ความเชื่อมั่นศก.ฐานรากดีขึ้น หลังรัฐบาลเดินเครื่องแจกบัตรคนจน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (จีเอสไอ) ประจำไตรมาส 3 ปี 2560 จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศ 1,941 ตัวอย่างพบว่า ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยอยู่ที่ระดับ 46.9 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 46.3 สอดคล้องกับดัชนีในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้า ที่ประชาชนมีมุมมองที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ 48.8 หลังจากได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
“ศูนย์วิจัยประเมินว่าไตรมาสสุดท้ายเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยประชาชนระดับฐานรากรู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำส่งผลให้ประชาชนระดับฐานรากยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่”
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ เทียบกับไตรมาสก่อน พบว่า ความเชื่อมั่นด้านความสามารถในการชำระหนี้สิน การหารายได้ และภาวะเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่การจับจ่ายใช้สอย การออม และโอกาสในการหางานทำลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่า ความเชื่อมั่นด้านการชำระหนี้สิน การออมเพิ่มขึ้น แต่การจับจ่ายใช้สอย การหารายได้ โอกาสในการหางานทำ และภาวะเศรษฐกิจปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากจะปรับตัวสูงขึ้นช่วงปลายปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี รวมถึงมาตรการภาครัฐที่ช่วยเหลือประชาชนฐานราก ในโครงการประชารัฐสวัสดิการที่จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและสภาพคล่องให้กับประชาชนฐานรากได้ในระดับหนึ่ง
นายชาติชายกล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯ ยังได้ทำการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการออมของประชาชนระดับฐานราก พบว่ามีเงินออมถึง 55.4% และส่วนใหญ่ 59.8% มีเงินออมแบบรายเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาทต่อเดือน โดยส่วนมาก จะเลือกฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ รองลงมาเก็บไว้ที่บ้าน ครัวเรือน และฝากกับองค์กรหน่วยงาน บริษัท เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนประกันสังคม ฯลฯ
ขณะที่วัตถุประสงค์การออมเงินของประชาชนระดับฐานราก อันดับแรก เลือกออมไว้เผื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน เจ็บป่วย รองลงมาเพื่อไว้ใช้ในยามชรา ช่วงวัยเกษียณจากการทำงาน และเก็บไว้เป็นทุนในการประกอบอาชีพ ค้าขาย แต่จะเห็นว่าการออมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยยังมีสัดส่วนที่น้อย อาจเนื่องจากประชาชนระดับฐานรากยังมีรายได้ที่ไม่มากพอ
http://www.naewna.com/business/301331
ใครบ่นเศรษฐกิจไม่ดีเป็นเรื่องส่วนตัว..แต่ส่วนรวมดีขึ้นแล้วนะคะ
พวกกบต้ม...กระแสเสื่อม หมดวาทกรรมโจมตีกันไปแล้ว
สิ่งดีไม่เข้าข้างคนหวังร้ายต่อประเทศ...
ความดีคุ้มครองคนทำดี
ลุงตู่ยังมีความเชื่อมั่นให้กับประชาชน..แต่นักการเมืองน่าเบื่อสำหรับประชาชน
ก่อนเลือกตั้งช่วยสงบคำติเตียนคนอื่นบ้าง หมั่นสร้างสมความดีมาอวดลุงตู่และประชาชนให้เห็นดีกว่า
ร้อยนักการเมืองก็เสียสละสู้พี่ตูนกับลุงตู่ไม่ได้...





~มาลาริน~** เรื่องดีๆมีแต่เช้า...ผลสำรวจไตรมาส3/2560 ความเชื่อมั่นศก.ฐานรากดีขึ้น หลังรัฐบาลเดินเครื่องแจกบัตรคนจน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (จีเอสไอ) ประจำไตรมาส 3 ปี 2560 จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศ 1,941 ตัวอย่างพบว่า ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยอยู่ที่ระดับ 46.9 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 46.3 สอดคล้องกับดัชนีในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้า ที่ประชาชนมีมุมมองที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ 48.8 หลังจากได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
“ศูนย์วิจัยประเมินว่าไตรมาสสุดท้ายเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยประชาชนระดับฐานรากรู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำส่งผลให้ประชาชนระดับฐานรากยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่”
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ เทียบกับไตรมาสก่อน พบว่า ความเชื่อมั่นด้านความสามารถในการชำระหนี้สิน การหารายได้ และภาวะเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่การจับจ่ายใช้สอย การออม และโอกาสในการหางานทำลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่า ความเชื่อมั่นด้านการชำระหนี้สิน การออมเพิ่มขึ้น แต่การจับจ่ายใช้สอย การหารายได้ โอกาสในการหางานทำ และภาวะเศรษฐกิจปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากจะปรับตัวสูงขึ้นช่วงปลายปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี รวมถึงมาตรการภาครัฐที่ช่วยเหลือประชาชนฐานราก ในโครงการประชารัฐสวัสดิการที่จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและสภาพคล่องให้กับประชาชนฐานรากได้ในระดับหนึ่ง
นายชาติชายกล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯ ยังได้ทำการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการออมของประชาชนระดับฐานราก พบว่ามีเงินออมถึง 55.4% และส่วนใหญ่ 59.8% มีเงินออมแบบรายเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาทต่อเดือน โดยส่วนมาก จะเลือกฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ รองลงมาเก็บไว้ที่บ้าน ครัวเรือน และฝากกับองค์กรหน่วยงาน บริษัท เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนประกันสังคม ฯลฯ
ขณะที่วัตถุประสงค์การออมเงินของประชาชนระดับฐานราก อันดับแรก เลือกออมไว้เผื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน เจ็บป่วย รองลงมาเพื่อไว้ใช้ในยามชรา ช่วงวัยเกษียณจากการทำงาน และเก็บไว้เป็นทุนในการประกอบอาชีพ ค้าขาย แต่จะเห็นว่าการออมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยยังมีสัดส่วนที่น้อย อาจเนื่องจากประชาชนระดับฐานรากยังมีรายได้ที่ไม่มากพอ
http://www.naewna.com/business/301331
ใครบ่นเศรษฐกิจไม่ดีเป็นเรื่องส่วนตัว..แต่ส่วนรวมดีขึ้นแล้วนะคะ
พวกกบต้ม...กระแสเสื่อม หมดวาทกรรมโจมตีกันไปแล้ว
สิ่งดีไม่เข้าข้างคนหวังร้ายต่อประเทศ...
ความดีคุ้มครองคนทำดี
ลุงตู่ยังมีความเชื่อมั่นให้กับประชาชน..แต่นักการเมืองน่าเบื่อสำหรับประชาชน
ก่อนเลือกตั้งช่วยสงบคำติเตียนคนอื่นบ้าง หมั่นสร้างสมความดีมาอวดลุงตู่และประชาชนให้เห็นดีกว่า
ร้อยนักการเมืองก็เสียสละสู้พี่ตูนกับลุงตู่ไม่ได้...