ผบ.ทบ. สั่งงัดมาตรการ “เปิด-ปิด” ด่านชายแดนจากเบาไปหนัก ตอบโต้ “กัมพูชา”
https://ch3plus.com/news/social/morning/441213
.
.
เมื่อเวลา 11.39 น. วันที่ 7 มิ.ย.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่อง ควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยที่ปรากฏว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
.
โดยพลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และแสดงท่าทีที่พยายามให้เกิดความเข้าใจว่าพื้นที่ตนรุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติ การติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าดินแดนที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์
.
ซึ่งกองทัพบกได้สั่งการให้กําลังพลเข้าระงับเหตุโดยการเจรจาชี้แจงเหตุผลให้ทราบและผลักดันให้ บุคคลดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นจากราชอาณาจักรไทยตามหลักสันติวิธีและด้วยความอดทน อดกลันต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม แต่พลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาก็ยังพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักร และแสดงท่าทียั่วยุโดยไม่หยุดยั้งและอย่างเปิดเผย ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และต่อประชาชนของทั้งสองประเทศที่มี ความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน
.
จนกระทั้งมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกต้องใช้มาตรการเข้มข้น ในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อําเภอนํายืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่ง ดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้ แม้รัฐบาลไทยและกองทัพบกจะได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับยับยังความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยใช้กลไกที่มีตามที่ตกลงกันไว้กับกัมพชา
.
แต่ความพยายามดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา ทั้งยังปรากฏด้วยว่า กัมพูชาได้เสริม กําลังพลและอาวุธยุโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกเป็นจํานวนมาก มีการจัดทําที่มั่นสําหรับวางกําลังทางทหาร อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทยที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดดังกล่าวโดยสันติ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้อง บนสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2519 (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia, 24 February 1976)
.
ความตึงเครียด และการเสริมกําลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะใช้กำลัง เช่นนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อธิปไตย และความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติ สุขของพี่น้องชาวไทยและกัมพูชาที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มาช้านาน
.
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลักการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหาหนทางระงับยับยังความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้อง ประชาชนชาวไทยและกัมพูชาไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น
.
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภาความมั่นคงแห่งชาติ ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 จึงได้มอบหมายให้กองทัพบกดําเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ กับมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามที่กองทัพบกกําหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดังกล่าว
.
กองทัพบกจึงกําหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังต่อไปนี้
.
กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาที่จําเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการทํามาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
.
ทั้งนี้ หากมีความจําเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และการรักษาความปลอดภัยใน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ให้มีอำนาจกําหนดให้เปิดหรือปิดจุดผ่านแดนแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ตามที่เหมาะสมก็ได้
.
.
เริ่มแล้ว!! จันทบุรี ใช้อัยการศึก ระงับนักท่องเที่ยว เข้าจุดผ่านแดนโป่งน้ำร้อน-คลองใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5219179
.
เริ่มแล้ว!! จันทบุรี ใช้อัยการศึก ระงับนักท่องเที่ยว เข้าจุดผ่านแดนโป่งน้ำร้อน-คลองใหญ่
.
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 68 มีรายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ
.
โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์ อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความ ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ยังคงปฏิบัติหน้าที่ ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการตามที่เคยปฏิบัติมา และขอให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี ระงับนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางผ่านออกไปยังประเทศกัมพูชา และระงับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา เดินผ่านเข้ามายังประเทศไทย ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดจันทบุรี เป็นการชั่วคราว (ยกเว้นแรงงานชาวกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยให้การค้าขายระหว่างประเทศเป็นไปตามปกติ) ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป จนกว่า จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
.
.
เอกชน เตือน วิกฤตชายแดน #ไทย-#กัมพูชา กระทบเศรษฐกิจทั้งคู่ แนะรัฐหาทางเจรจาคลี่คลาย
https://www.matichon.co.th/economy/news_5219125
.
เอกชน เตือน วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา กระทบเศรษฐกิจทั้งคู่ แนะรัฐหาทางเจรจาคลี่คลาย
.
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยถึง สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชามีความเชื่อมโยงกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ หรือแรงงาน โดยเฉพาะมิติด้านเศรษฐกิจนั้นมีความเกี่ยวพันกันแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง ดังนั้นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็อาจทำให้ทั้งสองประเทศต้องกลับมาคิดหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับภาคทางเศรษฐกิจ
.
นายธนิต กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานชาวกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนแตะราว 5 แสนกว่าคน หรือคิดเป็นร้อยละ 13.6% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมดในไทย ซึ่งส่วนใหญ่กระจายอยู่ในภาคการผลิต เช่น ก่อสร้าง ประมง และภาคบริการ ซึ่งเป็นงานที่คนไทยไม่นิยมทำ รายได้ของแรงงานเหล่านี้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสามารถส่งกลับไปยังครอบครัวในประเทศกัมพูชา
.
นายธนิต กล่าวว่า ในอีกด้าน คนไทยเองก็เดินทางไปท่องเที่ยวในกัมพูชาจำนวนมาก โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าไปกว่า 1.72 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนราวหนึ่งในสามของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าสู่กัมพูชา และรายได้ที่กัมพูชาได้รับจากนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งแรงงานกัมพูชาในไทยและนักท่องเที่ยวไทยในกัมพูชา ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญที่ทั้งสองประเทศไม่อาจมองข้าม
.
นายธนิต กล่าวว่า นอกจากนี้ กัมพูชายังถือเป็นประเทศที่ใช้เงินบาทเป็นสกุลเงินรองจากดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในเมืองชายแดนอย่างปอยเปตที่มีการหมุนเวียนของเงินบาทจำนวนมาก ทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นในบางพื้นที่ของกัมพูชาพึ่งพาเงินไทยไม่น้อย หากไม่มีคนไทยหรือกิจการไทยเข้าไป ระบบเศรษฐกิจในบางพื้นที่อาจหยุดชะงัก
.
นายธนิต กล่าวว่า นักลงทุนไทยจำนวนมากได้เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ทั้งในด้านอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า การ์เมนต์ โรงงานรองเท้า โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการต่างๆ โดยเฉพาะในเมืองพนมเปญ สีหนุวิลล์ และศรีโสภณ ซึ่งธุรกิจที่เคยอยู่ในไทยจำนวนหนึ่งได้ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านนี้ โดยยังมีคนไทยเป็นเจ้าของ
.
นายธนิต กล่าวว่า ดังนั้น สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตนเชื่อว่า ทั้งสองประเทศต่างก็คงลำบากใจไม่ใช่น้อย และยังคาดเดายากว่าบทสรุปจะออกมาเป็นแบบไหน เพราะ หากความขัดแย้งไปถึงจุดสงคราม สุดท้ายภาคเศรษฐกิจและความมั่นคงก็จะพังทลายทั้งสองฝ่าย ไม่เกิดผลดีต่อทั้งสองประเทศแน่นอน
.
นายธนิต กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลไทย ควรทำตอนนี้ คือ การหาทางออกความขัดแย้งครั้งนี้ให้ชัดเจน เช่นการหาทางเจรจาให้ลงตัวและเป็นรูปธรรม ซึ่งขณะนี้ ประชาชนไทย ต่างก็ยังไม่ไว้วางใจในการแก้ปัญหาของรัฐ และ จับตามองเรื่องของความสนิทสนมของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ตนมองว่า ความสนิทสนมตรงนี้อาจไม่ใช่อุปสรรค แต่อาจเป็นอีกช่องทางที่ ฝ่ายรัฐบาลเองสามารถเจรจากับทางกัมพูชาได้ แม้ในวันนี้ ทั้งสองประเทศต่างมีปัญหาภายในหรือขัดแย้งบางเรื่องแต่ในมิติของเศรษฐกิจและการพัฒนา ทั้งสองประเทศต่างยังต้องพึ่งพาอาศัยกัน
JJNY : ผบ.ทบ.สั่งงัดมาตรการ“เปิด-ปิด”│เริ่มแล้ว!! จันทบุรีใช้อัยการศึก│เอกชนเตือนวิกฤตชายแดน│อินเทอร์เน็ตเกาหลีเหนือล่ม
.
.
.
ซึ่งกองทัพบกได้สั่งการให้กําลังพลเข้าระงับเหตุโดยการเจรจาชี้แจงเหตุผลให้ทราบและผลักดันให้ บุคคลดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นจากราชอาณาจักรไทยตามหลักสันติวิธีและด้วยความอดทน อดกลันต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม แต่พลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาก็ยังพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักร และแสดงท่าทียั่วยุโดยไม่หยุดยั้งและอย่างเปิดเผย ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และต่อประชาชนของทั้งสองประเทศที่มี ความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน
.
จนกระทั้งมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกต้องใช้มาตรการเข้มข้น ในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อําเภอนํายืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่ง ดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้ แม้รัฐบาลไทยและกองทัพบกจะได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับยับยังความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยใช้กลไกที่มีตามที่ตกลงกันไว้กับกัมพชา
.
แต่ความพยายามดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา ทั้งยังปรากฏด้วยว่า กัมพูชาได้เสริม กําลังพลและอาวุธยุโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกเป็นจํานวนมาก มีการจัดทําที่มั่นสําหรับวางกําลังทางทหาร อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทยที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดดังกล่าวโดยสันติ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้อง บนสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2519 (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia, 24 February 1976)
.
ความตึงเครียด และการเสริมกําลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะใช้กำลัง เช่นนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อธิปไตย และความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติ สุขของพี่น้องชาวไทยและกัมพูชาที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มาช้านาน
.
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลักการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหาหนทางระงับยับยังความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้อง ประชาชนชาวไทยและกัมพูชาไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น
.
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภาความมั่นคงแห่งชาติ ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 จึงได้มอบหมายให้กองทัพบกดําเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ กับมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามที่กองทัพบกกําหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดังกล่าว
.
กองทัพบกจึงกําหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังต่อไปนี้
.
กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาที่จําเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการทํามาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
.
ทั้งนี้ หากมีความจําเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และการรักษาความปลอดภัยใน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ให้มีอำนาจกําหนดให้เปิดหรือปิดจุดผ่านแดนแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ตามที่เหมาะสมก็ได้
.
เริ่มแล้ว!! จันทบุรี ใช้อัยการศึก ระงับนักท่องเที่ยว เข้าจุดผ่านแดนโป่งน้ำร้อน-คลองใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5219179
.
.
เอกชน เตือน วิกฤตชายแดน #ไทย-#กัมพูชา กระทบเศรษฐกิจทั้งคู่ แนะรัฐหาทางเจรจาคลี่คลาย
https://www.matichon.co.th/economy/news_5219125
.