สวัสดีครับ ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นหักมุมเรื่องแรกที่ผมลองแต่งดูครับ
สำนวนภาษาอาจจะอ่านยากไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะครับ
**********
เรื่อง จอมเผด็จการ
โดย ลูกซองคู่
เผยแพร่ครั้งแรกที่ :
https://writer.dek-d.com/Blockman60/story/view.php?id=1727307
*********
-1-
พัดลมติดเพดานหมุนเป่าลมเย็นลงมาแต่เขากลับรู้สึกอึดอัด...
เขามองไปรอบตัว เห็นคนอื่นๆในห้องสี่เหลี่ยมนั่งอยู่ในสภาพอึดอัดไม่ต่างไปจากเขา
ทุกคนใส่เสื้อผ้าที่เหมือนๆกัน...
นั่งบนโต๊ะไม้เป็นแถวตอนเหมือนๆกัน...
ถ้าไม่รวมเสียงพัดลมแล้ว ในห้องนี้เงียบมากๆ...เงียบจนผิดธรรมชาติ
ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งเป็นอยู่นั้น กลับมีบุคคลหนึ่งยืนอยู่...
บุคคลนั้นเป็นบุคคลดียวที่มีสิทธิทำอะไรก็ได้ในห้องนี้
เขาเรียกบุคคลนั้นว่า "จอมเผด็จการ"
เขารู้ดีว่า แนวคิดเรื่องเผด็จการคอมมิวนิสต์เริ่มมาจาก คาร์ล มาร์กช์ ว่าด้วย
"ความเท่าเทียม" ของชนชั้นในสังคม
อันที่จริง แนวคิดคอมมิวนิสต์ก็ใกล้เคียงกับเผด็จการระบอบอื่นๆ
เพราะมันนิยมใช้เพื่อ
"ควบคุมประชาชน"ที่อยู่ในความดูแลโดยไม่ให้วุ่นวาย
เหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง.....โดยไม่สนว่ามันจะฝืนธรรมชาติปูยังไง
จอมเผด็จการยังยืนอยู่กับที่ ก่อนจะจ้องมาที่เขา
"แถวตรงกลางน่ะ จัดให้มันตรงหน่อย!!!"
จอมเผด็จการพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดราวกับกำลังโกรธใครอยู่
เขาและคนอื่นๆในแถวรีบจัดการความเรียบร้อยของตนเอง
ไม่ถึงครึ่งนาทีแถวของเขาก็เป็นระเบียบ
เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบ
จอมเผด็จการก็เอ่ยคำสั่งที่สอง
"...วางไว้บนโต๊ะ..."
-2-
สิ้นเสียงจอมเผด็จการ
เขาและคนอื่นๆที่นั่งอยู่ก็หยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมากางบนโต๊ะอย่างเงียบๆ
มันเป็นสมุดปกแดงเล่มบาง
เช่นเดียวกับของคนอื่น...
จอมเผด็จการค่อยๆเดิน ตรวจตราความเรียบร้อยสิ่งที่กางอยู่บนโต๊ะของแต่ละคน
เสียงส้นรองเท้ากระทบกับพื้นกระเบื้องดังไปทั่วห้อง...
รอยยิ้มจางๆปรากฎบนหน้าของจอมเผด็จการ บ่งบอกถึงความสุขที่ได้ใช้อำนาจควบคุมคนให้อยู่ในระเบียบ
สิ่งที่ทำให้ระบอบเผด็จการคอมิวนิสต์แตกต่างจากระบอบเผด็จการฝืนธรรมชาติอื่นๆ คือ
"ความเท่าเทียม" ของประชาชน
หลังจากที่ วลาดีมีร์ เลนิน ได้นำแนวคิดคอมมิวนิสต์ไปใช้ปฏิวัติรัสเซีย เมื่อ ค.ศ.1917
ทุกคนก็อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
ภายใต้ความดูแลของรัฐที่มีสิทธิชี้เป็นชี้ตายประชาชน
"เห้ย!! สองคนนั้นซุบซิบอะไรกัน!!!"
อยู่ๆจอมเผด็จการก็พูดเสียงดัง
ทั้งที่ในห้องนี้แทบจะไม่มีเสียงใดใดรบกวน จ้องเขม็งไปที่ชายสองคนที่นั่งโต๊ะติดกัน
เขาพอจะเดาได้ว่าชายสองคนนั้นทำผิดระเบียบของจอมเผด็จการ...
"....." ชายทั้งสองไม่พูดอะไร
"อย่าให้ต้องพูดอีกรอบนะ..." จอมเผด็จการเอ่ยน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนที่จะเดินตรวจตราความเรียบร้อยต่อไป
เขาเคยสังเกตว่า จอมเผด็จการมักแสดงอาการไม่พอใจทุกครั้งที่มีคนทำผิดกฎระเบียบ
ถึงเขาจะมองว่ากฎระเบียบบางข้อฟังดูงี่เง่าและไร้เหตุผลสิ้นดี แต่เขาก็ไม่มีสิทธิจะโต้แย้งหรือขัดขืนจอมเผด็จการ...
แทบจะทันทีที่การปฎิวัติรัสเซียจบลงเมื่อวันที่ 8 พฤษจิกายน ค.ศ.1917 รูปแบบระบบเศรษฐกิจและการเมืองก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
พรรคการเมืองต่างๆถูกยุบหายไปพร้อมกับระบบเศรษฐกิจทุนนิยม
ประชาชนไม่สามารถคัดค้านหรือโต้แย้งกับรัฐได้
ถึงแม้เขาจะไม่ชอบกฎของจอมเผด็จการ...แต่เขาก็ทำได้เพียงคิดในใจ เพราะรู้ดีว่าจุดจบของคนที่แสดงตนว่าคิดต่างนั้นเป็นอย่างไร...
-3-
หลังจากที่จอมเผด็จการเดินสำรวจความเป็นระเบียบเรียบร้อยของทุกคนแล้ว
ก็เดินไปหยุดที่หน้าห้อง
"...เอาล่ะ เริ่มเลยนะ"
จอมเผด็จการพูด ก่อนจะเริ่มการปราศรัย...
เขาและทุกคนหยิบปากกาน้ำเงินขึ้นมาจดสิ่งที่จอมเผด็จการพูดลงในสมุดปกแดง อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นงานของเขา
เขาต้องบันทึกคำปราศรัยของจอมเผด็จการให้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยห้ามผิดพลาดแม้แต่ตัวอักษรเดียว...
อาจฟังดูเป็นงานง่ายๆ แต่เขากลับไม่ชอบงานนี้เอาเสียเลย
ถ้าเขาเลือกได้ เขาไม่มีวันมาทำงานเอกสารอย่างนี้แน่...
ตั้งแต่ที่ระบอบคอมมิวนิสต์แพร่กระจายไปทั่วดินแดนรัสเซีย
ผู้คนก็ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
รัฐกลายเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิตและผู้กำหนดการตัดสินใจในทางเศรษฐกิจเพียงรายเดียว
ส่วนภาคเอกชนที่เคยแข่งขันกัน
ดุเดือดราวกับนักกีฬาแข่งม้า
ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากคนพิการ...
เพราะภาครัฐไม่ยอมให้เอกชนมีสิทธิในการถือครองทรัพย์สินเพื่อการผลิตใดใด...แม้แต่ที่ดินสักแปลง
ด้วยเหตุนี้ ความต้องการทางอาชีพจึงขึ้นอยู่กับเบื้องบน
อาชีพที่ถูกมองว่า
"ไร้ความจำเป็น"ต่อประเทศชาติบ้านเมืองก็หายไป เหลือเพียงแต่อาชีพที่
"จำเป็น" เท่านั้น
คนจำนวนไม่น้อยได้อาชีพใหม่เป็นเกษตรกรหรือไม่ก็กรรมกร
ส่วนคนที่มีความรู้สักหน่อยก็จะได้งานที่สูงขึ้น เช่น พวกงานเอกสาร
เขาเกลียดงานเอกสาร
แต่เขาไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
ถ้าหากจอมเผด็จการออกคำสั่ง.....
เขาเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะติดกับเขา
เด็กหนุ่มคนนี้ทำงานอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ จนเขาเองก็เกือบลืมไปแล้วว่ามีเด็กหนุ่มคนนี้นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
เขามั่นใจเลยว่า เด็กหนุ่มก็ไม่ชอบงานแบบนี้...เช่นเดียวกับเขา
-4-
พัดลมติดเพดานยังคงหมุนไปเรื่อยๆ
จอมเผด็จการยังคงยืนกล่าวคำปราศรัยอยู่ด้วยน้ำเสียงราวกับตำหนิ
เขาและคนอื่นๆยังคงมีหน้าที่ทำงานตรงหน้าต่อไป...
เขาเบื่อเต็มทน... เขาอึดอัดเต็มทน...
เขาต้องการอิสระ... เขาไม่ต้องการฝืนธรรมชาติมนุษย์อีกต่อไป...
เขายังทำงานต่อไป มือปวดระบม...
กรี๊งงงงงงงงงง~~~~~
เสียงออดดังขึ้น เขาสัมผัสถึงอิสระภาพที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
จอมเผด็จการหยุดการปราศรัย ก่อนที่จะค่อยๆเอ่ยอย่างราบเรียบ
"งั้นเดี๋ยวเราค่อยมาเรียนกันต่อคาบหน้านะคะ"
ทุกคนในห้องนั่งเงียบ
"
หัวหน้าห้อง บอกทำความเคารพด้วยค่ะ" จอมเผด็จการออกคำสั่งสุดท้าย
"นักเรียน!!! เคารพ!!!" เด็กสาวผู้นั่งเงียบมานานพูดเสียงดัง
"ขอบบบบ คูณณณณ ครับ/ค่ะ"
ทุกคนในห้องพูดขึ้น
จอมเผด็จการเก็บอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป
จอมเผด็จการจากไปยังไม่ถึงหนึ่งนาที
ห้องที่เคยเงียบสงบจนผิดธรรมชาติก็กลับมามีชีวิตชีวาอย่างทันตาเห็น
หลายคนที่เคยนั่งเรียงแถวเป็นระเบียบก็จับกลุ่มคุยกันเรื่องสัพเพเหระและเล่นมือถือกันอย่างสนุกสนาน
เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หยืบมือถือขึ้นมาดูเวลา...
ตอนนี้เป็นเวลา 11.05 น. ของวันที่ 8 พฤษจิกายน ค.ศ.2017 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเทพฯ ประเทศไทย
...ร้อยปีหลังเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย...
"โว้ย! ปวดมือฉิปหาย!!!" เขาพูดขึ้น
เด็กหนุ่มผู้นั่งอยู่ข้างๆหันมามองเขา
"เอาน่า จบคาบแล้ว วันนี้ยังดี อาจารย์แกให้จดน้อยหน่อย"
เขาหันกลับไปมองหน้าเด็กหนุ่ม
"น้อยบ้านพ่องดิ!!! มือกูปวดไปหมดเลยเนี่ย!!! วิชาภาษาไทยที่ไหนให้เด็กจดตามที่ครูพูดทั้งคาบกันวะ?"
"ก็วิชาภาษาไทยของอาจารย์...'จอมเผด็จการ' ไงล่ะ"
เด็กหนุ่มผู้มีอายุใกล้เคียงเขาตอบอย่างติดตลก
"เอาจริงๆนะ คิดว่าครูเค้าไม่สังเกตุเลยเหรอวะ ว่าการที่เด็กนั่งเงียบฉี่แบบนี้มันฝืนธรรมชาติ!!!" เขาถามเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มยิ้มจางๆ
"ก็น่าจะพอเดาได้นะ 'จารย์แกต้องการให้เด็กเป็นแบบนั้นแหละ...จัดการง่ายดี
กูว่าด้วยการที่ครูแกเป็นครูพึ่งได้รับบรรจุฯใหม่ 'ยังไม่โตพอ' ที่จะรับผิดชอบหน้าที่ งานแกเลยท่วมหัวปนกันวุ่นวาย ทั้งสอนพวกกู ตรวจงานเด็ก ทำรายงาน ไหนจะมีเยี่ยมบ้านนักเรียนอีก...
กูว่าแกน่าจะเครียด พอเข้ามาสอนแล้วเห็นเด็กคุยกัน ขยุกขยิก ทำตัววุ่นวาย แกเลยต้องลดความวุ่นวายในการสอนโดยการ..."
"...เผด็จการ...จับปูใส่กระด้ง.....โดยไม่สนว่ามันจะฝืนธรรมชาติปูยังไง..."
-จบ-
แหล่งอ้างอิงข้อมูล :
https://th.wikipedia.org
www.baanjomyut.com
**เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่ผมพึ่งเผชิญมาในห้องเรียน**
เรื่องสั้นหักมุม - จอมเผด็จการ
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นหักมุมเรื่องแรกที่ผมลองแต่งดูครับ
สำนวนภาษาอาจจะอ่านยากไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะครับ
**********
เรื่อง จอมเผด็จการ
โดย ลูกซองคู่
เผยแพร่ครั้งแรกที่ : https://writer.dek-d.com/Blockman60/story/view.php?id=1727307
*********
พัดลมติดเพดานหมุนเป่าลมเย็นลงมาแต่เขากลับรู้สึกอึดอัด...
เขามองไปรอบตัว เห็นคนอื่นๆในห้องสี่เหลี่ยมนั่งอยู่ในสภาพอึดอัดไม่ต่างไปจากเขา
ทุกคนใส่เสื้อผ้าที่เหมือนๆกัน...
นั่งบนโต๊ะไม้เป็นแถวตอนเหมือนๆกัน...
ถ้าไม่รวมเสียงพัดลมแล้ว ในห้องนี้เงียบมากๆ...เงียบจนผิดธรรมชาติ
ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งเป็นอยู่นั้น กลับมีบุคคลหนึ่งยืนอยู่...
บุคคลนั้นเป็นบุคคลดียวที่มีสิทธิทำอะไรก็ได้ในห้องนี้
เขาเรียกบุคคลนั้นว่า "จอมเผด็จการ"
เขารู้ดีว่า แนวคิดเรื่องเผด็จการคอมมิวนิสต์เริ่มมาจาก คาร์ล มาร์กช์ ว่าด้วย
"ความเท่าเทียม" ของชนชั้นในสังคม
อันที่จริง แนวคิดคอมมิวนิสต์ก็ใกล้เคียงกับเผด็จการระบอบอื่นๆ
เพราะมันนิยมใช้เพื่อ
"ควบคุมประชาชน"ที่อยู่ในความดูแลโดยไม่ให้วุ่นวาย
เหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง.....โดยไม่สนว่ามันจะฝืนธรรมชาติปูยังไง
จอมเผด็จการยังยืนอยู่กับที่ ก่อนจะจ้องมาที่เขา
"แถวตรงกลางน่ะ จัดให้มันตรงหน่อย!!!"
จอมเผด็จการพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดราวกับกำลังโกรธใครอยู่
เขาและคนอื่นๆในแถวรีบจัดการความเรียบร้อยของตนเอง
ไม่ถึงครึ่งนาทีแถวของเขาก็เป็นระเบียบ
เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบ
จอมเผด็จการก็เอ่ยคำสั่งที่สอง
"...วางไว้บนโต๊ะ..."
สิ้นเสียงจอมเผด็จการ
เขาและคนอื่นๆที่นั่งอยู่ก็หยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมากางบนโต๊ะอย่างเงียบๆ
มันเป็นสมุดปกแดงเล่มบาง
เช่นเดียวกับของคนอื่น...
จอมเผด็จการค่อยๆเดิน ตรวจตราความเรียบร้อยสิ่งที่กางอยู่บนโต๊ะของแต่ละคน
เสียงส้นรองเท้ากระทบกับพื้นกระเบื้องดังไปทั่วห้อง...
รอยยิ้มจางๆปรากฎบนหน้าของจอมเผด็จการ บ่งบอกถึงความสุขที่ได้ใช้อำนาจควบคุมคนให้อยู่ในระเบียบ
สิ่งที่ทำให้ระบอบเผด็จการคอมิวนิสต์แตกต่างจากระบอบเผด็จการฝืนธรรมชาติอื่นๆ คือ
"ความเท่าเทียม" ของประชาชน
หลังจากที่ วลาดีมีร์ เลนิน ได้นำแนวคิดคอมมิวนิสต์ไปใช้ปฏิวัติรัสเซีย เมื่อ ค.ศ.1917
ทุกคนก็อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
ภายใต้ความดูแลของรัฐที่มีสิทธิชี้เป็นชี้ตายประชาชน
"เห้ย!! สองคนนั้นซุบซิบอะไรกัน!!!"
อยู่ๆจอมเผด็จการก็พูดเสียงดัง
ทั้งที่ในห้องนี้แทบจะไม่มีเสียงใดใดรบกวน จ้องเขม็งไปที่ชายสองคนที่นั่งโต๊ะติดกัน
เขาพอจะเดาได้ว่าชายสองคนนั้นทำผิดระเบียบของจอมเผด็จการ...
"....." ชายทั้งสองไม่พูดอะไร
"อย่าให้ต้องพูดอีกรอบนะ..." จอมเผด็จการเอ่ยน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนที่จะเดินตรวจตราความเรียบร้อยต่อไป
เขาเคยสังเกตว่า จอมเผด็จการมักแสดงอาการไม่พอใจทุกครั้งที่มีคนทำผิดกฎระเบียบ
ถึงเขาจะมองว่ากฎระเบียบบางข้อฟังดูงี่เง่าและไร้เหตุผลสิ้นดี แต่เขาก็ไม่มีสิทธิจะโต้แย้งหรือขัดขืนจอมเผด็จการ...
แทบจะทันทีที่การปฎิวัติรัสเซียจบลงเมื่อวันที่ 8 พฤษจิกายน ค.ศ.1917 รูปแบบระบบเศรษฐกิจและการเมืองก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
พรรคการเมืองต่างๆถูกยุบหายไปพร้อมกับระบบเศรษฐกิจทุนนิยม
ประชาชนไม่สามารถคัดค้านหรือโต้แย้งกับรัฐได้
ถึงแม้เขาจะไม่ชอบกฎของจอมเผด็จการ...แต่เขาก็ทำได้เพียงคิดในใจ เพราะรู้ดีว่าจุดจบของคนที่แสดงตนว่าคิดต่างนั้นเป็นอย่างไร...
หลังจากที่จอมเผด็จการเดินสำรวจความเป็นระเบียบเรียบร้อยของทุกคนแล้ว
ก็เดินไปหยุดที่หน้าห้อง
"...เอาล่ะ เริ่มเลยนะ"
จอมเผด็จการพูด ก่อนจะเริ่มการปราศรัย...
เขาและทุกคนหยิบปากกาน้ำเงินขึ้นมาจดสิ่งที่จอมเผด็จการพูดลงในสมุดปกแดง อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นงานของเขา
เขาต้องบันทึกคำปราศรัยของจอมเผด็จการให้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยห้ามผิดพลาดแม้แต่ตัวอักษรเดียว...
อาจฟังดูเป็นงานง่ายๆ แต่เขากลับไม่ชอบงานนี้เอาเสียเลย
ถ้าเขาเลือกได้ เขาไม่มีวันมาทำงานเอกสารอย่างนี้แน่...
ตั้งแต่ที่ระบอบคอมมิวนิสต์แพร่กระจายไปทั่วดินแดนรัสเซีย
ผู้คนก็ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
รัฐกลายเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิตและผู้กำหนดการตัดสินใจในทางเศรษฐกิจเพียงรายเดียว
ส่วนภาคเอกชนที่เคยแข่งขันกัน
ดุเดือดราวกับนักกีฬาแข่งม้า
ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากคนพิการ...
เพราะภาครัฐไม่ยอมให้เอกชนมีสิทธิในการถือครองทรัพย์สินเพื่อการผลิตใดใด...แม้แต่ที่ดินสักแปลง
ด้วยเหตุนี้ ความต้องการทางอาชีพจึงขึ้นอยู่กับเบื้องบน
อาชีพที่ถูกมองว่า"ไร้ความจำเป็น"ต่อประเทศชาติบ้านเมืองก็หายไป เหลือเพียงแต่อาชีพที่ "จำเป็น" เท่านั้น
คนจำนวนไม่น้อยได้อาชีพใหม่เป็นเกษตรกรหรือไม่ก็กรรมกร
ส่วนคนที่มีความรู้สักหน่อยก็จะได้งานที่สูงขึ้น เช่น พวกงานเอกสาร
เขาเกลียดงานเอกสาร
แต่เขาไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
ถ้าหากจอมเผด็จการออกคำสั่ง.....
เขาเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะติดกับเขา
เด็กหนุ่มคนนี้ทำงานอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ จนเขาเองก็เกือบลืมไปแล้วว่ามีเด็กหนุ่มคนนี้นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
เขามั่นใจเลยว่า เด็กหนุ่มก็ไม่ชอบงานแบบนี้...เช่นเดียวกับเขา
พัดลมติดเพดานยังคงหมุนไปเรื่อยๆ
จอมเผด็จการยังคงยืนกล่าวคำปราศรัยอยู่ด้วยน้ำเสียงราวกับตำหนิ
เขาและคนอื่นๆยังคงมีหน้าที่ทำงานตรงหน้าต่อไป...
เขาเบื่อเต็มทน... เขาอึดอัดเต็มทน...
เขาต้องการอิสระ... เขาไม่ต้องการฝืนธรรมชาติมนุษย์อีกต่อไป...
เขายังทำงานต่อไป มือปวดระบม...
กรี๊งงงงงงงงงง~~~~~
เสียงออดดังขึ้น เขาสัมผัสถึงอิสระภาพที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
จอมเผด็จการหยุดการปราศรัย ก่อนที่จะค่อยๆเอ่ยอย่างราบเรียบ
"งั้นเดี๋ยวเราค่อยมาเรียนกันต่อคาบหน้านะคะ"
ทุกคนในห้องนั่งเงียบ
"หัวหน้าห้อง บอกทำความเคารพด้วยค่ะ" จอมเผด็จการออกคำสั่งสุดท้าย
"นักเรียน!!! เคารพ!!!" เด็กสาวผู้นั่งเงียบมานานพูดเสียงดัง
"ขอบบบบ คูณณณณ ครับ/ค่ะ"
ทุกคนในห้องพูดขึ้น
จอมเผด็จการเก็บอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป
จอมเผด็จการจากไปยังไม่ถึงหนึ่งนาที
ห้องที่เคยเงียบสงบจนผิดธรรมชาติก็กลับมามีชีวิตชีวาอย่างทันตาเห็น
หลายคนที่เคยนั่งเรียงแถวเป็นระเบียบก็จับกลุ่มคุยกันเรื่องสัพเพเหระและเล่นมือถือกันอย่างสนุกสนาน
เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หยืบมือถือขึ้นมาดูเวลา...
ตอนนี้เป็นเวลา 11.05 น. ของวันที่ 8 พฤษจิกายน ค.ศ.2017 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเทพฯ ประเทศไทย
...ร้อยปีหลังเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย...
"โว้ย! ปวดมือฉิปหาย!!!" เขาพูดขึ้น
เด็กหนุ่มผู้นั่งอยู่ข้างๆหันมามองเขา
"เอาน่า จบคาบแล้ว วันนี้ยังดี อาจารย์แกให้จดน้อยหน่อย"
เขาหันกลับไปมองหน้าเด็กหนุ่ม
"น้อยบ้านพ่องดิ!!! มือกูปวดไปหมดเลยเนี่ย!!! วิชาภาษาไทยที่ไหนให้เด็กจดตามที่ครูพูดทั้งคาบกันวะ?"
"ก็วิชาภาษาไทยของอาจารย์...'จอมเผด็จการ' ไงล่ะ"
เด็กหนุ่มผู้มีอายุใกล้เคียงเขาตอบอย่างติดตลก
"เอาจริงๆนะ คิดว่าครูเค้าไม่สังเกตุเลยเหรอวะ ว่าการที่เด็กนั่งเงียบฉี่แบบนี้มันฝืนธรรมชาติ!!!" เขาถามเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มยิ้มจางๆ
"ก็น่าจะพอเดาได้นะ 'จารย์แกต้องการให้เด็กเป็นแบบนั้นแหละ...จัดการง่ายดี
กูว่าด้วยการที่ครูแกเป็นครูพึ่งได้รับบรรจุฯใหม่ 'ยังไม่โตพอ' ที่จะรับผิดชอบหน้าที่ งานแกเลยท่วมหัวปนกันวุ่นวาย ทั้งสอนพวกกู ตรวจงานเด็ก ทำรายงาน ไหนจะมีเยี่ยมบ้านนักเรียนอีก...
กูว่าแกน่าจะเครียด พอเข้ามาสอนแล้วเห็นเด็กคุยกัน ขยุกขยิก ทำตัววุ่นวาย แกเลยต้องลดความวุ่นวายในการสอนโดยการ..."
"...เผด็จการ...จับปูใส่กระด้ง.....โดยไม่สนว่ามันจะฝืนธรรมชาติปูยังไง..."
แหล่งอ้างอิงข้อมูล :
https://th.wikipedia.org
www.baanjomyut.com
**เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่ผมพึ่งเผชิญมาในห้องเรียน**