[CR] La La Land นครดารา มายาชีวิต


La La Land
นครดารา มายาชีวิต

อยู่ๆก็มีหนังเพลงโผล่เข้ามาในทำเนียบหนังชิงรางวัลซึ่งนานๆครั้งจะได้เห็นสักเรื่องหนึ่งจนตอนนี้กลายเป็นตัวเก็งคว้ารางวัลสำคัญหลายรางวัลบนเวทีใหญ่ และแน่นอนว่ารวมถึงรางวัลออสการ์ที่จัดว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก หลายเสียงเห็นพ้องตรงกันว่า ดีงามตามแบบหนังเพลง ทุกอย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบมาก มากเสียจนเราต้องกลับมาถามตัวเองว่า ขนาดนั้นเชียวหรือ

หนังเล่าเรื่องราวของหนุ่มสาวผู้มีฝันและกำลังไล่ล่าความฝันอย่างไม่ลดละ แต่ทุกความฝันย่อมต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายและแรงใจจนบางครั้งความท้อแท้มักมาเยือน หรือร้ายแรงกว่านั้นคือ ยอมแพ้ แล้วเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่ พระเอกคือนักดนตรีที่ชื่นชอบดนตรีแจ๊ส ส่วนนางเอกเป็นนักแสดงที่ไปเข้ารับการคัดเลือกนักแสดงทุกบทบาทที่เป็นไปได้ ทั้งสองคนได้มาพบเจอกันและตกหลุมรักกันอย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นสิไม่ง่ายเอาเสียเลย เมื่อความรักและความฝันของคนทั้งสองคนกลายเป็นตัวแปรที่จะทำให้ชีวิตของทั้งคู่เปลี่ยนไปตลอดกาล

แอบคาดหวังว่าเนื้อเรื่องจะซับซ้อนมากว่านี้สักหน่อยแต่กลายเป็นว่ามันธรรมดามากถึงมากที่สุด จนบางครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่สนุกเอาเสียเลย หนังเพลงทั่วไปมันก็มาตามสูตรนี้ทั้งนั้นแหละ ตรงไหนคือส่วนที่เราควรจะสนุกไปกับมัน แม้กระทั่งฉากร้องเล่นเต้นรำก็ไม่ชวนสนุกสนานหรือเพลิดเพลินเท่าไรนัก เรารู้สึกว่ามันง่ายและธรรมดาเกินไปหรือเปล่า จริงอยู่ว่าเราไม่ค่อยได้เห็นฉากร้องไปและเต้นไปดีๆแบบนี้มานานพอสมควรแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนดูรู้สึกสนุกและมีอารมณ์ร่วมไปกับฉากเหล่านี้ได้เสมอไป สำหรับเราแล้วฉากร้องไปเต้นไปไม่รู้สึกสนุกตามเท่าไรนัก แม้กระทั่งฉากเปิดเรื่องที่แม้ว่าจะรู้สึกว่าทำออกมาได้ดีแต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบที่ตัวละครในฉากนั้นสื่อสารออกมาผ่านหน้าตาว่า สนุกเหลือเกิน

ประเด็นเรื่องการตามหาความฝันในหนังเป็นอะไรที่ซ้ำซากมากๆโดยเฉพาะตัวละครที่ปรารถนาอยากจะเป็นดารานักร้อง มันไม่มีความใหม่ใดๆทั้งสิ้น หรือแม้แต่การนำของเก่าในแบบหนังเพลง หรือนำองค์ประกอบต่างๆในแบบย้อนยุคมาใช้ก็ไม่ได้ทำให้หนังสนุกขึ้นนัก หากแต่ว่าอาจจะเป็นที่ชื่นชอบของคนบางกลุ่มซึ่งถวิลหารสชาติดั้งเดิมของโลกมายา บรรยากาศเก่าๆแต่คลาสสิก ผ่านรูปแบบการนำเสนอที่เรียบง่ายแต่สวยงาม นี่ต้องยอมรับว่าบางส่วนก็ถูกใจและบางส่วนก็รู้สึกเฉยๆ

ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นหนังเพลง เพลงก็ต้องดีและติดหูนะ แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าเพลงในหนังเรื่องนี้ติดหูเอาเสียเลย แม้แต่เพลงหลักอย่าง City of Stars ก็ถือว่าไพเราะใช้ได้แต่ไม่ถึงกับติดหูและอยากฟังซ้ำไปซ้ำมา สิ่งหนึ่งที่เสียดายและรู้สึกว่าใช้นักร้องมาเป็นนักแสดงแบบไม่ถูกที่ นั่นคือ เอา จอห์น เลเจนด์ ที่ถนัดเล่นเปียโนมาเล่นเป็นนักร้องนำซึ่งต้องเล่นกีตาร์ไปด้วย กลายเป็นว่าเสียของไปเปล่าๆ ไม่ต้องใช้บริการพี่เขาก็ได้มั้ง

แต่เดี๋ยวก่อน ความน่าเบื่อทั้งหมดทั้งมวลของหนังที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเรื่องจวบจนท้ายเรื่องมลายหายไปเยอะไม่ใช่น้อยเมื่อโดนตบหน้าด้วยช่วงท้ายของหนังที่เล่นเอาอึ้งไปหลายตลบ จู่ๆหนังก็เรียกความซึ้งกินใจจากเราได้อย่างไม่ทันตั้งตัว กราฟความดีงามพุ่งขึ้นอย่างแรงด้วยความจริงของชีวิตที่ตรงใจแบบเกินคาดและความเพ้อฝันที่ดูไร้สาระเพราะแม้ว่ามันจะไม่ใช่ความจริงแต่มันคือสิ่งที่ทำให้เรายังสามารถยิ้มได้ถึงจะไม่เป็นไปอย่างที่เคยคาดฝันไว้ก็ตาม

โดยรวมเราคิดว่าหนังตั้งใจขายเรื่องราวที่แสนธรรมดาและเรียบง่ายผ่านงานภาพ บรรยากาศ และเสียงเพลงที่ชวนเคลิบเคลิ้ม โดยที่ไม่ต้องทำเป็นหนังย้อนยุคแต่ใส่ความย้อนยุคไว้อย่างค่อนข้างลงตัวและสวยงาม อย่างไรก็ดีนี่ไม่ใช่จุดร่วมที่ทุกคนจะสามารถอิ่มเอมไปกับมันได้ ดังนั้นการบิดเรื่องราวให้กระแทกใจคนดูในตอนท้ายจึงเป็นส่วนสำคัญมาก และก็สามารถทำได้จริงๆ นี่จึงทำให้หนังกลายเป็นหนังรักโรแมนติกที่น่าประทับใจแต่ไม่ใช่หนังที่ทำให้รู้สึกว่าถูกใจและโดนใจเท่าไรนัก

ขบเคี้ยวหนัง

#LaLaLand #นครดารา
ชื่อสินค้า:   LA LA LAND
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่