ภูเขาหิมะฮาปา ตอนที่ 2.1: บนเส้นทางสู่หมู่บ้านฮาปา


จะไปถึงภูเขาหิมะฮาปาได้ เราต้องเดินทางยังไงกันนะ ?(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)


ความเดิมจากตอนที่แล้ว: https://pantip.com/topic/37029227

หลังจากที่ผมได้ข้อมูลของภูเขาหิมะฮาปามาพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะไปลองของจริงกันล่ะครับ

ผมเริ่มรู้จักภูเขาฮาปาครั้งแรกก็เมื่อตอนที่ผมไปเที่ยวย่าติงเมื่อปี 2014 ระหว่างที่ผมนั่งรถกลับจากแชงกรีล่า บนถนนเส้นนั้นจะมองเห็นภูเขาฮาปาอยู่ไกล ๆ

ในตอนนั้น ผมก็แค่เมียงมอง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย อาจเป็นเพราะเพิ่งกลับมาจากย่าติง ที่ซึ่งมีภูเขาหิมะให้ผมมองจนเต็มอิ่มถึงสามลูกด้วยกัน เรียกว่ากำลังเอียนภูเขาหิมะเต็มทน ก็ว่าได้ --"


ย่าติงมีภูเขาหิมะล้อมรอบถึง 3 ลูก


ป.ล.ผมเคยเขียนถึงตอนไปเที่ยวย่าติงนิดหน่อยครับ ลองอ่านกันดูเล่น ๆ ได้ครับ:

https://pantip.com/topic/33010287?


พอกลับมาถึงเมืองไทย ผมก็ลืม ๆ ฮาปาไป…..

หลังจากนั้นไม่นาน ในFB ของผมก็มีfeedภาพเนินหิมะขาว ๆ สวยงามเอามาก ๆ โดยคนโพสระบุว่าเป็นภูเขาหิมะในประเทศจีน ผมเลยสอบถามไปว่า มันคือที่ไหน เขาบอกว่า เป็นภูเขาหิมะฮาปานี่เอง !

ผมจึงลองเสิรชหาข้อมูล(ภาษาจีน) ถึงได้รู้ว่า ภูเขาแห่งนี้สูง 5396 เมตร และสามารถปีนขึ้นถึงยอดได้ มีนักปีนเขาสมัครเล่นชาวจีนไปเยือนปีละหลายร้อยหลายพันคน มามากกว่ายี่สิบปีแล้ว

แล้วผมก็ลองเสิรชหาข้อมูลภูเขาหิมะฮาปาเป็นภาษาไทย เผื่อว่าจะมีคนไทยคนไหนเคยไปปูทางเอาไว้บ้าง แต่แล้ว ผมก็ได้ค้นพบว่า…..ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว –”

พอผมเสิรชคำว่า "ฮาปา" google จะรีบบอกเลยว่า "หรือคุณหมายถึง ซาปา" ไปซะงั้น เพราะว่าซาปา(แหล่งเที่ยวยอดฮิตของเวียดนาม) มีข้อมูลอยู่เต็มไปหมด

นั่นจึงอาจบอกเป็นนัย ๆ ได้ว่า คนไทยคงแทบไม่เคยไปเยือนภูเขาแห่งนี้เลย จะว่าไม่มีเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ผมคิดว่า คงมีแค่เป็นหลักสิบคนเท่านั้น



เสริช "ฮาปา" แต่google บอกเป็น"ซาปา" ซะงั้น


ผมหาข้อมูลทีเล่นทีจริงอยู่สักพักหนึ่ง ลองเสริชหาเอเยนต์ฝั่งจีนที่รับจัดทริปปีนภูเขาฮาปา แต่ก็หาช่องทางติดต่อไม่ได้เลย ผมเลยพับโครงการไปก่อน ก็ลืม ๆ ฮาปาไป

แต่มาในปีนี้(2017) ในเดือนพฤษภาคม ผมได้ติดสอยห้อยตามพรรคพวกไปเยือนABCที่เนปาล ผมประทับใจกับการเดินตามหุบเขาหิมะของเส้นทางนี้มาก สวยงามและยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อ

แต่ยังไงABCก็ไม่ใช่การเดินไปสู่ยอดเขา..

ผมจึงเริ่มคิดถึงหนทางที่จะสัมผัสยอดเขาหิมะให้ได้ซักครั้งในชีวิต(แบบไม่ยากลำบากนัก เพราะผมเป็นนักเดินเขาตัวปลอมน่ะนะ –") ใจผมเลยหวนกลับมาคิดถึงฮาปาอีกครั้งหนึ่ง..

ผมกลับมาเสิรชหาข้อมูลฮาปาอย่างจริงจังอีกครั้ง และแล้วครั้งนี้ผมก็หาทางติดต่อกับเอเยนต์ทางจีนได้อย่างที่หวังเอาไว้ ผมจึงรวบรวมสมัครพรรคพวก(กลุ่มที่ไปABCด้วยกันนั่นแหล่ะ) และกำหนดวันเดินทางไว้ที่ปลายปีนี้

และเรื่องราวต่อจากนี้ ก็คือบันทึกการเดินทางไปภูเขาหิมะฮาปาของพวกเราครับ ^^


วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2017 – เป้าหมายอยู่ที่ต้าหลี่


ผมเลือกที่จะเริ่มเดินทางในวันธรรมดา เพราะอยากจะหนีช่วงสุดสัปดาห์เอาไว้ เหตุผลก็เพราะ ต้องการหลีกเลี่ยงนักเดินเขาชาวจีน (คนจีนมีเยอะ ดังนั้น ถึงจะไม่ใช่วันหยุดยาวของคนจีน เราก็ควรหลีกเลี่ยงวันเสาร์-อาทิตย์ไว้ก่อนจะเป็นการดี)

พวกเราออกบินจากสุวรรณภูมิราว ๆ ตีสามและถึงสนามบินฉางสุ่ย(长水机场)ของคุนหมิง(昆明)ราว ๆ หกโมงเช้า เมื่อออกจากสนามบิน เราก็รีบซื้อตั๋วรถบัสต่อไปยังสถานีรถตะวันตก(西部客运站)ในทันที ค่ารถคนละ 13 หยวน(65 บาท) ใช้เวลาชม.นิด ๆ ก็ถึงสถานีรถตะวันตกซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายพอดี



นั่งรถบัส เส้นทาง 918B1 ลงป้ายสุดท้ายจะเป็นสถานีรถตะวันตกพอดี


พอพวกเรามาถึงสถานีรถตะวันตก ผมก็รีบดิ่งไปยังเคาเตอร์ซื้อตั๋วไปยังต้าหลี่(大理)

ป.ล. หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมไม่ไปลี่เจียง(丽江)ที่ใกล้ฮาปา(哈巴)มากกว่า มาต้าหลี่ก่อนทำไม เหตุผลคือ เวลามันไม่ค่อยจะลงตัวครับ จากคุนหมิงไปลี่เจียง ผมก็อยากจะบินต่อเลย แต่เวลาเครื่องบินมันกระชั้นชิดเกินไป ผมเลยตัดสินใจนั่งรถมาต้าหลี่ก่อนดีกว่า

ตอนผมกำลังจะไปต่อแถวซื้อตั๋วรถไปต้าหลี่ จู่ ๆ ก็มีลุงคนนึงมาถามว่า จะไปเมืองเก่าต้าหลี่(大理古城)ใช่ไหม ผมก็นึกว่า คงเป็นพวกรถผี(รถรับจ้างทั่วไป)มาหาลูกค้า แต่เขาบอกว่า ต้องซื้อตั๋วในสถานีนี่แหล่ะ ถึงจะไปรถเขาได้ รถของเขาก็อยู่ในสถานี ผมก็งง ๆ ว่านี่มันรถอะไรกันแน่

สุดท้ายก็ตกลงไปกับเขา เพราะดูเชื่อถือได้ ค่ารถก็แพงกว่าปกติหน่อยนึง เพราะรถไปถึงเมืองเก่าต้าหลี่ ไปไกลกว่ารถทั่วไปที่ส่งถึงแค่เซี่ยกวน(下关) ซึ่งเป็นแค่เมืองใหม่ของต้าหลี่ ค่ารถ 160 หยวน(800บาท)ต่อคน (มีรวมค่าประกันภัยด้วยหรือไงนี่แหล่ะ)

พวกเรานั่งรถอยู่ราว ๆ ห้าชม.ก็มาถึงเมืองเก่าต้าหลี่ จากนั้นก็เดินไปยังโรงแรมที่เพื่อนของผมจองเอาไว้แล้ว โดยโรงแรมนี้จะไม่ได้อยู่ฝั่งเมืองเก่า แต่จะอยู่ตรงข้ามเมืองเก่า ในอีกฝั่งถนน



ที่พักชื่อ Old Town of Dali guanshan jiayuan boutique hotel(大理观山嘉苑精品客栈)



เจ้าของโรงแรมเป็นสาวอายุแค่ 25 แต่งตัวก็ติสต์ แต่งโรงแรมก็ติสต์


ที่พักแห่งนี้จะอยู่แถวตีนเทือกเขาชางซาน(苍山) ซึ่งปัจจุบันมีบ้านเรือนอยู่เต็มไปหมด ตอนผมมาที่เมืองเก่าต้าหลี่เมื่อ 14 ปีก่อน แถวตีนเขายังไม่มีสิ่งก่อสร้างใด ๆ เลย เรียกว่าผิดหูผิดตาลิบลับ แต่โดยรวม ก็ยังถือเป็นเมืองที่ค่อนข้างจะสงบ(วุ่นวายน้อยกว่าลี่เจียงอยู่เยอะ)



ถ่ายจากดาดฟ้าโรงแรมไปด้านหลังก็จะเห็นเทือกเขาชางซาน(ที่หมอกบังอยู่นั่นแหล่ะ –")



สบาย ๆ ที่เมืองเก่าต้าหลี่ ก่อนไปลำบาก(หนัก)ที่ฮาปา


หลังจากพวกเราเอ็นจอยกับเมืองเก่าต้าหลี่ยามค่ำคืนไปพอสมควร พวกเราก็เดินกลับมายังที่พัก พอมาถึง เราก็พบกับคนขับรถที่จะพาเราไปหมู่บ้านฮาปาที่มานั่งรออยู่นานแล้ว ผมแนะนำตัวเบื้องต้นกับเขาไปก่อน และนัดแนะเวลาที่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อน

ป.ล. การที่รถมารับพวกผมถึงต้าหลี่ จริง ๆ แล้วมันอยู่นอกเหนือจากแพ๊คเกจปีนเขา(ปกติเขาจะไปรับที่ลี่เจียง) ผมเลยต้องจ่ายค่ารถเพิ่มอีกพันหยวน(ห้าพันบาท) ให้เขาครับ


วันพฤหัสที่ 19 ตุลาคม 2017 – ออกเดินทางสู่หมู่บ้านฮาปา


ในตอนเช้า ก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปหมู่บ้านฮาปา มีเรื่องให้วุ่นวายนิดหน่อย นั่นก็คือ ผมต้องไปซื้อตั๋วรถไฟขากลับ จากลี่เจียงไปคุนหมิง ในวันที่ 23 ตุลาคม เสียก่อน

ก่อนหน้าจะมา ผมวางแผนไว้ว่าจะไปซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีรถไฟต้าหลี่(ซึ่งอยู่แถวเมืองใหม่) แต่เพราะนั่งรถมาลงเมืองเก่าโดยตรง ก็เลยต้องเปลี่ยนแผน หาที่ซื้อตั๋วแถวเมืองเก่าแทน

สอบถามจากเจ้าของโรงแรม ได้ความว่า ในเมืองเก่าต้าหลี่มีที่ ๆ สามารถจองตั๋วรถไฟได้ คือที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของเมืองเก่าต้าหลี่(大理古城游客中心)โดยจะอยู่บริเวณประตูเมืองใต้



ประตูเมืองใต้อยู่ห่างจากที่พักผมราว 1 กิโลได้


พอดีผมไม่ได้ถ่ายรูปสถานที่ซื้อมาซะด้วย  เขาเปิดให้จองตั๋วได้ตั้งแต่ 8.30 – 19.00 (เมื่อวานเย็นผมไปไม่ทัน)


(อัพเดทข้อมูล 6-6-2018, ปัจจุบัน สถานที่ซื้อตั๋วรถไฟในเมืองเก่าต้าหลี่ยกเลิกไปแล้วนะครับ ล่าสุด ถ้าจะซื้อตั๋วรถไฟ ต้องนั่งรถเมล์ไปสถานีรถไฟต้าหลี่เพื่อซื้อตั๋วแล้ว --")

ป.ล. การซื้อตั๋วรถไฟที่จีนสำหรับคนไทยแล้ว ต้องใช้เวลากันพอสมควร เพราะพนักงานต้องพิมพ์ชื่อเรา(ชื่อคนไทยก็ยาวกันเหลือเกิน–“) แล้วกลุ่มผมมี 12 คน กว่าจะเสร็จปาไปครึ่งชม. ถ้าใครจะซื้อตั๋วหลายใบแบบผม เผื่อเวลาหน่อยก็ดีนะครับ



ได้ตั๋วแล้วก็อุ่นใจว่า ได้กลับแน่ ๆ


เมื่อจัดการธุระเรียบร้อย รถของพวกเราก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านฮาปาโดยตรงทันที ตอนแรกผมจะให้เขาขับเรียบทะเลสาบเอ๋อไห่(洱海) จะได้ชมวิวไปด้วย แต่เพราะว่าเราเสียเวลาจองตั๋วรถไฟไปมากแล้ว เลยตรงไปฮาปาเลยดีกว่า



ที่อยู่ข้างรถคือคนขับนะครับ ชื่อเฮียหลิว



รถคันนี้นั่งได้ เต็มที่ 19 คน พวกเราเลยนั่งกันสบายเลย


การไปหมู่บ้านฮาปา(哈巴村)นั้น เราต้องผ่านไปทางหุบเขาเสือกระโจน(虎跳峡) เหตุผลก็เพราะว่า หมู่บ้านฮาปาเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเสือกระโจนนั่นเอง ดังนั้นเราจึงต้องเสียค่าเข้าอุทยานเสือกระโจนด้วยครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะในแพ๊คเกจปีนภูเขาฮาปาได้รวมค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอาไว้แล้ว



คนละ 65 หยวน(325 บาท) ผมต้องออกเงินไปก่อน เดี๋ยวค่อยไปหักคืนกับเอเยนต์อีกที



ไหน ๆ ก็ผ่านมาแล้ว แวะชมหินกลางน้ำเลื่องชื่อของหุบเขาเสือกระโจนอีกซักรอบ (รอบที่สามของผมล่ะ)



ทิวทัศน์ของหุบเขาเสือกระโจนยังงดงามเหมือนอย่างเคย


พวกเราถึงหมู่บ้านฮาปาราว ๆ ห้าโมงเย็น โดยใช้เวลานั่งรถราว 7-8 ชม. อากาศดีงาม ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบายกำลังดี



เอาของลง เข้าที่พัก



ที่นอนสะอาดและเรียบง่าย



ป้ายหน้าที่พักของเรา



บริเวณที่รับประทานอาหาร



ภาพของเหล่าผู้พิชิตยอดเขาฮาปา



ธงของทีมปีนเขาต่าง ๆ มากมาย


ทางที่พักนัดเวลากินข้าวเย็นตอนหกโมงครึ่ง พวกเราจึงต้องหาอะไรฆ่าเวลา บ้างก็ไปอาบน้ำ บ้างก็เดินเล่น บ้างก็เล่นwifi(เน็ตไม่ค่อยดีครับ เล่นได้บ้างไม่ได้บ้าง)



ขาว ๆ นั่นคือยอดเขาหิมะฮาปา มองจากทางหมู่บ้านจะไม่เห็นชัดซักเท่าไหร่


อาหารเย็นของพวกเรา ทางที่พักก็จัดเต็มให้เลยครับ กินกันท้องจะแตก เป็นอาหารง่าย ๆ บ้าน ๆ แต่อร่อย



อาหารก็อยู่ในแพ็คเกจนะครับ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม



นอกจากพวกเรา ก็มีคนจีนสองคนนี้ที่จะขึ้นเขาในวันรุ่งขึ้น


หลังอิ่มหนำกันเสร็จแล้ว ทางที่พักก็นัดประชุมกับพวกเราตอนสองทุ่ม โดยมีหัวหน้าไกด์และภรรยาของเขาเป็นคนอภิปรายเกี่ยวกับการปีนเขา(ผมเป็นคนคอยแปลให้เพื่อน ๆ ฟัง)



เฮียซื่อ(四哥) หัวหน้าไกด์ผู้มีประสบการณ์โชกโชน ขึ้นยอดเขาฮาปามาแล้วกว่าสองพันครั้ง



ซ๊อซื่อ(四嫂) คนคอยประสานงานกับผมทุกเรื่อง ดูแลพวกเราดีมากครับ ประทับใจอาซ๊อมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่