เตือนภัย โดนแฮ็คบัตรเครดิต SCB My Travel ที่ญี่ปุ่น สูญเงินเกือบ 3 แสนเยน

เตือนภัย โดนแฮ็คบัตรเครดิต SCB My Travel ที่ญี่ปุ่น สูญเงินเกือบ 3 แสนเยน !!

การตั้งกระทู้ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เจอเหตุการณ์สดๆร้อนๆ เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นเลยมาสมัครพันทิปเพื่อเตือนภัยเพื่อนๆค่ะ
หากคิดว่าการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตที่ต่างประเทศจะปลอดภัยมากกว่าการถือเงินสด ก็คงต้องคิดกันใหม่แล้วล่ะค่ะ

อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นในแถบคันไซ โดยพักอยู่ที่โอซาก้าเป็นเวลา 9 วัน เราวางแผนการใช้เงินโดยแลกเงินสดติดตัวไปประมาณนึง สำหรับใช้จ่ายเป็นค่ากิน ค่ารถไฟ

ส่วนที่เหลือที่เป็นค่าโรงแรม และค่าช้อปปิ้งต่างๆจะใช้ผ่านบัตรเครดิต SCB My travel ที่เราเพิ่งได้มาใหม่ เพราะมั่นใจในธนาคาร SCB และเห็นถึงความสะดวกและความปลอดภัยที่มากกว่าการใช้เงินสด รวมทั้งโปรโมชั่นพิเศษต่างๆของธนาคาร ที่เน้นสำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายบัตรเครดิตที่ต่างประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งปกติเราไปต่างประเทศก็จะใช้บัตรเครดิตเป็นประจำอยู่แล้ว ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร

แต่ครั้งนี้กลับมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น หลังจากที่มีการใช้บัตรเครดิต SCB My travel ที่ญี่ปุ่นไปเพียง 1 ครั้ง เรากลับมาพบว่า บัตรของเราโดนแฮ็ค ไปอีก 7 ครั้งรวด ทำให้การไปเที่ยวครั้งนี้แทนที่จะได้ดูใบไม้แดงอย่างมีความสุขแบบที่ตั้งใจไว้ กลับมาต้องเป็นกังวลกับเรื่องบัตรเครดิต

- วันที่ 16/11/17 มาถึงญี่ปุ่น ใช้บัตรเครดิต SCB MY TRAVEL จ่ายค่าโรงแรม 109,080¥ หรือประมาณ 33,000 บ.( เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ใช้บัตรใบนี้ที่ญี่ปุ่น ) เป็นการรูดจ่ายที่หน้าเคาท์เตอร์

- วันที่ 17/11/17 ไป USJ ไม่ได้ใช้บัตรเลย

- วันที่ 18/11/17 ตอนเช้าก่อนออกจากโรงแรม เราเปิดเข้าไปเช็คใน app SCB เพื่อดูยอดวงเงินคงเหลือของบัตร เพราะจะออกไปช้อปปิ้ง เจอว่าวงเงินบัตรเครดิตคงเหลือ 1,740 บ. มีรายการใช้จ่ายเพิ่มมาอีก 7 รายการในวันที่ 17/11/17 ยอดรวม 281,318¥
--> รายการจากหน้า app SCB easy
- จากที่ก่อนมาเราเคลียร์วงเงินบัตรเครดิตและจ่ายเงินเพิ่มไปอีก  (เพราะไม่อยากพกเงินสดติดตัวเยอะ เลยเตรียมบัตรเครดิตมาใช้ เพราะมั่นใจในความปลอดภัยของธนาคาร และสนใจโปรโมชั่นต่างๆที่เป็นโปรฯพิเศษของบัตรเครดิต สำหรับใช้จ่ายต่างประเทศ )

- พอเห็นรายการที่เพิ่มขึ้นมา เราก็ตกใจมาก เลยรีบโทรเข้า Call center ของ SCB ที่ไทย จนท.เพื่อสอบถาม ว่าเกิดอะไรขึ้น จนท.จึงขอไปเช็คแล้วแจ้งว่า เป็นการทำรายการออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์โรงแรมปลอมที่โตเกียว จึงรู้ว่าบัตรโดนแฮ็ค !! เราจึงถามว่าจะทำยังไงได้บ้าง เพราะเราจำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต ไม่ได้เตรียมเงินมาเยอะ มีบัตร beyond อีกใบอยู่ ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะใช้วงเงินร่วมกันกับบัตรใบนี้ ซึ่งโดนแฮ็คใช้ไปจนเต็มวงเงินแล้ว

*บัตรใบนี้ไม่เคยใช้ทำธุรกรรมออนไลน์อะไรในญี่ปุ่นเลย ตอนจองโรงแรงจองผ่าน hotel.com ก็เป็นชื่อแฟนจอง และใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของแฟน แล้วเลือกชำระแบบเต็มจำนวนที่โรงแรม

- โทรหา cc 2 รอบ จนท.แจ้งว่า ทำได้อย่างเดียวคืออายัดบัตร my travel ไป แล้วรอจนท.ตรวจสอบรายการใช้เวลาประมาณ 40 วัน เราเลยขอให้ดำเนินการเร่งด่วนให้หน่อย จนท.เลยบอกว่าต้องรอ จนถึงวันจันทร์ที่ 20 เพื่อรอวันเปิดทำการ และส่งให้ฝ่ายตรวจสอบเช็คอีก ประมาณ 3-5 วัน จึงจะทราบเรื่อง และแนะนำให้ใช้บัตร beyond แทนไปก่อน ซึ่งต้องอยู่ญี่ปุ่นอีก 10 วัน !! กับวงเงิน 1,700 บ.

- จนท.ไม่สามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาอะไรฉุกเฉินให้ได้เลย นอกจากให้ “รอ” อย่างเดียว และเงินที่ถูกแฮ็คไป จนท.ก็ตอบว่า "ไม่รับปาก" ว่าเราจะต้องเป็นคนชดใช้หรือไม่
- ส่วนบัตรอีกใบ เราขอให้เพิ่มวงเงินชั่วคราวเพื่อให้สามารถใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นได้ก่อน แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไม่สามารถเพิ่มวงเงินชั่วคราวให้ได้ เพราะยังใช้บัตรมาไม่ถึง 6 เดือน (บัตร beyond เราเพิ่งใช้บัตรตอนเดือน 8 ) และแนะนำให้ญาติที่ประเทศไทย เอาเงินจ่ายเข้าบัตร เพื่อให้สามารถใช้ได้แทน ทั้งๆที่เป็นกรณีฉุกเฉินเจ้าหน้าที่น่าจะให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นกับลูกค้าได้ก่อน



ฝากถึง ผู้บริหาร SCB
- ทุกวันนี้ SCB โปรโมทตัวเองว่าเป็นผู้นำด้าน fintech รณรงค์ให้คนไทยหันมาใช้ระบบ cashless เป็นสังคมไร้เงินสด แต่ระบบรักษาความปลอดภัยของบัตรเครดิตทำไมถึงสามารถแฮ็คข้อมูลได้ง่ายมาก แล้วลูกค้าจะมีความมั่นใจในระบบและกล้าใช้งานได้ยังไง
**ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกรรมทางเงิน ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างเดียว **
   สิ่งที่เราถามกับ cc ว่า ทำไมระบบถึงสามารถแฮ็คได้ง่ายขนาดนี้ อะไรคือความปลอดภัยของการใช้บัตรเครดิต ปกติที่เราจะใช้บัตรซื้อของทางออนไลน์ ยังต้องมีการยืนยันรหัส OTP ทางมือถือถึงจะสามารถทำรายการได้ แต่คำตอบที่ได้รับ คือ "ก็เป็นการกระทำของมิจฉาชีพอ่ะคะ" คำตอบนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่มาก และจะรู้สึกปลอดภัยกับการทำธุรกรรมทางการเงินกับ SCB ได้อย่างไร


- เราเพิ่งจะมาเป็นลูกค้า SCB เพราะเห็นมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะบัตร MY Travel ที่เคลมว่าเป็นบัตรสำหรับการท่องเที่ยว คัดเลือกคุณสมบัติของผู้สมัคร ลูกค้าที่เคยมีบัตร scb มาก่อน ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า 3,210 บ. เราก็ยอมเสีย แต่กลับได้รับบริการและการแก้ไขปัญหาที่ไร้การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา เราเข้าใจว่าระบบอาจจะมีปัญหาได้ แต่สิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นได้คือการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา ไม่ใช้ให้ลูกค้าทำได้แค่ “รอ” อย่างเดียวและใข้น้ำเสียงในการคุยกับลูกค้าที่เกิดปัญหาได้แย่มาก ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจขึ้นเลย ต้องมาเที่ยวอย่างกังวลใจ **อยากให้ปรับปรุงการทำงานของ call center มากค่ะ**

- ถ้าเช้าวันที่ 18 เราไม่บังเอิญไปเปิดเช็คยอดในแอป scb easy ดูเราก็จะไม่มีทางรู้เลย ว่าบัตรของเรามีรายการที่โดนแฮ็คเกิดขึ้น อยากแนะนำเพื่อนๆที่ใช้บัตรเครดิตหมั่นเข้าไปดูรายการใช้จ่ายของตัวเอง ว่ารายการถูกต้องตามที่เราใช้จริงมั้ย มีรายการแปลกปลอมอะไรเกิดขึ้นรึป่าว ถ้าเจอก็จะได้แจ้งกับธนาคารเพื่อตรวจสอบ หรือ อายัดบัตรได้ทัน






****************************************************************

อัพเดท วันที่ 29/11/17 ค่ะ


เมื่อเช้า ทางผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าของ SCB ได้โทรเข้ามาหาเรา เพื่อชี้แจงและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเน้นไปที่เหตุการณ์การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นกับลูกค้า และการช่วยเหลือลูกค้าอย่างทันท่วงที

และแจ้งว่า ขณะนี้ทางผู้บริหารและผู้บริหารระดับสูงของ SCB ได้รับทราบเรื่อง และอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคอมเม้นท์แล้ว และจะนำทุกความคิดเห็นไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการระบบทำงานให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ถึงเพื่อนๆชาวพันทิป

ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำและทุกความคิดเห็นที่เพื่อนๆได้แสดงความคิดเห็นกันเข้ามาค่ะ ทำให้เราได้รู้ถึงระบบของบัตรเครดิตมากขึ้น และทำให้ต้องระมัดระวังต่อการใช้บัตรเครดิตมากขึ้น โดยวิธีป้องกันที่ง่ายที่สุด คงต้องเริ่มมาจากตัวเราเอง ที่ต้องสังเกตการใช้จ่ายบัตร ถ้าพบว่ามียอดใช้จ่ายผิดปกติ ต้องรีบแจ้งไปยังธนาคารเพื่อที่จะได้ทำการปฏิเสธยอดใช้จ่ายได้ทัน สมัครใช้บริการแจ้งเตือนต่างๆของธนาคาร เช่น SCB Connect ที่แจ้งทางไลน์, แจ้งเตือนทาง SMS เพื่อที่จะได้ทราบความเคลื่อนไหวทันทีที่มีการทำรายการ รวมทั้งระมัดระวังในการใช้จ่ายบัตรทุกครั้งที่เราส่งให้ร้านค้าต่างๆนำไปรูด และหาวิธีป้องกันข้อมูลต่างๆบนบัตรเครดิต เช่น เลข 16 หลัก, เดือนปี หมดอายุของบัตร และเลข CVV (ตามที่เพื่อนๆหลายๆท่านได้แนะนำกันเข้ามาค่ะ)

เราอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นอุทาหรณ์และเตือนให้เพื่อนๆ ได้ระมัดระวังกับการใช้บัตรเครดิต รวมทั้งธุรกรรมทางการเงินต่างๆกันมากขึ้น  จากที่หลายๆคนได้เข้ามาคอมเม้นท์ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดกับเราแค่คนเดียว บางท่านก็ได้เงินคืนบ้าง ไม่ได้เงินคืนบ้าง เราไม่อยากให้มองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติที่ใครๆก็โดนกัน อยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ช่วยกันปรับปรุงและพัฒนาระบบการใช้งานบัตรเครดิต เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้ามากขึ้น ไม่ใช่เพียงรอให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วค่อยไปแจ้งขอปฏิเสธยอดภายหลัง

และเมื่อเกิดปัญหา สิ่งแรกที่เราสามารถทำได้ คือ การติดต่อและขอความช่วยเหลือจากธนาคารของบัตรเครดิตที่เราใช้บริการ ทุกคนย่อมมีความหวังที่จะได้รับคำตอบที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น คนที่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะเข้าใจความรู้สึกกันดีค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่