองค์

Tojo กลับไปที่กระทรวงการสงคราม พบว่า มีผู้คนมากมายรอเขาอยู่ ผู้คนเหล่านั้นหวังจะฝากฝังคนของตนให้เข้าไปมีบทบาทในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ Tojo แหวกฝูงชนเข้าไปในห้องทำงานของตนแล้วเรียก Naoki Hoshino คนใกล้ชิดของเขามาพบ พร้อมแต่งตั้งเขาให้เป็นเลขานุการของตนเอง

Tojo ปรึกษากับ Hoshino ในการเลือกคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ “กองทัพต้องไม่มีบทบาทในรัฐบาลของผม” Tojo กล่าว แต่แกยังเสนอ Hidehiko Ishiguro ทหารคนโปรดของแก เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่ถูก Hoshino คัดค้าน Hoshino แนะนำว่า ควรให้รัฐมนตรีคนปัจจุบันทำหน้าที่ต่อไป Tojo เชื่อและทำตามคำแนะนำ
Tojo ถาม Hoshino ต่อว่า “ใครที่คุณคิดว่าเหมาะสมกับตำแหน่ง รมว กระทรวงการคลัง Aoki หรือ Kaya?”
ทั้งสองคนถือเป็นคนที่เหมาะสม แต่ตอนนี้ Aoki อยู่ที่ Nanking ส่วน Kaya อยู่ที่ Tokyo ให้ Kaya ดำรงตำแหน่งจะสะดวกกว่า
“ได้” Tojo ตอบ “แล้ว รมว กระทรวงการต่างประเทศล่ะ คุณคิดว่าใครเหมาะสมที่สุด? Togo ดีมั้ย?” Tojo ถาม Hoshino
“ผมรู้จักเขาดี เราเคยร่วมงานกันเมื่อครั้งเจรจาขอซื้อทางรถไฟสายตะวันออกของจีนจากรัสเซีย ผมว่าเขาเหมาะสม”

Hoshino เริ่มโทรศัพท์แจ้งบุคคลต่างๆ ที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วม ครม ของ Tojo เจ็ดคนตอบรับทันที ส่วนอีก 4 คนยังลังเล รวมถึง Kaya และ Togo ที่แจ้งว่า ขอคุยกับ Tojo ให้ชัดเจนก่อน

Kaya ถาม Tojo ว่า “มีข่าวลือหนาหูมากว่า ญี่ปุ่นกำลังจะทำสงครามกับเมกา นอกจากนี้ ผมยังได้ข่าวมาด้วยว่า กองทัพบกก็สนับสนุนให้ทำสงครามเช่นกัน คุณสนับสนุนสงครามด้วยหรือไม่?”
“ผมสนับสนุนสันติภาพ ผมไม่ต้องการให้เกิดสงครามกับเมกา” Tojo ตอบ
“ดีเลย” Kaya กล่าว “แต่กองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่นมีความเป็นอิสระในการตัดสินใจ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล แล้วคุณจะควบคุมพวกเขาได้อย่างไร?” Kaya ถามต่อ
“ผมจะไม่อนุญาติให้กองทัพทำอะไรที่ฝ่าฝืนมติ ครม” Tojo กล่าว

Kaya พึงพอใจกับคำตอบของ Tojo และตอบรับตำแหน่ง รมว กระทรวงการคลัง ภายใต้การสนับสนุนของ Konoye

Togo เดินทางมาคุยกับ Tojo หลังจาก Kaya คุยจบไม่นาน Togo เป็นคนพูดเสียงดัง เป็นทูตผู้มีประสบการณ์สูง และพูดตรงไปตรงมา แกต้องการรู้ความจริงว่าทำไม Konoye ล้มเหลวในการเจรจากับเมกา
“ทำไม Konoye เจรจาล้มเหลว?” Togo ถาม
“Konoye ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจาก กองทัพบกยืนยันที่จะไม่ถอนทหารออกจากจีน ส่งผลให้รัฐบาลเมกาไม่ต้องการเจรจามากนัก” Tojo ตอบตรงๆ
“คุณต้องตัดสินใจแล้ว เพราะผมต้องนำรายชื่อ ครม ทั้งคณะ ขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในเช้าวันพรุ่งนี้” Tojo กล่าว
Togo ตอบตกลง

วันต่อมา หลังจาก ครม เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว Tojo โดยสารรถไฟไปศาลเจ้า Ise ซึ่งเป็นศาลเจ้าอันเป็นที่เคารพนับถือที่สุดของศาสนาชินโต เพื่อไปกราบสักการะเทพีแห่งดวงอาทิตย์ตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่น

ประชาชนจำนวนมากค่อนข้างพอใจกับ ครม ชุดใหม่ แต่ เจ้าชาย Higashikuni ทรงแสดงความกังวล พระองค์ทรงมองว่า Tojo เป็นพวก War-minded และทรงตั้งคำถามว่า “Kido สนับสนุน Tojo ได้อย่างไร?” “พระองค์ทรงแต่งตั้ง Tojo ได้อย่างไร?”

ส่วนความคิดเห็นของชาวเมกาต่อ ครม ชุดใหม่ของญี่ปุ่นค่อนข้างหลากหลาย Otto Tolischus, ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว New York Times ประจำญี่ปุ่น, หลังจากปรึกษากับ Dooman, อุปทูตเมกาประจำญี่ปุ่นแล้ว, เขียนว่า “อาจเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า ครม ชุดใหม่ของญี่ปุ่นจะต้องถูกครอบงำโดยพวก extremist Tojo ไม่ใช่คนหัวรุนแรง บางทีการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อาจส่งผลดีต่อการเจรจาด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเมกาคงรู้แน่ชัดแล้วว่า นับแต่นี้ พวกเขาต้องเจรจากับรัฐบาลที่มีคนของกองทัพบกเป็นผู้นำ”

แต่ Cordell Hull รมว ต่างประเทศเมกา บุคคลสำคัญในการเจรจาระหว่างรัฐบาลเมกากับญี่ปุ่นมองว่า เขาคาดหวังผลลัพธ์ที่จะได้จากการเจรจากับ Konoye ไว้ค่อนข้างน้อย แต่สำหรับ Tojo แล้ว เขาไม่คาดหวังว่าจะมีผลลัพธ์ในทางที่ดีเลย

ในการประชุมคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการเจรจา วันที่ 23 ตุลาคม 1941 Nagano เสนาธิการทหารเรือกล่าวว่า “เราต้องตัดสินใจโดยเร็วว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” “กองทัพเรือต้องใช้น้ำมัน 400 ตันต่อชั่วโมง”

“ผมเห็นด้วยว่าเราต้องรีบตัดสินใจ” จอมพล Sugiyama, เสนาธิการทหารบก, กล่าว
“ผมเข้าใจว่าทำไมกองบัญชาการทหารสูงสุดถึงเร่งรีบ แต่รัฐบาลต้องประเมินความเสี่ยงอย่างระมัดระวังที่สุด เนื่องจาก เราเปลี่ยนคณะทำงานใหม่เกือบทั้งหมด เราต้องการเวลามากกว่านี้ กองบัญชาการทหารสูงสุดมีอะไรจะคัดค้านอีกหรือไม่?”
“ไม่” Sugiyama และ Nagano ตอบ

Tojo สอบผ่านในบททดสอบแรก แกสามารถควบคุมเหล่านายพลได้

หัวข้อการประชุมทั้งหมดในอีกราว 10 วันที่เหลือ เป็นหัวข้อการเจรจากับเมกาและโอกาสที่จะได้รับชัยชนะหากญี่ปุ่นต้องทำสงครามกับเมกา นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมยังเห็นพ้องที่จะ Retain tripartite pact และจะเจรจากับเมกาบนพืนฐาน “หลัก 4 ประการ” ที่ Hull เคยยื่นเพื่อเป็นเงื่อนไขในการเจรจา (หลักการสำคัญในหลัก 4 ประการ คือ ญี่ปุ่นต้องเคารพในอธิปไตยของชาติอื่น และสนับสนุนสันติภาพ) หัวข้อเดียวซึ่งที่ประชุมยังตกลงกันไม่ได้ คือ การถอนทหารญี่ปุ่นออกจากจีน Tojo ยึดมั่นในคำแนะนำของ Konoye ว่า “ให้ญี่ปุ่นถอนทหารออกจากจีนภายใน 25 ปี” แต่ Sugiyama ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แกคัดค้านประเด็น เวลา และจะไม่ยอมทำข้อตกลงที่ส่งผลให้ญี่ปุ่นเสียเปรียบเมกามากเกินไป ข้อเสนอของ Tojo ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก Togo, รมว ต่างประเทศ, Togo กล่าวว่า “ผมว่าญี่ปุ่นควรถอนทหารทั้งหมดจากจีนในทันทีเสียด้วยซ้ำ” หลายคนในที่ประชุมคิดว่า Togo บ้าไปแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่