การพบเจอกับทิฟฟานี่ ณ 'La La Land' ที่ LA
La La Land นครดาราของคนช่างฝัน ‘ทิฟฟานี่’
เธอผู้ที่เป็นดวงดาวท่ามกลางหมู่ดาวที่ส่องประกาย
เธอที่กำลังสร้างบทบาทใหม่ให้กับตัวเอง
สิ่งที่เราคิดขณะกำลังมองไปยังท้องฟ้าสีครามอันกว้างไกลและแสงแดดที่ส่องสว่างโดยไม่มีอะไรบดบังภาพตรงหน้าของเราได้
พลังของทิฟฟานี่ที่ไม่เคยแห้งเหือดคงต้องขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้แสงแดดอันอบอุ่นที่มากมายของ LA เสียแล้ว ในทุกๆวันที่เธอตื่นและหลับตานอนในเมืองนี้นั่นคือโอกาสที่พลังด้านบวกของเธอจะเฉิดฉายมากขึ้น ทิฟฟานี่ช่างเป็นคนที่ล้นเหลือไปด้วยความชอบความหลงไหลและทะเยอทะยาน ไม่เคยปล่อยให้รอยยิ้มที่สว่างสดใสนั้นหล่นทิ้งไป หากเธอเป็นตัวละครในภาพยนตร์ของ Walt Disney เธอได้ใช้เวลากว่า 10 ปีในฐานะคนดังคนนึงที่โอบรวมโลกใบนี้เข้าไว้ด้วยกันและตอนนี้เธอกำลังเข้าศึกษาอยู่ที่ LA ทุกวันใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาคนนึงที่ไปเรียนคลาสการแสดง 2 ประโยคนั้นเป็นอะไรที่ดูห่างไกลกันมากๆ หากแต่สำหรับทิฟฟานี่ที่ได้ทำตามฝันวัยเด็กด้วยการเป็นนักร้องไปร้องและเต้นตามที่ต่างๆทั่วโลกแล้วนั้น คงไม่มีอะไรเหมาะสมสำหรับเธอไปกว่าการมาที่ LA เพื่อเริ่มชีวิตส่วนองค์ที่สองของเธอ เช่นเดียวกับ Mia ในภาพยนตร์ <La La Land> ที่ LA - นครสำหรับคนช่างฝัน - ยังคงทำให้ทิฟฟานี่ใจเต้นแรงได้เสมอ
การเริ่มต้นในแต่ละวันของเธอจนหมดวันนั้น เธอได้ใช้ชีวิตในทุกๆวันไปด้วยความขยันขันแข็งและสนุกไปกับมันในแบบของเธอเอง
เราอยากจะถามเธอหลายอย่างเลย หากแต่คำพูดที่จริงใจของทิฟฟานี่เธอเผยให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบในการเตรียมพร้อมและถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นการพูดคุยสบายและเป็นกันเองหากแต่ความจริงใจของเธอยังคงตราตรึงใจของเรา


Ceci: เราเคยได้พบกันมาหลายครั้งแล้วหากแต่การถ่ายวันนี้ถ่ายออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติพิเศษเลย คุณเป็นอย่างไรบ้าง?
ทิฟฟานี่: ฉันเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาค่ะได้ไปเข้าคลาสเรียนการแสดงไม่เคยไปเข้าเรียนสายเลยนะคะ ในทุกๆวันฉันจะพกกล้วย, อัลมอนด์, และกาแฟไปด้วย *หัวเราะ* แล้วฉันกำลังตั้งใจทำเพลงอยู่เช่นกันเหมือนกับว่าฉันได้ดูแลและควบคุมตัวของฉันเองค่ะ ก็ถือว่าสนุกดีนะคะ กลายเป็นเรื่องราวที่ฉันทำเพราะอยากทำ แทนที่จะต้องพึ่งพาใคร
Ceci: คุณเป็นพวกเด็กที่มักจะได้รับคำชมเวลาไปเรียน?
ทิฟฟานี่: ใช่เลยค่ะ! ฉันเป็นพวกคนที่ชอบนั่งหน้าห้องเวลาเรียนและพยายามจะซึมซับทุกคำพูดของอาจารย์ที่สอน พอได้มาเรียนเป็นครั้งแรกหลังห่างหายไปนานฉันก็ไม่รู้มาก่อนเลยค่ะว่าตัวเองเป็นนักเรียนประเภทนี้ *หัวเราะ* ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะฉันชอบที่จะไปเรียนมากๆ ผู้กำกับคนนึงก็ได้มาเข้าคลาสเรียนเดียวกันฉันนะคะ ตอนแรกที่เขาแนะนำตัวเองเขาบอกว่าที่มาเข้าคลาสเรียนนี้เพื่อจะได้ช่วยเหลือนักแสดงที่อยู่ในภาพยนตร์ของเขาได้จะได้เข้าใจพวกเขามากขึ้น พอได้ฟังเขาพูดแบบนี้แล้วฉันรู้สึกซาบซึ้งมากๆค่ะ ถือว่าเขาอยู่คนละตำแหน่งคนละสถานการณ์กับฉันแต่การที่เขาใส่ใจพยายามกับการแสดงแล้วเป็นอะไรที่เท่มากๆเลยค่ะฉันได้รับแรงบันดาลใจมากมายเลยค่ะเพียงแค่เข้าเรียนในคลาส
Ceci: ไม่แน่ว่าปีหน้าเราอาจจะมีข่าวว่าคุณได้รับทุนก็ได้นะ *หัวเราะ* การได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่ LA อีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง?
ทิฟฟานี่: มันเป็นอะไรที่ธรรมชาติมากๆค่ะที่ฉันได้มาที่นี่ ครอบครับของฉันอยู่ที่นี่ และคงเป็นที่นี่เป็นสถานที่ที่ความชอบและทุกสิ่งทุกอย่างของฉันได้ถูกหล่อหลอมสร้างขึ้นมา ฉันมีความสุขดีค่ะเพราะได้สนุกไปกับทุกอย่างทุกอย่างที่ฉันชอบโดยไม่มีอะไรเปลี่ยน ตั้งแต่ภาพยนตร์จนถึงดนตรี รวมไปถึง Disneyland ด้วยค่ะ
Ceci: นับว่าเป็นสถานที่ที่คุณสามารถใช้ชีวิตในฐานะทิฟฟานี่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้คุณสามารถใช้เวลาได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องงาน
ทิฟฟานี่: ในช่วงวัยรุ่นของฉัน ฉันเชื่อค่ะว่าฉันทำทุกอย่างให้สำเร็จได้จากความคิดและทุกอย่างจะออกมาด้วยดีหากฉันเข้มแข็งและยิ้มออกมา ตอนนี้ฉันกำลังจะอายุ 30 ฉันได้เปลี่ยนทิศทาง โดยเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง หากฉันดีใจฉันก็จะดีใจค่ะ หากเสียใจฉันจะแสดงออกมาว่าเสียใจ เทคนิคการแสดงที่ฉันได้เรียนตอนนี้นั้นคือการจริงใจต่อความรู้สึกและใส่มันออกมา คนที่รับชมการแสดงจะเข้าถึงและฉันได้ใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมาตลอด ฉันเตรียมตัวเพื่อการแสดงมาเป็นเวลานานและตอนนี้ฉันกำลังเข้าเรียนการแสดง ฉันยิ่งกระหายมันมากขึ้นค่ะ หากเปรียบดนตรีเป็นศาสนาแล้ว ฉันสามารถถ่ายทอดการแสดงออกมาเช่นความรักค่ะ
Ceci: ดนตรีคือภาษาของทิฟฟานี่
ทิฟฟานี่: ถูกต้องแล้วค่ะ ฉันเลยได้รับพลังขณะเรียนการแสดง ฉันได้หวังว่าใครสักคนจะได้รับพลังกำลังใจจากบทบาทที่ฉันได้แสดงนะ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากฉันจะมองไปยังศิลปินสักคนแล้วเริ่มวาดฝันค่ะ
และฝันของฉันก็เป็นจริงจากการเป็น Girls' Generation เพลง 'Into the New World' คือว่าเป็นเพลงที่ฉันได้ถ่ายทอดส่งต่อมันออกมาในเวลานั้น การที่ได้ทำมันในวัยนั้นไปพร้อมกับสมาชิกในวงช่างเป็นอะไรที่น่าจดจำและมีความสุขที่สุดเลยค่ะ เหนือสิ่งอื่นใดฉันสามารถมาที่ LA นี้ได้อย่างสบายใจก็เพราะสาวๆในวงได้ให้กำลังใจและสนับสนุนฉันอย่างมากเลย
Ceci: การเป็นนักแสดงที่มีความฝันจะไปแสดงที่ Hollywood ในฐานะนักแสดง และการไปยืนอยู่บนเวทีที่ Broadway ที่นิวยอร์กนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ ถือว่าเป็นการท้าทายที่ใหญ่มากๆ
ทิฟฟานี่: ยิ่งฉันได้ทำงาน ฉันก็ยิ่งอยากจะเป็นศิลปินนักแสดงที่แท้จริงมากกว่าการจะเป็นนักแสดงระดับโลกนะคะ มันเป็นเรื่องยากนะคะที่จะมองว่าฉันเป็นนักแสดงในเมื่อฉันเป็นเพียงหญิงสาวที่เพิ่งจะเดบิวต์ แต่กับตัวเองแล้วการได้ให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ฉันมองว่าฉันอยู่ที่นี่และรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงคนนึงนะ อาจจะเป็นอิทธิพลของฉันก็ได้ค่ะใครสักคนสามารถรับพลังหรือรู้สึกดี ได้รับกำลังใจในการใช้ชีวิตจากฉัน ฉะนั้นแล้วอาชีพนี้ถือว่าเป็นอะไรที่มีค่ากับฉันมากๆค่ะ ใครๆก็พูดกันนะคะว่าการที่คนเอเชียจะก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิงของอเมริกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จนถึงตอนนี้มันไม่มีอะไรง่ายนะ
การโปรโมทในฐานะ Girls' Generation ก็ไม่ง่ายค่ะ ฉันเชื่อคำพูดที่ว่า 'หากเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็ทำได้ค่ะ' กับสาวๆในวงแล้ว เราทำทุกอย่างที่ฝันสำเร็จได้ด้วยกัน และตอนนี้ฉันอยู่ในช่วงที่กำลังจะสร้างทิฟฟานี่ที่ต่างออกไป แทนที่จะมัวแต่กังวลและเปลืองเวลาของฉันแล้ว ฉันว่าเอาเวลาไปซ้อมการแสดงดีกว่าค่ะ
Ceci: หากให้มองย้อนกลับไปตอนเด็กๆที่คุณวาดฝันไว้ว่าจะได้แสดงที่ Hollywood หัวใจของคุณคงเต้นแรงมากแน่ๆ
ทิฟฟานี่: พอมองย้อนกลับไปแล้ว ตอนที่พวกเราซ้อมเพื่อทัวร์คอนเสิร์ต ฉันจะเป็นพวกที่ซ้อมและซ้อมติดต่อกันโดยไม่เว้นเลยค่ะ ตอนที่ฉันเรียนบัลเลต์หรือดนตรีต่างๆ ฉันเรียนจากพื้นฐานอย่างละเอียดค่ะ หากคุณเริ่มมันด้วยการปูพื้นฐานแล้วคุณจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นนะ ใจฉันเต้นแรงมากๆค่ะ เพราะได้เรียนการแสดงแบบนั้นเช่นกัน แน่นอนว่ามันยากและมีหลายต่อหลายครั้งที่ฉันความคิดที่จะยอมแพ้โผล่ขึ้นบ่อยๆ แต่ฉันก็ชอบมันนะคะ และอาจารย์ของฉันคนปัจจุบันเป็นคนที่มีความหลงไหลและทะเยอทะยานมากๆค่ะ เขาบอกว่าหากเธอคิดว่า 'Practice Makes Perfect' (ฝึกฝนบ่อยๆทำให้เก่ง) จากนี้ไป มันคือ 'Perfect Practice Makes Perfect' (การฝึกฝนที่สมบูรณ์ทำให้เก่ง) ในตอนนั้นฉันคิดเลยค่ะว่าอาจารย์คนนี้นี่แนวของฉันเลย *หัวเราะ*
Ceci: ในขณะที่คุณเตรียมตัวเพื่ออนาคต ดูเหมือนว่าคนที่คุณจะต้องทำให้ดีกว่าคือตัวคุณเองในอดีต คุณคงคาดถึงผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาแน่เลย
ทิฟฟานี่: ไม่นานมานี้ฉันได้อ่านหนังสือเล่มนึงค่ะ ในนั้นมีประโยคที่ว่า 'จงทำทุกครั้งของคุณให้ดีที่สุด' หากฉันพยายามและทำสุดความสามารถในทุกช่วงเวลาแล้ว ฉันคิดว่าคงไม่ต้องไปเปรียบกับอะไรอีกค่ะ ถ้าฉันรู้สึกพอใจ ในตอนที่ซ้อม อาจารย์ของฉันจะพูดเสมอ "เหมือนครั้งแรก ครั้งก่อน ในทุกครั้ง" และเพื่อที่จะแสดงแบบนี้แล้ว หากฉันขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีด้วยความรู้สึกแบบนี้ในใจทุกครั้งแล้วนั้น ความคิดที่ว่านี่คือสิ่งที่เปลืองเวลาชีวิตก็จะไม่มีอยู่ในหัวเลยค่ะ ฉะนั้นแล้วฉันคิดว่าหากฉันแค่รักที่จะทำมัน มันก็ไม่เป็นไร หากฉันรักบางสิ่ง ฉันสามารถทำได้ทุกสิ่งค่ะ
[SNSD] บทสัมภาษณ์ทิฟฟานี่ในนิตยสาร Ceci Korea ฉบับเดือนธันวาคม 2017, นครดาราของคนช่างฝัน TIFFANY
La La Land นครดาราของคนช่างฝัน ‘ทิฟฟานี่’
เธอผู้ที่เป็นดวงดาวท่ามกลางหมู่ดาวที่ส่องประกาย
เธอที่กำลังสร้างบทบาทใหม่ให้กับตัวเอง
พลังของทิฟฟานี่ที่ไม่เคยแห้งเหือดคงต้องขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้แสงแดดอันอบอุ่นที่มากมายของ LA เสียแล้ว ในทุกๆวันที่เธอตื่นและหลับตานอนในเมืองนี้นั่นคือโอกาสที่พลังด้านบวกของเธอจะเฉิดฉายมากขึ้น ทิฟฟานี่ช่างเป็นคนที่ล้นเหลือไปด้วยความชอบความหลงไหลและทะเยอทะยาน ไม่เคยปล่อยให้รอยยิ้มที่สว่างสดใสนั้นหล่นทิ้งไป หากเธอเป็นตัวละครในภาพยนตร์ของ Walt Disney เธอได้ใช้เวลากว่า 10 ปีในฐานะคนดังคนนึงที่โอบรวมโลกใบนี้เข้าไว้ด้วยกันและตอนนี้เธอกำลังเข้าศึกษาอยู่ที่ LA ทุกวันใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาคนนึงที่ไปเรียนคลาสการแสดง 2 ประโยคนั้นเป็นอะไรที่ดูห่างไกลกันมากๆ หากแต่สำหรับทิฟฟานี่ที่ได้ทำตามฝันวัยเด็กด้วยการเป็นนักร้องไปร้องและเต้นตามที่ต่างๆทั่วโลกแล้วนั้น คงไม่มีอะไรเหมาะสมสำหรับเธอไปกว่าการมาที่ LA เพื่อเริ่มชีวิตส่วนองค์ที่สองของเธอ เช่นเดียวกับ Mia ในภาพยนตร์ <La La Land> ที่ LA - นครสำหรับคนช่างฝัน - ยังคงทำให้ทิฟฟานี่ใจเต้นแรงได้เสมอ
การเริ่มต้นในแต่ละวันของเธอจนหมดวันนั้น เธอได้ใช้ชีวิตในทุกๆวันไปด้วยความขยันขันแข็งและสนุกไปกับมันในแบบของเธอเอง
เราอยากจะถามเธอหลายอย่างเลย หากแต่คำพูดที่จริงใจของทิฟฟานี่เธอเผยให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบในการเตรียมพร้อมและถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นการพูดคุยสบายและเป็นกันเองหากแต่ความจริงใจของเธอยังคงตราตรึงใจของเรา
Ceci: เราเคยได้พบกันมาหลายครั้งแล้วหากแต่การถ่ายวันนี้ถ่ายออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติพิเศษเลย คุณเป็นอย่างไรบ้าง?
ทิฟฟานี่: ฉันเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาค่ะได้ไปเข้าคลาสเรียนการแสดงไม่เคยไปเข้าเรียนสายเลยนะคะ ในทุกๆวันฉันจะพกกล้วย, อัลมอนด์, และกาแฟไปด้วย *หัวเราะ* แล้วฉันกำลังตั้งใจทำเพลงอยู่เช่นกันเหมือนกับว่าฉันได้ดูแลและควบคุมตัวของฉันเองค่ะ ก็ถือว่าสนุกดีนะคะ กลายเป็นเรื่องราวที่ฉันทำเพราะอยากทำ แทนที่จะต้องพึ่งพาใคร
Ceci: คุณเป็นพวกเด็กที่มักจะได้รับคำชมเวลาไปเรียน?
ทิฟฟานี่: ใช่เลยค่ะ! ฉันเป็นพวกคนที่ชอบนั่งหน้าห้องเวลาเรียนและพยายามจะซึมซับทุกคำพูดของอาจารย์ที่สอน พอได้มาเรียนเป็นครั้งแรกหลังห่างหายไปนานฉันก็ไม่รู้มาก่อนเลยค่ะว่าตัวเองเป็นนักเรียนประเภทนี้ *หัวเราะ* ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะฉันชอบที่จะไปเรียนมากๆ ผู้กำกับคนนึงก็ได้มาเข้าคลาสเรียนเดียวกันฉันนะคะ ตอนแรกที่เขาแนะนำตัวเองเขาบอกว่าที่มาเข้าคลาสเรียนนี้เพื่อจะได้ช่วยเหลือนักแสดงที่อยู่ในภาพยนตร์ของเขาได้จะได้เข้าใจพวกเขามากขึ้น พอได้ฟังเขาพูดแบบนี้แล้วฉันรู้สึกซาบซึ้งมากๆค่ะ ถือว่าเขาอยู่คนละตำแหน่งคนละสถานการณ์กับฉันแต่การที่เขาใส่ใจพยายามกับการแสดงแล้วเป็นอะไรที่เท่มากๆเลยค่ะฉันได้รับแรงบันดาลใจมากมายเลยค่ะเพียงแค่เข้าเรียนในคลาส
Ceci: ไม่แน่ว่าปีหน้าเราอาจจะมีข่าวว่าคุณได้รับทุนก็ได้นะ *หัวเราะ* การได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่ LA อีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง?
ทิฟฟานี่: มันเป็นอะไรที่ธรรมชาติมากๆค่ะที่ฉันได้มาที่นี่ ครอบครับของฉันอยู่ที่นี่ และคงเป็นที่นี่เป็นสถานที่ที่ความชอบและทุกสิ่งทุกอย่างของฉันได้ถูกหล่อหลอมสร้างขึ้นมา ฉันมีความสุขดีค่ะเพราะได้สนุกไปกับทุกอย่างทุกอย่างที่ฉันชอบโดยไม่มีอะไรเปลี่ยน ตั้งแต่ภาพยนตร์จนถึงดนตรี รวมไปถึง Disneyland ด้วยค่ะ
Ceci: นับว่าเป็นสถานที่ที่คุณสามารถใช้ชีวิตในฐานะทิฟฟานี่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้คุณสามารถใช้เวลาได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องงาน
ทิฟฟานี่: ในช่วงวัยรุ่นของฉัน ฉันเชื่อค่ะว่าฉันทำทุกอย่างให้สำเร็จได้จากความคิดและทุกอย่างจะออกมาด้วยดีหากฉันเข้มแข็งและยิ้มออกมา ตอนนี้ฉันกำลังจะอายุ 30 ฉันได้เปลี่ยนทิศทาง โดยเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง หากฉันดีใจฉันก็จะดีใจค่ะ หากเสียใจฉันจะแสดงออกมาว่าเสียใจ เทคนิคการแสดงที่ฉันได้เรียนตอนนี้นั้นคือการจริงใจต่อความรู้สึกและใส่มันออกมา คนที่รับชมการแสดงจะเข้าถึงและฉันได้ใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมาตลอด ฉันเตรียมตัวเพื่อการแสดงมาเป็นเวลานานและตอนนี้ฉันกำลังเข้าเรียนการแสดง ฉันยิ่งกระหายมันมากขึ้นค่ะ หากเปรียบดนตรีเป็นศาสนาแล้ว ฉันสามารถถ่ายทอดการแสดงออกมาเช่นความรักค่ะ
Ceci: ดนตรีคือภาษาของทิฟฟานี่
ทิฟฟานี่: ถูกต้องแล้วค่ะ ฉันเลยได้รับพลังขณะเรียนการแสดง ฉันได้หวังว่าใครสักคนจะได้รับพลังกำลังใจจากบทบาทที่ฉันได้แสดงนะ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากฉันจะมองไปยังศิลปินสักคนแล้วเริ่มวาดฝันค่ะ และฝันของฉันก็เป็นจริงจากการเป็น Girls' Generation เพลง 'Into the New World' คือว่าเป็นเพลงที่ฉันได้ถ่ายทอดส่งต่อมันออกมาในเวลานั้น การที่ได้ทำมันในวัยนั้นไปพร้อมกับสมาชิกในวงช่างเป็นอะไรที่น่าจดจำและมีความสุขที่สุดเลยค่ะ เหนือสิ่งอื่นใดฉันสามารถมาที่ LA นี้ได้อย่างสบายใจก็เพราะสาวๆในวงได้ให้กำลังใจและสนับสนุนฉันอย่างมากเลย
Ceci: การเป็นนักแสดงที่มีความฝันจะไปแสดงที่ Hollywood ในฐานะนักแสดง และการไปยืนอยู่บนเวทีที่ Broadway ที่นิวยอร์กนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ ถือว่าเป็นการท้าทายที่ใหญ่มากๆ
ทิฟฟานี่: ยิ่งฉันได้ทำงาน ฉันก็ยิ่งอยากจะเป็นศิลปินนักแสดงที่แท้จริงมากกว่าการจะเป็นนักแสดงระดับโลกนะคะ มันเป็นเรื่องยากนะคะที่จะมองว่าฉันเป็นนักแสดงในเมื่อฉันเป็นเพียงหญิงสาวที่เพิ่งจะเดบิวต์ แต่กับตัวเองแล้วการได้ให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ฉันมองว่าฉันอยู่ที่นี่และรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงคนนึงนะ อาจจะเป็นอิทธิพลของฉันก็ได้ค่ะใครสักคนสามารถรับพลังหรือรู้สึกดี ได้รับกำลังใจในการใช้ชีวิตจากฉัน ฉะนั้นแล้วอาชีพนี้ถือว่าเป็นอะไรที่มีค่ากับฉันมากๆค่ะ ใครๆก็พูดกันนะคะว่าการที่คนเอเชียจะก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิงของอเมริกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จนถึงตอนนี้มันไม่มีอะไรง่ายนะ การโปรโมทในฐานะ Girls' Generation ก็ไม่ง่ายค่ะ ฉันเชื่อคำพูดที่ว่า 'หากเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็ทำได้ค่ะ' กับสาวๆในวงแล้ว เราทำทุกอย่างที่ฝันสำเร็จได้ด้วยกัน และตอนนี้ฉันอยู่ในช่วงที่กำลังจะสร้างทิฟฟานี่ที่ต่างออกไป แทนที่จะมัวแต่กังวลและเปลืองเวลาของฉันแล้ว ฉันว่าเอาเวลาไปซ้อมการแสดงดีกว่าค่ะ
Ceci: หากให้มองย้อนกลับไปตอนเด็กๆที่คุณวาดฝันไว้ว่าจะได้แสดงที่ Hollywood หัวใจของคุณคงเต้นแรงมากแน่ๆ
ทิฟฟานี่: พอมองย้อนกลับไปแล้ว ตอนที่พวกเราซ้อมเพื่อทัวร์คอนเสิร์ต ฉันจะเป็นพวกที่ซ้อมและซ้อมติดต่อกันโดยไม่เว้นเลยค่ะ ตอนที่ฉันเรียนบัลเลต์หรือดนตรีต่างๆ ฉันเรียนจากพื้นฐานอย่างละเอียดค่ะ หากคุณเริ่มมันด้วยการปูพื้นฐานแล้วคุณจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นนะ ใจฉันเต้นแรงมากๆค่ะ เพราะได้เรียนการแสดงแบบนั้นเช่นกัน แน่นอนว่ามันยากและมีหลายต่อหลายครั้งที่ฉันความคิดที่จะยอมแพ้โผล่ขึ้นบ่อยๆ แต่ฉันก็ชอบมันนะคะ และอาจารย์ของฉันคนปัจจุบันเป็นคนที่มีความหลงไหลและทะเยอทะยานมากๆค่ะ เขาบอกว่าหากเธอคิดว่า 'Practice Makes Perfect' (ฝึกฝนบ่อยๆทำให้เก่ง) จากนี้ไป มันคือ 'Perfect Practice Makes Perfect' (การฝึกฝนที่สมบูรณ์ทำให้เก่ง) ในตอนนั้นฉันคิดเลยค่ะว่าอาจารย์คนนี้นี่แนวของฉันเลย *หัวเราะ*
Ceci: ในขณะที่คุณเตรียมตัวเพื่ออนาคต ดูเหมือนว่าคนที่คุณจะต้องทำให้ดีกว่าคือตัวคุณเองในอดีต คุณคงคาดถึงผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาแน่เลย
ทิฟฟานี่: ไม่นานมานี้ฉันได้อ่านหนังสือเล่มนึงค่ะ ในนั้นมีประโยคที่ว่า 'จงทำทุกครั้งของคุณให้ดีที่สุด' หากฉันพยายามและทำสุดความสามารถในทุกช่วงเวลาแล้ว ฉันคิดว่าคงไม่ต้องไปเปรียบกับอะไรอีกค่ะ ถ้าฉันรู้สึกพอใจ ในตอนที่ซ้อม อาจารย์ของฉันจะพูดเสมอ "เหมือนครั้งแรก ครั้งก่อน ในทุกครั้ง" และเพื่อที่จะแสดงแบบนี้แล้ว หากฉันขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีด้วยความรู้สึกแบบนี้ในใจทุกครั้งแล้วนั้น ความคิดที่ว่านี่คือสิ่งที่เปลืองเวลาชีวิตก็จะไม่มีอยู่ในหัวเลยค่ะ ฉะนั้นแล้วฉันคิดว่าหากฉันแค่รักที่จะทำมัน มันก็ไม่เป็นไร หากฉันรักบางสิ่ง ฉันสามารถทำได้ทุกสิ่งค่ะ