ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นสักนิด ว่าปกติชีวิตภาคเองก็เป็นคนดูแลตัวเองระดับหนึ่ง ทาครีมบ้าง กันแดดบ้าง เจลแต้มสิว นานๆทีก็มีเข้าไปทำทรีทเมนต์ตามคลินิกบ้าง ก็ดูแลกันไปในยุค2017 จะหน้ามัน สิวเขรอะ ตาอิดโรยไปไหนต่อไหนก็คงไม่ใช่สิ่งน่าดูชม ไหนจะติดต่องาน พบลูกค้า หรือจะไปเที่ยวชิลๆถ่ายรูปสวยๆ ให้ใช้แอปก็ยังไม่ช่วยเลยหากเราไม่มีต้นทุน ไม่มีการดูแลตัวเองบ้างเลย
และวันนี้จะมา #ฝากบอก เรื่องบังเอิญในสไตล์พลีชีพให้ฟัง
ภาคได้รับCallเทียบเชิญเข้าไปเช็คตรวจวิเคราะห์ผิวหน้ากับลอง try in จาก Doctor Life คลินิกเวชกรรมความงามแบบครบวงจร
เมื่อถึงวันนัด ภาคเลือกใช้บริการที่สาขา The Emquartier เพราะเดินทางสะดวก ขับรถมาก็มีลิฟต์จอดรถล้ำๆ หรือจะมาBTSหนีรถติดก็ชิลเช่นกัน

Doctor Life ตั้งอยู่ตึก Building A (The Helix Quartier) ชั้น4 ตรงข้ามลิฟต์แก้วกลางห้าง หาง่ายมาง่าย ชิลไปอีก

เมื่อมาถึงก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยคุณหมอก่อนเลยครับ และทำการมุดอุโมงค์เช็คปัญหาบนใบหน้า (ภาคเชื่อว่าหนุ่มๆสาวๆหลายๆคน น่าจะเคยมีโอกาสได้ลองเช็คกับเจ้าอุโมงค์นี้มากันบ้างอยู่) ซึ่งเจ้าอุโมงค์นี้คือ เครื่อง 3D Facial Analysis จะบอกว่ากำลังขยายของเครื่องนี้ทำให้เห็นไปถึงรูขุมขน เซลล์ผิว และยังบอกการดูแลผิวหน้าที่ผ่านมาได้ด้วยว่าดีพอแล้วหรือยัง แต่ไฮไลท์คือเจ้าหน้าที่แจ้งภาคว่า สภาพผิวหน้าอ่อนกว่าไว นี่คือแบบพีคในพีคครับ ขำกลิ้งเลย…แต่ก็แอบดีใจนะว่าเครื่องไม่ฟ้องว่าหน้าแก่กว่าวัย แต่มีร่องแก้มและร่องใต้ตาลึกมาก และนั่นคือปัญหาใหญ่ปัญหาเดียวที่แนะนำให้แก้ไขครับ…
เมื่อได้ผลตรวจต่างๆ และทราบถึงปัญหาก็รอคิวเข้าปรึกษาคุณหมอครับว่าจะดูแลตัวเองยังไงได้บ้าง หรือควรเสริม เพิ่มเติม แก้ไขจุดใดบ้าง


พอถึงคิวพบคุณหมอ วันนี้ได้คิวคุณหมอหนอยแน่(พญ.นภามล) ได้ข่าวว่าเป็นมือหนึ่งของ Doctorlife Clinic มือเบาในการทำหัตถการ และงานดีมากๆครับ (มาทราบภายหลังจากพี่ๆพนักงานและTherapist)
คุณหมอก็ถามก่อนเลย กลัวเข็มไหม… ภาคก็ตอบเลยตรงๆ
เข็มไม่กลัว แต่กลัวเจ็บครับ คุณหมอก็แนะนำให้แก้ปัญหาเรื่องร่องลึกใต้ดวงตา และร่องแก้ม ภาคก็รีบเล่าว่าสงสัยคงต้องแก้ไขจริงๆแล้วหละ เมื่อวานแม่มองหน้าแล้วทักว่าไปทำอะไรมาดูแก่ๆหน้าริ้วๆ โทรมๆ แม่ถามแบบนี้บอกเลยคือสตั๊นไป3วินาที
พอถึงตรงนี้คุณหมอก็อธิบายให้ฟังครับเกี่ยวกับเจ้า Filler หรือ Hyaluronic Acid (HA) จะมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากกว่าน้ำหนักโมเลกุลของตัวมันถึงพันเท่า มีลักษณะเป็นเนื้อเจลจึงมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้เติมเต็มริ้วรอย หลุมสิว ร่องแก้ม ริมฝีปาก ทำให้บริเวณนั้นๆเต็มขึ้น และช่วยปรับแก้ไขรูปหน้า ไปจนถึงการเสริมคาง เติมแก้ม หรือจะว่ากันง่ายๆคือ ใช้เติมเต็มในส่วนลึก และปรับเสริมแต่งเพิ่มในบางส่วนที่ต้องการนั่นเอง
เจ้า HA จะค่อยๆ ถูก Metabolize ในร่างกาย และสลายตัวไปได้เองตามธรรมชาติ ไร้สารตกค้างไม่ต้องกังวล มีอายุอยู่ได้ราวๆ1-2 ปี ตามการดูแลตัวเองครับ
โดยคุณหมอจะเลือกชนิดของ Filler ที่มีความละเอียดของโมเลกุล (ความหนืด ความข้นเหนียว รวมไปถึงคุณสมบัติการยึดเกาะ) ให้เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการฉีดแก้ไข และโดยทาง Doctorlife Clinic ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ผลิตโดยประเทศอเมริกาและได้รับ FDA (อย.) ภายใต้ชื่อ Juvederm จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย และไม่เป็นพิษต่อร่างกาย สามารถสลายตัวตามธรรมชาติ
เล่ามายาวแบบนี้…ภาคถามกลับเพื่อการตัดสินใจ
เจ็บมากไหม?? หมอบอกเหมือนมดตัวใหญ่ๆกัด ห้าๆ จากนั้นก็คิดตัดสินใจวัดใจเพื่อไว้วางใจแบบ #พลีชีพ ให้คุณหมอหนอยแน่ดูเเลครับ

ก่อนอื่นเลยจะมีพี่Therapist มาดูแลในเรื่องของการ Cleaning (หน้าสด ไร้เมคอัพและครีมใดๆ) ให้สะอาดและแห้งพร้อมให้คุณหมอและพยาบาลทำงานในขั้นตอนต่อไป

ปกติก็เคยทำแค่เครื่องทรีทเมนต์ จี๊ดๆจื๊ดๆบ้าง ยิบๆบ้าง ร้อนๆวูบๆบ้าง มารอบนี้ดูจริงจังและเป็นเรื่องใหญ่โตมากๆสำหรับตัวภาคเองอยู่เหมือนกันครับ… พอเข้าห้องมาก็ทำการถ่ายBeforeไว้ก่อน ถึงตรงนี้บอกเลยโคตรตื่นเต้น แอบเหงื่อซึบเบาๆ หมอแซวว่าตื่นเต้นไปไหมเนี่ย เหงื่อแตกเลย ^^
พยายาลก็เตรียมเครื่องมืออยู่ข้างๆ(ความรู้สึกคือ จะเป็นไงบ้างกล้าๆกลัวๆกับการตัดสินใจ)

เมื่อการเตรียมเสร็จ คุณหมอก็จะMarking จุดที่จะปรับแต่ง หาทางเดินทางเข้าให้ตัวยาวิ่งเข้าไปทางไหน และบริหารปริมาณการใช้ในเรื่องของจำนวนCCครับ


ขั้นตอนต่อไปพยาบาลจะช่วยเอาน้ำแข็งประคบให้หน้าของเราเย็นจนชา เพื่อให้คุณหมอฉีดยาชาครับ(ในบริเวณที่ทำวันนี้จะใกล้ดวงตา เส้นประสาทจะเยอะมากครับจึงฉีดยาชาไว้เพื่อกันความเจ็บระหว่างเดินยาจริง)
ตอนโดนฉีดยาชาจะรู้สึกเจ็บจิ๊ดๆเหมือนโดนมดตานอยกัด และอาจจะแสบๆผิวอยู่นิดๆในบางจุดครับ แต่ก็ไม่ถึงกับทนไม่ได้ พอฉีดไปสักพักหน้าจะหนักๆปากจะเบินๆพูดไม่ค่อยรู้เรื่องครับ แต่หมอก็พยายามถามพยายามชวนคุยลดความตึงเครียดไปเรื่อยๆเช่นกัน


และหลังจากชาไปทั้งแก้ม เหงือก ปากแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือ…คุณหมอจะมีการเปลี่ยนตัวความยาวเข็มให้เหมาะกับงานในแต่ละจุด แต่ทั้งหมดจะเป็นเข็มปลายทู่ไม่ทำให้เกิดรอยช้ำ และไม่ทำให้เป็นจ้ำๆ อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้ไปโดนให้เส้นเลือดต่างๆ เวลาดันเข็มจะรู้สึกกึกๆบนหน้า โดยจะมีคำถามตลอดว่าเจ็บไหมๆ หน้าก็ตึงไปแล้วชาไปแล้วจึงชิลครับปล่อยให้เข็มควานชอนไชไป
สรุปว่าวันนี้ร่องใต้ตาทั้ง2ข้างและร่องแก้มภาคจะใช้ไป 3 CC(3กล่อง) ซึ่งราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่กล่องละ 1x,xxxขึ้นไป จะแตกต่างไปตามชนิดของ Filler โดยจะมีชื่อเรียกน่ารักๆแยกกันครับ อยากรู้ว่าภาคทำอะไรตรงไหนลองกดดูครับ โดยคุณหมอเป็นคนวางแผนและแพลนนิ่งการทำให้ทั้งหมดครับ ตรงSpoiled อันนี้แอบถามคุณหมอมาให้ครับเพื่อเป็นประโยชน์และแนวทางให้เพื่อนๆครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. Filler - Juvederm Ultra Plus
(ภาคฉีด - เติมร่องแก้มให้ตื้นขึ้น และช่วงพยุงใต้ตา ให้มีความลึกลดลง)
เน้นการเติมเต็มในบริเวณร่องแก้ม ร่องลึกต่างๆ เติมบริเวณขมับ หรือในคนที่มีหน้าตอบ เป็นการเติมเต็ม และปรับเปลี่ยนหรือ ปรับแต่งรูปหน้าให้ได้ตามต้องการ เช่น การฉีดเสริมจมูก หรือเสริมคาง ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ฉีดดูสวยงามมีความสมดุลของใบหน้ามากขึ้น สามารถอยู่ได้นาน 1 ปี
2. Filler - Juvederm Voluma
(ภาคฉีด - ที่กระดูกบริเวณโหนกแก้ม เพื่อยกแก้มขึ้นให้มีมิติ)
มีความคงตัวเหนือกว่าสารเติมเต็มตัวอื่นๆ และความสามารถในการครีเอทรูปหน้าที่สมส่วนไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับหน้าให้ เรียว หรือการเติมเต็มจมูกและคางที่ได้รูปคม มีความยืดหยุ่นและมีคุณสมบัติในการคืนตัวได้สูง สามารถฉีด
เพิ่ม Volume และ Contour ได้ดี ไม่ไหลหรือแบนออกด้านข้าง ทำให้สามารถนำมาใช้ได้ดีกับจมูกและคาง แลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ทำให้รู้สึกเป็นก้อน และมีความสามารถในการอุ้มน้ำได้น้อยกว่า ทำให้ฉีดได้ง่าย ไม่บวมมากขึ้นหลังฉีด และสวยทันทีหลังฉีด ไม่ต้องกลับไปดื่มน้ำเพื่อให้ฟูมากขึ้นเหมือนสารเติมเต็มอื่น
ทั้งในบริเวณร่องแก้ม ร่องลึกต่างๆ เติมบริเวณขมับ หรือในคนที่มีหน้าตอบ เป็นการเติมเต็ม และปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งรูปหน้า ให้ได้ตามต้องการ เช่น การฉีดเสริมจมูก หรือเสริมคาง ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ฉีดดูสวยงามมีความสมดุลของใบหน้ามากขึ้น ซึ่งสามารถอยู่ได้นาน 2 ปี
3. Filler - Juvederm Volbella
(ภาคฉีด – เติมเต็มเฉพาะบริเวณรอบดวงตา ซึ่งเป็นปัญหาหลักในเคสวันนี้)
เน้นการเติมเต็มในบริเวณใต้ตา ให้ดูอ่อนนุ่ม และริมฝีปากให้ดูเอิบอิ่ม ซึ่งจะช่วยให้บริเวณที่ฉีดดูเป็นธรรมชาติ มีน้ำ มีนวล วสามารถอยู่ได้นาน 1 ปี


รูปนี้เป็นหลังจากการฉีดเสร็จทันที จะบอกว่าร่องต่างๆตื้นขึ้น บอกได้ว่ามันหายไปเลยก็ว่าได้ครับ…(ยังไม่ได้เช็ดเลือดเลย สดๆร้อนๆ)
เมื่อทำการเช็ดทำความสะอาด แทบจะสังเกตไม่ได้เลยครับว่าเพิ่งทำอะไรมา สามารถทำงานรึไปเที่ยวชิลๆได้ต่อเลยครับ แต่สาวๆก็อย่าเพิ่งลงเมคอัพนะครับ หน้าสดกันไปสักนิด… เดี๋ยวฝุ่นแป้งจะจากน้ำหอมจากครีมต่างๆอาจจะลงไปทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ครับ
แล้วทำเสร็จต้องทำตัวยังไง มีอะไรห้ามบ้างคุณหมอก็จะแจ้งไว้ครับตามนี้ ใครอยากรู้ก็กดSpoiled ได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คำแนะนำ และการปฏิบัติตัวหลังการทำ Filler
- ห้ามจับหรือปั้นแต่งรูปทรงของ Fillerเองหลังฉีด จนกว่าFillerจะเข้าที่ ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
- ช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรงดเว้นการดื่มแอลกอฮอล์ การนวดหน้า ขัดหน้า และการโดนความร้อน เช่น ซาวน่า สตีม
- ควรดื่มน้ำให้มากๆ (อย่างน้อยวันละ 8แก้ว) เป็นประจำทุกวัน
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรเว้นตรงบริเวณที่ฉีดก่อน

และนี่คือรูปหลังตื่นนอนวันรุ่งขึ้น จะมีรอยแดงๆเหมือนรอยสิวเกิดขึ้นบ้างบางจุด แต่ไร้รอยช้ำหรือจุดๆจ้ำๆแต่อย่างใด ต้องขอบคุณคุณหมอหนอยแน่และDoctorlife Clinic ที่ดูและภาคเป็นอย่างดีและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนครับ

วันที่1: เมื่อจะออกจากบ้าน… ก็ทาเจลกันช้ำ ตรงจุดที่ลงเข็ม (เป็นสิ่งเดียวที่ได้มาทาจากClinic ไม่มียาหรือครีมอื่นๆ) วันแรกจะรู้สึกหนึบๆยิบๆใบหน้านิดๆ เวลาเราทาครีมหรือล้างหน้าจะรู้สึกเหมือนเพิ่งโดนอะไรกระแทกมานิดๆ หนึบๆในหน้าครับ…
วันนี้ภาคมีงานต้องออกไปนอกบ้านก็จะใช้แค่ เจลใสลดช้ำ กันแดด และแป้งฝุ่นครับ
ในวันแรกก็รู้สึกถึงร่องที่หายไปแล้วครับ ถือว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุดและได้ผลเป็นอย่างดี

วันที่3: ซ้ายคือหน้าสดๆ ที่รอยแดงๆจางลง แลดูร่องแก้มและใต้ตาหายไปจนเห็นได้ชัดเลยครับ พอดีวันนี้ภาคเองมีงานต้องไปถ่ายVTR Presentationของลูกค้าครับ เลยต้องมีการปกปิดที่มากขึ้นในอีกระดับ โดยจะทาเจลใสลดช้ำเช่นเดิม ตามด้วยกันแดดสีเนื้อ ใช้คอนซีลเลอร์ในตำนาน และจบด้วยแป้งฝุ่นครับ แค่นี้ก็พร้อมทำงานออกกล้องแล้วครับ

วันที่7: ครบ1อาทิตย์ แทบไม่เหลือรอยอะไรไว้เลย เส้นร่องต่างๆหายไปอย่างชัดเจนครับ บอกเลยว่าHappyมากๆ #พลีชีพ บอกลาหน้าล้า ตาเพลีย และวงแพนด้าในอดีตไปเลยครับ… และวันนี้ครบ1วีคก็นัดคุณหมอไว้ครับเพื่อเข้าไปให้คุณหมอตรวจ
และช่วงเช้ามีคุยงานกับลูกค้า ก่อนออกจากบ้านก็จัดเลย เจลลดช้ำ กันแดดเนื้อขาว รองพื้นลบรอยดำๆ และจบด้วยแป้งฝุ่น

วันนี้มาสาขา Central Rama 9 ครับ Doctorlife Clinic จะอยู่ชั้น8 ครับ
คุณหมอก็เช็คและบอกเลยว่าเพอร์เฟกต์ และก่อนกลับก็ได้ทำทรีทเมนต์ Meso Noble ดูแลหน้าใสเพิ่มก่อนกลับบ้าน จะบอกว่าดีงามมากๆครับ มีการนวดคอ บ่า ไหล่ ให้ด้วย ผ่อนคลายและหน้าใสไร้ร่องลึกอีกต่อไปครับ
ภาคหวังว่าเรื่อง #ฝากบอก รอบนี้เพื่อนๆจะชอบกัน และเป็นประโยชน์อยู่บ้าง
ส่วนครั้งหน้าจะมาบอกอะไร เล่าเรื่องอะไรต่อ รอติดตามกันนะ
#เชฟภาคฝากบอก
[CR] พลีชีพ เพื่อบอกลาหน้าล้า ตาเพลีย และวงแพนด้า…
และวันนี้จะมา #ฝากบอก เรื่องบังเอิญในสไตล์พลีชีพให้ฟัง
ภาคได้รับCallเทียบเชิญเข้าไปเช็คตรวจวิเคราะห์ผิวหน้ากับลอง try in จาก Doctor Life คลินิกเวชกรรมความงามแบบครบวงจร
เมื่อถึงวันนัด ภาคเลือกใช้บริการที่สาขา The Emquartier เพราะเดินทางสะดวก ขับรถมาก็มีลิฟต์จอดรถล้ำๆ หรือจะมาBTSหนีรถติดก็ชิลเช่นกัน
เมื่อได้ผลตรวจต่างๆ และทราบถึงปัญหาก็รอคิวเข้าปรึกษาคุณหมอครับว่าจะดูแลตัวเองยังไงได้บ้าง หรือควรเสริม เพิ่มเติม แก้ไขจุดใดบ้าง
คุณหมอก็ถามก่อนเลย กลัวเข็มไหม… ภาคก็ตอบเลยตรงๆ
เข็มไม่กลัว แต่กลัวเจ็บครับ คุณหมอก็แนะนำให้แก้ปัญหาเรื่องร่องลึกใต้ดวงตา และร่องแก้ม ภาคก็รีบเล่าว่าสงสัยคงต้องแก้ไขจริงๆแล้วหละ เมื่อวานแม่มองหน้าแล้วทักว่าไปทำอะไรมาดูแก่ๆหน้าริ้วๆ โทรมๆ แม่ถามแบบนี้บอกเลยคือสตั๊นไป3วินาที
พอถึงตรงนี้คุณหมอก็อธิบายให้ฟังครับเกี่ยวกับเจ้า Filler หรือ Hyaluronic Acid (HA) จะมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากกว่าน้ำหนักโมเลกุลของตัวมันถึงพันเท่า มีลักษณะเป็นเนื้อเจลจึงมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้เติมเต็มริ้วรอย หลุมสิว ร่องแก้ม ริมฝีปาก ทำให้บริเวณนั้นๆเต็มขึ้น และช่วยปรับแก้ไขรูปหน้า ไปจนถึงการเสริมคาง เติมแก้ม หรือจะว่ากันง่ายๆคือ ใช้เติมเต็มในส่วนลึก และปรับเสริมแต่งเพิ่มในบางส่วนที่ต้องการนั่นเอง
เจ้า HA จะค่อยๆ ถูก Metabolize ในร่างกาย และสลายตัวไปได้เองตามธรรมชาติ ไร้สารตกค้างไม่ต้องกังวล มีอายุอยู่ได้ราวๆ1-2 ปี ตามการดูแลตัวเองครับ
โดยคุณหมอจะเลือกชนิดของ Filler ที่มีความละเอียดของโมเลกุล (ความหนืด ความข้นเหนียว รวมไปถึงคุณสมบัติการยึดเกาะ) ให้เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการฉีดแก้ไข และโดยทาง Doctorlife Clinic ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ผลิตโดยประเทศอเมริกาและได้รับ FDA (อย.) ภายใต้ชื่อ Juvederm จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย และไม่เป็นพิษต่อร่างกาย สามารถสลายตัวตามธรรมชาติ
เล่ามายาวแบบนี้…ภาคถามกลับเพื่อการตัดสินใจ
เจ็บมากไหม?? หมอบอกเหมือนมดตัวใหญ่ๆกัด ห้าๆ จากนั้นก็คิดตัดสินใจวัดใจเพื่อไว้วางใจแบบ #พลีชีพ ให้คุณหมอหนอยแน่ดูเเลครับ
พยายาลก็เตรียมเครื่องมืออยู่ข้างๆ(ความรู้สึกคือ จะเป็นไงบ้างกล้าๆกลัวๆกับการตัดสินใจ)
ตอนโดนฉีดยาชาจะรู้สึกเจ็บจิ๊ดๆเหมือนโดนมดตานอยกัด และอาจจะแสบๆผิวอยู่นิดๆในบางจุดครับ แต่ก็ไม่ถึงกับทนไม่ได้ พอฉีดไปสักพักหน้าจะหนักๆปากจะเบินๆพูดไม่ค่อยรู้เรื่องครับ แต่หมอก็พยายามถามพยายามชวนคุยลดความตึงเครียดไปเรื่อยๆเช่นกัน
สรุปว่าวันนี้ร่องใต้ตาทั้ง2ข้างและร่องแก้มภาคจะใช้ไป 3 CC(3กล่อง) ซึ่งราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่กล่องละ 1x,xxxขึ้นไป จะแตกต่างไปตามชนิดของ Filler โดยจะมีชื่อเรียกน่ารักๆแยกกันครับ อยากรู้ว่าภาคทำอะไรตรงไหนลองกดดูครับ โดยคุณหมอเป็นคนวางแผนและแพลนนิ่งการทำให้ทั้งหมดครับ ตรงSpoiled อันนี้แอบถามคุณหมอมาให้ครับเพื่อเป็นประโยชน์และแนวทางให้เพื่อนๆครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อทำการเช็ดทำความสะอาด แทบจะสังเกตไม่ได้เลยครับว่าเพิ่งทำอะไรมา สามารถทำงานรึไปเที่ยวชิลๆได้ต่อเลยครับ แต่สาวๆก็อย่าเพิ่งลงเมคอัพนะครับ หน้าสดกันไปสักนิด… เดี๋ยวฝุ่นแป้งจะจากน้ำหอมจากครีมต่างๆอาจจะลงไปทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ครับ
แล้วทำเสร็จต้องทำตัวยังไง มีอะไรห้ามบ้างคุณหมอก็จะแจ้งไว้ครับตามนี้ ใครอยากรู้ก็กดSpoiled ได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้ภาคมีงานต้องออกไปนอกบ้านก็จะใช้แค่ เจลใสลดช้ำ กันแดด และแป้งฝุ่นครับ
ในวันแรกก็รู้สึกถึงร่องที่หายไปแล้วครับ ถือว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุดและได้ผลเป็นอย่างดี
และช่วงเช้ามีคุยงานกับลูกค้า ก่อนออกจากบ้านก็จัดเลย เจลลดช้ำ กันแดดเนื้อขาว รองพื้นลบรอยดำๆ และจบด้วยแป้งฝุ่น
คุณหมอก็เช็คและบอกเลยว่าเพอร์เฟกต์ และก่อนกลับก็ได้ทำทรีทเมนต์ Meso Noble ดูแลหน้าใสเพิ่มก่อนกลับบ้าน จะบอกว่าดีงามมากๆครับ มีการนวดคอ บ่า ไหล่ ให้ด้วย ผ่อนคลายและหน้าใสไร้ร่องลึกอีกต่อไปครับ
ภาคหวังว่าเรื่อง #ฝากบอก รอบนี้เพื่อนๆจะชอบกัน และเป็นประโยชน์อยู่บ้าง
ส่วนครั้งหน้าจะมาบอกอะไร เล่าเรื่องอะไรต่อ รอติดตามกันนะ
#เชฟภาคฝากบอก