จั่วหัวเหมือนเรียกแขกอีกแล้ว (ฮา)
เป็นเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาอีกเช่นเคย เรื่องหนึ่งได้ฟังมาพักหนึ่งแล้ว อีกเรื่องหนึ่งเพิ่งได้ฟังมาเมื่อต้นอาทิตย์นี้
ฟังเรื่องแรก ก็ไม่ได้คิดจะเล่า แต่พอฟังเรื่องที่สองมาคิดประกอบกับเรื่องแรก ก็เห็นว่า ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องเล่าในหัวข้อเดียวกันจากคนละเพศ
เมื่อได้ฟังทั้งจากเพศหญิงและเพศชายครบองค์ประกอบ ตามประสาผู้หญิง “ขี้เล่า” ก็ขอยกเอามาเล่าต่อให้ฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ
สองเรื่องนี้ไม่ใช่ละครหลังข่าว ไม่มีดราม่า ไม่มีการล้ำเส้นศีลธรรมอะไรทั้งสิ้น
เป็นเรื่องเล่าที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจและทำให้ย้อนกลับเข้ามาพิจารณาตนเองด้วย
จบอินโทร
พี่สาวที่สนิทกันมากคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ที่รู้จักกันมานานสมัยเรียนมหาวิทยาลัย (นับ ๆ ก็สามสิบกว่าปี)
เพิ่งมาบอกเมื่อไม่นานมานี้เองว่า แอบชอบพี่สาว อะ ดิฉันตั้งชื่อสมมติให้พี่ละกันว่า พี่ใจ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
แต่พี่ผู้ชายบอกว่า “คุณไม่เคยมองผมเลย”
ดิฉันฟังแล้วก็ใจหายแว้บเลย คิดว่า พี่ใจจะตอบไปว่าไงนะ สมมติตัวเองเป็นพี่ใจ คิดว่าตอนนั้นคง dead air สนิทแน่ ๆ
อ้อ...พี่ทั้งสองคนมีครอบครัวแล้วนะคะ
พี่ใจมีสามีที่ประสบความสำเร็จในการทำงานระดับผู้บริหารของบริษัทที่มี market cap อยู่ใน top 5 ของเมืองไทย
สามีน่ารักเป็น family man รักและดูแลครอบครัวดีมาก ตัวพี่ใจเอง สมัยทำงานก็อยู่ระดับที่บริหารเงิน 10 หลัก
ครอบครัวพี่ใจเป็นครอบครัวที่น่ารัก พ่อแม่ลูกไปไหนด้วยกันเสมอ
ส่วนพี่ผู้ชายอยู่ในวัยใกล้เกษียณ มีหน้าที่การงานในระดับที่สูงปรี๊ดขึ้นไปอีก เป็นระดับที่กำหนดและดำเนินนโยบายที่มีผลกระทบต่อสังคมได้
มีครอบครัวแล้วเช่นกัน รักและเอาใจใส่ดูแลลูกดีมาก
เคยมีเหตุสะดุดให้ชีวิตครอบครัวในครั้งแรกต้องล่มไปแบบจบไม่ดี
ส่งผลให้ชีวิตครอบครัวครั้งต่อมาเริ่มต้นแบบไม่สง่างามและมีข้อติฉินมากมาย
คนที่ไม่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเก่าก่อนก็อาจไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าที่รู้แค่ว่า
ครอบครัวนี้ คุณพ่อเอาใจใส่ดูแลลูกดีมาก รักและประคบประหงมดูแลลูกอย่างดีเลิศ
พี่ผู้ชายไม่ได้พูดอะไรให้คนภายนอกฟังมากนักเกี่ยวกับภรรยาคนที่สองนอกจากปล่อยให้เธอเป็นคนเล่า (ในแบบที่เธออยากเล่า) ให้คนนอกฟังว่าทั้งสองรู้จักและรักกันได้อย่างไร
พี่ใจเล่าให้ดิฉันฟังว่า เห็นพี่ผู้ชายมาตั้งแต่สมัยเรียนและรู้จักกับแฟนคนแรกของพี่ผู้ชายด้วย
เป็นผู้หญิงที่สวย และใจดีกับรุ่นน้องมาก ๆ
เพราะงั้น ต่อให้ประทับใจในความเก่ง ความสปอร์ต และความมีน้ำใจของพี่ผู้ชายยังไง
พี่ใจก็จะไม่มีทางมองพี่ผู้ชายเป็นอื่นให้เป็นการทรยศพี่ผู้หญิงแน่ ๆ
พี่ใจยังสนิท เฮฮา รักษาระยะห่างและไม่เคยหาโอกาสประจ๋อประแจ๋สนิทสนมกับพี่ผู้ชายเพื่อหาโอกาสก้าวหน้าในการทำงานแบบที่รุ่นน้องคนอื่นทำ
ช่วงหนึ่งของชีวิต โชคชะตาพาให้พี่สองคนได้มาร่วมงานกันในหน่วยงานเดียวกัน ทำให้สนิทกันมากขึ้นแต่พี่ใจก็ไม่เคยบอกใครว่าเป็นรุ่นน้องที่รู้จักพี่มาสามสิบกว่าปีเลย เรียกพี่ว่า “คุณ” ต่อหน้าทุกคน ไม่พยายามตีซี้เพิ่มเติม
พี่ผู้ชายบอกว่า ไม่เคยมีใครกล้าวิจารณ์พี่ผู้ชายอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาเท่าพี่ใจ
และไม่เคยมีใครที่ทำงานเก่ง ซื่อสัตย์มือสะอาด จริงใจ ไม่เสแสร้ง เข้มงวดแต่ใจดี ไม่คิดทำร้ายคน แต่ฉลาด รู้ทัน คิดทันพี่ผู้ชายได้เหมือนพี่ใจ

นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่ใจอยู่ในใจพี่ผู้ชายมาตลอด
คำว่า “ชอบ” ของพี่ผู้ชายแสดงออกมาในรูปแบบที่ไม่โจ่งแจ้งน่าเกลียด ไม่ได้ใช้เงินหว่านโปรย
เพราะอะไรที่เงินซื้อได้ พี่ใจก็มีปัญญาหามาได้ด้วยตัวเองเช่นกัน
เช่น ไปตรวจงานต่างจังหวัดมีของมาฝาก บางอย่างดูเหมือนเป็นของธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาเพราะทำเพียงน้อยชิ้น
และแจกแต่ระดับ VVIP ทั้งนั้น หรือบางที ก็ทำกับข้าวมาฝากบ้าง แกบอกว่า ชอบทำกับข้าว เอามาให้ลองชิมดู (หุหุ)
ตอนหลัง พี่ใจป่วยและเปลี่ยนการทำงานมาเป็นแบบฟรีแลนซ์ พี่ผู้ชายบางทีก็ชวนกินข้าวบ้าง อาสาจะให้ยืมคนขับรถพาไปโรงพยาบาลบ้าง
ชวนมาสัก 5 ครั้ง พี่ใจอาจจะไปสักครั้งนึง
เดาว่า พี่ผู้ชายคงอึดอัดมาหลายปี วันนึงนั่งกินข้าวกันสบาย ๆ เลยบอกผลัวะออกไปพร้อมรำลึกความหลังต่อว่าประสารักไปนิดหน่อย
แล้วพี่ใจของดิฉันตอบไปว่าไงคะ ?
พี่ใจก็หัวเราะเฮฮาตอบแกไปว่า “หนูตัวเตี้ยมั้ง แหงนมองไม่ถึง เลยไม่ได้มอง”
แล้วก็ ตอบขอบคุณเรียบ ๆ ไป บอกว่า ก็ดีที่มีคนรู้สึกดีด้วย
พี่ผู้ชายก็คงโล่งอก (มั้ง) และบอกพี่ใจว่า “ว่าง ๆ นาน ๆ ที เราก็หาโอกาสกินข้าวกันคุยกันนะ”
นังหนูน้องรักของพี่ใจอย่างดิฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า “พี่คุยไรกัน”
ไม่ได้คุยเรื่องแนวรักแนวใคร่อะไรเล้ย เกือบจะร้อยละร้อยเป็นเรื่องงาน คนที่เจอ เหตุการณ์ที่เจอ
การวางแผน สถานการณ์ในตลาด
งานการระดับพี่ผู้ชายมีการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันสูงมาก เวลาคุยอะไรกัน
พี่ใจมักมีความคิดเห็นที่พี่ผู้ชายพูดว่า “ฉลาด แหลมคม มองขาด และรู้ทัน” เสมอ
ที่สำคัญกว่านั้นคือ พี่ใจไว้ใจได้ ไม่เล่าต่อ ไม่คุยโวอวดอ้างกับใคร และไม่มีวันโหนใคร
--- มีเรื่องมาเล่า หลังแต่งงาน มีใครเคยประทับใจเพศตรงข้ามบ้างไหมคะ ? แล้วรับมืออย่างไร ? ---
เป็นเรื่องเล่าที่ได้ฟังมาอีกเช่นเคย เรื่องหนึ่งได้ฟังมาพักหนึ่งแล้ว อีกเรื่องหนึ่งเพิ่งได้ฟังมาเมื่อต้นอาทิตย์นี้
ฟังเรื่องแรก ก็ไม่ได้คิดจะเล่า แต่พอฟังเรื่องที่สองมาคิดประกอบกับเรื่องแรก ก็เห็นว่า ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องเล่าในหัวข้อเดียวกันจากคนละเพศ
เมื่อได้ฟังทั้งจากเพศหญิงและเพศชายครบองค์ประกอบ ตามประสาผู้หญิง “ขี้เล่า” ก็ขอยกเอามาเล่าต่อให้ฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ
สองเรื่องนี้ไม่ใช่ละครหลังข่าว ไม่มีดราม่า ไม่มีการล้ำเส้นศีลธรรมอะไรทั้งสิ้น
เป็นเรื่องเล่าที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจและทำให้ย้อนกลับเข้ามาพิจารณาตนเองด้วย
จบอินโทร
พี่สาวที่สนิทกันมากคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ที่รู้จักกันมานานสมัยเรียนมหาวิทยาลัย (นับ ๆ ก็สามสิบกว่าปี)
เพิ่งมาบอกเมื่อไม่นานมานี้เองว่า แอบชอบพี่สาว อะ ดิฉันตั้งชื่อสมมติให้พี่ละกันว่า พี่ใจ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
แต่พี่ผู้ชายบอกว่า “คุณไม่เคยมองผมเลย”
ดิฉันฟังแล้วก็ใจหายแว้บเลย คิดว่า พี่ใจจะตอบไปว่าไงนะ สมมติตัวเองเป็นพี่ใจ คิดว่าตอนนั้นคง dead air สนิทแน่ ๆ
อ้อ...พี่ทั้งสองคนมีครอบครัวแล้วนะคะ
พี่ใจมีสามีที่ประสบความสำเร็จในการทำงานระดับผู้บริหารของบริษัทที่มี market cap อยู่ใน top 5 ของเมืองไทย
สามีน่ารักเป็น family man รักและดูแลครอบครัวดีมาก ตัวพี่ใจเอง สมัยทำงานก็อยู่ระดับที่บริหารเงิน 10 หลัก
ครอบครัวพี่ใจเป็นครอบครัวที่น่ารัก พ่อแม่ลูกไปไหนด้วยกันเสมอ
ส่วนพี่ผู้ชายอยู่ในวัยใกล้เกษียณ มีหน้าที่การงานในระดับที่สูงปรี๊ดขึ้นไปอีก เป็นระดับที่กำหนดและดำเนินนโยบายที่มีผลกระทบต่อสังคมได้
มีครอบครัวแล้วเช่นกัน รักและเอาใจใส่ดูแลลูกดีมาก
เคยมีเหตุสะดุดให้ชีวิตครอบครัวในครั้งแรกต้องล่มไปแบบจบไม่ดี
ส่งผลให้ชีวิตครอบครัวครั้งต่อมาเริ่มต้นแบบไม่สง่างามและมีข้อติฉินมากมาย
คนที่ไม่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเก่าก่อนก็อาจไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าที่รู้แค่ว่า
ครอบครัวนี้ คุณพ่อเอาใจใส่ดูแลลูกดีมาก รักและประคบประหงมดูแลลูกอย่างดีเลิศ
พี่ผู้ชายไม่ได้พูดอะไรให้คนภายนอกฟังมากนักเกี่ยวกับภรรยาคนที่สองนอกจากปล่อยให้เธอเป็นคนเล่า (ในแบบที่เธออยากเล่า) ให้คนนอกฟังว่าทั้งสองรู้จักและรักกันได้อย่างไร
พี่ใจเล่าให้ดิฉันฟังว่า เห็นพี่ผู้ชายมาตั้งแต่สมัยเรียนและรู้จักกับแฟนคนแรกของพี่ผู้ชายด้วย
เป็นผู้หญิงที่สวย และใจดีกับรุ่นน้องมาก ๆ
เพราะงั้น ต่อให้ประทับใจในความเก่ง ความสปอร์ต และความมีน้ำใจของพี่ผู้ชายยังไง
พี่ใจก็จะไม่มีทางมองพี่ผู้ชายเป็นอื่นให้เป็นการทรยศพี่ผู้หญิงแน่ ๆ
พี่ใจยังสนิท เฮฮา รักษาระยะห่างและไม่เคยหาโอกาสประจ๋อประแจ๋สนิทสนมกับพี่ผู้ชายเพื่อหาโอกาสก้าวหน้าในการทำงานแบบที่รุ่นน้องคนอื่นทำ
ช่วงหนึ่งของชีวิต โชคชะตาพาให้พี่สองคนได้มาร่วมงานกันในหน่วยงานเดียวกัน ทำให้สนิทกันมากขึ้นแต่พี่ใจก็ไม่เคยบอกใครว่าเป็นรุ่นน้องที่รู้จักพี่มาสามสิบกว่าปีเลย เรียกพี่ว่า “คุณ” ต่อหน้าทุกคน ไม่พยายามตีซี้เพิ่มเติม
พี่ผู้ชายบอกว่า ไม่เคยมีใครกล้าวิจารณ์พี่ผู้ชายอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาเท่าพี่ใจ
และไม่เคยมีใครที่ทำงานเก่ง ซื่อสัตย์มือสะอาด จริงใจ ไม่เสแสร้ง เข้มงวดแต่ใจดี ไม่คิดทำร้ายคน แต่ฉลาด รู้ทัน คิดทันพี่ผู้ชายได้เหมือนพี่ใจ
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่ใจอยู่ในใจพี่ผู้ชายมาตลอด
คำว่า “ชอบ” ของพี่ผู้ชายแสดงออกมาในรูปแบบที่ไม่โจ่งแจ้งน่าเกลียด ไม่ได้ใช้เงินหว่านโปรย
เพราะอะไรที่เงินซื้อได้ พี่ใจก็มีปัญญาหามาได้ด้วยตัวเองเช่นกัน
เช่น ไปตรวจงานต่างจังหวัดมีของมาฝาก บางอย่างดูเหมือนเป็นของธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาเพราะทำเพียงน้อยชิ้น
และแจกแต่ระดับ VVIP ทั้งนั้น หรือบางที ก็ทำกับข้าวมาฝากบ้าง แกบอกว่า ชอบทำกับข้าว เอามาให้ลองชิมดู (หุหุ)
ตอนหลัง พี่ใจป่วยและเปลี่ยนการทำงานมาเป็นแบบฟรีแลนซ์ พี่ผู้ชายบางทีก็ชวนกินข้าวบ้าง อาสาจะให้ยืมคนขับรถพาไปโรงพยาบาลบ้าง
ชวนมาสัก 5 ครั้ง พี่ใจอาจจะไปสักครั้งนึง
เดาว่า พี่ผู้ชายคงอึดอัดมาหลายปี วันนึงนั่งกินข้าวกันสบาย ๆ เลยบอกผลัวะออกไปพร้อมรำลึกความหลังต่อว่าประสารักไปนิดหน่อย
แล้วพี่ใจของดิฉันตอบไปว่าไงคะ ?
พี่ใจก็หัวเราะเฮฮาตอบแกไปว่า “หนูตัวเตี้ยมั้ง แหงนมองไม่ถึง เลยไม่ได้มอง”
แล้วก็ ตอบขอบคุณเรียบ ๆ ไป บอกว่า ก็ดีที่มีคนรู้สึกดีด้วย
พี่ผู้ชายก็คงโล่งอก (มั้ง) และบอกพี่ใจว่า “ว่าง ๆ นาน ๆ ที เราก็หาโอกาสกินข้าวกันคุยกันนะ”
นังหนูน้องรักของพี่ใจอย่างดิฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า “พี่คุยไรกัน”
ไม่ได้คุยเรื่องแนวรักแนวใคร่อะไรเล้ย เกือบจะร้อยละร้อยเป็นเรื่องงาน คนที่เจอ เหตุการณ์ที่เจอ
การวางแผน สถานการณ์ในตลาด
งานการระดับพี่ผู้ชายมีการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันสูงมาก เวลาคุยอะไรกัน
พี่ใจมักมีความคิดเห็นที่พี่ผู้ชายพูดว่า “ฉลาด แหลมคม มองขาด และรู้ทัน” เสมอ
ที่สำคัญกว่านั้นคือ พี่ใจไว้ใจได้ ไม่เล่าต่อ ไม่คุยโวอวดอ้างกับใคร และไม่มีวันโหนใคร