ตอนที่2 ล่วงแดน
"คาบหน้ามีควิซนะครับ นักศึกษาอย่าลืมอ่านหนังสือมาด้วย"อาจารย์พูดใส่ไมค์หน้าชั้นเรียนพลางเก็บของบนโต๊ะ
"ต่ายๆ ฟ้าส่งไลน์มาบอกว่าอยู่หอสมุดน่ะ"
"โอเคแป๋ว เดี๋ยวไปหามันที่นั่นและกัน บอกเอด้วยว่าไปเจอที่หอสมุด"ต่ายหรือกระต่าย นักศึกษาหญิงชั้นปีที่2พูดกับเพื่อน
นักศึกษาสาวสองคนเดินลงมาจากตึกเรียนรวม แดดในตอนเที่ยงส่องแสงลงมาแผดเผา แป๋วยกหนังสือขึ้นบังแดด
"ทำไมนัดแถวคณะไม่ได้ต้องไปที่หอสมุดไกลก็ไกล แดดก็ร้อน"แป๋วบ่น
"ฟ้าบอกว่าจะคุยเรื่องทำรายงาน งานกลุ่มของอาจารย์สุวรรณไง"
"หืมมม งานกลุ่ม? งานกลุ่มอะไร อาจารย์สุวรรณให้งานกลุ่มอะไร ทำไมเราไม่รู้"แป๋วหยุดเดินหันมามองหน้ากระต่าย
"ฮ่าๆๆ นี่แสดงว่าแกลืมน่ะสิ แป๋ว อาจารย์สุวรรณสั่งงานกลุ่มเรามาตั้งสามเดือนแล้ว เรื่องทำสารคดีท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สำคัญในต่างจังหวัด นี่อีก2อาทิตย์จะถึงเดดไลน์ แกลืมใช่ไหมล่ะ"กระต่ายชี้หน้าแป๋วล้อเลียนคนความจำสั้น
"ตายจริง เราลืมไปสนิทเลยอ่ะ โหยดีนะ ฟ้าจำได้ ไม่งั้นมีหวังติด F"แป๋วร้องออกมา
"ได้ยินว่าฟ้าคิดออกแล้วว่าจะไปจังหวัดไหนน่ะ งานกลุ่มคงจะทำได้แล้วแหละ"กระต่ายบอกพลางก้มอ่านข้อความที่เด้งเตือนขึ้นมาในไลน์
"มันจะไปจังหวัดไหนรู้ไหม"แป๋วถาม
หอสมุดประจำมหาวิทยาลัย
"เชียงใหม่น่ะ"ฟ้าตอบ เมื่อทุกคนมาพร้อมกันที่หอสมุด
"ทำไมไปไกลจังเลยฟ้า"เอเพื่อนผู้ชายอีกคนในกลุ่มถามขึ้น
"เราคิดว่าจะไปดอยอินทนนท์น่ะ คิดว่าไงบ้าง"ฟ้าถาม
แป๋ว กระต่าย เอ มองหน้ากัน
"เราเห็นด้วยกับเอที่ว่ามันไกลไปนะ เดินทางลำบาก ค่าใช้จ่ายเยอะ เอาแบบไปเช้าเย็นกลับได้ไหม"แป๋วถาม
"เราว่าดอยอิทนนท์น่าสนใจนะ ทำสารคดีทั้งทีอีกอย่างเราก็มีรถยนต์ ขับไปให้ได้ แต่ทำไมฟ้าต้องไปไกลขนาดนั้นล่ะ รอบๆกรุงเทพก็มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเยอะแยะนะ"กระต่ายถามฟ้า
"คือเราศึกษาเรื่องดอยอิทนนท์มาพอสมควรแล้วน่ะ วางแผนการเดินทาง ที่พัก ทริปท่องเที่ยว ที่ทำสารคดีเรียบร้อย อีกเหตุผลคือเราอยากไปที่นี่ตั้งแต่เด็กๆแล้ว พวกเราก็ถือว่าไปเที่ยวกันในตัวก็ได้นี่นา จุดสูงสุดในสยามเชียวนะ"ฟ้าพูดกับเพื่อนๆ
"อืม ก็แล้วแต่นะ แต่ไปหน้าฝนแบบนี้จะดีเหรอ ไม่มีใครไปกันหรอกนะฟ้า"แป๋วเตือนอีกรอบ
"ยิ่งดีใหญ่ คนไม่เยอะดี ทำงานง่าย เราไปทำสารคดี คนยิ่งน้อยยิ่งดี"ฟ้าตอบเรียบๆ
"ตัวเราเองไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไปไหนไปกัน"ต่ายพูดอมยิ้ม
"ไปก็ไป นานๆทีได้เดินทางไกลๆ นี่เห็นแก่ฟ้านะที่วางแผนไปดอยอิทนนท์ไว้พร้อมสรรพแล้ว ไม่งั้นไม่ไปหรอก"เอตอบตกลงในที่สุด
"ฟ้า!!นั่นแกอ่านหนังสืออะไรน่ะ"แป๋วร้องออกมาดังลั่น จนนักศึกษาข้างๆโต๊ะหันมามองด้วยความตกใจ
ฟ้าพยายามจะปิดหนังสือเก็บแต่แป๋วไวกว่าเอื้อมมือมาคว้าหนังสือที่ฟ้าจะซ่อนออกมากางอ่านหน้าปกแล้วอ่านชื่อหนังสือให้เพื่อนคนอื่นฟัง
"ป่าหิมพานต์กับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ฮ่าๆๆๆ หนังสืออะไรของแกเนี่ยฟ้า อ่านอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ"แป๋วถามขำๆ
"ฮ่าๆ เราเห็นมันอ่านหนังสือประเภทนี้นานและ สงสัยอยากไปป่าหิมพานต์"เอแซว
"มีจริงด้วยเหรอ ป่าหิมพานต์อะไรเนี่ย"ต่ายถามด้วยความสงสัย
"เราว่ามีจริงนะ"ฟ้าตอบเรียบๆ
"เพ้อเจ้อน่าฟ้า มันเป็นแค่ป่าในนิยายของคนโบราณ ไม่มีจริงหรอก"แป๋วพูดยิ้มๆ
ฟ้าเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร
"ไปหาไรกินเถอะ หิวแล้ว"เอชวน
"ป่ะ ไปกัน"
วันหยุดยาวสุดสัปดาห์
กระต่ายเป็นผู้รับผิดชอบขับรถยนต์ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดยแวะพักระหว่างทางเสมอๆ
เมื่อเข้าถึงจังหวัดเชียงใหม่ ฟ้า แป๋ว กระต่าย เอ ได้หาอะไรกินกลางเมืองเชียงใหม่ พอเที่ยงตรงทั้งหมดก็เดินทางมุ่งสู่อำเภอจอมทองทันที
ทั้งสี่คนได้มาขึ้นรถสีฟ้าที่หน้าประตูเชียงใหม่ ไปลงที่หน้าวัดพระธาตุจอมทอง แล้วต่อรถสองแถวเพื่อเริ่มต้นขึ้นดอยอินทนนท์
"ทำไมมันหนาวจังเลยล่ะ"กระต่ายบ่นพลางย่นคอ
"ต้องโทษฟ้าคนเดียวเลยเนี่ย"แป๋วบ่นกระปอดกระแปด แต่ฟ้าไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนเลย ได้แต่มองไปรอบๆอย่างสนใจในธรรมชาติ
ทั้งหมดได้เที่ยวน้ำตกวชิรธาร ไปจุดสูงสุดแดนสยาม กราบไหว้พระธาตุคู่ ตลาดชาวเขา สถานีเกษตรโครงการหลวง
"เราไปทำสารคดีงานกลุ่มที่กิ่วแม่ปานดีไหม"แป๋วถามเพื่อนเสียงสดใส ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามรอบด้าน
"ไม่ได้หรอกตะกี้ถามเจ้าหน้าที่แล้วเขาบอกหน้าฝนกิ่วแม่ปานปิดน่ะ"กระต่ายบอก
"อ้าวเหรอ เสียดายจัง"แป๋วผิดหวัง
"เราไปที่ชัวญ่าก็ได้นะ มีแปลงดอกไม้ วิวน้ำตกก็สวย"เอบอกเพื่อนๆ
"ก็ได้อยู่นะ ฟ้า ว่าไงล่ะฟ้า ฟ้า ฟ้ามองอะไรน่ะ??!!"กระต่ายหันไปถามเพื่อน
"อ้อ เปล่าน่ะ แค่มองไปเรื่อยๆว่าจะถ่ายรูป"ฟ้าตอบ
"ตั้งแต่มาฟ้าดูแปลกๆนะ เป็นอะไรรึเปล่า"แป๋วตั้งข้อสงสัยเพ่งมองหน้าฟ้าอย่างพินิจพิเคราะห์
ฟ้าหลบตาแป๋ว
"เปล่านี่ เราก็ปกติดี"ฟ้ากล่าวเบาๆ
"เราจะพักรีสอร์ทที่ไหนกันดี"กระต่ายถามมา
"เราไปถ้ำบริจินดากันก่อนไหม ก่อนหาที่พัก"ฟ้าชวน
"ถ้ำอะไรนะ"แป๋วกับกระต่ายถามพร้อมกัน ส่วนเอหันมามอง
"ถ้ำบริจินดา อยู่ใกล้ๆนี่เอง น่าไปนะ"ฟ้าตอบเพื่อนๆ
"ถ้ำอะไรไม่เคยได้ยิน"แป๋วขมวดคิ้ว
"ไปเถอะน่า อุตส่าห์มาดอยอินทนนท์แล้วนะ"ฟ้าเกลี้ยกล่อม
"ไม่ล่ะ ขี้เกียจไปอ่ะ"กระต่ายตัดบท
ทว่าไม่นานหลังจากนั้น ทั้งหมดก็ต้องไปถ้ำบริจินดากันจนได้ ด้วยความสามารถชักชวนของฟ้า
เมื่อถึงทางหลวงหมายเลข1009 บริเวณใกล้เคียงกับน้ำตกแม่กลาง มีทางแยกขวามือมีป้ายบอกทางไปถ้ำบริจินดา
เมื่อถึงเวลาเดินเท้าก็ค่อนข้างลำบาก ผู้ชายอย่างฟ้าและเอไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ผู้หญิงอย่างกระต่ายและแป๋วบ่นว่าฟ้ามาตลอดทาง ทำให้ทั้งเอและฟ้าหัวเราะกับสภาพสองสาว
"นี่ผ้าอะไรอ่ะ เห็นผูกไว้หลายจุดและ"แป๋วถาม ชี้ไปที่ผ้าสีๆที่ผูกไว้ที่กิ่งไม้
"ผูกเอาไว้กันหลงน่ะ"ฟ้าตอบ แป๋วสะดุ้งรีบเข้ามายืนใกล้ๆเพื่อนทันที หน้าตาเลิ่กลั่ก
"เคยมีคนหลงป่าแถวนี้ด้วยหรอ"แป๋วพูดเบาๆมองไปรอบๆอย่างหวาดๆ
"อย่ากลัวไปเลยน่า มากันตั้งสี่คน"เอปลอบ
"นี่มันก็จะมืดแล้วนะ ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ไม่รู้สิ เราว่ากลับก่อนดีไหม"กระต่ายมองดวงตะวันพลางพูดกับเพื่อนๆด้วยความกังวล
"อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วต่าย มาดูไม่นานหรอก รับรองแสงตะวันยังไม่หมด"ฟ้ากล่าวกับต่าย
"แถวนี้เขาว่ามีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยใช่ไหมฟ้า"เอถาม
"ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน"ฟ้าตอบ
"ระวัง!!!"ฟ้าร้อง ดึงแขนแป๋วออกมา
"ว๊าย อะไรฟ้า ตัวอะไรเหรอ?!"แป๋วกระโดดผลุงออกมา ยืนอกสั่นขวัญแขวน มองไปตามพื้น
"เปล่า ต้นสาวหลงน่ะระวังไปเหยียบ"ฟ้าบอกเบาๆชี้ไปที่ต้นไม้ต้นเล็กๆต้นหนึ่ง
"ตาบ้า ตกกะใจหมด นึกว่างู ตะกี้ว่าต้นอะไรนะ"แป๋วร้อง
"ต้นสาวหลงน่ะ บ้างเรียกเถาวัลย์หลง อย่าไปเหยีบบ เขาว่าเหยียบจะหลงป่า"ฟ้าเตือน
"จริงเหรอ!!"แป๋วอุทาน
"แปลกจริง แถวนี้มีแต่เรื่องประหลาดๆ"กระต่ายมองไปรอบๆห่อไหล่อย่างเสียวสันหลัง
ไม่นาน
"ถึงแล้ว"ฟ้าบอกอย่างยินดี ชี้มือไปที่ปากถ้ำ
ถ้ำหินปูน ปากทางค่อนข้างกว้างตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเด็กทั้งสี่ มองลอดเข้าไปในถ้ำสามารถเห็นทะลุออกไปได้ค่อนข้างไกล ราวกับในถ้ำจะกว้างและมีทางให้เดินมากมาย
"นี้หรอถ้ำบริจินดา ฟ้าแน่ใจนะว่าเข้าไปได้ เหมือนเขายังไม่ได้เปิดให้เข้าอย่างเป็นทางการรึเปล่า"แป๋วสงสัย
"นี่ไงป้ายประวัติการค้นพบถ้ำ คงไม่ใช่ถ้ำลึกลับอะไรมากนักหรอก"กระต่ายชี้มือไปที่ป้ายขนาดใหญ่หน้าถ้ำ
"ลองเข้าไปดูหน่อยมั้ย"ฟ้าชวน
"ไม่ล่ะ"แป๋วกับกระต่ายปฎิเสธอย่างไม่ค่อยไว้ใจในสภาพแวดล้อม
"นี่ก็ใกล้มืดล่ะนะฟ้า เข้าไปในถ้ำเวลานี้จะดีเหรอ?"สองสาวกังวล
"งั้นเดี๋ยวเรามา"ฝ่ายชายตอบ
"รีบไปรีบมาล่ะ อยู่แถวนี้นานๆแล้วขนลุกซู่"แป๋วพูด
ฟ้ากับเอจึงลงเข้าไปในถ้ำด้วยกันแค่สองคน
หลังจากนั้นไม่นานทั้งฟ้าและเอก็ค่อยๆออกมา
"ข้างในสวยไหม"แป๋วที่นั่งอยู่คนเดียวบนก้อนหินขนาดใหญ่ร้องถามมา
"ก็สวยดีนะ มีพระพุทธรูปให้กราบสักการะด้วย"ฟ้าตอบมา
"ข้างในไม่มืดเหรอ"แป๋วถามอีกครั้ง
"ไม่เลย มีอุโมงค์ให้แสงลอดผ่านเข้ามาสว่างเลยล่ะ แล้วถ้ำก็ทะลุถึงกันตลอด ไม่มืดเลย จริงๆมีทางให้เดินอีกไกลเลยนะ แต่เราออกมาก่อน กลัวมืดน่ะ"ฟ้าอธิบาย
"แป๋วพลาดแล้วแหละข้างในสวยมาก มีธารหินสวยเชียว พอเวลาโดนแสงแดดนะ จะส่องประกายระยิบระยับเหมือนกากเพชรเลยล่ะ แล้วนี่เราเจอนมผาด้วย"เอพูดพลางหัวเราะคิกคัก
"อะไรกันนมผา นมผาคืออะไรหรือ?"แป๋วถาม
"ชาวเหนือเขาเรียกกัน หมายถึงหินงอกหินย้อยน่ะ"ฟ้าตอบแทนเอที่ยังหัวเราะอยู่
"อ้อ"แป๋วพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปค้อนเอ
"กระต่ายไปไหนล่ะแป๋ว"เอถาม เมื่อหยุดขำได้ มองหากระต่าย
"เดินไปดูถ้ำเล็กๆใกล้ๆนี่อีกถ้ำน่ะ"แป๋วตอบ
"หะ แถวนี้มีถ้ำอีกเหรอ"ฟ้าสงสัย
"ใช่ๆ เราก็ไปดูกับกระต่ายมา อยู่ตรงนี้เอง ลงเนินสูงนั่นไปก็เจอแล้ว แต่ปากถ้ำเล็กน่ะ เข้าไปก็ต้องก้ม แล้วข้างในนะ..."แป๋วพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงกรีดร้องดังลั่นป่า
"กรี๊ดดดดด!!!!"
"ต่ายยย!!"เสียงฟ้าและเอร้องขึ้นพร้อมกัน
แป๋วผุดลุกขึ้นยืนและวิ่งไปตามเสียงร้องนั้นอย่างรวดเร็ว ฟ้ากับเอรีบวิ่งตามไปทันที
พ้นเนินที่สูงขึ้นมาไปไม่มาก ทั้งสามคนก็เห็นกระต่ายกำลังคลานถอยหลังออกจากปากถ้ำเล็กๆ เธอดูตระหนกตกใจ จนกลิ้งล้มลุกคลุกคลาน ถูกกิ่งไม้พันตัวอยู่รุงรังยุ่งเหยิง แก้ออกมาไม่ได้
ทั้งสามคนรีบถลันเข้าไปช่วยทันที กว่าจะแก้กิ่งไม้ที่พันอยู่ก็ตั้งนานเพราะกระต่ายดิ้นไปมา พอหลุดออกมาได้ กระต่ายก็รีบลุกขึ้น ผวาเข้าหาเพื่อนๆ หน้าซีดตัวสั่น ปัดหูปัดหัวปัดตัวไปมา
"ต่ายๆเป็นอะไร"แป๋วจับแขนเพื่อนเขย่าเรียกสติ
"งู งูน่ะ งูตัวใหญ่มาก จงอาง แผ่แม่เบี้ยอยู่หน้าปากถ้ำน่ะ"กระต่ายพูดเสียงสั่นเครือ ชี้มือไปหน้าปากถ้ำเล็กๆ
ทั้งสามคนมองไปหน้าปากถ้ำแคบนั้น แต่ก็ไม่พบงูหรือสัตว์ชนิดใดอยู่ตรงนั้น
"งูอะไรกันต่าย ไม่เห็นมีเลย"เอพูด พยายามสอดส่ายสายตามองไปทั่วๆ
"มีจริงๆนะ เราเห็นจริงๆ งูตัวใหญ่มาก จงอางแน่ๆ ยืดคอทีเท่าหัวเราเลย ถ้ามันฉกลงมาก็ถึงตัวเราแน่ๆ แผ่พังพานเกือบเท่ากะทะใบใหญ่ๆแน่ะ"กระต่ายยืนยัน
"บ้าแล้วต่าย ยืดตัวสูงเท่าหัว แผ่แม่เบี้ยเท่ากะทะเลยเหรอ ดูหนังมากไปมั้ง ถ้าตัวใหญ่ขนาดนั้น เราต้องเห็นบ้างสิ นี่เราไม่เห็นร่องรอยมันเลยนะ"แป๋วบอก มองกระต่ายอย่างไม่แน่ใจ
"แล้วต่ายไปทำอะไรข้างในถ้ำเล็กๆนั่นล่ะ"ฟ้าถาม
"ไม่ได้จะเข้าไปหรอก คือเราเห็น เอ่อ.."กระต่ายอึกอัก
"เห็นอะไรต่าย"เอถาม
"คือเหมือนเราเห็นแสงสวยๆเหมือนพวกพลอยสีๆติดตามผนังถ้ำด้านในน่ะ ส่องไฟฉายเข้าไปนี่ระยิบระยับมาก เรากะว่าจะเข้าไปถ่ายรูป ยังไม่ทันได้เข้าไปก็เจองูนั่นน่ะ"กระต่ายเล่า
"ไม่เห็นจะมีอะไรเลย"เอพูด เพ่งตามองผนังถ้ำด้านใน
"ไม่มีทั้งหินสี ทั้งงูแหละ เธอคงกลัวที่มาที่นี่แต่แรกเลยสร้างภาพหลอนรึเปล่าต่าย"แป๋วบอก กระต่ายสั่นหัว
"เปล่านะ เราเห็นจริงๆ ไม่เชื่อเข้าไปดูใกล้..."กระต่ายพูดยังไม่ทันจบ ทั้งหมดก็ต้องสะดุ้งสุดตัว
"ไอ้หนู มาทำอะไรกันแถวนี้"เสียงลุงคนหนึ่งตวาดลั่นขึ้นข้างหลัง
ทั้งสี่คนหันไปมองก็เห็นลุงคนหนึ่งอายุประมาณ60ปี ยืนแบกเครือกล้วย ใส่เสื้อผ้าแบบชาวบ้านๆ มีผ้าขาวม้าเคียนเอว
"เป็นนักท่องเที่ยวเรอะ"แกถามเสียงดังซ้ำมาอีก เพ่งมองดูแต่ละคน
"ใช่ครับ เรามาเที่ยวถ้ำบริจินดาครับลุง"ฟ้าตอบออกไป
"ถ้ำบริจินดาอยู่อีกทางหนึ่ง ไม่ใช่ทางนี้ มาทำอะไรกันตรงนี้เล่า รีบกลับไปไป จะค่ำมืดแล้ว แถวนี้มันไม่ค่อยดี"ลุงแกพูด
"เอ่อ เราขอโทษค่ะ ไปเร็ว กลับเถอะ "กระต่ายรีบคว้ามือเพื่อนๆเดินออกมา
🎄🎄🎄ทวิธราดล🎄🎄🎄 (ตอนที่2 ล่วงแดน)
"คาบหน้ามีควิซนะครับ นักศึกษาอย่าลืมอ่านหนังสือมาด้วย"อาจารย์พูดใส่ไมค์หน้าชั้นเรียนพลางเก็บของบนโต๊ะ
"ต่ายๆ ฟ้าส่งไลน์มาบอกว่าอยู่หอสมุดน่ะ"
"โอเคแป๋ว เดี๋ยวไปหามันที่นั่นและกัน บอกเอด้วยว่าไปเจอที่หอสมุด"ต่ายหรือกระต่าย นักศึกษาหญิงชั้นปีที่2พูดกับเพื่อน
นักศึกษาสาวสองคนเดินลงมาจากตึกเรียนรวม แดดในตอนเที่ยงส่องแสงลงมาแผดเผา แป๋วยกหนังสือขึ้นบังแดด
"ทำไมนัดแถวคณะไม่ได้ต้องไปที่หอสมุดไกลก็ไกล แดดก็ร้อน"แป๋วบ่น
"ฟ้าบอกว่าจะคุยเรื่องทำรายงาน งานกลุ่มของอาจารย์สุวรรณไง"
"หืมมม งานกลุ่ม? งานกลุ่มอะไร อาจารย์สุวรรณให้งานกลุ่มอะไร ทำไมเราไม่รู้"แป๋วหยุดเดินหันมามองหน้ากระต่าย
"ฮ่าๆๆ นี่แสดงว่าแกลืมน่ะสิ แป๋ว อาจารย์สุวรรณสั่งงานกลุ่มเรามาตั้งสามเดือนแล้ว เรื่องทำสารคดีท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สำคัญในต่างจังหวัด นี่อีก2อาทิตย์จะถึงเดดไลน์ แกลืมใช่ไหมล่ะ"กระต่ายชี้หน้าแป๋วล้อเลียนคนความจำสั้น
"ตายจริง เราลืมไปสนิทเลยอ่ะ โหยดีนะ ฟ้าจำได้ ไม่งั้นมีหวังติด F"แป๋วร้องออกมา
"ได้ยินว่าฟ้าคิดออกแล้วว่าจะไปจังหวัดไหนน่ะ งานกลุ่มคงจะทำได้แล้วแหละ"กระต่ายบอกพลางก้มอ่านข้อความที่เด้งเตือนขึ้นมาในไลน์
"มันจะไปจังหวัดไหนรู้ไหม"แป๋วถาม
หอสมุดประจำมหาวิทยาลัย
"เชียงใหม่น่ะ"ฟ้าตอบ เมื่อทุกคนมาพร้อมกันที่หอสมุด
"ทำไมไปไกลจังเลยฟ้า"เอเพื่อนผู้ชายอีกคนในกลุ่มถามขึ้น
"เราคิดว่าจะไปดอยอินทนนท์น่ะ คิดว่าไงบ้าง"ฟ้าถาม
แป๋ว กระต่าย เอ มองหน้ากัน
"เราเห็นด้วยกับเอที่ว่ามันไกลไปนะ เดินทางลำบาก ค่าใช้จ่ายเยอะ เอาแบบไปเช้าเย็นกลับได้ไหม"แป๋วถาม
"เราว่าดอยอิทนนท์น่าสนใจนะ ทำสารคดีทั้งทีอีกอย่างเราก็มีรถยนต์ ขับไปให้ได้ แต่ทำไมฟ้าต้องไปไกลขนาดนั้นล่ะ รอบๆกรุงเทพก็มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเยอะแยะนะ"กระต่ายถามฟ้า
"คือเราศึกษาเรื่องดอยอิทนนท์มาพอสมควรแล้วน่ะ วางแผนการเดินทาง ที่พัก ทริปท่องเที่ยว ที่ทำสารคดีเรียบร้อย อีกเหตุผลคือเราอยากไปที่นี่ตั้งแต่เด็กๆแล้ว พวกเราก็ถือว่าไปเที่ยวกันในตัวก็ได้นี่นา จุดสูงสุดในสยามเชียวนะ"ฟ้าพูดกับเพื่อนๆ
"อืม ก็แล้วแต่นะ แต่ไปหน้าฝนแบบนี้จะดีเหรอ ไม่มีใครไปกันหรอกนะฟ้า"แป๋วเตือนอีกรอบ
"ยิ่งดีใหญ่ คนไม่เยอะดี ทำงานง่าย เราไปทำสารคดี คนยิ่งน้อยยิ่งดี"ฟ้าตอบเรียบๆ
"ตัวเราเองไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไปไหนไปกัน"ต่ายพูดอมยิ้ม
"ไปก็ไป นานๆทีได้เดินทางไกลๆ นี่เห็นแก่ฟ้านะที่วางแผนไปดอยอิทนนท์ไว้พร้อมสรรพแล้ว ไม่งั้นไม่ไปหรอก"เอตอบตกลงในที่สุด
"ฟ้า!!นั่นแกอ่านหนังสืออะไรน่ะ"แป๋วร้องออกมาดังลั่น จนนักศึกษาข้างๆโต๊ะหันมามองด้วยความตกใจ
ฟ้าพยายามจะปิดหนังสือเก็บแต่แป๋วไวกว่าเอื้อมมือมาคว้าหนังสือที่ฟ้าจะซ่อนออกมากางอ่านหน้าปกแล้วอ่านชื่อหนังสือให้เพื่อนคนอื่นฟัง
"ป่าหิมพานต์กับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ฮ่าๆๆๆ หนังสืออะไรของแกเนี่ยฟ้า อ่านอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ"แป๋วถามขำๆ
"ฮ่าๆ เราเห็นมันอ่านหนังสือประเภทนี้นานและ สงสัยอยากไปป่าหิมพานต์"เอแซว
"มีจริงด้วยเหรอ ป่าหิมพานต์อะไรเนี่ย"ต่ายถามด้วยความสงสัย
"เราว่ามีจริงนะ"ฟ้าตอบเรียบๆ
"เพ้อเจ้อน่าฟ้า มันเป็นแค่ป่าในนิยายของคนโบราณ ไม่มีจริงหรอก"แป๋วพูดยิ้มๆ
ฟ้าเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร
"ไปหาไรกินเถอะ หิวแล้ว"เอชวน
"ป่ะ ไปกัน"
วันหยุดยาวสุดสัปดาห์
กระต่ายเป็นผู้รับผิดชอบขับรถยนต์ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดยแวะพักระหว่างทางเสมอๆ
เมื่อเข้าถึงจังหวัดเชียงใหม่ ฟ้า แป๋ว กระต่าย เอ ได้หาอะไรกินกลางเมืองเชียงใหม่ พอเที่ยงตรงทั้งหมดก็เดินทางมุ่งสู่อำเภอจอมทองทันที
ทั้งสี่คนได้มาขึ้นรถสีฟ้าที่หน้าประตูเชียงใหม่ ไปลงที่หน้าวัดพระธาตุจอมทอง แล้วต่อรถสองแถวเพื่อเริ่มต้นขึ้นดอยอินทนนท์
"ทำไมมันหนาวจังเลยล่ะ"กระต่ายบ่นพลางย่นคอ
"ต้องโทษฟ้าคนเดียวเลยเนี่ย"แป๋วบ่นกระปอดกระแปด แต่ฟ้าไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนเลย ได้แต่มองไปรอบๆอย่างสนใจในธรรมชาติ
ทั้งหมดได้เที่ยวน้ำตกวชิรธาร ไปจุดสูงสุดแดนสยาม กราบไหว้พระธาตุคู่ ตลาดชาวเขา สถานีเกษตรโครงการหลวง
"เราไปทำสารคดีงานกลุ่มที่กิ่วแม่ปานดีไหม"แป๋วถามเพื่อนเสียงสดใส ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามรอบด้าน
"ไม่ได้หรอกตะกี้ถามเจ้าหน้าที่แล้วเขาบอกหน้าฝนกิ่วแม่ปานปิดน่ะ"กระต่ายบอก
"อ้าวเหรอ เสียดายจัง"แป๋วผิดหวัง
"เราไปที่ชัวญ่าก็ได้นะ มีแปลงดอกไม้ วิวน้ำตกก็สวย"เอบอกเพื่อนๆ
"ก็ได้อยู่นะ ฟ้า ว่าไงล่ะฟ้า ฟ้า ฟ้ามองอะไรน่ะ??!!"กระต่ายหันไปถามเพื่อน
"อ้อ เปล่าน่ะ แค่มองไปเรื่อยๆว่าจะถ่ายรูป"ฟ้าตอบ
"ตั้งแต่มาฟ้าดูแปลกๆนะ เป็นอะไรรึเปล่า"แป๋วตั้งข้อสงสัยเพ่งมองหน้าฟ้าอย่างพินิจพิเคราะห์
ฟ้าหลบตาแป๋ว
"เปล่านี่ เราก็ปกติดี"ฟ้ากล่าวเบาๆ
"เราจะพักรีสอร์ทที่ไหนกันดี"กระต่ายถามมา
"เราไปถ้ำบริจินดากันก่อนไหม ก่อนหาที่พัก"ฟ้าชวน
"ถ้ำอะไรนะ"แป๋วกับกระต่ายถามพร้อมกัน ส่วนเอหันมามอง
"ถ้ำบริจินดา อยู่ใกล้ๆนี่เอง น่าไปนะ"ฟ้าตอบเพื่อนๆ
"ถ้ำอะไรไม่เคยได้ยิน"แป๋วขมวดคิ้ว
"ไปเถอะน่า อุตส่าห์มาดอยอินทนนท์แล้วนะ"ฟ้าเกลี้ยกล่อม
"ไม่ล่ะ ขี้เกียจไปอ่ะ"กระต่ายตัดบท
ทว่าไม่นานหลังจากนั้น ทั้งหมดก็ต้องไปถ้ำบริจินดากันจนได้ ด้วยความสามารถชักชวนของฟ้า
เมื่อถึงทางหลวงหมายเลข1009 บริเวณใกล้เคียงกับน้ำตกแม่กลาง มีทางแยกขวามือมีป้ายบอกทางไปถ้ำบริจินดา
เมื่อถึงเวลาเดินเท้าก็ค่อนข้างลำบาก ผู้ชายอย่างฟ้าและเอไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ผู้หญิงอย่างกระต่ายและแป๋วบ่นว่าฟ้ามาตลอดทาง ทำให้ทั้งเอและฟ้าหัวเราะกับสภาพสองสาว
"นี่ผ้าอะไรอ่ะ เห็นผูกไว้หลายจุดและ"แป๋วถาม ชี้ไปที่ผ้าสีๆที่ผูกไว้ที่กิ่งไม้
"ผูกเอาไว้กันหลงน่ะ"ฟ้าตอบ แป๋วสะดุ้งรีบเข้ามายืนใกล้ๆเพื่อนทันที หน้าตาเลิ่กลั่ก
"เคยมีคนหลงป่าแถวนี้ด้วยหรอ"แป๋วพูดเบาๆมองไปรอบๆอย่างหวาดๆ
"อย่ากลัวไปเลยน่า มากันตั้งสี่คน"เอปลอบ
"นี่มันก็จะมืดแล้วนะ ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ไม่รู้สิ เราว่ากลับก่อนดีไหม"กระต่ายมองดวงตะวันพลางพูดกับเพื่อนๆด้วยความกังวล
"อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วต่าย มาดูไม่นานหรอก รับรองแสงตะวันยังไม่หมด"ฟ้ากล่าวกับต่าย
"แถวนี้เขาว่ามีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยใช่ไหมฟ้า"เอถาม
"ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน"ฟ้าตอบ
"ระวัง!!!"ฟ้าร้อง ดึงแขนแป๋วออกมา
"ว๊าย อะไรฟ้า ตัวอะไรเหรอ?!"แป๋วกระโดดผลุงออกมา ยืนอกสั่นขวัญแขวน มองไปตามพื้น
"เปล่า ต้นสาวหลงน่ะระวังไปเหยียบ"ฟ้าบอกเบาๆชี้ไปที่ต้นไม้ต้นเล็กๆต้นหนึ่ง
"ตาบ้า ตกกะใจหมด นึกว่างู ตะกี้ว่าต้นอะไรนะ"แป๋วร้อง
"ต้นสาวหลงน่ะ บ้างเรียกเถาวัลย์หลง อย่าไปเหยีบบ เขาว่าเหยียบจะหลงป่า"ฟ้าเตือน
"จริงเหรอ!!"แป๋วอุทาน
"แปลกจริง แถวนี้มีแต่เรื่องประหลาดๆ"กระต่ายมองไปรอบๆห่อไหล่อย่างเสียวสันหลัง
ไม่นาน
"ถึงแล้ว"ฟ้าบอกอย่างยินดี ชี้มือไปที่ปากถ้ำ
ถ้ำหินปูน ปากทางค่อนข้างกว้างตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเด็กทั้งสี่ มองลอดเข้าไปในถ้ำสามารถเห็นทะลุออกไปได้ค่อนข้างไกล ราวกับในถ้ำจะกว้างและมีทางให้เดินมากมาย
"นี้หรอถ้ำบริจินดา ฟ้าแน่ใจนะว่าเข้าไปได้ เหมือนเขายังไม่ได้เปิดให้เข้าอย่างเป็นทางการรึเปล่า"แป๋วสงสัย
"นี่ไงป้ายประวัติการค้นพบถ้ำ คงไม่ใช่ถ้ำลึกลับอะไรมากนักหรอก"กระต่ายชี้มือไปที่ป้ายขนาดใหญ่หน้าถ้ำ
"ลองเข้าไปดูหน่อยมั้ย"ฟ้าชวน
"ไม่ล่ะ"แป๋วกับกระต่ายปฎิเสธอย่างไม่ค่อยไว้ใจในสภาพแวดล้อม
"นี่ก็ใกล้มืดล่ะนะฟ้า เข้าไปในถ้ำเวลานี้จะดีเหรอ?"สองสาวกังวล
"งั้นเดี๋ยวเรามา"ฝ่ายชายตอบ
"รีบไปรีบมาล่ะ อยู่แถวนี้นานๆแล้วขนลุกซู่"แป๋วพูด
ฟ้ากับเอจึงลงเข้าไปในถ้ำด้วยกันแค่สองคน
หลังจากนั้นไม่นานทั้งฟ้าและเอก็ค่อยๆออกมา
"ข้างในสวยไหม"แป๋วที่นั่งอยู่คนเดียวบนก้อนหินขนาดใหญ่ร้องถามมา
"ก็สวยดีนะ มีพระพุทธรูปให้กราบสักการะด้วย"ฟ้าตอบมา
"ข้างในไม่มืดเหรอ"แป๋วถามอีกครั้ง
"ไม่เลย มีอุโมงค์ให้แสงลอดผ่านเข้ามาสว่างเลยล่ะ แล้วถ้ำก็ทะลุถึงกันตลอด ไม่มืดเลย จริงๆมีทางให้เดินอีกไกลเลยนะ แต่เราออกมาก่อน กลัวมืดน่ะ"ฟ้าอธิบาย
"แป๋วพลาดแล้วแหละข้างในสวยมาก มีธารหินสวยเชียว พอเวลาโดนแสงแดดนะ จะส่องประกายระยิบระยับเหมือนกากเพชรเลยล่ะ แล้วนี่เราเจอนมผาด้วย"เอพูดพลางหัวเราะคิกคัก
"อะไรกันนมผา นมผาคืออะไรหรือ?"แป๋วถาม
"ชาวเหนือเขาเรียกกัน หมายถึงหินงอกหินย้อยน่ะ"ฟ้าตอบแทนเอที่ยังหัวเราะอยู่
"อ้อ"แป๋วพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปค้อนเอ
"กระต่ายไปไหนล่ะแป๋ว"เอถาม เมื่อหยุดขำได้ มองหากระต่าย
"เดินไปดูถ้ำเล็กๆใกล้ๆนี่อีกถ้ำน่ะ"แป๋วตอบ
"หะ แถวนี้มีถ้ำอีกเหรอ"ฟ้าสงสัย
"ใช่ๆ เราก็ไปดูกับกระต่ายมา อยู่ตรงนี้เอง ลงเนินสูงนั่นไปก็เจอแล้ว แต่ปากถ้ำเล็กน่ะ เข้าไปก็ต้องก้ม แล้วข้างในนะ..."แป๋วพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงกรีดร้องดังลั่นป่า
"กรี๊ดดดดด!!!!"
"ต่ายยย!!"เสียงฟ้าและเอร้องขึ้นพร้อมกัน
แป๋วผุดลุกขึ้นยืนและวิ่งไปตามเสียงร้องนั้นอย่างรวดเร็ว ฟ้ากับเอรีบวิ่งตามไปทันที
พ้นเนินที่สูงขึ้นมาไปไม่มาก ทั้งสามคนก็เห็นกระต่ายกำลังคลานถอยหลังออกจากปากถ้ำเล็กๆ เธอดูตระหนกตกใจ จนกลิ้งล้มลุกคลุกคลาน ถูกกิ่งไม้พันตัวอยู่รุงรังยุ่งเหยิง แก้ออกมาไม่ได้
ทั้งสามคนรีบถลันเข้าไปช่วยทันที กว่าจะแก้กิ่งไม้ที่พันอยู่ก็ตั้งนานเพราะกระต่ายดิ้นไปมา พอหลุดออกมาได้ กระต่ายก็รีบลุกขึ้น ผวาเข้าหาเพื่อนๆ หน้าซีดตัวสั่น ปัดหูปัดหัวปัดตัวไปมา
"ต่ายๆเป็นอะไร"แป๋วจับแขนเพื่อนเขย่าเรียกสติ
"งู งูน่ะ งูตัวใหญ่มาก จงอาง แผ่แม่เบี้ยอยู่หน้าปากถ้ำน่ะ"กระต่ายพูดเสียงสั่นเครือ ชี้มือไปหน้าปากถ้ำเล็กๆ
ทั้งสามคนมองไปหน้าปากถ้ำแคบนั้น แต่ก็ไม่พบงูหรือสัตว์ชนิดใดอยู่ตรงนั้น
"งูอะไรกันต่าย ไม่เห็นมีเลย"เอพูด พยายามสอดส่ายสายตามองไปทั่วๆ
"มีจริงๆนะ เราเห็นจริงๆ งูตัวใหญ่มาก จงอางแน่ๆ ยืดคอทีเท่าหัวเราเลย ถ้ามันฉกลงมาก็ถึงตัวเราแน่ๆ แผ่พังพานเกือบเท่ากะทะใบใหญ่ๆแน่ะ"กระต่ายยืนยัน
"บ้าแล้วต่าย ยืดตัวสูงเท่าหัว แผ่แม่เบี้ยเท่ากะทะเลยเหรอ ดูหนังมากไปมั้ง ถ้าตัวใหญ่ขนาดนั้น เราต้องเห็นบ้างสิ นี่เราไม่เห็นร่องรอยมันเลยนะ"แป๋วบอก มองกระต่ายอย่างไม่แน่ใจ
"แล้วต่ายไปทำอะไรข้างในถ้ำเล็กๆนั่นล่ะ"ฟ้าถาม
"ไม่ได้จะเข้าไปหรอก คือเราเห็น เอ่อ.."กระต่ายอึกอัก
"เห็นอะไรต่าย"เอถาม
"คือเหมือนเราเห็นแสงสวยๆเหมือนพวกพลอยสีๆติดตามผนังถ้ำด้านในน่ะ ส่องไฟฉายเข้าไปนี่ระยิบระยับมาก เรากะว่าจะเข้าไปถ่ายรูป ยังไม่ทันได้เข้าไปก็เจองูนั่นน่ะ"กระต่ายเล่า
"ไม่เห็นจะมีอะไรเลย"เอพูด เพ่งตามองผนังถ้ำด้านใน
"ไม่มีทั้งหินสี ทั้งงูแหละ เธอคงกลัวที่มาที่นี่แต่แรกเลยสร้างภาพหลอนรึเปล่าต่าย"แป๋วบอก กระต่ายสั่นหัว
"เปล่านะ เราเห็นจริงๆ ไม่เชื่อเข้าไปดูใกล้..."กระต่ายพูดยังไม่ทันจบ ทั้งหมดก็ต้องสะดุ้งสุดตัว
"ไอ้หนู มาทำอะไรกันแถวนี้"เสียงลุงคนหนึ่งตวาดลั่นขึ้นข้างหลัง
ทั้งสี่คนหันไปมองก็เห็นลุงคนหนึ่งอายุประมาณ60ปี ยืนแบกเครือกล้วย ใส่เสื้อผ้าแบบชาวบ้านๆ มีผ้าขาวม้าเคียนเอว
"เป็นนักท่องเที่ยวเรอะ"แกถามเสียงดังซ้ำมาอีก เพ่งมองดูแต่ละคน
"ใช่ครับ เรามาเที่ยวถ้ำบริจินดาครับลุง"ฟ้าตอบออกไป
"ถ้ำบริจินดาอยู่อีกทางหนึ่ง ไม่ใช่ทางนี้ มาทำอะไรกันตรงนี้เล่า รีบกลับไปไป จะค่ำมืดแล้ว แถวนี้มันไม่ค่อยดี"ลุงแกพูด
"เอ่อ เราขอโทษค่ะ ไปเร็ว กลับเถอะ "กระต่ายรีบคว้ามือเพื่อนๆเดินออกมา