ดิฉันอายุสามสิบปี ชีวิตที่ผ่านมานับว่าลำบากไม่น้อย เราเกิดมาในครอบครัวที่ไม่รวย ดิฉันเห็นความลำบากของแม่มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความสงสารจึงพนายามตั้งใจเรียน ประหยัดเงินทุกทางที่ทำได้ ในวัยเด็กดิฉันแทบไม่มีเพื่อนเลย มีเพียงความคิดว่าจะต้องดันตัวเองให้ไปได้ไกลที่สุดเพื้อครอบครัวจะได้สุขสบาย ดิฉันเคยวาดความฝันกับแม่ ว่าโตขึ้นเราจะมีบ้านที่มีสวน จะขับรถพาแม่เที่ยว ให้แม่มีความสุข ฉันแลกความสุขทุกอย่างในชีวิตวัยรุ่นให้กับการงาน จนทุกวันนี้ ดิฉันมีเงินเดือนสองแสน หน้าที่การงานกำลังไปได้ดี เก็บเงินจะซื้อบ้านได้ ดิฉันเป็นที่เคารพของคนในแผนก เรียกได้ว่าชีวิตคุ้มกับที่แลกมา ฉันมักทำบุญแทบทุกวัน ด้วยความยึดมั่นในการให้โอกาศแก่ผู้อื่น แต่แล้ว....โชคชะตากลับเล่นตลก ทำให้ฉันป่วยเป็นโรคเส้นประสาทแขน ดึฉันพยายามรักษาทุกที่ๆมีชื่อแต่สุดท้าย ได้เพียงคำตอบว่า ต้องอยู่กับมัน คำพูดนี้มันฟังง่าย แต่มันทรมานทุกครั้งที่คุณขยับหรืองอแขน ความเจ็บจะเข้ามาทันที มันทำให้ฉันท้อและเสียใจมาก อะไรคือสิ่งที่ฉันควรได้รับ ฉันนอนร้องให้ทุกคืน เมื่อนึกถึงเวลาที่เคยทำงานได้ เห็นคนใช้แขนได้อย่างอิสระ ฉันพยายามทำใจไม่คิดอะไร แต่คุนรุ้ไหม ความเจ็บทุกครั้งที่งอแขนมันทรมารยึ่งกว่าไม่รุ้สึกเลย ฉันเสียใจที่อนาคตที่ฉันทุ่มเทมา ต้องพังลงต่อหน้า ทุกคืนที่ฉันนอนฉันจะมีความสุขที่ในฝันฉันใช้แขนได้ปกติ ทุกเช้า ท้องฟ้าสำหรับฉันเหมือนฝนตกทุกวัน ฉันแทบไม่มีแรงผลักตัวเองไปจากที่นอน ฉันเคยคิดอยากกินยานอนหลับไปให้ตายไปจากความทรมานนี้ แต่ด้วยคำพูกของแม่ที่รักฉัน ทำให้ฉันต้องอยู่ต่อ ถ้าเป็นเพื่อนๆจะทำอย่างไรค่ะ ฉันทรมานมากจริงๆ การอยู่เพื่อคนที่เรารัก ทนกับความเจ็บตลอดชีวิต หรือ จบชีวิตแต่คนข้างหลังต้องเจ็บปวด ฉันเลือกไม่ได้จริงๆ (ไปพบหมอมาหลายที่แล้วค่ะ ยาก็กิน หมอบอกผ่าตัดก็ไม่ช่วย)
อยากตายแต่ไม่อยากให้แม่เสียใจ