สำหรับเรา วันนั้นเราทำงาน ใจไม่อยู่เป็นสุข ไลน์ก็ดังอย่างต่อเนื่อง พยายามไม่สนใจ บอกกับตัวเองว่า ไม่เชื่อ ไม่จริง มันเป็นแค่ข่าวลือ จน 5 โมงเย็น กลับมาถึงบ้าน เดินไปในตลาดก็มีแต่คนพูดถึง ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน ปลอบใจกัน ส่งสายตาสื่อถึงอารมณ์ ไม่มีใครเชื่อสักคน ทั้งๆ ที่ข่าวค่อนข้างจะใช่ มีบางคนยังคุยกันทั้งน้ำตา จะรอๆ ฟังการแถลงข่าวจากพระราชวังเท่านั้น
เรารีบเดินกลับบ้าน เปิดทีวี จาก 6 โมง เลื่อนมา 1 ทุ่ม ทันทีที่ขึ้นประกาศพระราชวังเป็นสีดำ ช่วงระยะที่ฟังช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน ทุกอย่างรอบตัวมันเงียบ เงียบมาก เงียบที่สุดในชีวิต ไม่มีเสียงรถ ไม่เสียงคน อาหารถูกตั้งวางไว้ ไม่มีใครทานลง เรานั่งนิ่ง น้ำตาไหล ความรู้สึกชา ร้องไห้จนหลับถึงเช้า
ตื่นมาก็ยังถามตัวเองว่า เราฝันไป หรือ เรื่องจริง ลุกขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมตัวเดินทางไปทำงาน ระหว่างทาง ทุกอย่างยังคงเงียบ บรรยากาศหดหู่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่พระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน น้ำตาก็ไหล ถึงที่ทำงาน ได้แต่มองหน้ากัน ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก้มหน้าทำงานกันอย่างเงียบๆ บางคนก็ทำงานไปร้องไห้ไป
อยากให้ทุกท่านมาเล่าสู่กันฟัง ว่าวันนั้นทำอะไรกัน
วันนี้ของปีที่แล้ว ทุกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ (ครบรอบ 1 ปี การเสด็จสวรรคต)
เรารีบเดินกลับบ้าน เปิดทีวี จาก 6 โมง เลื่อนมา 1 ทุ่ม ทันทีที่ขึ้นประกาศพระราชวังเป็นสีดำ ช่วงระยะที่ฟังช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน ทุกอย่างรอบตัวมันเงียบ เงียบมาก เงียบที่สุดในชีวิต ไม่มีเสียงรถ ไม่เสียงคน อาหารถูกตั้งวางไว้ ไม่มีใครทานลง เรานั่งนิ่ง น้ำตาไหล ความรู้สึกชา ร้องไห้จนหลับถึงเช้า
ตื่นมาก็ยังถามตัวเองว่า เราฝันไป หรือ เรื่องจริง ลุกขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมตัวเดินทางไปทำงาน ระหว่างทาง ทุกอย่างยังคงเงียบ บรรยากาศหดหู่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่พระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน น้ำตาก็ไหล ถึงที่ทำงาน ได้แต่มองหน้ากัน ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก้มหน้าทำงานกันอย่างเงียบๆ บางคนก็ทำงานไปร้องไห้ไป
อยากให้ทุกท่านมาเล่าสู่กันฟัง ว่าวันนั้นทำอะไรกัน