ไหเฟรี่และอาลูบอง

ในคลิป จะรายละเอียดต่างกันนิดหน่อย มีข้อคิดตอนจบนะครับ แล้วก็ ไหเฟรี่ เป็น DIY ง่ายๆ ถ้าสนใจ ถามวิธีทำเพิ่มเติมได้ครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เรื่องมีอยู่ว่า.......
    ในสมัยอดีต ช่วงเวลาที่ "เวทมนตร์" เป็นสิ่งใกล้ชิดกับมนุษย์ สมัยที่สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์สามารถพบเห็นอยู่ทั่วไป มนุษย์เราซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเก่ง ก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ แต่ทุกอย่างในโลก ล้วนต้องเรียนรู้ และเวทมนตร์ คาถา ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเรียนรู้กันได้ง่ายๆ เลย จึงมีมนุษย์กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ที่ได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้


    แต่เราไม่ได้จะมาพูดกันอย่างละเอียดละออ เรามาพูดถึงจุดเล็กๆ ที่เกิดขึ้น ในบรรดาสัตว์วิเศษทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับผู้คนมากที่สุด (หรือกล่าวง่ายๆ ว่าทุกคนรู้จัก) คือภูติจิ๋วมีปีก หรือแฟรี่นั่นเอง สิ่งที่วิเศษสุดของเหล่าแฟรี่ และเป็นสิ่งที่ต้องการของคนทั่วไปทั้งหลายนั้น ก็คือผงปีกวิเศษนี่เอง ผงปีกที่จะทำให้งานฝีมือ หรืองานประดิษฐ์ สิ่งของต่างๆ มีคุณภาพดีขึ้น งดงามขึ้น คงทนมากขึ้น จึงไม่แปลกเลยที่ผู้คน โดยเฉพาะเหล่าช่างฝีมือ ต่างอยากได้ผงชนิดนี้ ซึ่งเป็นโอกาสให้เหฃ่าแม่มด พ่อมด ซึ่งผูกขาดเรื่องเวทมนตร์ นำความได้เปรียบนี้มาเอารัดเอาเปรียบประชาชนทั่วไป ไม่ว่าจะด้วยการคิดราคาที่แพง หรือให้ทำสัญญาแลกเปลี่ยน และอื่นๆ

    และเพราะเช่นนี้เอง "เทพอายีรักก้า" ซึ่งเป็นเทพแห่งความเฉลียวฉลาดจึงรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคนธรรมดาไม่สามารถจับแฟรี่ที่สามารถบินทะลุผ่านวัตถุต่างๆ ได้ แต่ความฉลาดของเทพอายีรักก้าก็มีวิธีที่จะทำให้คนธรรมดาจับแฟรี่ได้ เทพอายีรักก้า ได้น้ำโหลแก้วหรือขวดแก้ว มาทาด้านในด้วยสีขาว จากนั้นก็นำผลไม้ สมุนไพร และสิ่งต่างๆ ที่แฟรี่กิน และชอบ ใส่ไว้ในโหลนั้น (แต่อย่าลืมนะว่า แฟรี่ในแต่ละที่มีความชอบไม่เหมือนกัน เรื่องนี้เรามนุษย์ต้องไปสังเกตเอาเอง เทพอายีรักก้าบอกไว้) จากนั้น ให้นำขวดโหลนั้นปิดฝา และไปวางในจุดที่เห็นแฟรี่ปรากฏตัว

    แฟรี่นอกจากมีนิสัยขี้เล่น ชอบแหย่ผู้คนแล้ว ยังขี้สงสัยเป็นที่สุด ขวดแปลกๆ สีขาวๆ ที่ปกติมาตั้งอยู่ แฟรี่ก็ย่อมเข้าไปดูเป็นธรรมดา และแฟรี่ตนแรกที่โดนจับได้ในโหลนี้ มีชื่อว่า "อาลูบอง"
    อาลูบองได้บินเข้าไปในขวดด้วยความสงสัย และพบว่ามีแต่ของที่ตนชอบทั้งนั้น อาลูบองกิน และเคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นสมุนไพรต่างๆ ที่อยู่ในนั้น มันบินเข้าไป และออกมา เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง เมื่อของภายในโหลเริ่มน้อยลง เทพอายีรักก้าก็นำไปใส่เพิ่ม และใส่มากกว่าเดิม
    นิสัยอีกอย่างหนึ่งของแฟรี่คือ มีนิสัยขี้กังวล จึงไม่แปลกใจเลย ที่เรามักจะเห็นเจ้าพวกนี้เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา อาลูบองก็เช่นกัน แต่เมื่ออาลูบองเข้าไปในโหลหลายครั้งแล้วไม่เป็นไร มันจึงแวะเวียนเข้าไปเพลิดเพลินในโหลนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง มันก็ใช้เวลาในนั้นนาน จนมันคิดว่า
    "เราเข้ามาในนี้นานไปแล้ว จะเป็นอะไรหรือเปล่า ข้างนอกจะมีอะไรน่ากลัวดักอยู่หรือเปล่า ไม่ๆ คงไม่มีหรอก ครั้งก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นเป็นอะไร แต่ครั้งนี้มันนานกว่านี่นา เอายังไงดี มีเพื่อนเราอยู่ใกล้ๆ มาดูลาดเลาให้หรือเปล่า" อาลูบองตะโกนเรียก แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใครตอบกลับมา "แย่แล้วไม่มีใครเลย หรือโดนสัตว์เวทมนตร์ตัวอีกจับกินไปแล้ว เราต้องใจเย็นๆ ก่อน รออีกสักพัก อาหารก็ยังมีอยู่ ไม่เป็นไรหรอกน่า" อาลูบองก็กินอาหาร ดมสมุนไพรต่อ แต่แล้วก็กังวลขึ้นมาอีก "หรือเราจะเสี่ยงออกไปดี ไม่ๆ ไม่ดีกว่า ถ้ามีแม่มดดักอยู่ล่ะก็ เราต้องทรมานยิ่งกว่าตายแน่ๆ นางต้องถลกหนัง และแยกเราเป็นส่วนๆ ก่อนเอาไปขายแน่ แต่อยู๋ในนี้ก็ดูไม่มีอะไร ทนอยู่ไปต่อก็ได้น่า"

    และแล้วด้วยความกังวล และความกลัว อาลูบองจึงไม่กล้าออกจากโหลเลย และนี่คือแฟรี่ตัวแรกที่ถูกจับได้ ผู้คนมากมายจึงนำวิธีนี้ไปจับแฟรี่กัน ถ้าจะใช้ผงปีกวิเศษก็เปิดฝา เล็กน้อย เขย่าๆ ให้ผงออกมา หรือถ้าแสงไฟในไหดับลง ก็เปิดฝาเติมอาหารเติมสมุนไพรเข้าไปข้างใน

    แต่ว่าด้วยความที่มนุษย์มากมายที่มีความโลภ จึงทำให้มีแฟรี่มากมายถูกขังจนตายข้างในไหนั้น เทพอายีรักก้าเห็นดังนั้นก็เสียใจและสงสารพวกแฟรี่มาก จึงทำให้ทุกคนลืมเรื่องนี้ แต่ก็มีบางโหลที่ยังเหลืออยู่ จนถึงปัจจุบัน และนานๆ ครั้ง ก็มักจะมีแฟรี่ หลงเข้ามา และติดอยู่ในไหแบบนี้ล่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่