Master degree ที่ The University of Warwick+เที่ยวยุโรป Greece, Iceland, Portugal, Spain,Italy ตอนที่ 3: Iceland

หลังจากได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ Greece 1 เดือนต่อมา ผมก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศ Iceland ครับ โดยทริปนี้ใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 5 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่  6 กย. - 10  กย. 2017 สมาชิกการเที่ยวในครั้งนี้ รวมตัวผมด้วยก็ 4 ชีวิตครับผม

ติดตามตอนอื่นๆได้ที่ตามลิงค์:
ตอนที่ 1 : ชีวิตนักเรียน -- https://pantip.com/topic/36955509
ตอนที่ 2 : Greece -- https://pantip.com/topic/36956716
ตอนที่ 4 : Portugal -- https://pantip.com/topic/36958501
ตอนที่ 5 : Spain -- https://pantip.com/topic/36959343
ตอนที่ 6 : Italy -- https://pantip.com/topic/36960249

แพลนการเที่ยวส่วนใหญ่นั้น ผมได้ข้อมูลมาจากกระทู้ https://pantip.com/topic/36358272 ซึ่งมีประโยชน์มากครับ ตอนแรกอยากจะเที่ยวให้รอบเกาะเลย แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลา ทริปนี้เราแพลนว่าจะเที่ยวแค่โซนล่างของเกาะ โดยขับจากซ้ายตรงไปยังที่เที่ยวที่แรกที่อยู่ด้านขวาก่อน จากนั้นก็ค่อยๆเที่ยวไล่มาด้านซ้ายเรื่อยๆ

สำหรับบรรยากาศช่วงต้นเดือนกันยาอุณหภูมิอยู่ประมาณ 10 องศา ซึ่งถือว่าไม่หนาวจนเกินไป เสื้อยืด+ เสื้อกันหนาว ก็น่าพอไหวครับ หรือ ใครขี้หนาวก็เสริม Heat tech ด้านในอีกชั้นก็ได้

ส่วนเรื่องการเดินทางในประเทศ Iceland การเช่ารถน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดครับ เราได้ทำการเช่ารถจากบริษัท Enterprise ที่เคยเช่าบ่อยๆตอนอยู่อังกฤษ โดยเช่าตั้งแต่วันที่ 6 Sep – 10 Sep = 4 วัน (รับและคืนรถที่สนามบินครับ) ราคาประมาณ 13,000 บาท หารกัน 4 ครับ (ราคารวมค่าประกันแบบดีที่สุดครับ)

เรื่องการเติมน้ำมัน ส่วนใหญ่ใช้บัตรเดบิต / เครดิตเอาครับ พวกผมใช้ของ Lloyds กับ Barclays ไม่มีปัญหาครับ ปล.ตอนเติมน้ำมัน ถ้าเราเลือก option full tank โดยเฉพาะของ Barclays ถ้ามันตัดบัตรเราเกินก็ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะปั๊มน้ำมันจะเป็นระบบจ่ายก่อนเดิน ซึ่งถ้าเราเลือก full tank ระบบจะกันเงินเราไว้จำนวนหนึ่งครับ ซึ่งมากกว่าที่เราเติมไป และมันก็จะจ่ายเงินคืนเราที่หลังครับ แต่อาจจะใช้เวลาหน่อย อาจจะเป็นอาทิตย์เลยก็ได้ โดยตลอดทั้งทริปค่าน้ำมันประมาณอยู่ที่ประมาณ 7000 บาท หาร 4 คน

Tips: การเติมน้ำมัน เราควรจะประมาณการเติมน้ำมันแต่ละครั้งให้ดีๆนะครับ ไม่ควรรอให้น้ำมันใกล้หมดถึงแล้วค่อยเติมเพราะปั๊มน้ำมันแต่ละที่ไกลกันพอสมควร

เป้าหมายในการเที่ยวในช่วงต้นเดือนกันยายนของพวกเรานั้นคือการชมธรรมชาติเป็นหลักครับซึ่งตารางเที่ยวก็จะอัดพอสมควร ส่วนเรื่องแสงเหนือนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาพาไป เพราะแน่นอนว่าการจะตามหาแสงเหนือในช่วงที่ไปนั้นถือว่ายากพอสมควร มาดูกันครับว่าธรรมชาติของประเทศนี้ช่วงก่อน Winter จริงๆจะสวยงามแค่ไหนและเราจะมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือไหม เชิญรับชมได้เลยครับ

วันที่ 6
เราออกเดินทางด้วยสายการบิน EasyJet ตั้งแต่เช้าตรู่ เที่ยวบินตั้งแต่ 6 โมงเช้าจากสนามบิน Luton ไปยังสนามบิน Keflavik international airport ครับ โดยการเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราก็มุ่งตรงไปยังบริษัทเช่ารถทันที ซึ่งการเดินทางจากสนามบินไปยังบริษัทเช่ารถนั้นเราสามารถขึ้น Shutter bus ได้ฟรีครับ รถมีให้บริการอยู่เรื่อยๆโดย Shutter bus จะขับผ่านทั้งหมด 4 Stops ซึ่งบนรถจะมีป้ายบอกว่าจุดไหนมีบริษัทเช่ารถเจ้าไหนอยู่ สำหรับบริษัท Enterprise นั้นอยู่จุด Stop สุดท้ายครับ

เพื่อความปลอดภัยเราได้ซื้อประกันเต็มครับคือ ครอบคลุมทั้งตัวรถ กระจก ล้อรถ แบบ Zero excess ยอมจ่ายแพงหน่อยครับ แต่ก็อุ่นใจ สำหรับ option เสริมอื่นๆ เช่น เครื่อง GPS ถ้าเรามีก็ติดไปด้วยนะครับ หรือ จะเช่า GPS จากบริษัทก็ได้ ไม่ค่อยแนะนำให้เปิดจากมือถือเท่าไหร่เพราะบางทีอาจจะปัญหาไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตครับ
รถของเราครับ สีสันได้ใจดี จอดที่ไหนก็หารถเจอได้ไม่ยาก
เราขับรถยาวประมาณ 5 ชั่วโมงจากซ้ายสุดมาขวาสุดก่อนเลยครับ ซึ่งการขับรถก็ไม่ยากขับ ส่วนใหญ่ก็บนถนนเบอร์ 1 เส้นหลักเส้นเดียวซึ่งเป็นเลนสวน โดยรวมตลอดเส้นทางบรรยากาศน่าประทับใจมากครับ
แค่เห็นวิวข้างทางก็มีความสุขแล้วครับ
ปล. ระหว่างทางเราก็จะเห็นนักปั่นจักรยานเยอะมากครับ เห็นแล้วก็เสียวแทนเพราะไหลทางของถนนที่นี่แคบมากครับ คนละเรื่องกับที่ไทยเลย นอกจากนี้เรายังเจอนกตายข้างทางเป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้เราไม่น้อย หลังจากที่เราไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติมก็พบว่า เนื่องจากอากาศที่นี่หนาวครับ แต่บนพื้นถนนนั้นมีอุณหภูมิที่อุ่นกว่า ทำให้นกหลายๆตัว landing ลงมานั่งๆนอนๆบนถนนเยอะ ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมตลอดสองข้างทางอยู่เป็นระยะ
โดยที่แรกที่เราไปก็คือ Jökulsárlón Glacier ซึ่งเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งที่แตกออกมาจากธารน้ำแข็งก้อนใหญ่ ซึ่งโดยรวมถือว่าคุ้มค่ากับการขับรถมาตั้งไกล เรียกได้ว่า หายเหนื่อยครับ ปล. ตรงนี้เป็นจุดแรกที่เราจอดรถก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำครับ
จุดด้านหลังไกลๆ เป็นอีกจุดที่จะเห็นน้ำแข็งที่มากกว่านี้ครับ แต่ไม่มีพื้นหาดให้เดินสักเท่าไหร่
น้ำแข็งที่ถูกซัดขึ้นฝั่งมา ถ้ามาช่วงหน้าหนาว ก้อนน้ำแข็งน่าจะใหญ่กว่านี้
ไปกันที่จุดต่อไปครับ ซึ่งขับต่อไปอีกนิด ข้ามสะพานไป ถ้าตาม google map ก็ search ว่า Ice Lagoon Zodiac Boat Tours หรือ Jökulsárlón - Glacier Lagoon | Boat Tours and Cafe
นอกจากก้อนน้ำแข็งที่กระจัดกระจาย ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “น้องอุ๋งอุ๋ง” ว่ายวนไปมาโชว์พวกเราอยู่ในน้ำ ตอนแรกผมก็งงว่าอะไรคือ “น้องอุ๋งอุ๋ง”  จนพี่ที่พูดศัพท์นี้ขึ้นมาคนแรกต้องมาอธิบายว่า มันก็คือ แมวน้ำนั่นเอง
Boat tour ครับ ไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ครับจากนั่นก็ขับรถกลับที่พักที่เมือง Hella อีก 3 - 4 ชั่วโมง ปล. สาเหตุที่เราต้องรถย้อนกลับไปแทนที่จะพักทางด้านขวาก็เพราะที่พักด้านขวาหายากครับ ถึงมีก็ราคาแพงอยู่ เราเลยต้องยอมขับรถย้อนไปแทนครับ

Tips: ถนนเบอร์ 1 ทางโซนขวา บางช่วงอาจจะไม่มีไฟทาง รวมถึงอาจเจอสะพานที่เป็นเลนเดียวซึ่งต้องจอดให้ทางกันกับรถที่สวนมา ระวังๆกันด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่