เล่าแบบย่อๆนะครับ...
คือเมื่อวาน ภรรยาของผมมีอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการทำงานอะไรสักอย่างครับ ที่โรงแรมแถวหัวลำโพง เลิกประมาณ 16.30 น.
ตอนเช้าเขาก็ไปเอง แล้วแชทมาบอกเราตอนสายๆว่าตอนเย็นให้ไปรับที่ mrt ลาดพร้าวหน่อย ประมาณ 5 โมง แล้วไปหาอะไรกินกัน (บ้านอยู่บางกะปิน่ะครับ)
แล้วเผอิญแม่ของผมก็ไปธุระแต่เช้าข้างนอกด้วยพอดี ผมเลยบอกว่า เดี๋ยวแวะไปรอรับแม่ก่อน เพราะแม่บอกว่าเสร็จประมาณบ่ายสาม
ผมออกจากบ้านไปรับแม่ที่วัดแห่งหนึ่ง แถวพระราม 3 ไปถึง 11 โมง รอแม่ถึงประมาณ 13.00 แม่ก็บอกผมให้ไปส่งที่สำนักงานเขตใกล้ๆนั้นเพราะจะมีประชุมตอน 14.00-15.00 น. ผมก็โอเคร เพราะจากพระราม 3 ไปหัวลำโพงมันแป๊บเดียว ทันภรรยาเลิกแน่นอน
พอส่งแม่เสร็จแล้ว ผมก็ไปเดินห้างแถวนั้น เดินๆอยู่ แม่โทรมาบอกว่า "เดี๋ยวแม่ประชุมเสร็จแล้วพาไปแถวเจริญกรุงหน่อย พอดีฝากเพื่อนซื้อยา น่าจะยาบำรุงร่างกาย แก้ไมเกรน ปวดหัวอะไรทำนองนี้ แต่ตอนนี้เขาไปข้างนอก จะกลับมา 4 โมง ก็ไปรอเขาเพราะจะได้ไม่ต้องไปหัวลำโพงแล้วกลับมาอีก"
ผมก็รู้เลยว่าผมไปรับภรรยาไม่ทัน 16.30 แน่ๆ ผมเลยบอกแม่ว่า "ไปรับภรรยาก่อนแล้วเดี๋ยวกลับมาเอายานะแม่" แม่บอกก็ตามใจละกัน จบบทสนทนาทางโทรศัพท์ตอนนั้น
พอ 15.00 น. แม่เลิกประชุม ขึ้นรถมา ผมก็ถามว่า สรุปแม่จะไปเอายามั้ย แม่บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปรับภรรยาแกไม่ทันนะ ยังไงพรุ่งนี้แม่ก็ต้องมาละแวกนี้ เดี๋ยวแม่ไปเอาเอง ผมก็ไม่เอะใจ ก็ขับรถไปรับแฟน รับเสร็จก็ออกเดินทางกลับ มุ่งหน้าถนนพระราม 4 จนถึงแยกคลองเตย แม่ก็พูดขึ้นมาว่า "อย่าลืมพาแม่ไปเอายานะ" ผมก็ตกใจ+หัวเสีย เพราะนี่มันคลองเตย นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะให้ย้อนไปเจริญกรุง "โห!! ไกลอ่ะ" ผมอุทานออกมาแค่นั้นแหละ ทำไมแม่ไม่บอกตั้งแต่ตอนออกจากโรงแรม เพราะจากหัวลำโพงน่าจะไปใกล้กว่ามาก แม่คงโมโห พูดออกมาต่อดังลั่นรถว่า "จะกลับก็กลับไปก่อน แม่นั่งรถไปเองได้ ธุระแม่ไม่เคยสำคัญหรอก กูตายไปก็ดี จะได้สบายใจ" อ้าว!! ก็ตอนแรกแม่บอกว่าพรุ่งนี้จะมาเอาเอง แม่ก็บอกว่า "กูลองใจดูแค่นั้นเอง ว่าจะห่วงกูแค่ไหน"
ห๊ะ!! ช่วงนี้เดาอารมณ์แม่ยากมากๆเลยครับ อาจเป็นเพราะวัยทองด้วย 54 ปีแล้ว มีอาการปวดไมเกรนบ่อยๆ และผมเป็นคนที่รักแม่น่ะครับ เลยวกรถกลับไปเจริญกรุงให้ ระหว่างทางที่กลับไป แม่ก็บ่นตลอดทาง ประมาณว่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับภรรยาของผม เหมือนน้อยใจว่า ทีไปรับเมียต้องไปให้ทัน ให้รอหน่อยไม่ได้หรอ แต่พอธุระแม่ให้ช่วยไปแค่นี้ก็ไม่ได้ ผมก็บอกว่า ไม่ใช่ไปไม่ได้ แต่ไม่เข้าใจว่าแม่เพิ่งบอกเองว่าพรุ่งนี้ยังไงก็จะมาแถวนี้ เดี๋ยวมาเอาเอง
สักพักประมาณ 18.00 น. ก็ไปถึงเจริญกรุง พอใกล้ๆถึงบ้านคนที่นัดเอายา แม่ก็โทรหาเขา เขาก็บอกว่า ยังไม่กลับกันเลย น่าจะถึงบ้านสองทุ่ม
ผมนี่ก็ไม่เข้าใจแม่ คิดในใจว่า ได้โทรนัดกับเขาก่อนรึป่าว ได้ถามเขามั้ยว่าวันนี้อยู่ป่าว หรือคิดไปเองว่าเขาอยู่ทุกวัน แต่คิดในใจครับ ไม่อยากให้ภรรยามารับรู้ได้ยินแม่ลูกทะเลาะกัน
ถ้าคุณเป็นผม คุณจะทำอย่างไรครับ
1.ก็ไปรับภรรยาที่ mrt ตอนเย็น แล้วไปหาอะไรกินที่ตกลงกันไว้ ก็แค่นั้น แม่เดี๋ยวแกอยู่กับเพื่อนมีความสุขอิ่มแล้วก็กลับเอง
2.พาแม่ไปรอรับยาตอน 16.00 แล้วบอกภรรยาว่าให้รอหน่อย อาจไปช้า ก็จบ
3.อยากให้แม่รู้ว่าแม่ผิดยังไง ที่ไม่ได้โทรนัดเขา ไม่ได้วางแผน จะบุกลุยไปบ้านเขาอย่างเดียว ไปถึงเขาก็ไม่อยู่
4.บอกภรรยาไปว่า ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เพราะต้องเอารถไปล้างนะ (อะไรก็ว่าไป) จะได้ไม่ต้องมาน้อยใจทั้งภรรยาและแม่ อยู่บ้านสบายกว่าด้วย อิอิ
5.โทษตัวเองแค่นั้นแหละ ที่บริหารจัดการชีวิตครอบครัวไม่เป็น
ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไรหรือรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ครับ
คือเมื่อวาน ภรรยาของผมมีอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการทำงานอะไรสักอย่างครับ ที่โรงแรมแถวหัวลำโพง เลิกประมาณ 16.30 น.
ตอนเช้าเขาก็ไปเอง แล้วแชทมาบอกเราตอนสายๆว่าตอนเย็นให้ไปรับที่ mrt ลาดพร้าวหน่อย ประมาณ 5 โมง แล้วไปหาอะไรกินกัน (บ้านอยู่บางกะปิน่ะครับ)
แล้วเผอิญแม่ของผมก็ไปธุระแต่เช้าข้างนอกด้วยพอดี ผมเลยบอกว่า เดี๋ยวแวะไปรอรับแม่ก่อน เพราะแม่บอกว่าเสร็จประมาณบ่ายสาม
ผมออกจากบ้านไปรับแม่ที่วัดแห่งหนึ่ง แถวพระราม 3 ไปถึง 11 โมง รอแม่ถึงประมาณ 13.00 แม่ก็บอกผมให้ไปส่งที่สำนักงานเขตใกล้ๆนั้นเพราะจะมีประชุมตอน 14.00-15.00 น. ผมก็โอเคร เพราะจากพระราม 3 ไปหัวลำโพงมันแป๊บเดียว ทันภรรยาเลิกแน่นอน
พอส่งแม่เสร็จแล้ว ผมก็ไปเดินห้างแถวนั้น เดินๆอยู่ แม่โทรมาบอกว่า "เดี๋ยวแม่ประชุมเสร็จแล้วพาไปแถวเจริญกรุงหน่อย พอดีฝากเพื่อนซื้อยา น่าจะยาบำรุงร่างกาย แก้ไมเกรน ปวดหัวอะไรทำนองนี้ แต่ตอนนี้เขาไปข้างนอก จะกลับมา 4 โมง ก็ไปรอเขาเพราะจะได้ไม่ต้องไปหัวลำโพงแล้วกลับมาอีก"
ผมก็รู้เลยว่าผมไปรับภรรยาไม่ทัน 16.30 แน่ๆ ผมเลยบอกแม่ว่า "ไปรับภรรยาก่อนแล้วเดี๋ยวกลับมาเอายานะแม่" แม่บอกก็ตามใจละกัน จบบทสนทนาทางโทรศัพท์ตอนนั้น
พอ 15.00 น. แม่เลิกประชุม ขึ้นรถมา ผมก็ถามว่า สรุปแม่จะไปเอายามั้ย แม่บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปรับภรรยาแกไม่ทันนะ ยังไงพรุ่งนี้แม่ก็ต้องมาละแวกนี้ เดี๋ยวแม่ไปเอาเอง ผมก็ไม่เอะใจ ก็ขับรถไปรับแฟน รับเสร็จก็ออกเดินทางกลับ มุ่งหน้าถนนพระราม 4 จนถึงแยกคลองเตย แม่ก็พูดขึ้นมาว่า "อย่าลืมพาแม่ไปเอายานะ" ผมก็ตกใจ+หัวเสีย เพราะนี่มันคลองเตย นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะให้ย้อนไปเจริญกรุง "โห!! ไกลอ่ะ" ผมอุทานออกมาแค่นั้นแหละ ทำไมแม่ไม่บอกตั้งแต่ตอนออกจากโรงแรม เพราะจากหัวลำโพงน่าจะไปใกล้กว่ามาก แม่คงโมโห พูดออกมาต่อดังลั่นรถว่า "จะกลับก็กลับไปก่อน แม่นั่งรถไปเองได้ ธุระแม่ไม่เคยสำคัญหรอก กูตายไปก็ดี จะได้สบายใจ" อ้าว!! ก็ตอนแรกแม่บอกว่าพรุ่งนี้จะมาเอาเอง แม่ก็บอกว่า "กูลองใจดูแค่นั้นเอง ว่าจะห่วงกูแค่ไหน"
ห๊ะ!! ช่วงนี้เดาอารมณ์แม่ยากมากๆเลยครับ อาจเป็นเพราะวัยทองด้วย 54 ปีแล้ว มีอาการปวดไมเกรนบ่อยๆ และผมเป็นคนที่รักแม่น่ะครับ เลยวกรถกลับไปเจริญกรุงให้ ระหว่างทางที่กลับไป แม่ก็บ่นตลอดทาง ประมาณว่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับภรรยาของผม เหมือนน้อยใจว่า ทีไปรับเมียต้องไปให้ทัน ให้รอหน่อยไม่ได้หรอ แต่พอธุระแม่ให้ช่วยไปแค่นี้ก็ไม่ได้ ผมก็บอกว่า ไม่ใช่ไปไม่ได้ แต่ไม่เข้าใจว่าแม่เพิ่งบอกเองว่าพรุ่งนี้ยังไงก็จะมาแถวนี้ เดี๋ยวมาเอาเอง
สักพักประมาณ 18.00 น. ก็ไปถึงเจริญกรุง พอใกล้ๆถึงบ้านคนที่นัดเอายา แม่ก็โทรหาเขา เขาก็บอกว่า ยังไม่กลับกันเลย น่าจะถึงบ้านสองทุ่ม
ผมนี่ก็ไม่เข้าใจแม่ คิดในใจว่า ได้โทรนัดกับเขาก่อนรึป่าว ได้ถามเขามั้ยว่าวันนี้อยู่ป่าว หรือคิดไปเองว่าเขาอยู่ทุกวัน แต่คิดในใจครับ ไม่อยากให้ภรรยามารับรู้ได้ยินแม่ลูกทะเลาะกัน
ถ้าคุณเป็นผม คุณจะทำอย่างไรครับ
1.ก็ไปรับภรรยาที่ mrt ตอนเย็น แล้วไปหาอะไรกินที่ตกลงกันไว้ ก็แค่นั้น แม่เดี๋ยวแกอยู่กับเพื่อนมีความสุขอิ่มแล้วก็กลับเอง
2.พาแม่ไปรอรับยาตอน 16.00 แล้วบอกภรรยาว่าให้รอหน่อย อาจไปช้า ก็จบ
3.อยากให้แม่รู้ว่าแม่ผิดยังไง ที่ไม่ได้โทรนัดเขา ไม่ได้วางแผน จะบุกลุยไปบ้านเขาอย่างเดียว ไปถึงเขาก็ไม่อยู่
4.บอกภรรยาไปว่า ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เพราะต้องเอารถไปล้างนะ (อะไรก็ว่าไป) จะได้ไม่ต้องมาน้อยใจทั้งภรรยาและแม่ อยู่บ้านสบายกว่าด้วย อิอิ
5.โทษตัวเองแค่นั้นแหละ ที่บริหารจัดการชีวิตครอบครัวไม่เป็น