🎄🎄🎄ทวิธราดล🎄🎄🎄(ตอนที่3 คัพธัพวดี)

ตอนที่3 คัพธัพวดี



     "อะ อะไรนะ"อีกสามคนถามเสียงดังลั่นคับห้อง
     เอไม่ได้พูดอะไรต่อ ค่อยๆก้มลงเก็บข้าวของที่ตกเกลื่อนพื้นใส่ถุงตามเดิม ก่อนที่จะมานั่งลงบนเตียงข้างๆฟ้ากับกระต่ายอย่างหมดแรง

     ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆ เอก็พูดขึ้น
     "พวกแกว่า ยายเขาพูดจริงเปล่า"เอถาม พยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบเป็นปกติ
     ฟ้ากับกระต่ายมองหน้ากัน
     แป๋วนั่งคิดอะไรสักอย่างอยู่ชั่วครู่ แล้วพูดออกมาว่า
     "ใจเย็นๆก่อนเอ เราว่ายายแกโม้นะ อย่าลืมว่าแกเป็นคนขายดอกไม้ไหว้พระ แกอาจจะแกล้งพูดให้เรากลัวเพื่อที่จะให้ไปซื้อดอกไม้ร้านแกไปไหว้พระทำบุญน่ะสิ ไม่จริงหรอก"แป๋วพูด ทำท่ามั่นอกมั่นใจ
     เอเหลือบตามองแป๋วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันมาสบตาฟ้ากับกระต่ายราวกับจะขอความคิดเห็น
     กระต่ายมองไปรอบๆห้อง ส่ายศีรษะไปมา
     "ไม่รู้สิ เราไม่รู้หรอก แต่ยายแกก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันกับเรานี่นา แล้วแกจะมาโกหกเราไปทำไม แต่ก็ใช่ว่าเราจะเชื่อนะ แต่ว่า โอ๊ย ไม่รู้สิ"กระต่ายลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆห้องอีกครั้งอย่างหวาดๆ
      "โอ๊ย งมงาย ไม่มีหรอก สงสัยจะฟังลุงคนนั้นพูดเรื่องน่ากลัวๆที่ถ้ำนั่นแล้วเอามาหลอนเองน่ะสิ"แป๋วว่า กระต่ายไม่ตอบ
     "ฟ้าว่าไง"เอถาม
     "เราว่าไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก ยายแกอาจจะตาฝาดก็ได้ หรือถ้าแกเห็นอะไรแบบนั้นจริง ก็ต่างคนต่างอยู่สิ จริงไหม"ฟ้าตอบ
     "ย้ายรีสอร์ทดีไหมฟ้า"กระต่ายพูด
     "บ้าเหรอ เสียตังค์ไปแล้วนะ กะอีแค่คำพูดเลื่อนๆลอยๆของยายแก่ๆก็เอามาคิดเป็นตุเป็นตะ ฉันนอนก่อนละกัน ปิดไฟด้วยล่ะ"แป๋วพูด หยิบมือถือไปนอนเล่นที่นอนของตน
     "ไม่มีอะไรหรอกเอ ไปอาบน้ำเถอะ ทำใจให้สบายๆ สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ"ฟ้าปลอบเอ เอพยักหน้าลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ
     กระต่ายมองหน้าฟ้าอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อไม่พบอะไรผิดปกติก็ล้มตัวลงนอนตามแป๋วไป
     ฟ้าเดินไปปิดไฟหลักของห้อง เปิดแต่โคมไฟที่โต๊ะ แล้วเดินไปนั่งอ่านหนังสือต่อ สักพักเอก็ออกมาห้องจากห้องน้ำ แล้วเดินไปนอนที่เตียงอีกเตียงหนึ่ง ฟ้าอ่านหนังสือไม่มีสมาธิเลย อ่านทวนบรรทัดเดียวกันอยู่สองสามรอบ ใจเอาแต่คิดถึงคำพูดของยายขายดอกไม้ เมื่อสัปหงกไปสามสี่รอบ ฟ้าก็ปิดโคมไฟจนในห้องมืดสนิท ต้องใช้ไฟจากมือถือส่องแสงจนมาถึงเตียงและล้มตัวลงนอน
     ฟ้าพลิกตัวไปมาอยู่ชั่วครู่ รู้สึกหงุดหงิดที่ตะกี้ง่วงแต่พอมานอนดันไม่ยอมหลับ สายตาเริ่มชินกับความมืดในห้อง เริ่มเห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ไม่รู้ว่าแสงอะไรที่ส่องออกมาจากหน้าต่าง คงจะเป็นแสงไฟจากตึกอื่นๆกระมัง
     ฟ้านอนมองรอบๆห้องอย่างนึกขำ ดูสิ ความมืดในห้องมันสามารถจินตนาการให้เราเห็นสิ่งหลอกตาได้ เช่น ผ้าถักที่แขวนอยู่ตรงประตู พอเห็นในความมืดสลัวๆแบบนี้ ชวนจินตนาการนึกว่าตะขาบกำลังไต่ยุ่บยั่บบนนั้น เสื้อผ้าที่ยัดไว้ลวกๆที่ตู้เสื้อผ้าในความมืดแบบนี้ก็ชวนจินตนาการเหมือนใครโผล่แต่แขนออกมาจากตู้นั้น ทั้งๆที่ความจริงคือแขนเสื้อ และนั่นบนเตียงนอน ในความมืดแบบนี้ก็ชวนจินตนาการให้มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนรำอยู่

     ฟ้าเบิกตา สะดุ้งเฮือก
     'ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนรำอยู่งั้นหรือ!!!???'

     ฟ้าทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นจากเตียง ทันใดตัวฟ้าก็กระเด้งกลับลงไปนอนอีกเหมือนถูกรั้งเอาไว้ด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ฟ้ามั่นใจว่าไม่ได้หลับหรือฝัน พยายามกำมือเข้าออกขยับแขนขา อวัยวะทุกส่วนยังใช้ได้ปกติ แต่ทว่าอย่างเดียวที่ทำไม่ได้คือลุกขึ้นนั่ง ฟ้าเคยได้ยินเรื่องผีอำ แต่นี่มันไม่ใช่อาการของผีอำเลยสักนิด



     "หึ หึ หึ"เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเหมือนเสียงหัวเราะ เสียงของเธอฟังแล้วเย็นเยียบไปถึงไขสันหลัง
     ฟ้าหยุดดิ้น ค่อยๆหันหน้าไปมองที่เตียงของพวกผู้หญิง
     ด้วยแสงที่ส่องออกมาจากนอกห้องผ่านหน้าต่าง ปรากฏร่างหญิงสาวใส่ชุดสีดำ ยืนอยู่บนเตียงของพวกผู้หญิง เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนตัวแป๋ว เท้าอีกข้างเหยียบอยู่บนตัวกระต่าย ผู้หญิงคนนั้นกำลังรำอยู่บนตัวของเพื่อนทั้งสอง โดยที่หญิง2คนหลับไม่รู้เรื่องเลย
      ฟ้าตัวชาหนึบตั้งแต่หัวจรดเท้า ความหวาดกลัวไหลหลั่งท่วมท้นหัวใจ ได้แต่คิดในใจว่าสติๆๆๆ และถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่านี่เรากำลังจะเจอกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติงั้นหรือ???!!!
     ฟ้าหลับตาแน่น และลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง
     เธอยังคงอยู่!!!
     "กลัวรึ?"เสียงดังออกมาจากร่างนั้น
     ฟ้าสะดุ้ง ตาเบิกโพลง คิดว่าหูฝาดไป
     "กลัวรึ?"เสียงดังออกมาอีกครั้ง
     ฟ้าอ้าปากจะตอบออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงออกไปแม้แต่นิดเดียว
     ร่างของหญิงสาวปริศนาหยุดร่ายรำ ค่อยๆหันหน้ามาเผชิญกับฟ้า ฟ้าคิดว่าจะต้องเห็นอะไรน่ากลัวๆเป็นแน่ แต่ทว่าใบหน้าที่หันมาเป็นแค่หญิงสาวที่หน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป เว้นเพียงแต่สวย! สวยมากเกินคนธรรมดาทีเดียว
     ฟ้าเริ่มขยับตัวได้ อาการชาจากความตกใจค่อยๆเลือนหาย ตนเองจึงเอาศอกข้างๆไปกระทุ้งตัวเอเพื่อให้ตื่น แต่กระทุ้งแรงเท่าใดเพื่อนก็ไม่ยอมตื่น
     "สหายเจ้าไม่ตื่นหรอก อย่าพยายามเลย"เสียงหญิงนิรนามดังขึ้นอีกครั้ง
     ฟ้าสะดุ้งหันมามองสตรีชุดดำด้วยความตกใจ รีบผุดลุกขึ้นนั่งทันที
     หญิงสาวชุดดำเพ่งพิศใบหน้าฟ้าอยู่นาน เหมือนกระหายใคร่รู้สนใจฟ้าอย่างยิ่ง
     "เจ้าจริงรึนี่? เจ้าจริงๆหรือ? ข้าไม่อยากจะเชื่อ"เธอถามออกมา
     ฟ้าไม่กล้าสบตาหญิงตรงหน้า ไม่เข้าใจในคำถามนั้นและไม่กล้าตอบอะไรออกไป แต่แล้วก็พยายามรวบรวมความกล้า ถามออกไป
     "ท..ทะ..ท่านเป็นใครกัน"ฟ้าถามออกไปเสียงตะกุกตะกัก
     "ไม่จำเป็นต้องเรียกเราว่าท่านหรอก"หญิงงามเกินมนุษย์เอื้อนเอ่ยมา
     ฟ้ากลืนน้ำลายลงคอ ความรู้สึกบอกกับตัวเองว่า นี่ไม่ใช่สิ่งร้าย ไม่ใช่สิ่งอันตรายใดใด จึงสูดหายใจลึกๆ พูดออกไป
     "คุณทำอะไรเพื่อนๆของผมงั้นหรือ ทำไมพวกเขาถึงไม่ตื่น"
     เธอมองหน้าฟ้าอยู่ชั่วครู่ เอียงคอมองดูอย่างสงสัย
     "เรามิได้ทำอันตรายใดใดแก่สหายของพวกเจ้า พวกเขาแค่หลับใหลด้วยอำนาจของเรา แม้ในใจเราก็อยากทำมากกว่านี้อยู่ด้วยเหตุที่พวกเจ้ารุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของเราเมื่อก่อนตะวันตกดิน"
     ฟ้าตกใจในคำพูดของหญิงชุดดำตรงหน้า รีบพนมมือยกขึ้นไหว้
     "พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปในเขตแดนของคุณเลย ตอนนั้นเป็นเหตุสุดวิสัย ที่เราต้องไปในบริเวณนั้น ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย"ฟ้าพูดละล่ำละลัก
     สตรีผู้นั้นมองฟ้าที่ยกมือขึ้นไหว้ยิ้มๆ
     "มนุษย์นี่นะ เอะอะก็ยกมือไหว้ หวาดกลัวก็ยกมือไหว้ ดีใจก็ยกมือไหว้ ตกใจก็ยกมือไหว้ ขอพรก็ยกมือไหว้ สมพรที่ขอก็ยกมือไหว้ โดยที่หารู้ไม่เลยว่า สิ่งที่ยกมือไหว้นั้นคืออะไร ควรค่าแก่การยกสิบนิ้วประนมหรือไม่ ภพภูมิของสิ่งที่ไหว้สูงหรือต่ำกว่าก็มิได้ใส่ใจ ทุกวันนี้ข้าล่ะอารมณ์ดีนัก เมื่อเห็นมนุษย์โง่เขลาบางจำพวกยกมือไหว้ในสิ่งที่ไม่มีจริง ที่น่าขันที่สุดคือยกมือไหว้สิ่งที่ต่ำภูมิกว่า หลงละเมอเพ้อพกไปว่ามีอำนาจปาฎิหาริย์"
     "แล้วคุณล่ะ ผมจำเป็นต้องยกมือไหว้ไหม คุณเป็นผีงั้นหรือ"ฟ้าย้อนถาม
     สตรีปริศนาตาวาวขึ้นวาบหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า
     "อย่ามาเรียกเราแบบนั้น เราไม่ใช่สัตว์ในอบายภูมิ อย่าเอาชื่อสัมภเวสีแบบนั้นมาแปดเปื้อนสร้างราคีให้แก่ตัวเรา เรามิใช่ผีที่เจ้าว่า เราอยู่ในเทวภูมิ แม้จะอยู่ในเทวภูมิแต่ก็มิได้สูงไปกว่ามนุษย์อย่างเจ้ามากมายนัก ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไหว้เรา"
     ฟ้าค่อยๆลดมือลงวางไว้บนตักตามเดิม
     "ผมจะเรียกคุณว่าอย่างไรดีครับ"ฟ้าถามด้วยความระมัดระวัง
     "นามเราคือคัพธัพวดี"เธอตอบ
     ฟ้าชะงัก คัพธัพวดี นางไม้คนธรรพ์ชั้นล่างงั้นหรือ???!!! ฟ้าคิดในใจ
     "สมแล้วที่เป็นเจ้า ใช่สิ เจ้าต้องรู้ว่าเราเป็นอะไร ถ้าไม่รู้ก็คงไม่ใช่เจ้า"คัพธัพวดียิ้ม มองหน้าฟ้าอย่างพึงพอใจ
     ฟ้าตกใจ ทำไมเธอคนนี้ได้ยินความคิดเขา แถมพูดอะไรที่ฟ้าไม่เข้าใจเลยสักคำเดียว
     "ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรับรู้หรอก"คัพธัพวดีพูด
     "แล้วคุณต้องการอะไรล่ะครับ ทำไมถึงตามพวกเรามา ถ้าเราทำอะไรผิดไปก็ขออภัย อย่าได้ลงโทษหรือทำร้ายพวกเราคนใดคนหนึ่งเลย"ฟ้าขอร้อง
     คัพธัพวดีผู้งามเลิศ หัวเราะดังกึกก้องไปทั่วจนฟ้าสะดุ้ง หันมองเพื่อนแต่ละคนเลิ่กลั่กหวังว่าจะมีใครตกใจตื่นขึ้นบ้างแต่ก็ไม่มีเลย
     คัพธัพวดีหัวเราะจบ ก็หันมาสบตาฟ้าเต็มตา ดวงเนตรฉายแววกราดเกรี้ยว ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ ยกมือที่ขาวผุดผ่องขึ้นชี้หน้าฟ้า เสียงที่อ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดจนฟ้าแทบหงายหลัง
     "นี่เป็นการดูถูกกันอย่างมาก มนุษย์! ความเข้าใจผิดของเหล่ามนุษย์ ตกทอดกันมาสืบชั่วลูกชั่วหลาน
มนุษย์มากมายเข้าใจผิดในตัวเรามานับร้อยๆพันๆปี บางคนกล่าวหาว่าเราบัลดาลเรื่องร้ายๆให้แก่มนุษย์ บางคนว่าเราชอบรังควานหลอกหลอน บ้างว่าถ้าตัดไม้ที่เป็นที่พักเราไปทำที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก็จะถูกเราทำร้าย ทำให้บังเกิดความเจ็บไข้ แต่ความจริงสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับเราเลย ได้โปรด อย่าใส่ร้ายเรา เราอยู่อย่างสันโดษมาตลอด ภูมิของเราสูงกว่าพวกเจ้าก็จริงแต่มิได้คิดจะสร้างกรรมกับพวกเจ้า เรากับเจ้าต่างคนต่างอยู่กันมาตลอด เรื่องเหลวไหลทั้งปวงว่าเราเป็นเทวดาใจร้ายนั่นเป็นเพียงแค่เรื่องบันเทิงที่มนุษย์ชอบเล่าขานกันในมนุสสภูมิแค่นั้น เจ้าก็เช่นกัน เรามิได้จะมาทำร้ายทำอันตรายใดใดทั้งสิ้น"
     ฟ้านั่งฟังด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด คัพธัพวดีเหมือนจะโกรธเกรี้ยวมาก
     "ผมขอโทษถ้าพูดอะไรที่ไม่ถูกต้องไป แล้วคุณต้องการอะไรล่ะครับ ถึงติดตามเรามา"ฟ้าพูดละล่ำละลัก
     "ต้องการสมาลาโทษจากพวกเจ้าทั้งหมด"คัพธัพวดีกล่าว เสียงอ่อนลง
     "ผมขออภัย ขอสมาลาโทษแทนพวกเพื่อนๆของผมด้วยครับ"ฟ้าก้มหัวขออภัย
     "ไม่ได้!!!"คัพธัพวดีเสียงแข็งขึ้นอีกครั้ง
     "พวกเจ้าทั้งสี่คนต้องมาขอขมาเราในที่ที่พวกเจ้าล้ำเข้าไป"
     "คุณหมายความว่าให้เราขอขมาคุณที่หน้าถ้ำข้างๆถ้ำบริจินดางั้นเหรอครับ"ฟ้าสงสัย
     "ไม่ใช่!! แต่เป็นในถ้ำ"คัพธัพวดียิ้ม
     "ในถ้ำนั่นเข้าไปไม่ได้หรอกนะครับ ทางเข้าแคบมาก ข้างในมีเหวรึเปล่าก็ไม่รู้"ฟ้าบอกด้วยความตกใจ
     "พวกเจ้าทั้งสี่เข้าไปได้แน่นอน และก็ไม่ต้องกลัวหุบเหว เราไม่ได้ชักนำพวกเจ้าไปสู่หายนะดอก"คัพธัพวดีกล่าว
     "เอ่อ ผม ต้องถามเพื่อนๆดูก่อน"
     "ไม่จำเป็นต้องถามสหายเจ้า เมื่อมหาพรหมแตะขอบฟ้า สหายของเจ้าจะตื่นมาขอให้เจ้าพาไปเอง ตอนนี้เราขอลาก่อน"คัพธัพวดีกล่าว
     ทันทีที่ฟ้ากระพริบตาแวบเดียว ร่างของสตรีปริศนาก็หายวับไปทันที ฟ้ารีบลุกขึ้นยืน ตบหน้าตัวเองเรียกสติ เปิดไฟในห้อง วิ่งไปห้องน้ำวักน้ำลูบใบหน้า
     "เราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม"ฟ้าถามตัวเองในกระจก
     





     6นาฬิกา10นาที ฟ้าถูกปลุกด้วยอะไรสักอย่างที่กำลังเขย่าๆตัวเองอยู่ เมื่อลืมตาตื่นขึ้น ก็พบว่ากำลังถูกจับเขย่าด้วยฝีมือของเพื่อนทั้ง4คน
     "ตื่นเร็วฟ้า ขี้เซา วันนี้เราจะไปถ้ำบริจินดากัน"กระต่ายพูดเสียงใส
     "ใช่ แต่ไม่ได้จะไปถ้ำบริจินดานะ เราหมายถึงถ้ำเล็กๆข้างถ้ำบริจินดาน่ะ ที่ต่ายเจองูปลอม ฮ่าๆๆ"แป๋วพูดบ้าง
     "นี่ งูจริงย่ะ ฉันเห็นกับตา"กระต่ายว่าพลางตีแขนแป๋วเบาๆ
     "ใช่แล้ว ฟ้า วันนี้เราจะไปกัน เมื่อวานยังดูไม่ทั่วเลย วันนี้ไปแต่เช้าคงจะสวยกว่าเดิม"เอพูดชวนอีกคน
     ฟ้าแปลกใจ
     "ทำไมถึงอยากไปกันอีกล่ะ ไหนเมื่อวานบอกกลัว"ฟ้าถาม
     "ก็เมื่อวานมันใกล้มืดแล้วยังไงล่ะ มันเลยน่ากลัว วันนี้ไปแต่เช้า คนก็น่าจะเยอะคงไม่มีอะไรหรอก ไปถ่ายรูปกันๆ"แป๋วตอบพลางดึงแขนฟ้าม
     "เดี๋ยวสิ เมื่อคืนทุกคนนอนหลับสนิทกันหมด ไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ?"ฟ้าถามอีกหน
     ทั้งสามคน หันมามองฟ้าเป็นตาเดียว
     "ใช่ นอนหลับสนิททั้งคืน ไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่ฝันด้วย"เอตอบ ทั้งแป๋วและกระต่ายก็พยักหน้าสนับสนุน
     ฟ้านิ่ง เป็นไปได้อย่างไรกัน หรือว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะเป็นความจริง? การที่ทั้งสามคนอยากจะไปถ้ำนั่นอีกครั้งก็เป็นไปตามที่คัพธัพวดีกล่าวทุกประการ
     "เป็นอะไรรึเปล่าฟ้า โอเคไหม เธอดูแปลกๆ ตายจริงทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ"กระต่ายทักขึ้นด้วยความตกใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่