เรื่องสั้นหักมุม - จอมเผด็จการ

สวัสดีครับ ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นหักมุมเรื่องแรกที่ผมลองแต่งดูครับ
สำนวนภาษาอาจจะอ่านยากไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะครับ






**********
เรื่อง จอมเผด็จการ
โดย ลูกซองคู่

เผยแพร่ครั้งแรกที่ : https://writer.dek-d.com/Blockman60/story/view.php?id=1727307


*********


-1-


พัดลมติดเพดานหมุนเป่าลมเย็นลงมาแต่เขากลับรู้สึกอึดอัด...

เขามองไปรอบตัว เห็นคนอื่นๆในห้องสี่เหลี่ยมนั่งอยู่ในสภาพอึดอัดไม่ต่างไปจากเขา

ทุกคนใส่เสื้อผ้าที่เหมือนๆกัน...
นั่งบนโต๊ะไม้เป็นแถวตอนเหมือนๆกัน...


ถ้าไม่รวมเสียงพัดลมแล้ว ในห้องนี้เงียบมากๆ...เงียบจนผิดธรรมชาติ



ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งเป็นอยู่นั้น กลับมีบุคคลหนึ่งยืนอยู่...

บุคคลนั้นเป็นบุคคลดียวที่มีสิทธิทำอะไรก็ได้ในห้องนี้

เขาเรียกบุคคลนั้นว่า "จอมเผด็จการ"


เขารู้ดีว่า แนวคิดเรื่องเผด็จการคอมมิวนิสต์เริ่มมาจาก คาร์ล มาร์กช์ ว่าด้วย
"ความเท่าเทียม" ของชนชั้นในสังคม
อันที่จริง แนวคิดคอมมิวนิสต์ก็ใกล้เคียงกับเผด็จการระบอบอื่นๆ
เพราะมันนิยมใช้เพื่อ
"ควบคุมประชาชน"ที่อยู่ในความดูแลโดยไม่ให้วุ่นวาย
เหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง.....โดยไม่สนว่ามันจะฝืนธรรมชาติปูยังไง



จอมเผด็จการยังยืนอยู่กับที่ ก่อนจะจ้องมาที่เขา


"แถวตรงกลางน่ะ จัดให้มันตรงหน่อย!!!"


จอมเผด็จการพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดราวกับกำลังโกรธใครอยู่


เขาและคนอื่นๆในแถวรีบจัดการความเรียบร้อยของตนเอง                  
ไม่ถึงครึ่งนาทีแถวของเขาก็เป็นระเบียบ

เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบ
จอมเผด็จการก็เอ่ยคำสั่งที่สอง

"...วางไว้บนโต๊ะ..."





-2-






สิ้นเสียงจอมเผด็จการ
เขาและคนอื่นๆที่นั่งอยู่ก็หยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมากางบนโต๊ะอย่างเงียบๆ



มันเป็นสมุดปกแดงเล่มบาง
เช่นเดียวกับของคนอื่น...



จอมเผด็จการค่อยๆเดิน  ตรวจตราความเรียบร้อยสิ่งที่กางอยู่บนโต๊ะของแต่ละคน

เสียงส้นรองเท้ากระทบกับพื้นกระเบื้องดังไปทั่วห้อง...

รอยยิ้มจางๆปรากฎบนหน้าของจอมเผด็จการ บ่งบอกถึงความสุขที่ได้ใช้อำนาจควบคุมคนให้อยู่ในระเบียบ




สิ่งที่ทำให้ระบอบเผด็จการคอมิวนิสต์แตกต่างจากระบอบเผด็จการฝืนธรรมชาติอื่นๆ คือ
"ความเท่าเทียม" ของประชาชน

หลังจากที่ วลาดีมีร์ เลนิน  ได้นำแนวคิดคอมมิวนิสต์ไปใช้ปฏิวัติรัสเซีย เมื่อ ค.ศ.1917
ทุกคนก็อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
ภายใต้ความดูแลของรัฐที่มีสิทธิชี้เป็นชี้ตายประชาชน


"เห้ย!! สองคนนั้นซุบซิบอะไรกัน!!!"


อยู่ๆจอมเผด็จการก็พูดเสียงดัง
ทั้งที่ในห้องนี้แทบจะไม่มีเสียงใดใดรบกวน จ้องเขม็งไปที่ชายสองคนที่นั่งโต๊ะติดกัน


เขาพอจะเดาได้ว่าชายสองคนนั้นทำผิดระเบียบของจอมเผด็จการ...


"....." ชายทั้งสองไม่พูดอะไร

"อย่าให้ต้องพูดอีกรอบนะ..." จอมเผด็จการเอ่ยน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนที่จะเดินตรวจตราความเรียบร้อยต่อไป




เขาเคยสังเกตว่า จอมเผด็จการมักแสดงอาการไม่พอใจทุกครั้งที่มีคนทำผิดกฎระเบียบ

ถึงเขาจะมองว่ากฎระเบียบบางข้อฟังดูงี่เง่าและไร้เหตุผลสิ้นดี แต่เขาก็ไม่มีสิทธิจะโต้แย้งหรือขัดขืนจอมเผด็จการ...



แทบจะทันทีที่การปฎิวัติรัสเซียจบลงเมื่อวันที่ 8 พฤษจิกายน ค.ศ.1917 รูปแบบระบบเศรษฐกิจและการเมืองก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
พรรคการเมืองต่างๆถูกยุบหายไปพร้อมกับระบบเศรษฐกิจทุนนิยม
ประชาชนไม่สามารถคัดค้านหรือโต้แย้งกับรัฐได้

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบกฎของจอมเผด็จการ...แต่เขาก็ทำได้เพียงคิดในใจ เพราะรู้ดีว่าจุดจบของคนที่แสดงตนว่าคิดต่างนั้นเป็นอย่างไร...




-3-





หลังจากที่จอมเผด็จการเดินสำรวจความเป็นระเบียบเรียบร้อยของทุกคนแล้ว
ก็เดินไปหยุดที่หน้าห้อง


"...เอาล่ะ เริ่มเลยนะ"
จอมเผด็จการพูด ก่อนจะเริ่มการปราศรัย...



เขาและทุกคนหยิบปากกาน้ำเงินขึ้นมาจดสิ่งที่จอมเผด็จการพูดลงในสมุดปกแดง อย่างรวดเร็ว


นี่เป็นงานของเขา



เขาต้องบันทึกคำปราศรัยของจอมเผด็จการให้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยห้ามผิดพลาดแม้แต่ตัวอักษรเดียว...

อาจฟังดูเป็นงานง่ายๆ แต่เขากลับไม่ชอบงานนี้เอาเสียเลย

ถ้าเขาเลือกได้ เขาไม่มีวันมาทำงานเอกสารอย่างนี้แน่...



ตั้งแต่ที่ระบอบคอมมิวนิสต์แพร่กระจายไปทั่วดินแดนรัสเซีย
ผู้คนก็ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ

รัฐกลายเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิตและผู้กำหนดการตัดสินใจในทางเศรษฐกิจเพียงรายเดียว

ส่วนภาคเอกชนที่เคยแข่งขันกัน
ดุเดือดราวกับนักกีฬาแข่งม้า
ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากคนพิการ...

เพราะภาครัฐไม่ยอมให้เอกชนมีสิทธิในการถือครองทรัพย์สินเพื่อการผลิตใดใด...แม้แต่ที่ดินสักแปลง

ด้วยเหตุนี้ ความต้องการทางอาชีพจึงขึ้นอยู่กับเบื้องบน
อาชีพที่ถูกมองว่า"ไร้ความจำเป็น"ต่อประเทศชาติบ้านเมืองก็หายไป เหลือเพียงแต่อาชีพที่ "จำเป็น" เท่านั้น

คนจำนวนไม่น้อยได้อาชีพใหม่เป็นเกษตรกรหรือไม่ก็กรรมกร

ส่วนคนที่มีความรู้สักหน่อยก็จะได้งานที่สูงขึ้น เช่น พวกงานเอกสาร



เขาเกลียดงานเอกสาร
แต่เขาไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
ถ้าหากจอมเผด็จการออกคำสั่ง.....

เขาเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะติดกับเขา
เด็กหนุ่มคนนี้ทำงานอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ จนเขาเองก็เกือบลืมไปแล้วว่ามีเด็กหนุ่มคนนี้นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

เขามั่นใจเลยว่า เด็กหนุ่มก็ไม่ชอบงานแบบนี้...เช่นเดียวกับเขา



-4-




พัดลมติดเพดานยังคงหมุนไปเรื่อยๆ
จอมเผด็จการยังคงยืนกล่าวคำปราศรัยอยู่ด้วยน้ำเสียงราวกับตำหนิ

เขาและคนอื่นๆยังคงมีหน้าที่ทำงานตรงหน้าต่อไป...

เขาเบื่อเต็มทน... เขาอึดอัดเต็มทน...
เขาต้องการอิสระ... เขาไม่ต้องการฝืนธรรมชาติมนุษย์อีกต่อไป...


เขายังทำงานต่อไป มือปวดระบม...







กรี๊งงงงงงงงงง~~~~~








เสียงออดดังขึ้น เขาสัมผัสถึงอิสระภาพที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

จอมเผด็จการหยุดการปราศรัย ก่อนที่จะค่อยๆเอ่ยอย่างราบเรียบ




"งั้นเดี๋ยวเราค่อยมาเรียนกันต่อคาบหน้านะคะ"




ทุกคนในห้องนั่งเงียบ

"หัวหน้าห้อง บอกทำความเคารพด้วยค่ะ" จอมเผด็จการออกคำสั่งสุดท้าย


"นักเรียน!!! เคารพ!!!" เด็กสาวผู้นั่งเงียบมานานพูดเสียงดัง


"ขอบบบบ คูณณณณ ครับ/ค่ะ"
ทุกคนในห้องพูดขึ้น


จอมเผด็จการเก็บอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป



จอมเผด็จการจากไปยังไม่ถึงหนึ่งนาที
ห้องที่เคยเงียบสงบจนผิดธรรมชาติก็กลับมามีชีวิตชีวาอย่างทันตาเห็น

หลายคนที่เคยนั่งเรียงแถวเป็นระเบียบก็จับกลุ่มคุยกันเรื่องสัพเพเหระและเล่นมือถือกันอย่างสนุกสนาน


เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หยืบมือถือขึ้นมาดูเวลา...





ตอนนี้เป็นเวลา 11.05 น. ของวันที่ 8 พฤษจิกายน ค.ศ.2017 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเทพฯ ประเทศไทย

...ร้อยปีหลังเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย...








"โว้ย! ปวดมือฉิปหาย!!!" เขาพูดขึ้น

เด็กหนุ่มผู้นั่งอยู่ข้างๆหันมามองเขา
"เอาน่า จบคาบแล้ว วันนี้ยังดี อาจารย์แกให้จดน้อยหน่อย"

เขาหันกลับไปมองหน้าเด็กหนุ่ม
"น้อยบ้านพ่องดิ!!! มือกูปวดไปหมดเลยเนี่ย!!! วิชาภาษาไทยที่ไหนให้เด็กจดตามที่ครูพูดทั้งคาบกันวะ?"

"ก็วิชาภาษาไทยของอาจารย์...'จอมเผด็จการ' ไงล่ะ"
เด็กหนุ่มผู้มีอายุใกล้เคียงเขาตอบอย่างติดตลก

"เอาจริงๆนะ คิดว่าครูเค้าไม่สังเกตุเลยเหรอวะ ว่าการที่เด็กนั่งเงียบฉี่แบบนี้มันฝืนธรรมชาติ!!!" เขาถามเด็กหนุ่ม



เด็กหนุ่มยิ้มจางๆ
"ก็น่าจะพอเดาได้นะ 'จารย์แกต้องการให้เด็กเป็นแบบนั้นแหละ...จัดการง่ายดี
กูว่าด้วยการที่ครูแกเป็นครูพึ่งได้รับบรรจุฯใหม่ 'ยังไม่โตพอ' ที่จะรับผิดชอบหน้าที่ งานแกเลยท่วมหัวปนกันวุ่นวาย ทั้งสอนพวกกู ตรวจงานเด็ก   ทำรายงาน ไหนจะมีเยี่ยมบ้านนักเรียนอีก...
กูว่าแกน่าจะเครียด พอเข้ามาสอนแล้วเห็นเด็กคุยกัน ขยุกขยิก ทำตัววุ่นวาย แกเลยต้องลดความวุ่นวายในการสอนโดยการ..."



"...เผด็จการ...จับปูใส่กระด้ง.....โดยไม่สนว่ามันจะฝืนธรรมชาติปูยังไง..."




-จบ-









แหล่งอ้างอิงข้อมูล :

https://th.wikipedia.org
www.baanjomyut.com

**เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่ผมพึ่งเผชิญมาในห้องเรียน**
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่