เรื่องนี้เขียนโดยนัก(อยาก)เขียน 2 คน เราเขียนร่วมกัน,เนื้อเรื่องเดียวกัน,พล็อตเดียวกัน แต่สลับกันเขียน จะลงเว้นกันทุกๆ 4-5 วัน ภายใต้นามปากกา... เปลวลิขิต (เปลวอัคคี+ลายลิขิต) นะคะคุณผู้อ่าน
เปลวลิขิต
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://pantip.com/topic/36921449
https://pantip.com/topic/36928362/comment4-1
https://pantip.com/topic/36940436
คุ้มสยองขวัญ
บทที่ 3
กาหลงแทบละสายตาจากร่างสูงล่ำสันนั่นไม่ได้เลย...
เขานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนเสื่อกลางโถงเรือนตรงหน้าพ่อซึ่งนั่งบนเก้าอี้เตี้ย ทึ่งกับกิริยาสุภาพแต่สง่าผึ่งผาย ไหล่กว้างของครูหนุ่มค้อมลงนิดหนึ่งเวลาคุยกันกับคนสูงวัยกว่า คราใดที่ขยับตัว กล้ามเนื้อแน่นๆ ภายใต้ร่มเสื้อก็ทำให้เลือดสาวของตัวเองแล่นซู่ซ่า ยิ่งเมื่อเขาหันมายิ้มให้ หล่อนซึ่งนั่งข้างๆ บิดาก็ออกอาการเอียงอาย
หญิงสาวหลุบตาลงจ้องน้ำในแก้วใสที่ตัวเองยกมาต้อนรับแขก เผลอยกมือปัดปอยผมตัวเองอย่างขัดเขินครั้งแล้วครั้งเล่า ลอบชำเลืองแลรูปหน้าคมที่ชวนให้ใจหวิวเป็นระยะ จมูกเขาโด่งเป็นสันเหมือนคุณชายในละครที่ชื่นชอบ อยากเอียงแก้มชนจังๆ ดูสักครั้งจริงเชียว ชอบคิ้วหนาพาดตรงรับกับตาเข้มคมระยับอย่างคนอารมณ์ดีอยู่เสมอของเขา และทุกครั้งที่เขายิ้ม คนแอบมองก็รู้สึกหัวอกพองโตจนหายใจไม่ออก เนื้อตัวร้อนผ่าวๆ เหมือนกำลังจับไข้...นี่แหละหนออานุภาพของรักแรกพบ กาหลงคิดว่าความรู้สึกแบบนี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากตัวเองหลงรักครูหนุ่มผู้มาจากในเมืองคนนี้เข้าให้แล้วเต็มเปา
หล่อนแทบไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกับพ่อบ้าง ตาเฝ้าจับอยู่แต่ริมฝีปากหยักลึกชวนหลงใหล สงสัยว่าถ้าได้สัมผัสกับมันคงราวถูกไฟฟ้าดูดเลยทีเดียว อยากเขย่งขึ้นจุ๊บปลายคางมีรอยเขียวจางๆ นั่นชะมัด แลต่ำลงมาหาช่วงไหล่กว้างกับสะโพกแน่นตึง ไหนจะท่อนขายาวแข็งแรงคู่นั้นอีก โอย... กาหลงฝันไปถึงไหนต่อไหน
“เพิ่งเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ ที่จริงไม่ต้องรีบร้อนมาหาผมก็ได้”
รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์อันฟุ้งซ่านก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงพูดกลั้วหัวเราะของพ่อตัวเอง เม้มปากอย่างขัดใจนิดๆ พ่อมักชอบพูดเสียงดังราวกับคนฟังหูหนวก บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่า ต่อหน้าแขกเหรื่อคนอื่นไม่เห็นต้องทำเสียงดังวางอำนาจ แต่พ่อไม่เคยจำสักที คุณชานนท์เขาเป็นครู ไม่ใช่พวกไอ้ไม้ไอ้ดำลูกน้องนักเลงของพ่อสักหน่อย
“ครูใหญ่ชาติพนานี่ก็เก่งนะ เข้าในเมืองไปหาครูมาช่วยสอนจนได้ ที่จริงถ้าไม่ใจร้อน รออีกหน่อยเดี๋ยวทางการท่านก็คงจะจัดสรรครูมาให้ ไม่เห็นต้องเดือนร้อนไปถึงพวกคุณก็ได้ แต่นั่นแหละ ครูใหญ่เขาเป็นคนเอาจริงเอาจัง เรื่องการเรียนการสอนของครูในโรงเรียนก็เหมือนกัน เห็นว่าเข้มงวดมากเสียจนพวกครูต่างพากันย้ายหนีไปหมด ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ดีหรือไม่ดีสินะ อีกอย่างแกคงกลัวเหนื่อยด้วยล่ะมั้ง”
แปลก! ชานนท์ย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้สึกตัว ทำไมน้ำเสียงผู้ใหญ่ดำเกิงถึงฟังดูเหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำของครูชาติพนาล่ะ ทั้งที่จะว่าไปแล้วเป็นความตั้งใจดีของคนเป็นครูเสียอีก ที่เห็นแก่ประโยชน์ของเด็กนักเรียนเป็นที่ตั้ง และผลดีก็ตกอยู่กับเด็กในหมู่บ้านของผู้ใหญ่เอง คำพูดของผู้นำหมู่บ้านร่างอ้วนล่ำ หัวเถิกล้านไปครึ่งกระหม่อมที่ชื่อดำเกิงคนนี้ ถ้าฟังเผินๆ ก็คล้ายกับแสดงความชื่นชม แต่เหมือนมีบางอย่างแฝงนัยมากับคำพูดนั้นอยู่ด้วย ชายหนุ่มกำลังรู้สึกว่า ผู้ใหญ่บ้านดำเกิงอาจไม่ค่อยลงรอยกับครูใหญ่ของโรงเรียนคุ้มริมผานัก
“ไม่เป็นไรเลยครับ ไม่เดือดร้อนอะไรเลย พวกผมยินดีมาช่วยสอนหนังสือให้เด็กๆ ที่นี่อยู่แล้ว โรงเรียนมีหลายระดับชั้นเรียน ครูใหญ่คนเดียวคงสอนไม่ไหวแน่ครับ เรื่องขออัตราครูเพิ่ม กว่าจะผ่านขั้นตอนจนกระทั่งได้ครูใหม่มาเติม มันต้องใช้เวลานานมาก อย่างน้อยก็ต้องสิ้นปีงบประมาณหน้าโน่นถึงจะมีวาระพิจารณาโยกย้ายอีกที สงสารเด็กๆ จะไม่ได้เรียนหนังสือเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปหลายเดือนน่ะสิครับ”
เขาอธิบาย นัยน์ตาคมเข้มมองตรงแน่วแน่บอกถึงความตั้งใจจริง ซึ่งเมื่อสบกันกับตาเรียวเหมือนตาปลาดุกของอีกฝ่าย ผู้ใหญ่ดำเกิงก็หัวเราะร่า ตบเข่าตัวเองฉาดเหมือนเขาพูดถูกใจ
“คนหนุ่มมันต้องให้ได้อย่างนี้สิ ต้องไฟแรงแบบนี้แหละ ตอนผมหนุ่มๆ ก็เหมือนกัน คิดว่าทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียอย่างใครหน้าไหนก็อย่ามาขวาง ไม่สนใจใครจะด่าจะว่า แล้วก็อย่ามาห้ามเสียให้ยาก เห็นคุณแล้วก็เหมือนเห็นตัวเองตอนอายุเท่าคุณ ผมชอบคุณแฮะ ฮ่าๆๆ”
ไม่เหมือนล่ะมั้ง... ชานนท์ค้านคนตรงหน้าในใจ ครูหนุ่มกลับคิดไปอีกแบบ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หว่านพืชเพื่อหวังผล ไม่ได้ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมเพื่อหวังชื่อเสียงเงินทองตอบแทน ไม่เคยหวังคะแนนเสียงเพื่อตำแหน่งลาภยศใดๆ ทั้งสิ้น เขามีเพียงศรัทธาในความดี อยากช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ตัวเองจะสามารถช่วยได้ แต่ชายหนุ่มก็เพียงแค่ยิ้มรับ
“อืม...ฟังที่คุณเล่า แสดงว่าคุณก็คงจะอยู่ช่วยสอนหนังสือที่นี่อีกนานสินะ แล้วครูใหญ่เขามีค่าน้ำพักน้ำแรงให้มั่งไหมล่ะ ท่าทางคุณคงยังโสด แต่ถึงโสดมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมั่งละนะ”
น้ำเสียงแม้ทอดอ่อนแต่ชานนท์ก็รู้สึกได้ถึงการเหน็บแนมอยู่ในที มันสะกิดความกังขาขึ้นมาว่า ทำไมผู้ใหญ่บ้านที่นี่ถึงไม่ค่อยยินดีนักที่จะมีเขาเข้ามาช่วยเหลือโรงเรียน...หรือว่าแกหวงลูกสาว คิดไปอย่างนั้นแล้วอดปรายตามองเรือนร่างอวบอิ่มกับใบหน้าแฉล้มของลูกสาวแกไม่ได้ ที่จริงมันก็น่าอยู่หรอก กาหลงแม้เป็นสาวชาวบ้านแต่รูปโฉมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสาวๆ ในเมืองเลย ถ้าหล่อนแต่งเนื้อแต่งตัวเสียหน่อย ดีไม่ดีจะสวยกว่าเสียด้วยซ้ำ
“ผมมาจากหน่วยจิตอาสาครับ ทำงานโดยไม่ได้หวังค่าตอบแทน” ตอบเพียงสั้นๆ เริ่มระมัดระวังคำพูดมากขึ้น ท่าทีของผู้ใหญ่ดูไม่ค่อยตรงไปตรงมา
“โอ้...น่าชื่นชมๆ แล้วนี่ได้ที่พักหรือยังล่ะ ครูชาติเขาให้พักที่ไหน ในบ้านพักครูโทรมๆ หลังนั้นหรือเปล่า”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ใคร่เออออไปกับตนด้วย ผู้ใหญ่ดำเกิงก็เปลี่ยนเรื่องพูด เขาถามถึงที่พักเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เพราะขณะนี้ตะวันรอนแสงลงทุกที
“ก็...ไม่โทรมสักเท่าไหร่หรอกครับ ผมทำความสะอาดแล้ว อยู่ได้ครับไม่มีปัญหา”
ชานนท์ทัดทานอย่างสุภาพพอให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆ แปลกใจที่มักนึกสะดุดคำพูดของพ่อผู้ใหญ่ที่เด็กๆ เรียก ในหลายๆ จังหวะสนทนา รู้สึกเหมือนไม่อยากทำความคุ้นเคยกับผู้นำหมู่บ้านคนนี้สักเท่าไหร่ ผิดวิสัยของเขาซึ่งเมื่อไปทำงานสาธารณประโยชน์ที่ไหน ก็มักต้องเข้าไปทำความรู้จักสนิทสนมกับผู้นำชุมชนที่นั่นเสมอ และไม่ได้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจเหมือนตอนนี้เลย
“ที่จริงมาพักที่นี่ก็ได้นะคะ เรือนเรามีห้องว่างตั้งหลายห้อง”
กาหลงเพิ่งได้โอกาสแทรก หล่อนรีบเสนอเหมือนจะอวดอยู่ในที บ้านไม้หลังนี้พ่อหล่อนเพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน มันใหญ่โตโอ่อ่าสมหน้าตาของผู้ใหญ่บ้านคนดัง มีห้องโถงกว้างขวาง ห้องนอนก็มีถึงสามห้อง พร้อมทั้งมีห้องน้ำอยู่ข้างบนเรือนแบบบ้านคนในเมืองอีกด้วย ซึ่งไม่มีเรือนหลังไหนในคุ้มริมผามีแบบนี้ เว้นแต่ครัวไฟที่สร้างแยกเอาไว้ต่างหากข้างล่าง เพื่อสะดวกต่อการก่อไฟหุงหาอาหารและป้องกันกลิ่นเหม็นของควันไฟรบกวน ที่มันอาจทำให้บ้านใหม่ของหล่อนสกปรกรกรุงรัง
“ขอบคุณครับ แต่ผมคงไม่กล้ารบกวน พักที่บ้านพักครูก็สะดวกดี เหมือนอยู่กับโรงเรียนตลอดเวลา หากมีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับครูใหญ่ก็ทำได้ทันที ผมเพิ่งมาใหม่ยังไม่ค่อยรู้ว่าต้องมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง คงต้องพึ่งครูชาติท่านช่วยแนะนำการทำงานอีกเยอะครับ”
ชานนท์ปฏิเสธนุ่มนวล ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย อาจเพราะเข้าใจ หรืออาจพอใจเสียด้วยซ้ำที่ได้ยินแบบนั้นจึงไม่ได้ซักถามต่อ
“แหม ครูนนท์ก็...ไม่เห็นต้องเกรงอกเกรงใจอะไรกันเลย ครูมาช่วยสอนหนังสือให้เด็กๆ กาหลงก็แสนจะดีใจแทนเด็กมันด้วย มีอะไรที่พอช่วยได้ก็อยากจะช่วยเพื่อตอบแทนครูค่ะ”
แต่ลูกสาวของแกไม่เห็นด้วย กาหลงเกิดรักเด็กขึ้นมากะทันหัน ทำเสียงอ้อนรำพันอย่างซาบซึ้งในความเสียสละของครูหนุ่ม หญิงสาวหลงใหลในรูปลักษณ์ของผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นหน้า ยิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็ยิ่งชื่นชมในความมีน้ำใจ ผู้ชายคนนี้ช่างคิดอ่านมีหลักการ คำพูดคำจาแม้แสนสุภาพ แต่ทุกถ้อยคำแสดงถึงความมุ่งมั่นและมีวิสัยทัศน์ อือฮึ...ใช่ๆ มีวิสัยทัศน์นี่ล่ะ ที่หล่อนได้ยินจากละครบ่อยๆ ความรู้สึกของสาวบ้านป่าต่อหนุ่มชาวกรุงกู่ไม่กลับเสียแล้ว มันล้นออกมาทางแววตาและสีแดงซ่านบนแก้มสาว
ชานนท์เหลือบมองหน้าหญิงสาว ทำไมเขาจะอ่านสายตาลูกสาวผู้ใหญ่บ้านไม่ออกว่าหล่อนมีความสนใจในตัวเขามากแค่ไหน ขืนมาพักอยู่ด้วยเห็นทีจะไม่ได้กลับไปเป็นโสดที่หน่วยจิตอาสาอีกแน่
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ผมกับองครักษ์ตัวน้อย ช่วยกันจัดที่หลับนอนไว้พร้อมหมดแล้ว เด็กสามคนข้างล่างนั่นแหละครับ เอ้อ เย็นมากแล้ว เห็นทีผมคงต้องขอตัวกลับบ้านพักครูก่อน ยังต้องจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางอีกนิดหน่อยน่ะครับ”
ทว่าพ่อของหล่อนคงไม่ชอบใจผู้ชายแบบเขาแน่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนมีลูกสาวสวย เขาเองก็เป็นแค่ครูอาสามาช่วยสอนหนังสือ ไม่ได้เป็นข้าราชการครูจริงๆ จะว่าไปเขายังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งเลยด้วยซ้ำ ซึ่งคนเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านย่อมมองออก เรื่องอะไรจะให้แมวได้อยู่ใกล้ปลาย่าง ถึงแม้ว่าแมวอย่างเขาจะเป็นแมวขี้เซา ไม่ได้ซุกซนกินปลาไม่เลือกหน้าก็เถอะ คนหวงลูกสาวจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรเขาอีก
“’งั้นก็ตามสบายเถอะนะพ่อหนุ่ม ถ้าติดขัดเรื่องอะไรค่อยมาว่ากันทีหลัง อ้อ... รีบกลับเสียตั้งแต่ยังมีแสงตะวันเถอะ คนที่นี่ถ้าตะวันตกดินเขาไม่ออกจากบ้านกันนะ จะบอกให้รู้ไว้”
(มีต่อ)
คุ้มสยองขวัญ 3
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 3
กาหลงแทบละสายตาจากร่างสูงล่ำสันนั่นไม่ได้เลย...
เขานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนเสื่อกลางโถงเรือนตรงหน้าพ่อซึ่งนั่งบนเก้าอี้เตี้ย ทึ่งกับกิริยาสุภาพแต่สง่าผึ่งผาย ไหล่กว้างของครูหนุ่มค้อมลงนิดหนึ่งเวลาคุยกันกับคนสูงวัยกว่า คราใดที่ขยับตัว กล้ามเนื้อแน่นๆ ภายใต้ร่มเสื้อก็ทำให้เลือดสาวของตัวเองแล่นซู่ซ่า ยิ่งเมื่อเขาหันมายิ้มให้ หล่อนซึ่งนั่งข้างๆ บิดาก็ออกอาการเอียงอาย
หญิงสาวหลุบตาลงจ้องน้ำในแก้วใสที่ตัวเองยกมาต้อนรับแขก เผลอยกมือปัดปอยผมตัวเองอย่างขัดเขินครั้งแล้วครั้งเล่า ลอบชำเลืองแลรูปหน้าคมที่ชวนให้ใจหวิวเป็นระยะ จมูกเขาโด่งเป็นสันเหมือนคุณชายในละครที่ชื่นชอบ อยากเอียงแก้มชนจังๆ ดูสักครั้งจริงเชียว ชอบคิ้วหนาพาดตรงรับกับตาเข้มคมระยับอย่างคนอารมณ์ดีอยู่เสมอของเขา และทุกครั้งที่เขายิ้ม คนแอบมองก็รู้สึกหัวอกพองโตจนหายใจไม่ออก เนื้อตัวร้อนผ่าวๆ เหมือนกำลังจับไข้...นี่แหละหนออานุภาพของรักแรกพบ กาหลงคิดว่าความรู้สึกแบบนี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากตัวเองหลงรักครูหนุ่มผู้มาจากในเมืองคนนี้เข้าให้แล้วเต็มเปา
หล่อนแทบไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกับพ่อบ้าง ตาเฝ้าจับอยู่แต่ริมฝีปากหยักลึกชวนหลงใหล สงสัยว่าถ้าได้สัมผัสกับมันคงราวถูกไฟฟ้าดูดเลยทีเดียว อยากเขย่งขึ้นจุ๊บปลายคางมีรอยเขียวจางๆ นั่นชะมัด แลต่ำลงมาหาช่วงไหล่กว้างกับสะโพกแน่นตึง ไหนจะท่อนขายาวแข็งแรงคู่นั้นอีก โอย... กาหลงฝันไปถึงไหนต่อไหน
“เพิ่งเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ ที่จริงไม่ต้องรีบร้อนมาหาผมก็ได้”
รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์อันฟุ้งซ่านก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงพูดกลั้วหัวเราะของพ่อตัวเอง เม้มปากอย่างขัดใจนิดๆ พ่อมักชอบพูดเสียงดังราวกับคนฟังหูหนวก บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่า ต่อหน้าแขกเหรื่อคนอื่นไม่เห็นต้องทำเสียงดังวางอำนาจ แต่พ่อไม่เคยจำสักที คุณชานนท์เขาเป็นครู ไม่ใช่พวกไอ้ไม้ไอ้ดำลูกน้องนักเลงของพ่อสักหน่อย
“ครูใหญ่ชาติพนานี่ก็เก่งนะ เข้าในเมืองไปหาครูมาช่วยสอนจนได้ ที่จริงถ้าไม่ใจร้อน รออีกหน่อยเดี๋ยวทางการท่านก็คงจะจัดสรรครูมาให้ ไม่เห็นต้องเดือนร้อนไปถึงพวกคุณก็ได้ แต่นั่นแหละ ครูใหญ่เขาเป็นคนเอาจริงเอาจัง เรื่องการเรียนการสอนของครูในโรงเรียนก็เหมือนกัน เห็นว่าเข้มงวดมากเสียจนพวกครูต่างพากันย้ายหนีไปหมด ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ดีหรือไม่ดีสินะ อีกอย่างแกคงกลัวเหนื่อยด้วยล่ะมั้ง”
แปลก! ชานนท์ย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้สึกตัว ทำไมน้ำเสียงผู้ใหญ่ดำเกิงถึงฟังดูเหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำของครูชาติพนาล่ะ ทั้งที่จะว่าไปแล้วเป็นความตั้งใจดีของคนเป็นครูเสียอีก ที่เห็นแก่ประโยชน์ของเด็กนักเรียนเป็นที่ตั้ง และผลดีก็ตกอยู่กับเด็กในหมู่บ้านของผู้ใหญ่เอง คำพูดของผู้นำหมู่บ้านร่างอ้วนล่ำ หัวเถิกล้านไปครึ่งกระหม่อมที่ชื่อดำเกิงคนนี้ ถ้าฟังเผินๆ ก็คล้ายกับแสดงความชื่นชม แต่เหมือนมีบางอย่างแฝงนัยมากับคำพูดนั้นอยู่ด้วย ชายหนุ่มกำลังรู้สึกว่า ผู้ใหญ่บ้านดำเกิงอาจไม่ค่อยลงรอยกับครูใหญ่ของโรงเรียนคุ้มริมผานัก
“ไม่เป็นไรเลยครับ ไม่เดือดร้อนอะไรเลย พวกผมยินดีมาช่วยสอนหนังสือให้เด็กๆ ที่นี่อยู่แล้ว โรงเรียนมีหลายระดับชั้นเรียน ครูใหญ่คนเดียวคงสอนไม่ไหวแน่ครับ เรื่องขออัตราครูเพิ่ม กว่าจะผ่านขั้นตอนจนกระทั่งได้ครูใหม่มาเติม มันต้องใช้เวลานานมาก อย่างน้อยก็ต้องสิ้นปีงบประมาณหน้าโน่นถึงจะมีวาระพิจารณาโยกย้ายอีกที สงสารเด็กๆ จะไม่ได้เรียนหนังสือเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปหลายเดือนน่ะสิครับ”
เขาอธิบาย นัยน์ตาคมเข้มมองตรงแน่วแน่บอกถึงความตั้งใจจริง ซึ่งเมื่อสบกันกับตาเรียวเหมือนตาปลาดุกของอีกฝ่าย ผู้ใหญ่ดำเกิงก็หัวเราะร่า ตบเข่าตัวเองฉาดเหมือนเขาพูดถูกใจ
“คนหนุ่มมันต้องให้ได้อย่างนี้สิ ต้องไฟแรงแบบนี้แหละ ตอนผมหนุ่มๆ ก็เหมือนกัน คิดว่าทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียอย่างใครหน้าไหนก็อย่ามาขวาง ไม่สนใจใครจะด่าจะว่า แล้วก็อย่ามาห้ามเสียให้ยาก เห็นคุณแล้วก็เหมือนเห็นตัวเองตอนอายุเท่าคุณ ผมชอบคุณแฮะ ฮ่าๆๆ”
ไม่เหมือนล่ะมั้ง... ชานนท์ค้านคนตรงหน้าในใจ ครูหนุ่มกลับคิดไปอีกแบบ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หว่านพืชเพื่อหวังผล ไม่ได้ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมเพื่อหวังชื่อเสียงเงินทองตอบแทน ไม่เคยหวังคะแนนเสียงเพื่อตำแหน่งลาภยศใดๆ ทั้งสิ้น เขามีเพียงศรัทธาในความดี อยากช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ตัวเองจะสามารถช่วยได้ แต่ชายหนุ่มก็เพียงแค่ยิ้มรับ
“อืม...ฟังที่คุณเล่า แสดงว่าคุณก็คงจะอยู่ช่วยสอนหนังสือที่นี่อีกนานสินะ แล้วครูใหญ่เขามีค่าน้ำพักน้ำแรงให้มั่งไหมล่ะ ท่าทางคุณคงยังโสด แต่ถึงโสดมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมั่งละนะ”
น้ำเสียงแม้ทอดอ่อนแต่ชานนท์ก็รู้สึกได้ถึงการเหน็บแนมอยู่ในที มันสะกิดความกังขาขึ้นมาว่า ทำไมผู้ใหญ่บ้านที่นี่ถึงไม่ค่อยยินดีนักที่จะมีเขาเข้ามาช่วยเหลือโรงเรียน...หรือว่าแกหวงลูกสาว คิดไปอย่างนั้นแล้วอดปรายตามองเรือนร่างอวบอิ่มกับใบหน้าแฉล้มของลูกสาวแกไม่ได้ ที่จริงมันก็น่าอยู่หรอก กาหลงแม้เป็นสาวชาวบ้านแต่รูปโฉมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสาวๆ ในเมืองเลย ถ้าหล่อนแต่งเนื้อแต่งตัวเสียหน่อย ดีไม่ดีจะสวยกว่าเสียด้วยซ้ำ
“ผมมาจากหน่วยจิตอาสาครับ ทำงานโดยไม่ได้หวังค่าตอบแทน” ตอบเพียงสั้นๆ เริ่มระมัดระวังคำพูดมากขึ้น ท่าทีของผู้ใหญ่ดูไม่ค่อยตรงไปตรงมา
“โอ้...น่าชื่นชมๆ แล้วนี่ได้ที่พักหรือยังล่ะ ครูชาติเขาให้พักที่ไหน ในบ้านพักครูโทรมๆ หลังนั้นหรือเปล่า”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ใคร่เออออไปกับตนด้วย ผู้ใหญ่ดำเกิงก็เปลี่ยนเรื่องพูด เขาถามถึงที่พักเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เพราะขณะนี้ตะวันรอนแสงลงทุกที
“ก็...ไม่โทรมสักเท่าไหร่หรอกครับ ผมทำความสะอาดแล้ว อยู่ได้ครับไม่มีปัญหา”
ชานนท์ทัดทานอย่างสุภาพพอให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆ แปลกใจที่มักนึกสะดุดคำพูดของพ่อผู้ใหญ่ที่เด็กๆ เรียก ในหลายๆ จังหวะสนทนา รู้สึกเหมือนไม่อยากทำความคุ้นเคยกับผู้นำหมู่บ้านคนนี้สักเท่าไหร่ ผิดวิสัยของเขาซึ่งเมื่อไปทำงานสาธารณประโยชน์ที่ไหน ก็มักต้องเข้าไปทำความรู้จักสนิทสนมกับผู้นำชุมชนที่นั่นเสมอ และไม่ได้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจเหมือนตอนนี้เลย
“ที่จริงมาพักที่นี่ก็ได้นะคะ เรือนเรามีห้องว่างตั้งหลายห้อง”
กาหลงเพิ่งได้โอกาสแทรก หล่อนรีบเสนอเหมือนจะอวดอยู่ในที บ้านไม้หลังนี้พ่อหล่อนเพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน มันใหญ่โตโอ่อ่าสมหน้าตาของผู้ใหญ่บ้านคนดัง มีห้องโถงกว้างขวาง ห้องนอนก็มีถึงสามห้อง พร้อมทั้งมีห้องน้ำอยู่ข้างบนเรือนแบบบ้านคนในเมืองอีกด้วย ซึ่งไม่มีเรือนหลังไหนในคุ้มริมผามีแบบนี้ เว้นแต่ครัวไฟที่สร้างแยกเอาไว้ต่างหากข้างล่าง เพื่อสะดวกต่อการก่อไฟหุงหาอาหารและป้องกันกลิ่นเหม็นของควันไฟรบกวน ที่มันอาจทำให้บ้านใหม่ของหล่อนสกปรกรกรุงรัง
“ขอบคุณครับ แต่ผมคงไม่กล้ารบกวน พักที่บ้านพักครูก็สะดวกดี เหมือนอยู่กับโรงเรียนตลอดเวลา หากมีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับครูใหญ่ก็ทำได้ทันที ผมเพิ่งมาใหม่ยังไม่ค่อยรู้ว่าต้องมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง คงต้องพึ่งครูชาติท่านช่วยแนะนำการทำงานอีกเยอะครับ”
ชานนท์ปฏิเสธนุ่มนวล ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย อาจเพราะเข้าใจ หรืออาจพอใจเสียด้วยซ้ำที่ได้ยินแบบนั้นจึงไม่ได้ซักถามต่อ
“แหม ครูนนท์ก็...ไม่เห็นต้องเกรงอกเกรงใจอะไรกันเลย ครูมาช่วยสอนหนังสือให้เด็กๆ กาหลงก็แสนจะดีใจแทนเด็กมันด้วย มีอะไรที่พอช่วยได้ก็อยากจะช่วยเพื่อตอบแทนครูค่ะ”
แต่ลูกสาวของแกไม่เห็นด้วย กาหลงเกิดรักเด็กขึ้นมากะทันหัน ทำเสียงอ้อนรำพันอย่างซาบซึ้งในความเสียสละของครูหนุ่ม หญิงสาวหลงใหลในรูปลักษณ์ของผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นหน้า ยิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็ยิ่งชื่นชมในความมีน้ำใจ ผู้ชายคนนี้ช่างคิดอ่านมีหลักการ คำพูดคำจาแม้แสนสุภาพ แต่ทุกถ้อยคำแสดงถึงความมุ่งมั่นและมีวิสัยทัศน์ อือฮึ...ใช่ๆ มีวิสัยทัศน์นี่ล่ะ ที่หล่อนได้ยินจากละครบ่อยๆ ความรู้สึกของสาวบ้านป่าต่อหนุ่มชาวกรุงกู่ไม่กลับเสียแล้ว มันล้นออกมาทางแววตาและสีแดงซ่านบนแก้มสาว
ชานนท์เหลือบมองหน้าหญิงสาว ทำไมเขาจะอ่านสายตาลูกสาวผู้ใหญ่บ้านไม่ออกว่าหล่อนมีความสนใจในตัวเขามากแค่ไหน ขืนมาพักอยู่ด้วยเห็นทีจะไม่ได้กลับไปเป็นโสดที่หน่วยจิตอาสาอีกแน่
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ผมกับองครักษ์ตัวน้อย ช่วยกันจัดที่หลับนอนไว้พร้อมหมดแล้ว เด็กสามคนข้างล่างนั่นแหละครับ เอ้อ เย็นมากแล้ว เห็นทีผมคงต้องขอตัวกลับบ้านพักครูก่อน ยังต้องจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางอีกนิดหน่อยน่ะครับ”
ทว่าพ่อของหล่อนคงไม่ชอบใจผู้ชายแบบเขาแน่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนมีลูกสาวสวย เขาเองก็เป็นแค่ครูอาสามาช่วยสอนหนังสือ ไม่ได้เป็นข้าราชการครูจริงๆ จะว่าไปเขายังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งเลยด้วยซ้ำ ซึ่งคนเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านย่อมมองออก เรื่องอะไรจะให้แมวได้อยู่ใกล้ปลาย่าง ถึงแม้ว่าแมวอย่างเขาจะเป็นแมวขี้เซา ไม่ได้ซุกซนกินปลาไม่เลือกหน้าก็เถอะ คนหวงลูกสาวจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรเขาอีก
“’งั้นก็ตามสบายเถอะนะพ่อหนุ่ม ถ้าติดขัดเรื่องอะไรค่อยมาว่ากันทีหลัง อ้อ... รีบกลับเสียตั้งแต่ยังมีแสงตะวันเถอะ คนที่นี่ถ้าตะวันตกดินเขาไม่ออกจากบ้านกันนะ จะบอกให้รู้ไว้”
(มีต่อ)