ขอฝากกระทู้รีวิวที่ผ่านมาด้วยนะครับ
เที่ยวญี่ปุ่นใครว่าแพง Review ตะลุย Osaka 2 วัน 2 คืน ราคาประหยัดในแบบฉบับมือใหม่
https://pantip.com/topic/34275248
ครั้งแรกกับเมืองมรดกโลก...สะบายดี หลวงพระบาง
https://pantip.com/topic/34626716
Review : เที่ยวโตเกียว 5 วัน 4 คืน ด้วยตัวเองง่ายนิดเดียว...ใครๆ ก็ไปได้
https://pantip.com/topic/35677098
สวัสดีสมาชิกพันทิปทุกท่านครับ เราเองไม่เคยไปเกาหลีมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยไปเกาหลี อยากลองไปแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง รีวิวนี้ของเราน่าจะพอเป็นแนวทางคร่าวๆ ให้ได้ ทริปของเราเป็นทริปสั้นๆ 4 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ย.
หาตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก
เกาหลีไม่เคยอยู่ในแพลนเที่ยวของเราในเวลาอันใกล้เลย อยู่ในกลุ่มประเทศท้ายๆ ที่อยากจะไป เพราะมีอีกหลายที่ที่อยากไปมากกว่า ทั้งฮอกไกโด ไต้หวัน มัลดีฟส์ ฯลฯ อีกอย่างคือเราไม่ได้อินกับอะไรที่เป็นเกาหลีมากนัก ไม่ว่าจะซีรี่ส์หรือเพลง อ่านรีวิวบางคนก็บอกว่าไปมาแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย ก็งั้นๆ แหละ ไปเที่ยวประเทศอื่นดีกว่า บางคนก็บอกว่าไปมาหลายครั้งแล้วก็สนุกทุกครั้ง บางคนก็บอกว่าอย่าไปเลย ตม.ดุ แต่ฟังแค่คำบอกเล่ามันก็คงไม่เท่ากับไปสัมผัสเอง เลยเข้าเว็บ Airasiago หาตั๋ว+ที่พักในราคาไม่เกินหมื่น คิดว่าถ้าเจอก็จะลองไป ถ้าไม่ประทับใจก็จะได้ไม่เสียดายเงินมากนัก หรือถ้าไม่เจอก็ไม่ไป แล้วก็เจอในราคาหมื่นนิดๆ เลยลองชวนน้องอีก 2 คน ว่าจะไปด้วยกันมั้ย เพราะถ้าจองห้องสำหรับ 3 คน ราคาก็จะถูกลงอีก น้องอีก 2 คนตกลงจะไปด้วย เลยจัดเป็นทริปสั้นๆ 4 วัน 3 คืน สรุปว่าได้ตั๋ว+ที่พัก 3 คืน ใกล้กับสถานีโซล แถมเป็นไฟลต์บินตรงด้วย วันที่ 21-24 พ.ย. เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ในราคาเบ็ดเสร็จคนละ 8,820 บาท (ยังไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า) ปกติแล้วเราจะซื้อโหลดกระเป๋าช่วงใกล้เดินทาง แต่หลังจากที่เราจองตั๋วทริปนี้ไม่กี่วัน Airasia ก็ประกาศขึ้นราคาค่าโหลดกระเป๋า เล่นเอาเงิบ เราซื้อโหลดกระเป๋าเฉพาะขากลับ 20 กิโลกรัม ราคา 1,150 บาท หารกัน 3 คน
เตรียมตัว
1.แลกเงินที่ Super Rich สาขาเซ็นทรัลพระราม 9 เรตวันที่แลก (31 ส.ค. 2560) อยู่ที่ 0.0294 แลกมา 10,000 บาท = 340,000 วอน ถ้ากิเลสหนาอยากได้โน่นได้นี่มากๆ ก็ค่อยรูดบัตรเครดิตเอา

2.เช่า Pocket Wi-Fi ของ TRIPIZEE วันละ 150 บาท เช่า 4 วัน รวมค่าส่ง-รับถึงบ้าน 100 บาท = 700 บาท หารกัน 3 คน ตกคนละ 200 กว่าบาท

3.แผนที่รถไฟใต้ดินกรุงโซล จะไปหยิบแผ่นพับที่จุดบริการนักท่องเที่ยวที่สนามบินอินชอน หรือโหลดเป็นรูปใส่มือถือเอาไว้ก็ได้ แบบเป็นแอพพลิเคชั่นก็มีทั้ง Metro Seoul Subway, Seoul Metro Map

4.ใบจองไฟลต์และที่พัก ปรินต์ติดตัวเอาไว้เผื่อโดน ตม.ถาม ว่ากลับวันไหน พักที่ไหน เราเลือกพักที่ Feliz Guesthouse ที่เลือกที่นี่เพราะการเดินทางสะดวก อยู่ใกล้กับสถานีโซล เดินแค่ 5 นาทีก็ถึง


5.อื่นๆ เช่น บัตรพนักงาน หนังสือรับรองการทำงาน บัตรเครดิต ฯลฯ หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะบ่งบอกว่าเรามีการมีงานทำเป็นหลักแหล่ง น่าเชื่อถือ เตรียมเอาไว้ไม่เสียหาย เผื่อเจอ ตม.เรียกเข้าห้องเย็น น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่ต้องกังวลกับ ตม.มากจนเกินไป ถ้าตั้งใจมาเที่ยวจริงๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน
เราเดินทางออกจากดอนเมืองเวลา 02.20 น. ถึงสนามบินอินชอนเวลา 09.40 น. (เวลาเกาหลีเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) เดินมาถึงช่อง ตม. เราว่าบรรยากาศก็เหมือน ตม.ญี่ปุ่นนั่นแหละ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้หน้าบึ้งตึงขึงขังอะไร ก่อนจะมานี่วาดภาพเอาไว้ว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่มายืนเรียงหน้ากระดานตามช่องเพื่อคอยจับพิรุธคนที่อาจจะหนีเข้าไปทำงานที่บ้านเค้า ตม.เกาหลีที่บางคนก็บอกว่ายื่นพาสปอร์ตปุ๊บพร้อมกับยิ้ม ตม.มองหน้า ปั๊มผ่าน ไม่ถามอะไรสักคำ ทั้งที่เตรียมจะตอบคำถามมาเต็มเหนี่ยว เตรียมเอกสารโน่นนี่นั่นมาเป็นตั้ง บางคนก็บอกว่า ตม.เกาหลีเขี้ยวมาก ถ้าถามแล้วตอบอ้ำๆ อึ้งๆ ก็มีสิทธิ์โดนเชิญเข้าห้องเย็นได้เหมือนกัน ตัวเราเองไม่กลัวในเรื่องนี้ คิดว่าถ้าจะไปเที่ยวจริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว ถ้าตอบคำถามที่เค้าถามได้ มีเอกสารแสดงให้ดูถ้าเค้าขอดู อีกอย่างพาสปอร์ตเรากับน้องผู้ชายอีกคนก็เข้าญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ครั้ง แต่น้องผู้หญิงที่ไปด้วยอีก 3 คน ก็แอบมีกังวลนิดๆ ว่าจะโดนเรียก เพราะ 1 ใน 3 คนนี้ มีคนนึงที่เคยมากับทัวร์แล้วโดนเรียกเข้าห้องเย็น เพราะหน้าไม่เหมือนในพาสปอร์ต คือในพาสปอร์ตหน้าอ้วน ตัวจริงหน้าเล็กลงเพราะไปดัดฟันมา เราบอกว่าไม่ต้องกังวล ถ้าใครโดนเรียกเข้าห้องเย็น เราจะไม่ไปไหน จะรอยืนยันกับ ตม.ว่ามาเที่ยวด้วยกันจริงๆ และมีแฟนของน้องที่รู้จักซึ่งเป็นคนไทยมาทำงานอยู่ที่ชางวอน ก่อนมาก็ขอรูปนามบัตรที่ทำงาน บัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว และก็เบอร์โทรของแฟนน้องเอาไว้ เผื่อมีปัญหาจะได้ติดต่อเค้า


แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างที่เตรียมมาก็ไม่ได้ใช้เลย ตัวเราเอง ตม.เปิดพาสปอร์ตดู 2-3 หน้า ดูรูป ดูหน้าแวบนึง แล้วก็ปั๊มผ่าน แถมพูด Thank You ให้เราอีกแน่ะ ส่วนน้องๆ ก็ผ่านฉลุยทุกคน ใครที่อยากมาเกาหลีแล้วไม่กล้ามาเพราะกลัวเรื่อง ตม. เรายืนยันว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่บางคนเอามาเล่าว่าเข้ายากอย่างโน้นอย่างนี้ คนที่มีปัญหากับ ตม. เพราะอาจจะเคยไปทำอะไรเอาไว้หรือเปล่าเค้าถึงเพ่งเล็ง หรือมีเจตนาแฝงอย่างอื่นที่ไม่ใช่จะไปท่องเที่ยวอย่างเดียว แล้วเรื่องที่เอามาเล่าเป็นคุ้งเป็นแควนี่ได้เล่าความจริงทั้งหมดหรือเปล่า
ผ่าน ตม.มาได้ก็ซื้อบัตร T-Money ที่ร้าน CU ราคา 4,000 วอน แล้วเติมเงินเข้าไปเพื่อเอาไว้จ่ายค่ารถไฟ รถเมล์ แท็กซี่ ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ตามสถานีรถไฟจะมีตู้สำหรับเติมเงิน มีเมนูภาษาอังกฤษให้ด้วย วิธีเติมก็ง่าย เอาบัตรวางในช่อง เลือกจำนวนเงินที่จะเติม หยอดเงินเข้าไป ซึ่งบัตร T-Money สามารถคืนบัตรได้ทั้งที่ตู้รับคืนบัตร หรือที่ร้านสะดวกซื้อ โดยจะได้เงินที่เหลือในบัตรคืน+ค่ามัดจำบัตร บัตร T-Money ไม่มีวันหมดอายุ จะเก็บเอาไว้ใช้คราวหน้าถ้ามาเที่ยวอีกก็ได้

จากสนามบินอินชอนนั่งรถไฟ Airport Railroad (AREX) เข้าเมือง ซึ่งรถไฟจะมี 2 แบบ คือ แบบธรรมดาจอดทุกสถานี และแบบด่วนจอดแค่สถานีปลายทางคือสถานีโซล ถ้าขึ้นแบบด่วนจะไม่สามารถใช้บัตร T-Money จ่ายค่ารถไฟได้ ต้องซื้อตั๋วต่อเที่ยวที่เคาน์เตอร์ต่างหาก เราเลือกนั่งแบบธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีถึงสถานีโซล

ออกจากสถานีรถไฟ เดินข้ามถนนมาตรงโรงพยาบาลเด็ก Sohwa แล้วเดินอีก 5 นาที ก็ถึงที่พัก Feliz Guesthouse ซึ่งโชคดีมากที่ที่พักอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะลอยฟ้า Seoullo 7017 แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงโซล ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเส้นทางจะเชื่อม 17 เส้นทางรอบกรุงโซล ทั้งนัมแดมุน ทงแดมุน ภูเขานัมซาน และสามารถมองเห็น N Seoul Tower ได้จากบนสะพาน ตอนกลางคืนบนสะพานจะเปิดไฟด้วย และที่พักยังอยู่ใกล้กับ LOTTE MART และ LOTTE OUTLETS ด้วย

ห้องพักก็ขนาดพอเหมาะ มีเตียง 2 ชั้นให้ 2 หลัง ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องส้วม 1 ห้อง ในครัวกลางมีตู้เย็น ตู้กดน้ำเปล่า ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้าให้ใช้ และมีนม คอร์นเฟลกซ์ ขนมปังให้กินได้ตลอด ที่พักเปิดให้เช็กอินเวลา 15.00 น. เลยฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ ออกไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาเช็กอินตอนเย็น


ช่วงที่เราไปอากาศหนาวมาก อุณหภูมิช่วงกลางวันอยู่ระหว่าง 4-1 องศาเซลเซียส ส่วนช่วงเย็นถึงกลางคืนอยู่ระหว่าง 0 ถึง -1 หรือ -2 องศาเซลเซียส บวกกับลมแรง และตามพยากรณ์บอกว่าวันที่ 23 พ.ย. จะมีหิมะตก อยากรู้เหมือนกันว่าพยากรณ์อากาศของเกาหลีจะแม่นยำขนาดไหน ใครที่ขี้หนาว เสื้อผ้า หมวก ถุงมือ จัดมาให้เต็มได้เลย ส่วนตัวเราไม่ใช่คนขี้หนาว ใช้เสื้อขนเป็ดตัวเดียวตลอดทริปก็เอาอยู่ เพราะรู้สึกว่าหนาวในระดับที่พอไหว ไม่ได้หนาวจนสั่น หมวก ถุงมือ ลองจอน ฮีตเทค ที่เตรียมมาไม่ได้หยิบออกมาใช้เลย
วันที่ 1 : Bukchon Hanok Village - Gyeongbokgung Palace - Gwanghwamun Square - Dongdaemun Design Plaza - Cheonggyecheon Stream - Dongdaemun Gate
ที่แรกที่เราไปคือ “หมู่บ้านโบราณบุกชอนฮันอก” เป็นหมู่บ้านที่ยังอนุรักษ์วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของเกาหลีเอาไว้ และเป็นบ้านที่ยังมีคนอาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นระหว่างเดินเที่ยวในหมู่บ้านต้องงดใช้เสียงดัง ซึ่งจะมีป้ายเตือนอยู่ตลอดทาง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ตามแผนที่ในหมู่บ้านจะมีจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาดอยู่ 8 จุด หนึ่งในจุดยอดฮิตคือมุมที่ถ่ายลงไปแล้วจะเห็นตึกในกรุงโซลเป็นฉากหลัง ถ้าจะเดินให้ทั่วทั้งหมู่บ้านน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพราะหมู่บ้านจะมี 2 ฝั่ง โดยมีถนนใหญ่คั่นเอาไว้
การเดินทาง - รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Anguk ทางออกที่ 2 เดินตรงไป 300 เมตร ตรงสี่แยกจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สามารถขอรับแผนที่ของหมู่บ้านบุกชอนฮันอกได้




เดินลัดเลาะจากหมู่บ้านโบราณบุกชอนฮันอกลงมาก็จะเจอ “พระราชวังเคียงบกกุง” เป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี เดินตามแนวกำแพงมาเรื่อยๆ จนถึงประตูควางฮวามุน เราไปตรงกับวันอังคารซึ่งพระราชวังปิดเลยไม่ได้เข้าไปข้างใน ได้แค่ถ่ายรูปตรงหน้าประตู ซึ่งถ้าเป็นวันเปิดทำการจะมีการแสดงเปลี่ยนเวรเฝ้าประตูให้ชมด้วย
การเดินทาง - รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung ทางออกที่ 5

เดินข้ามถนนจากพระราชวังเคียงบกกุงมาจะเป็น “จัตุรัสควางฮวามุน” มีอนุสาวรีย์แม่ทัพยีซุนชิน ซึ่งเป็นแม่ทัพเรือในยุคราชวงศ์โชซอน ด้านล่างจะเป็นพิพิธภัณฑ์มีเรือเต่าจำลองจัดแสดงอยู่ และอนุสาวรีย์กษัตริย์เซจง ผู้ประดิษฐ์อักษรฮัลกึล ซึ่งก็คืออักษรเกาหลีในปัจจุบัน ด้านล่างของอนุสาวรีย์จะมีพิพิธภัณฑ์กษัตริย์เซจง เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน (ปิดวันอังคาร) อนุสาวรีย์ทั้งสองนี้จะมีฉากหลังเป็นพระราชวังเคียงบกกุง และเทือกเขาพุคกัคซาน
การเดินทาง – รถไฟใต้ดินสาย 5 ลงสถานี Gwanghwamun ทางออกที่ 9

[CR] Review : ทริปแรกที่เกาหลี 4 วัน 3 คืน กับงบ 15,000 ถึงไม่ใช่ติ่งแต่ก็ฟินจนอยากกลับไปอีก
เที่ยวญี่ปุ่นใครว่าแพง Review ตะลุย Osaka 2 วัน 2 คืน ราคาประหยัดในแบบฉบับมือใหม่ https://pantip.com/topic/34275248
ครั้งแรกกับเมืองมรดกโลก...สะบายดี หลวงพระบาง https://pantip.com/topic/34626716
Review : เที่ยวโตเกียว 5 วัน 4 คืน ด้วยตัวเองง่ายนิดเดียว...ใครๆ ก็ไปได้ https://pantip.com/topic/35677098
สวัสดีสมาชิกพันทิปทุกท่านครับ เราเองไม่เคยไปเกาหลีมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยไปเกาหลี อยากลองไปแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง รีวิวนี้ของเราน่าจะพอเป็นแนวทางคร่าวๆ ให้ได้ ทริปของเราเป็นทริปสั้นๆ 4 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ย.
หาตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก
เกาหลีไม่เคยอยู่ในแพลนเที่ยวของเราในเวลาอันใกล้เลย อยู่ในกลุ่มประเทศท้ายๆ ที่อยากจะไป เพราะมีอีกหลายที่ที่อยากไปมากกว่า ทั้งฮอกไกโด ไต้หวัน มัลดีฟส์ ฯลฯ อีกอย่างคือเราไม่ได้อินกับอะไรที่เป็นเกาหลีมากนัก ไม่ว่าจะซีรี่ส์หรือเพลง อ่านรีวิวบางคนก็บอกว่าไปมาแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย ก็งั้นๆ แหละ ไปเที่ยวประเทศอื่นดีกว่า บางคนก็บอกว่าไปมาหลายครั้งแล้วก็สนุกทุกครั้ง บางคนก็บอกว่าอย่าไปเลย ตม.ดุ แต่ฟังแค่คำบอกเล่ามันก็คงไม่เท่ากับไปสัมผัสเอง เลยเข้าเว็บ Airasiago หาตั๋ว+ที่พักในราคาไม่เกินหมื่น คิดว่าถ้าเจอก็จะลองไป ถ้าไม่ประทับใจก็จะได้ไม่เสียดายเงินมากนัก หรือถ้าไม่เจอก็ไม่ไป แล้วก็เจอในราคาหมื่นนิดๆ เลยลองชวนน้องอีก 2 คน ว่าจะไปด้วยกันมั้ย เพราะถ้าจองห้องสำหรับ 3 คน ราคาก็จะถูกลงอีก น้องอีก 2 คนตกลงจะไปด้วย เลยจัดเป็นทริปสั้นๆ 4 วัน 3 คืน สรุปว่าได้ตั๋ว+ที่พัก 3 คืน ใกล้กับสถานีโซล แถมเป็นไฟลต์บินตรงด้วย วันที่ 21-24 พ.ย. เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ในราคาเบ็ดเสร็จคนละ 8,820 บาท (ยังไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า) ปกติแล้วเราจะซื้อโหลดกระเป๋าช่วงใกล้เดินทาง แต่หลังจากที่เราจองตั๋วทริปนี้ไม่กี่วัน Airasia ก็ประกาศขึ้นราคาค่าโหลดกระเป๋า เล่นเอาเงิบ เราซื้อโหลดกระเป๋าเฉพาะขากลับ 20 กิโลกรัม ราคา 1,150 บาท หารกัน 3 คน
เตรียมตัว
1.แลกเงินที่ Super Rich สาขาเซ็นทรัลพระราม 9 เรตวันที่แลก (31 ส.ค. 2560) อยู่ที่ 0.0294 แลกมา 10,000 บาท = 340,000 วอน ถ้ากิเลสหนาอยากได้โน่นได้นี่มากๆ ก็ค่อยรูดบัตรเครดิตเอา
เราเดินทางออกจากดอนเมืองเวลา 02.20 น. ถึงสนามบินอินชอนเวลา 09.40 น. (เวลาเกาหลีเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) เดินมาถึงช่อง ตม. เราว่าบรรยากาศก็เหมือน ตม.ญี่ปุ่นนั่นแหละ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้หน้าบึ้งตึงขึงขังอะไร ก่อนจะมานี่วาดภาพเอาไว้ว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่มายืนเรียงหน้ากระดานตามช่องเพื่อคอยจับพิรุธคนที่อาจจะหนีเข้าไปทำงานที่บ้านเค้า ตม.เกาหลีที่บางคนก็บอกว่ายื่นพาสปอร์ตปุ๊บพร้อมกับยิ้ม ตม.มองหน้า ปั๊มผ่าน ไม่ถามอะไรสักคำ ทั้งที่เตรียมจะตอบคำถามมาเต็มเหนี่ยว เตรียมเอกสารโน่นนี่นั่นมาเป็นตั้ง บางคนก็บอกว่า ตม.เกาหลีเขี้ยวมาก ถ้าถามแล้วตอบอ้ำๆ อึ้งๆ ก็มีสิทธิ์โดนเชิญเข้าห้องเย็นได้เหมือนกัน ตัวเราเองไม่กลัวในเรื่องนี้ คิดว่าถ้าจะไปเที่ยวจริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว ถ้าตอบคำถามที่เค้าถามได้ มีเอกสารแสดงให้ดูถ้าเค้าขอดู อีกอย่างพาสปอร์ตเรากับน้องผู้ชายอีกคนก็เข้าญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ครั้ง แต่น้องผู้หญิงที่ไปด้วยอีก 3 คน ก็แอบมีกังวลนิดๆ ว่าจะโดนเรียก เพราะ 1 ใน 3 คนนี้ มีคนนึงที่เคยมากับทัวร์แล้วโดนเรียกเข้าห้องเย็น เพราะหน้าไม่เหมือนในพาสปอร์ต คือในพาสปอร์ตหน้าอ้วน ตัวจริงหน้าเล็กลงเพราะไปดัดฟันมา เราบอกว่าไม่ต้องกังวล ถ้าใครโดนเรียกเข้าห้องเย็น เราจะไม่ไปไหน จะรอยืนยันกับ ตม.ว่ามาเที่ยวด้วยกันจริงๆ และมีแฟนของน้องที่รู้จักซึ่งเป็นคนไทยมาทำงานอยู่ที่ชางวอน ก่อนมาก็ขอรูปนามบัตรที่ทำงาน บัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว และก็เบอร์โทรของแฟนน้องเอาไว้ เผื่อมีปัญหาจะได้ติดต่อเค้า
แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างที่เตรียมมาก็ไม่ได้ใช้เลย ตัวเราเอง ตม.เปิดพาสปอร์ตดู 2-3 หน้า ดูรูป ดูหน้าแวบนึง แล้วก็ปั๊มผ่าน แถมพูด Thank You ให้เราอีกแน่ะ ส่วนน้องๆ ก็ผ่านฉลุยทุกคน ใครที่อยากมาเกาหลีแล้วไม่กล้ามาเพราะกลัวเรื่อง ตม. เรายืนยันว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่บางคนเอามาเล่าว่าเข้ายากอย่างโน้นอย่างนี้ คนที่มีปัญหากับ ตม. เพราะอาจจะเคยไปทำอะไรเอาไว้หรือเปล่าเค้าถึงเพ่งเล็ง หรือมีเจตนาแฝงอย่างอื่นที่ไม่ใช่จะไปท่องเที่ยวอย่างเดียว แล้วเรื่องที่เอามาเล่าเป็นคุ้งเป็นแควนี่ได้เล่าความจริงทั้งหมดหรือเปล่า
ผ่าน ตม.มาได้ก็ซื้อบัตร T-Money ที่ร้าน CU ราคา 4,000 วอน แล้วเติมเงินเข้าไปเพื่อเอาไว้จ่ายค่ารถไฟ รถเมล์ แท็กซี่ ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ตามสถานีรถไฟจะมีตู้สำหรับเติมเงิน มีเมนูภาษาอังกฤษให้ด้วย วิธีเติมก็ง่าย เอาบัตรวางในช่อง เลือกจำนวนเงินที่จะเติม หยอดเงินเข้าไป ซึ่งบัตร T-Money สามารถคืนบัตรได้ทั้งที่ตู้รับคืนบัตร หรือที่ร้านสะดวกซื้อ โดยจะได้เงินที่เหลือในบัตรคืน+ค่ามัดจำบัตร บัตร T-Money ไม่มีวันหมดอายุ จะเก็บเอาไว้ใช้คราวหน้าถ้ามาเที่ยวอีกก็ได้
จากสนามบินอินชอนนั่งรถไฟ Airport Railroad (AREX) เข้าเมือง ซึ่งรถไฟจะมี 2 แบบ คือ แบบธรรมดาจอดทุกสถานี และแบบด่วนจอดแค่สถานีปลายทางคือสถานีโซล ถ้าขึ้นแบบด่วนจะไม่สามารถใช้บัตร T-Money จ่ายค่ารถไฟได้ ต้องซื้อตั๋วต่อเที่ยวที่เคาน์เตอร์ต่างหาก เราเลือกนั่งแบบธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีถึงสถานีโซล
ออกจากสถานีรถไฟ เดินข้ามถนนมาตรงโรงพยาบาลเด็ก Sohwa แล้วเดินอีก 5 นาที ก็ถึงที่พัก Feliz Guesthouse ซึ่งโชคดีมากที่ที่พักอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะลอยฟ้า Seoullo 7017 แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงโซล ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเส้นทางจะเชื่อม 17 เส้นทางรอบกรุงโซล ทั้งนัมแดมุน ทงแดมุน ภูเขานัมซาน และสามารถมองเห็น N Seoul Tower ได้จากบนสะพาน ตอนกลางคืนบนสะพานจะเปิดไฟด้วย และที่พักยังอยู่ใกล้กับ LOTTE MART และ LOTTE OUTLETS ด้วย
ห้องพักก็ขนาดพอเหมาะ มีเตียง 2 ชั้นให้ 2 หลัง ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องส้วม 1 ห้อง ในครัวกลางมีตู้เย็น ตู้กดน้ำเปล่า ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้าให้ใช้ และมีนม คอร์นเฟลกซ์ ขนมปังให้กินได้ตลอด ที่พักเปิดให้เช็กอินเวลา 15.00 น. เลยฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ ออกไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาเช็กอินตอนเย็น
ช่วงที่เราไปอากาศหนาวมาก อุณหภูมิช่วงกลางวันอยู่ระหว่าง 4-1 องศาเซลเซียส ส่วนช่วงเย็นถึงกลางคืนอยู่ระหว่าง 0 ถึง -1 หรือ -2 องศาเซลเซียส บวกกับลมแรง และตามพยากรณ์บอกว่าวันที่ 23 พ.ย. จะมีหิมะตก อยากรู้เหมือนกันว่าพยากรณ์อากาศของเกาหลีจะแม่นยำขนาดไหน ใครที่ขี้หนาว เสื้อผ้า หมวก ถุงมือ จัดมาให้เต็มได้เลย ส่วนตัวเราไม่ใช่คนขี้หนาว ใช้เสื้อขนเป็ดตัวเดียวตลอดทริปก็เอาอยู่ เพราะรู้สึกว่าหนาวในระดับที่พอไหว ไม่ได้หนาวจนสั่น หมวก ถุงมือ ลองจอน ฮีตเทค ที่เตรียมมาไม่ได้หยิบออกมาใช้เลย
วันที่ 1 : Bukchon Hanok Village - Gyeongbokgung Palace - Gwanghwamun Square - Dongdaemun Design Plaza - Cheonggyecheon Stream - Dongdaemun Gate
ที่แรกที่เราไปคือ “หมู่บ้านโบราณบุกชอนฮันอก” เป็นหมู่บ้านที่ยังอนุรักษ์วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของเกาหลีเอาไว้ และเป็นบ้านที่ยังมีคนอาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นระหว่างเดินเที่ยวในหมู่บ้านต้องงดใช้เสียงดัง ซึ่งจะมีป้ายเตือนอยู่ตลอดทาง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ตามแผนที่ในหมู่บ้านจะมีจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาดอยู่ 8 จุด หนึ่งในจุดยอดฮิตคือมุมที่ถ่ายลงไปแล้วจะเห็นตึกในกรุงโซลเป็นฉากหลัง ถ้าจะเดินให้ทั่วทั้งหมู่บ้านน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพราะหมู่บ้านจะมี 2 ฝั่ง โดยมีถนนใหญ่คั่นเอาไว้
การเดินทาง - รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Anguk ทางออกที่ 2 เดินตรงไป 300 เมตร ตรงสี่แยกจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สามารถขอรับแผนที่ของหมู่บ้านบุกชอนฮันอกได้
เดินลัดเลาะจากหมู่บ้านโบราณบุกชอนฮันอกลงมาก็จะเจอ “พระราชวังเคียงบกกุง” เป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี เดินตามแนวกำแพงมาเรื่อยๆ จนถึงประตูควางฮวามุน เราไปตรงกับวันอังคารซึ่งพระราชวังปิดเลยไม่ได้เข้าไปข้างใน ได้แค่ถ่ายรูปตรงหน้าประตู ซึ่งถ้าเป็นวันเปิดทำการจะมีการแสดงเปลี่ยนเวรเฝ้าประตูให้ชมด้วย
การเดินทาง - รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung ทางออกที่ 5
เดินข้ามถนนจากพระราชวังเคียงบกกุงมาจะเป็น “จัตุรัสควางฮวามุน” มีอนุสาวรีย์แม่ทัพยีซุนชิน ซึ่งเป็นแม่ทัพเรือในยุคราชวงศ์โชซอน ด้านล่างจะเป็นพิพิธภัณฑ์มีเรือเต่าจำลองจัดแสดงอยู่ และอนุสาวรีย์กษัตริย์เซจง ผู้ประดิษฐ์อักษรฮัลกึล ซึ่งก็คืออักษรเกาหลีในปัจจุบัน ด้านล่างของอนุสาวรีย์จะมีพิพิธภัณฑ์กษัตริย์เซจง เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน (ปิดวันอังคาร) อนุสาวรีย์ทั้งสองนี้จะมีฉากหลังเป็นพระราชวังเคียงบกกุง และเทือกเขาพุคกัคซาน
การเดินทาง – รถไฟใต้ดินสาย 5 ลงสถานี Gwanghwamun ทางออกที่ 9