นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตผมที่โพสในพันทิปนะครับ
ขอเริ่มเล่าจุดเริ่มต้นของเรื่องในครั้งนี้ ผมได้รู้จักกับผู้หญิงคนนึงโดยเป็นน้องสาวของเพื่อนที่เป็นรุ่นน้องอีกทีเรารู้จักกันมาประมาณ 5ปี (รู้จักช่วงต้นปี 2555) ผมเล่นเกมและได้รู้จักกันเป็นครั้งแรกจากนั้น เวลามีหนังสือต่างๆ จะมีหนังสือที่เธออยากได้ ผมก็จะไปซื้อละส่งให้เสมอเพราะผมอยู่ กทม ส่วนเธออยู่ภาคเหนือ ผมจึงสะดวกที่จะเดินทางไปงานต่างๆตามที่เธอต้องการ บางครั้งเธอต้องลงมา กทม ผมก็จะดูแลเธอ พ่อแม่ของเธอก็ฝากผมดูแลเธอเช่นกัน เพราะพ่อแม่เธอรู้เสมอว่าของจาก กทม ที่ส่งไปผมเป็นคนส่ง
และเราทั้งคู่มีโอกาสได้เจอกันครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ( 2557 ) ในวันที่ผมเลิกกับแฟนที่คบมานาน 7-8 ปี
ตอนนั้นผมเศร้า..ผมเสียใจ..ผมหมดหวังกับชีวิต มันมืดแปดด้าน
ผมไม่เหลือใคร เพราะผมอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก(ครอบครัวแตกแยก) ในชีวิตผมไม่เคยมีใครร้องไห้ให้ผม ไม่เคยมีใครเสียใจและมีความห่วงใยจริงๆให้ผม และวันที่ผมตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง เพื่อหาจุดหมายของการมีชีวิตจากนี้ว่าต้องทำอะไร เพราะผมก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ หัวมันชามันมันคิดอะไรไม่ออกผมจึงตัดสินใจจะเดินทางหาที่สงบและตั้งใจจะตัดขาดทุกๆอย่างอยากจะหันหน้าไปทางธรรมเพราะผมปลงชีวิต ปลงกับความผิดหวังมันเจ็บปวด เพราะผมก็เป็นซึมเศร้าที่เรียกว่าโรคโหยหาความรัก เมื่อความรักคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผมมันพังทลาย ผมก็แทบตายด้วยอารมที่มันรุนแรงกว่าคนปกติ เพราะมันเป็นปมในวัยเด็กมันทำให้ผมเป็นแบบนี้..และทุกครั้งผมจะมอบความรักให้กับแฟน และเมื่อผมต้องสูญเสียคนรักผมจึงพยายามทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ ทุ่มเททุกอย่างทุ่มเททรัพย์เพื่อทำให้แฟนมีความสุขจนสุดท้ายผมก็โดนเทตลอด..
และน้องคนนี้ก็ได้โทรมาพร้อมกับเสียงที่สั่นแสดงความเป็นห่วง ร้องไห้เพราะร้อนรน พูดติดๆขัดๆเหมือนจะขาดใจ พูดคำนึงก็สะอื้นทีนึง ผมจับใจความได้ว่า ไม่เอาไม่ให้พี่ไป ถ้าพี่ไปหนูจะไม่ได้คุยกับพี่อีก หนูไม่ยอม อย่าหายไปไหนนะ พูดซ้ำไปซ้ำมา เสียงปลายสายที่พูดไปสลับกับเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นของเด็กสาวคนนึงที่ทำให้หัวใจผมนั้นตื้นตันใจ มันทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนห่วงใย..จนผมเปลี่ยนความคิดว่าจะออกไปหาจุดหมายที่สงบๆเป็นเดินทางไปภาคเหนือเพื่อไปเจอพี่น้องคู่นี้ ผมซื้อตั๋วไปภาคเหนือในคืนวันนั้นหลังจากวางสายและออกเดินทางทันทีจาก กทม ไป ภาคเหนือ
วันเวลาที่อยู่ด้วยกันกับผู้หญิงคนนี้ แววตาของผู้หญิงคนนี้มันคือแววตาที่ห่วงใยและใส่ใจผมเธอจะยิ้มแย้มเสมอที่มองหน้าผมเธอดูตื่นเต้นกับการเจอกันครั้งแรก ( ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า ) เธอสดใสตามวัยของเธอ
เราไปกิน ไปทำทุกๆอย่างที่อยากทำเที่ยวน้ำตก กินกาแฟ ถ่ายรูปกัน เวลาที่อยู่ตรงนั้นมันทำให้ผมลืมเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา..และมันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้งและมันทำให้ผมรู้ว่าชีวิตผมไม่ได้ไม่เหลือใคร ผมยังเหลือผู้หญิงคนนี้ ยังเหลือรอยยิ้มแจ่มใสกับแววตาคู่นี้ที่คอยเป็นห่วง
วันแรกไปนอนพักที่บ้านเพื่อน(บ้านพี่ชายเธอเป็นร้านขายของและมีห้องนอนห้องเดียว) ผมกับเธออยู่ในห้องนอนสองต่อสอง และเพื่อนรุ่นน้องผมกับเพื่อนๆของเค้าก็ไปนั่งกินเหล้าอยู่ข้างนอกจนถึงเช้า ผมกับเธอคุยกันตลอดเวลาและวันนั้นผมจึงรู้ว่าเธอมีปัญหาชีวิตเช่นกัน ถูกกดดันและมีปัญหากับที่บ้าน เพราะที่บ้านไม่เข้าใจเธอ..เราคุยกันนานมากเธอเริ่มร้องไห้เพราะน้อยใจ เสียใจ ผมจึงกลายเป็นรับฟังปัญหาของเธอ ผมให้กำลังใจเธอด้วยการลูบหัวและบอกกับเธอว่าไม่เป็นไร ลูบหัวเธอจนไปเรื่อยๆจนเธอหลับไปพร้อมน้ำตา..และผมก็หลับไปโดยที่มือผมก็ยังอยู่บนหัวเธอ..
วันรุ่งขึ้นเราขึ้นรถตู้จากจังหวัดนึงไปอีกจังหวัดนึง เพื่อพาผมไปเที่ยวที่บ้านเจอพ่อแม่น้องสาวอีกคนที่ผมไม่รู้จัก ครอบครัวของเธอต้อนรับผมอย่างดีขับรถพาไปเที่ยวที่ต่างๆ จัดหาอาหารให้กิน..ตกเย็นวันนั้นเราทำหมูกะทะกินกันพร้อมหน้ากับครอบครัวของเธอและผมก็พักที่บ้านอีกหลังของครอบครัวนี้และวันรุ่งขึ้นสายๆผมต้องกลับ กทม เพื่อมีกลับมาทำงาน
ในวันที่ผมต้องขึ้นรถทัวร์กลับ กทม เธอก็ร้องไห้เพราะไม่อยากให้กลับงอลนั่งอยู่หลังรถยนต์ที่แม่เธอเป็นคนขับมาส่งผมที่ขนส่ง ผมอยู่บนรถทัวร์..เราโทรศัพท์คุยกันตั้งแต่ผมนั่ง และปลายสายก็มีเสียงร้องไห้ เราต่างเข้าใจกันวันนั้นเองว่าเราคือคนสำคัญของกันและกัน ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตาม แต่เพราะเราทั้งคู่รู้อยู่ในอกลึกๆว่า..คนนี้ๆห่วงใยเรา หวังดีกับเรา และรักเราจริง พร้อมจะอยู่เพื่อกันและกัน ... มันเป็นความรู้สึกที่ผมและเธอก็สัมผัสมันได้ทั้งคู่ มันจึงผูกพันกัน
วันเวลาล่วงเลยไป3 ปีผมก็มีแฟนและติดตามชีวิตของเธอมาตลอดทางเฟส ผมก็โทรหาบ้างบางครั้งทักเฟสไปหาบ้าง จนบางครั้งแฟนผมก็ถามว่า เด็กคนนี้คือใครทำไมสนิทและห่วงใยกันมากขนาดนี้ ทำไมต้องซื้อของให้กันดูแลกันเหมือนแฟน ผมก็บอกแฟนว่าผมเป็นพี่ชายของเธอ..และเธอก็คิดกับผมเช่นกันว่าเธอก็เป็นน้องสาวของผม เธอมีแฟนแล้วและคบกันมานานวันที่ผมไปบ้านเธอ ผมก็มีโอกาสเจอแฟนเธอ ผมก็บอกแฟนของผมไป และผมก็ไม่คุยกับเธออีก..เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา แต่ผมก็ตามส่องเฟสเรื่อยมาเพราะเป็นห่วง ทุกครั้งที่เธอมีปัญหาผมจะโทรไปหาทันที
จนเร็วๆนี้เราได้คุยกันอีกครั้งและเหมือนเดิมผมอกหักเช่นเดิม..เธอก็ปลอบและบ่นผม บลา บลา พร้อมกับสวด..ดุอย่างกะแม่เลยละ เธอบอกว่าอย่ามีใครอีก ถ้าจะมีต้องพามาสแกนก่อน..เธอให้ผมรับปากว่าจะไม่คืนดีกับแฟนที่เลิกกัน ถ้าแฟนเก่ามาขอคืนดีก็ให้บอกไปว่ามีคนคุยแล้ว อ้างไปเลยว่าผมกับเธอนั้นคุยกันอยู่ ถ้าไม่ฟังเธอจะวีนใส่เลยนะ และเธอก็บอกผมว่า จากนี้พี่มีแค่หนูและพี่ชายของหนูพอไม่ต้องไปมีใครอีก เพราะเธอไม่อยากให้ผมผิดหวังอีก..
สักพักพี่ชายเธอก็ติดต่อมาว่าเธอโทรมาคุยระบายเรื่องผมให้ฟังและโมโหที่ผมโดนทิ้ง ผมเลยบอกไปว่ารู้แล้วละว่าเป็นห่วง เพราะโดนบ่นยับมาเลย หูชาเลยนี่ พี่ชายเธอเลยบอกว่า เอาน่ายอมๆมันเถอะมันก็ห่วงพี่จริงๆนั้นละ...
เธอโมโหกับการที่ผมถูกกระทำ..ผมจึงตัดสินใจว่าผมจะไม่มีใครแล้ว ผมจะอยู่ตรงนี้แหละ อยู่ในจุดที่ไม่รู้ว่าเป็นฐานะอะไรแต่ก็จะอยู่
จนล่าสุดผมจึงได้รับรู้ว่าเธอ..เป็นซึมเศร้าขั้นร้ายแรงเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และแฟนที่คบกันมานานตั้งแต่ตอนนั้นที่ผมเคยเจอ เธอก็เล่าว่าผู้ชายก็บอกว่าไม่ได้รักเธอเลยตลอดมา และตลอดมาทำร้ายจริงใจเธอมาตลอด คงจะเลิกกันเมื่อเธอเรียนจบเพราะตอนนี้แม่ของเธอได้ขอร้องแฟนเธอให้ช่วยดูแลเธอไปก่อน..เธอเล่ามาแบบนี้..
และตอนนี้ผมอยากจะข้ามโซนพี่ชาย เพื่อไปดูแลเธอปกป้องเธอในฐานะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ..แม้เธอจะบอกว่าเธอด้านชากับความรู้สึกเหล่านี้แล้วก็ตาม เธอปิดกั้นตัวเองจากคนทุกคน เธอไม่ไว้ใจมนุษย์คนไหน เธอจะใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในสังคม แต่เธอจะเป็นตัวของตัวเมื่อคุยกับผม เราต่างจะไม่โกหกกันและกันเปิดเผยทุกอย่าง ทั้งความเป็นห่วงเมื่ออีกคนกำลังทุกข์ เป็นกำลังใจเวลาเจอปัญหา และอื่นๆที่จะทำให้กันและกันได้
ผมอยากไปปักหลักที่ภาคเหนือ ผมลองถามคำถามประมาณว่าถ้าผมไปลงทุนที่นั้น ผมอยากได้เธอมาทำงานด้วย และผมจะทำ office มีห้องนอนแยก 2-3 ห้องเพื่อให้เธอมาอยู่ด้วยกัน และจะได้ดูแลเธอ และเธอเองก็สนใจที่จะอยุ่ด้วยกัน...แต่ผมก็ไม่ทราบในสถาณะใดถ้าอยู่ด้วยกันเธอคงคิดว่าอยู่กับพี่ชายละมั้ง
อาการของเธอล่าสุด ความทรงจำหายไปเป็นช่วงๆ บางวันก็ลืมว่าตัวเองเป็นใคร...( ส่วนตัวผมอาการซึมเศร้านั้นหายไปนานแล้วครับเพราะอกหักรอบนี้อาการไม่มา มันมาน้อยกว่าเก่าคงเหลือแค่ความรู้สึกอกหักเหมือนคนปกติ )
ผมจึงอยากสอบถามเพื่อนๆว่า การดูแลคนที่มีอาการซึมเศร้าระดับนี้ ต้องทำอย่างไร ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลเธอไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม ผมอยากให้เธอมีความสุขจากนี้และตลอดไป ผมอยากมองรอยยิ้ม และฟังเสียงหัวเราะเหมือนวันนั้นที่เราเคยเจอกัน อยากอยู่ข้างๆลูบผมเส้นเล็กๆนั้นด้วยคงามห่วงใย อยากอยู่ข้างๆเมื่อวันที่อาการเธอกำเริบ จนคิดจะฆ่าตัวตายผมจะได้ช่วยเธอได้ทัน วันที่เธอลืมตัวตนของเธอผมจะได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง เอารูปต่างๆที่เราเคยถ่ายด้วยกันให้เธอดู...ผมแค่อยากเห็นเธอสดใสอีกครั้ง..เหมือนที่เธอทำให้ผมสดใสเหมือนวันแรกที่พบกัน
(เรื่องจริง) เมื่อผมรักน้องสาวของเพื่อนที่เป็นโรคซึมเศร้าขั้นร้ายแรง
ขอเริ่มเล่าจุดเริ่มต้นของเรื่องในครั้งนี้ ผมได้รู้จักกับผู้หญิงคนนึงโดยเป็นน้องสาวของเพื่อนที่เป็นรุ่นน้องอีกทีเรารู้จักกันมาประมาณ 5ปี (รู้จักช่วงต้นปี 2555) ผมเล่นเกมและได้รู้จักกันเป็นครั้งแรกจากนั้น เวลามีหนังสือต่างๆ จะมีหนังสือที่เธออยากได้ ผมก็จะไปซื้อละส่งให้เสมอเพราะผมอยู่ กทม ส่วนเธออยู่ภาคเหนือ ผมจึงสะดวกที่จะเดินทางไปงานต่างๆตามที่เธอต้องการ บางครั้งเธอต้องลงมา กทม ผมก็จะดูแลเธอ พ่อแม่ของเธอก็ฝากผมดูแลเธอเช่นกัน เพราะพ่อแม่เธอรู้เสมอว่าของจาก กทม ที่ส่งไปผมเป็นคนส่ง
และเราทั้งคู่มีโอกาสได้เจอกันครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ( 2557 ) ในวันที่ผมเลิกกับแฟนที่คบมานาน 7-8 ปี
ตอนนั้นผมเศร้า..ผมเสียใจ..ผมหมดหวังกับชีวิต มันมืดแปดด้าน
ผมไม่เหลือใคร เพราะผมอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก(ครอบครัวแตกแยก) ในชีวิตผมไม่เคยมีใครร้องไห้ให้ผม ไม่เคยมีใครเสียใจและมีความห่วงใยจริงๆให้ผม และวันที่ผมตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง เพื่อหาจุดหมายของการมีชีวิตจากนี้ว่าต้องทำอะไร เพราะผมก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ หัวมันชามันมันคิดอะไรไม่ออกผมจึงตัดสินใจจะเดินทางหาที่สงบและตั้งใจจะตัดขาดทุกๆอย่างอยากจะหันหน้าไปทางธรรมเพราะผมปลงชีวิต ปลงกับความผิดหวังมันเจ็บปวด เพราะผมก็เป็นซึมเศร้าที่เรียกว่าโรคโหยหาความรัก เมื่อความรักคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผมมันพังทลาย ผมก็แทบตายด้วยอารมที่มันรุนแรงกว่าคนปกติ เพราะมันเป็นปมในวัยเด็กมันทำให้ผมเป็นแบบนี้..และทุกครั้งผมจะมอบความรักให้กับแฟน และเมื่อผมต้องสูญเสียคนรักผมจึงพยายามทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ ทุ่มเททุกอย่างทุ่มเททรัพย์เพื่อทำให้แฟนมีความสุขจนสุดท้ายผมก็โดนเทตลอด..
และน้องคนนี้ก็ได้โทรมาพร้อมกับเสียงที่สั่นแสดงความเป็นห่วง ร้องไห้เพราะร้อนรน พูดติดๆขัดๆเหมือนจะขาดใจ พูดคำนึงก็สะอื้นทีนึง ผมจับใจความได้ว่า ไม่เอาไม่ให้พี่ไป ถ้าพี่ไปหนูจะไม่ได้คุยกับพี่อีก หนูไม่ยอม อย่าหายไปไหนนะ พูดซ้ำไปซ้ำมา เสียงปลายสายที่พูดไปสลับกับเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นของเด็กสาวคนนึงที่ทำให้หัวใจผมนั้นตื้นตันใจ มันทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนห่วงใย..จนผมเปลี่ยนความคิดว่าจะออกไปหาจุดหมายที่สงบๆเป็นเดินทางไปภาคเหนือเพื่อไปเจอพี่น้องคู่นี้ ผมซื้อตั๋วไปภาคเหนือในคืนวันนั้นหลังจากวางสายและออกเดินทางทันทีจาก กทม ไป ภาคเหนือ
วันเวลาที่อยู่ด้วยกันกับผู้หญิงคนนี้ แววตาของผู้หญิงคนนี้มันคือแววตาที่ห่วงใยและใส่ใจผมเธอจะยิ้มแย้มเสมอที่มองหน้าผมเธอดูตื่นเต้นกับการเจอกันครั้งแรก ( ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า ) เธอสดใสตามวัยของเธอ
เราไปกิน ไปทำทุกๆอย่างที่อยากทำเที่ยวน้ำตก กินกาแฟ ถ่ายรูปกัน เวลาที่อยู่ตรงนั้นมันทำให้ผมลืมเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา..และมันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้งและมันทำให้ผมรู้ว่าชีวิตผมไม่ได้ไม่เหลือใคร ผมยังเหลือผู้หญิงคนนี้ ยังเหลือรอยยิ้มแจ่มใสกับแววตาคู่นี้ที่คอยเป็นห่วง
วันแรกไปนอนพักที่บ้านเพื่อน(บ้านพี่ชายเธอเป็นร้านขายของและมีห้องนอนห้องเดียว) ผมกับเธออยู่ในห้องนอนสองต่อสอง และเพื่อนรุ่นน้องผมกับเพื่อนๆของเค้าก็ไปนั่งกินเหล้าอยู่ข้างนอกจนถึงเช้า ผมกับเธอคุยกันตลอดเวลาและวันนั้นผมจึงรู้ว่าเธอมีปัญหาชีวิตเช่นกัน ถูกกดดันและมีปัญหากับที่บ้าน เพราะที่บ้านไม่เข้าใจเธอ..เราคุยกันนานมากเธอเริ่มร้องไห้เพราะน้อยใจ เสียใจ ผมจึงกลายเป็นรับฟังปัญหาของเธอ ผมให้กำลังใจเธอด้วยการลูบหัวและบอกกับเธอว่าไม่เป็นไร ลูบหัวเธอจนไปเรื่อยๆจนเธอหลับไปพร้อมน้ำตา..และผมก็หลับไปโดยที่มือผมก็ยังอยู่บนหัวเธอ..
วันรุ่งขึ้นเราขึ้นรถตู้จากจังหวัดนึงไปอีกจังหวัดนึง เพื่อพาผมไปเที่ยวที่บ้านเจอพ่อแม่น้องสาวอีกคนที่ผมไม่รู้จัก ครอบครัวของเธอต้อนรับผมอย่างดีขับรถพาไปเที่ยวที่ต่างๆ จัดหาอาหารให้กิน..ตกเย็นวันนั้นเราทำหมูกะทะกินกันพร้อมหน้ากับครอบครัวของเธอและผมก็พักที่บ้านอีกหลังของครอบครัวนี้และวันรุ่งขึ้นสายๆผมต้องกลับ กทม เพื่อมีกลับมาทำงาน
ในวันที่ผมต้องขึ้นรถทัวร์กลับ กทม เธอก็ร้องไห้เพราะไม่อยากให้กลับงอลนั่งอยู่หลังรถยนต์ที่แม่เธอเป็นคนขับมาส่งผมที่ขนส่ง ผมอยู่บนรถทัวร์..เราโทรศัพท์คุยกันตั้งแต่ผมนั่ง และปลายสายก็มีเสียงร้องไห้ เราต่างเข้าใจกันวันนั้นเองว่าเราคือคนสำคัญของกันและกัน ไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตาม แต่เพราะเราทั้งคู่รู้อยู่ในอกลึกๆว่า..คนนี้ๆห่วงใยเรา หวังดีกับเรา และรักเราจริง พร้อมจะอยู่เพื่อกันและกัน ... มันเป็นความรู้สึกที่ผมและเธอก็สัมผัสมันได้ทั้งคู่ มันจึงผูกพันกัน
วันเวลาล่วงเลยไป3 ปีผมก็มีแฟนและติดตามชีวิตของเธอมาตลอดทางเฟส ผมก็โทรหาบ้างบางครั้งทักเฟสไปหาบ้าง จนบางครั้งแฟนผมก็ถามว่า เด็กคนนี้คือใครทำไมสนิทและห่วงใยกันมากขนาดนี้ ทำไมต้องซื้อของให้กันดูแลกันเหมือนแฟน ผมก็บอกแฟนว่าผมเป็นพี่ชายของเธอ..และเธอก็คิดกับผมเช่นกันว่าเธอก็เป็นน้องสาวของผม เธอมีแฟนแล้วและคบกันมานานวันที่ผมไปบ้านเธอ ผมก็มีโอกาสเจอแฟนเธอ ผมก็บอกแฟนของผมไป และผมก็ไม่คุยกับเธออีก..เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา แต่ผมก็ตามส่องเฟสเรื่อยมาเพราะเป็นห่วง ทุกครั้งที่เธอมีปัญหาผมจะโทรไปหาทันที
จนเร็วๆนี้เราได้คุยกันอีกครั้งและเหมือนเดิมผมอกหักเช่นเดิม..เธอก็ปลอบและบ่นผม บลา บลา พร้อมกับสวด..ดุอย่างกะแม่เลยละ เธอบอกว่าอย่ามีใครอีก ถ้าจะมีต้องพามาสแกนก่อน..เธอให้ผมรับปากว่าจะไม่คืนดีกับแฟนที่เลิกกัน ถ้าแฟนเก่ามาขอคืนดีก็ให้บอกไปว่ามีคนคุยแล้ว อ้างไปเลยว่าผมกับเธอนั้นคุยกันอยู่ ถ้าไม่ฟังเธอจะวีนใส่เลยนะ และเธอก็บอกผมว่า จากนี้พี่มีแค่หนูและพี่ชายของหนูพอไม่ต้องไปมีใครอีก เพราะเธอไม่อยากให้ผมผิดหวังอีก..
สักพักพี่ชายเธอก็ติดต่อมาว่าเธอโทรมาคุยระบายเรื่องผมให้ฟังและโมโหที่ผมโดนทิ้ง ผมเลยบอกไปว่ารู้แล้วละว่าเป็นห่วง เพราะโดนบ่นยับมาเลย หูชาเลยนี่ พี่ชายเธอเลยบอกว่า เอาน่ายอมๆมันเถอะมันก็ห่วงพี่จริงๆนั้นละ...
เธอโมโหกับการที่ผมถูกกระทำ..ผมจึงตัดสินใจว่าผมจะไม่มีใครแล้ว ผมจะอยู่ตรงนี้แหละ อยู่ในจุดที่ไม่รู้ว่าเป็นฐานะอะไรแต่ก็จะอยู่
จนล่าสุดผมจึงได้รับรู้ว่าเธอ..เป็นซึมเศร้าขั้นร้ายแรงเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และแฟนที่คบกันมานานตั้งแต่ตอนนั้นที่ผมเคยเจอ เธอก็เล่าว่าผู้ชายก็บอกว่าไม่ได้รักเธอเลยตลอดมา และตลอดมาทำร้ายจริงใจเธอมาตลอด คงจะเลิกกันเมื่อเธอเรียนจบเพราะตอนนี้แม่ของเธอได้ขอร้องแฟนเธอให้ช่วยดูแลเธอไปก่อน..เธอเล่ามาแบบนี้..
และตอนนี้ผมอยากจะข้ามโซนพี่ชาย เพื่อไปดูแลเธอปกป้องเธอในฐานะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ..แม้เธอจะบอกว่าเธอด้านชากับความรู้สึกเหล่านี้แล้วก็ตาม เธอปิดกั้นตัวเองจากคนทุกคน เธอไม่ไว้ใจมนุษย์คนไหน เธอจะใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในสังคม แต่เธอจะเป็นตัวของตัวเมื่อคุยกับผม เราต่างจะไม่โกหกกันและกันเปิดเผยทุกอย่าง ทั้งความเป็นห่วงเมื่ออีกคนกำลังทุกข์ เป็นกำลังใจเวลาเจอปัญหา และอื่นๆที่จะทำให้กันและกันได้
ผมอยากไปปักหลักที่ภาคเหนือ ผมลองถามคำถามประมาณว่าถ้าผมไปลงทุนที่นั้น ผมอยากได้เธอมาทำงานด้วย และผมจะทำ office มีห้องนอนแยก 2-3 ห้องเพื่อให้เธอมาอยู่ด้วยกัน และจะได้ดูแลเธอ และเธอเองก็สนใจที่จะอยุ่ด้วยกัน...แต่ผมก็ไม่ทราบในสถาณะใดถ้าอยู่ด้วยกันเธอคงคิดว่าอยู่กับพี่ชายละมั้ง
อาการของเธอล่าสุด ความทรงจำหายไปเป็นช่วงๆ บางวันก็ลืมว่าตัวเองเป็นใคร...( ส่วนตัวผมอาการซึมเศร้านั้นหายไปนานแล้วครับเพราะอกหักรอบนี้อาการไม่มา มันมาน้อยกว่าเก่าคงเหลือแค่ความรู้สึกอกหักเหมือนคนปกติ )
ผมจึงอยากสอบถามเพื่อนๆว่า การดูแลคนที่มีอาการซึมเศร้าระดับนี้ ต้องทำอย่างไร ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลเธอไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม ผมอยากให้เธอมีความสุขจากนี้และตลอดไป ผมอยากมองรอยยิ้ม และฟังเสียงหัวเราะเหมือนวันนั้นที่เราเคยเจอกัน อยากอยู่ข้างๆลูบผมเส้นเล็กๆนั้นด้วยคงามห่วงใย อยากอยู่ข้างๆเมื่อวันที่อาการเธอกำเริบ จนคิดจะฆ่าตัวตายผมจะได้ช่วยเธอได้ทัน วันที่เธอลืมตัวตนของเธอผมจะได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง เอารูปต่างๆที่เราเคยถ่ายด้วยกันให้เธอดู...ผมแค่อยากเห็นเธอสดใสอีกครั้ง..เหมือนที่เธอทำให้ผมสดใสเหมือนวันแรกที่พบกัน