🌼💖🌼 [ถุงมือนักเขียน - FINAL] เรื่องที่ 10 "รักเสมอ... แม้เธอเอาแต่ใจตัวเอง" โดย "ถุงมือคนมีรัก" ครับ 🌼💖🌼

กระทู้คำถาม


ขึ้นเลขสองหลักแล้วครับ และนั่นหมายถึงว่า ใกล้จะหมดแล้ว สำหรับเรื่องสั้นในเกม "ถุงมือนักเขียน" ซีซั่นแรกของเรา

เรื่องที่แล้ว กรรมการก็โดนชื่อเรื่องหลอกอีกแล้ว - -" มาดูเรื่องนี้ซิ จะโดนหลอกอีกไหม หวานน่า...ชื่อแบบนี้!

ตามมาอ่านด้วยกันครับ...อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






ดูเหมือนผมจะทําอะไรผิดใจเธออีกแล้ว...

ผมเจอเรื่องหยุมหยิมอีกจนได้ เรื่องหึงหวงเพิ่งจะค่อยๆเพลาลงไปไม่ทันไร เรื่องเวลาส่วนตัวของผมเริ่มเป็นประเด็นใหม่อีกแล้ว

"ก็แค่ขอมีเวลากับเพื่อนฝูงบ้าง เท่านั้นเอง"  ผมชี้แจงกับเธออย่างหวั่นๆ

"หนิงชวนไปเดินดูของตลาดนัด ตั้มไม่เคยว่างสักทีรู้ตัวบ้างไหม"

"เวลาหกโมงเย็นที่จองสนามบอลไว้ มันตรงกันพอดีไง หนิง"

"ใช่ไง ตั้มเลยเลือกเพื่อนแทนไง ไม่เข้าใจความหมายที่หนิงพูดอีกเหรอ"

ผมถอนลมหายใจกับคำพูดของเธอ พยักหน้าซํ้าๆหลายครั้งให้เธอแปลความหมายเอง หากผมอธิบายอะไรมากไปกว่านั้น ประเด็นใหม่คงผุดขึ้นตามมาแน่ ผมจึงเลือกสื่อทางอาการแทน เพราะบางครั้งการพยักหน้าเฉยๆก็ทําให้เธอเงียบได้เหมือนกัน และเธอก็เงียบไป

ผมเข้าใจเธอเสมอ เพราะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม เพียงแต่การถูกตามใจมากเกินไป พลอยทําให้เธอกลายเป็นคนต้องเอาชนะอย่างเดียวโดยไม่รู้สึกตัว เธอไม่รู้ตัวถึงข้อนี้ คงเพราะผมหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมาตลอด ได้แต่รอเวลาที่จะพูดเมื่อเวลานั้นมันมาถึงในสักวัน

ผมคิดอยู่เสมอว่า สถานะของคนเป็นแฟนกัน ผมควรจะเป็นฝ่ายพูดกับเธอให้เข้าใจเสียที พูดเพื่อให้สายสัมพันธ์ของเราเดินหน้าต่อไป การโอนอ่อนผ่อนตาม หรือแม้กระทั่งวางเฉยไม่ใช่เรื่องชวนส่งเสริมแล้ว และผมควรใช้ความเข้มแข็งที่มีตอนนี้พูดกับเธอเสียที

โชคดีที่ผมเกิดมาเป็นลูกแม่ค้าขายผักธรรมดาๆ ผมจึงเข้มแข็งกับชีวิตในแบบคนธรรมดาทั่วไปโดยปริยาย ผมถูกสอนให้รู้จักการช่วยเหลือทางบ้านตั้งแต่เรียนชั้นประถม พ่อกับแม่ผมตื่นตั้งแต่ตีสามทุกวัน เพื่อจัดเตรียมแผงผักและผลไม้หน้าบ้านห้องแถว ผมตื่นตีห้าและออกมาช่วยพ่อกับแม่ทุกวันก่อนไปโรงเรียน แรกๆก็อิดออด แต่เมื่อได้ลงมือทําเป็นกิจวัตรประจำวัน เรื่องอิดออดหายไปโดยที่ผมไม่รู้สึกตัวเหมือนกัน เรื่องน้อยใจในโชคชะตาชีวิตก็ไม่เคยสะกิดเข้ามาให้ผมรู้สึกอีกแล้ว นับตั้งแต่ผมเริ่มมีความคิดมากขึ้น ผมไม่เคยอิดออด ไม่เคยงอแง และไม่เคยเอาแต่ใจตัวเองในเรื่องไร้สาระใด แม้จะเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่เหมือนกันกับหนิงก็ตาม

คงเป็นเพราะครอบครัวของผมต้องช่วยกัน เหนื่อยด้วยกัน และยิ้มด้วยกันเสมอ จึงทําให้ทั้งพ่อแม่และผมมีเวลาอยู่ด้วยกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ข้าวมื้อเย็นเราจะพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารเสมอ แม้มื้อเที่ยงที่ผมไม่อยู่เพราะต้องไปโรงเรียน พ่อกับแม่ก็จะรู้เสมอว่าต้องสลับกันวางมือ หรือสลับจับช้อนกันตอนไหน มันเป็นชีวิตปกติธรรมดาสำหรับเราสามคน ถึงจะไม่หรูหราอย่างคนมีอันจะกิน แต่เราก็มีความสุขในบ้านของเราเสมอมา

หนิงยังยืนกระเง้ากระงอดอยู่กับแผงผักหน้าร้าน ผมหยิบผักใส่ถุงหิ้วให้ลูกค้า แม่กําลังคิดเงินให้ลูกค้าอยู่ไม่ไกล

"แล้ววันนี้ตั้มจะไปเดินตลาดนัดกับหนิงมั้ย ถ้าไปไม่ได้ก็บอกมา"

คําพูดแกมบังคับทําให้ลูกค้าผมคนหนึ่งมองหน้าเธอก่อนเดินจากไป แม่ผมดูเหมือนแกล้งไม่ได้ยินและก้มลงยุ่งอยู่กับกองผักที่เริ่มวางไม่สวย
เพราะต่างกระจัดกระจายจากฝีมือลูกค้า

"ก็ได้ งั้นหนิงไปคนเดียวก็ได้ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังนะ" หนิงพูดเสียงกระด้าง

ร่างแบบบางในชุดเดรสสดใสเดินจากไปแล้ว ผมมองไปทางแม่ที่กําลังก้มอยู่กับแผงผักหน้าร้าน แม่พูดทั้งๆที่ยังก้มอยู่

"เตือนกันได้ บอกกันได้ ...ย่อมดีกว่าการไม่บอกกันนะตั้ม"

หัวใจผมพองโตที่ได้ยินคําพูดนั้น แม่เข้าใจชีวิตดีกว่าผมอยู่แล้ว และแม่มักจะพูดอะไรๆตรงประเด็นเสมอ เพราะอย่างนี้เอง ผมถึงไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันสักครั้ง ผมเห็นคนสองคนหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันเสมอเวลาที่มีเรื่องต้องคุยกันให้เข้าใจ

"ขอบคุณครับแม่" ผมมองไปเห็นพ่อกําลังออกมาจากบ้านเพื่อมาช่วยหน้าร้าน

"พ่อออกมาช่วยแล้วครับ งั้นผมขอตัวซักชั่วโมงนะแม่ แล้วจะกลับมาช่วยพ่อกับแม่เก็บร้าน"

"อ้าว วันนี้ไม่ไปซ้อมบอลเหรอ ไหนบอกว่าอีกสองวันจะมีแข่งตัดเชือก" พ่อถามผม

"วันนี้ผมต้องไปรักษาเชือกทางนี้ก่อนครับพ่อ ขอตัวก่อนนะครับ"

ผมได้ยินเสียงหัวเราะของพ่อตามหลังมาโดยที่ไม่ได้ยินเสียงของแม่เลย แต่ในหัวของผมเสียงแม่กลับดังก้อง เตือนกันได้ บอกกันได้ ย่อมดีกว่าการไม่บอกกันนะตั้ม...


ผมรู้ว่าหนิงชอบเดินแถบไหนในตลาดนัด แค่ผมรีบไปดักรอหน้าร้านขายหนังสือร้านโปรดเธอ รอเพียงไม่ถึงสิบห้านาทีหนิงก็เดินมาถึง สีหน้ากระเง้ากระงอดยังไม่หายไปจากใบหน้า แต่ผมก็พอมองเห็นรอยยิ้มในหน้านั้นได้ ถึงมันจะเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะหรืออะไรก็ตามแต่

ความแง่งอนของผู้หญิงคงเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่ง เพราะมันทําให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นอย่างเช่นตอนนี้ แม่เคยบอกว่า ยามที่ผู้หญิงงอนนั่นคือมารยาที่เสแสร้ง แต่คนเอาแต่ใจตัวเองอย่างหนิง ผมคิดว่าผมเห็นของจริง และเห็นอารมณ์จริงของเธอแน่นอน หลายครั้งที่โดนบางสิ่งจากมือเธอจนเลือดซิบ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ได้แต่ยิ้มและอภัยให้เสมอ แม้เธอไม่เคยรู้ตัวเลยสักครั้งว่าทําอะไรลงไป

การเอาแต่ใจตัวเองของเธอ ทําให้ได้ผมได้รู้จักเหตุผลอีกมุมมอง มุมนั้นผมหงุดหงิดในตอนแรกเหมือนกัน แต่พอเวลาผ่านไปถึงได้รู้ว่า นั่นเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกบริสุทธิ์ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่รู้สึกว่าเราควรจะมีความห่วงใยให้กันและกันอย่างไร ผมรู้แล้วว่าเพราะอะไร เธอถึงอยากให้ผมต้องทําอย่างนั้น และทําไมถึงไม่อยากให้ผมทําอย่างนี้

กว่าหนิงจะคุยด้วย ก็ต่อเมื่อผมเลือกหนังสือถูกใจให้ในที่สุด เรื่องหนังสือนี้ก็เช่นกัน เป็นอีกเรื่องที่ผมเคยแปลกใจมาก่อน ผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองทําไมชอบอ่านหนังสือนิทาน? พอเวลาผ่านไปถึงทําให้ผมเข้าใจว่า ครอบครัวที่สุขสบายด้วยฐานะเพียบพร้อม ใช่ว่าจะมีความสุขด้วยสายใยในครอบครัวเหมือนกันทุกบ้าน หนิงขาดความอบอุ่นในครอบครัว ที่ต่างกับผมลิบลับ เธอจึงผูกพันอยู่แต่กับโลกของเธอ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่โลกแห่งความเพ้อฝันก็ตาม

คงเพราะสิ่งนี้แน่นอน ที่ผมมองเห็นความเป็นสาวน้อยผู้เดียวดายคนหนึ่ง สาวน้อยผู้ไม่มีเพื่อนสนิทคนใดให้เห็น ไม่มีแม้แต่ใครที่จะกล้าแสดงตัวเป็นคนพิเศษ และนั่นเองที่เป็นจุดท้าทายให้ผมอยากรู้จักกับเธอ ในโรงอาหารของโรงเรียนวันนั้น

เราเดินกลับบ้านด้วยกัน ถามไถ่ภาระหน้าที่ในวันพรุ่งนี้ด้วยกัน เป็นห่วงการบ้านของกันและกัน ถึงเราจะยังเรียนแค่ชั้นมอหกก็จริง แต่เรื่องความรัก ผมเชื่อมั่นและศรัทธาในความรักเต็มหัวใจ เพราะผมมองเห็นมันทุกวันจากพ่อกับแม่ ความรักของพ่อกับแม่สวยงามเกินกว่าจะอธิบายได้ ความรักของผมกับหนิงก็เช่นกัน ผมเชื่อว่ามันจะยังถักทอต่อไป ความรักของเราจะเติบโต แตกกิ่งก้านออกไปไม่มีที่สิ้นสุดหากเราเข้าใจมัน และมันจะยังดำเนินต่อไปตราบที่เรายังยอมรับกันและกัน

คำพูดจากแม่  เตือนกันได้ บอกกันได้ ย่อมดีกว่าการไม่บอกกันนะตั้ม...  ดังขึ้นในหัวของผมอีกแล้ว รอยยิ้มจากสาวชุดเดรสข้างๆ  ทําให้ผมเผลอตอบแม่ออกไปในภวังค์

"ครับแม่ ผมกําลังจะบอกเธออยู่แล้วครับว่า  ...ผมรักเธอเสมอ  แม้เธอจะเอาแต่ใจตัวเอง"

---------- จบ ----------





รายชื่อให้เลือกตอบ (มีทั้งตัวจริง ถุงมือรับเชิญ และตัวหลอก)

1.    B-thirteen
2.    Christian Trevelyan Grey
3.    GTW
4.    kasareev
5.    KTHc
6.    Lady Star 919
7.    ladylongleg
8.    Luckard
9.    Na(นะ)
10.    peiNing
11.    psycho_factory
12.    Susisiri
13.    Tantava
14.    turtle_cheesecake
15.    WANG JIE
16.    เกสรผกา
17.    เปลวอัคคี
18.    คีตมินทร์
19.    จอมยุทธนักสืบ
20.    ชายขอบคันนายาว
21.    นลินมณี
22.    ยัยตัวร้ายมุกอันดา
23.    ลายลิขิต
24.    สวนดอก
25.    ส่องแสงตะวันฉาย
26.    อิสิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่