สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคะ เราจะมาแชร์ประสบการณ์การไป Work and travel ในเดือนที่ผ่านมานะคะ
เราทำงานที่ Food lion ในรัฐ Maryland ฝั่ง West Ocean city คะ เป็น Supermarket เหมือนบิ้กซีบ้านเรานั้นเองคะ
สำหรับเราแล้ว Summer นี้เป็นอะไรที่ดีมากกก มันสอนเราหลายอย่างมากคะ การไป work เราว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะ ก่อนอื่น
เป้าหมายของเราที่ตัดสินใจไป นั้นก็คือ อยากเที่ยว ฝึกภาษา อยากเก็บเงินไว้ใช้ และส่วนสำคัญอยากได้เพื่อนและหาประสบการณ์ใหม่ๆคะ ครั้งแรกของเรา มันไม่ง่ายเลย เพราะเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะมาเป็นส่วนนึงของคนที่เจอเรื่องแย่ๆ 555555 แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
** มีโอกาสอยากให้ทุกคนควรไปคะ มันดีมากมากสำหรับเรา ครั้งนึงในชีวิต บางคนบอกไม่อยากทำงานเลยเหนื่อยแน่ๆ เราบอกเลยมันสนุกปนกับความเหนื่อยแต่พอเห็นเงิน ความเหนื่อยจะหายไป จะใช้ตังแบบประหยัดมากขึ้น รู้คุณค่าของเงินจริงๆ จากที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลยแบบเรา อาจจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะคะ อิอิ

EP 1. การเดินทาง
เราเดินทางไปกับกลุ่มเพื่อน 4 คนคะ ด้วยความที่อยากไปถึงก่อนอยากมีเวลาเซอเวย์สถานที่ จึงขอเอเจนซี่จองตั๋วเองคะ ก่อนไปพวกเราจึงแจ้งกับทางเจ้าของบ้านว่าเราถึงวันไหนและเวลาไหน เราเป็นกลุ่มเด็กไทย 4 คน ที่ถึงก่อนคนอื่นคะ วันที่เริ่มเดินทางเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากคะ เป็นการนั่งเครื่องที่ยาวนานมาก เราใช้เวลาในการนั่งเครื่องไปลงที่ ญี่ปุ่นก่อน 5 ชม.คะ หลังจากนั้นต่อจาก นาริตะ ไปถึง New york (๋JFK) อีก ประมาณ 16 ชม. ถ้าเราจำไม่ผิด เหมือนเป็นการวาร์ปไปวาร์ปมา เพราะเค้าช้ากว่าเรา 1 วันคะ ที่ไทยก็เหมือนเราหายไปเลย 2 วันเลยเต็มๆ เพราะเราไม่มีสัญญานและก็ซิมนี่เนอะ พอไปถึง New york แล้วนั้น เราก็ต้องต่อรถ ไปถึง รัฐที่เราอยู่ประมาณ 5 ชั่วโมงคะ เป็นการเดินทางที่สนุกสนาน และยาวนานมากกก รถที่เราไปคือของ E-point คะ เราต้องทำการจอง Airport pickup เค้าก็จะมีชื่อเราไว้ และ เก็บตังเราคนละ 75 เหรียญ เอาล้าวววว เริ่มเสียตังใจคอไม่ค่อยจะดีเลยคะทุกคน 555555 อ๋อใช่ ! สิ่งของที่ควรติดกระเป๋าไปตอนเดินทางนะคะ ควรมีที่เช็ดเครื่องสำอาง สำหรับคนแต่งหน้า ไม่ก็แต่งให้น้อยหรือไม่แต่งเลยคะ เพราะเราต้องนอนบนเครื่อง และอีกอย่างคือ ยาสีฟันและแปรงสีฟันขนาดพกพา สำหรับคนรักสะอาดแบบเราเรานะคะ 55555555
EP 2. การซื้อซิม
เมื่อไปถึงนะคะ เราก็คงคิดว่าจะซื้อซิมที่สนามบินแน่นอน แต่เราแนะนำว่าอย่าเพิ่งคะ อย่าเพิ่งรีบ เมื่อไปถึงแถวที่เราพักโชคดีที่ทำงานเราติดกับ Targer Outlet ซึ่งมันจะมีเครือข่ายมือถือให้เราได้เลือก ที่เราเลือกคือ AT&T นะคะ เราซื้อในราคา 45 เหรียญต่อเดือน เน็ตประมาณ 6 GB unlimited talk รวมภาษีอะไรพวกนี้ก็ประมาณ 48 เหรียญคะ เกินกว่านี้มันก็จะเกินความจำเป็นคะ เครือข่ายนี้โอเคอยู่นะคะเนตไวทันใจ แต่ถ้าไปที่ไม่มีสัญญานก็แย่หน่อย 5555555 แต่เราใช้แล้วไม่มีปัญหาอะไรแนะนำอันนี้เลยคะ เสริมนะคะ ในทุกๆเดือนเค้าจะแจ้งให้เราไปจ่ายเงินที่ร้านของเขาคะ ก็บอกเค้าว่าต่อโปรจ่าย 48 เหรียญเหมือนเดิม ที่เหลือเค้าจะทำให้เสร็จยืนรอ แล้วกลับบ้านได้ 55555555
EP 3.ที่พัก
เมื่อไปถึงนะคะ ทางเจ้าของบ้านนัดเรามาที่ Motel เค้าบอกว่าให้เรานอนที่นี่ก่อน 1 คืนแล้วพน.เช้าเค้าจะมารับเพื่อไปดูบ้านพักที่เตรียมไว้ให้เด็กไทยทั้งหมด 12 ชีวิต แต่เราเป็น 4 ชีวิตที่น่ารักที่มาถึงก่อนนะคะ

เราก็ต้องอาศัยในห้องนี้ 1 คืน สำหรับใครที่คิดว่าเราจะได้ไปอยู่บ้านดีดี สะดวกสบายก็ทำใจนิดนึงนะคะ ด้วยความที่ต้องแบกกระเป๋าอันใหญ่และหนักเอง สำหรับเราชิวมากคะ เพื่อนนอนได้เราก็นอนได้เนอะ 555555 คืนนี้ก็สบายตัวไปหนึ่งคืนคะ
รุ่งเช้าเรารีบตื่นรอพบเจ้าของบ้านเพื่อที่จะพาไปดูบ้านคะ ตื่นเต้นมากกกกก เพราะมันจะเป็นบ้านที่เราพักตลอดการทำงานในเมกา แต่และแล้วพวกเราก็เจอกำสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอ นี่คือสภาพบ้านที่เราจะให้ดูแค่ส่วนนึง จริงๆเราไม่ได้เรื่องมากถึงกับอยู่ไม่ได้นะคะ เราอยู่ได้ แต่เพราะว่ามันไม่มีไฟ และไม่มีฝักบัวให้เราอาบน้ำนะสิ เราเลยคิดเยอะนิดนึงคะ บ้านนี้ทางเจ้าของบ้านเค้าบอกว่าเค้ารีทำใหม่ เพื่อรับเด็กมาเวิคโดยเฉพาะจึงอาจจะยังไม่เรียบร้อย แต่เราจำได้ว่าเค้ารู้ล่วงหน้านานมากว่าพวกเราจะมาช่วงไหน


จริงๆแล้วเอนเจนซี่ทางเมกาจะส่งโลเคชั่นและรูปบ้านมาให้เรานะคะ แต่มันดันเป็นบ้านคนละหลังกับที่เราจะอยู่จริงๆ เราเลยตัดสินใจหาโรงแรมนอนกันคะ และก็คิดว่าจะหาที่พักใหม่กันด้วยตัวเอง บ้านหลังนี้เราจ่ายกัน อาทิตละ 150 เหรียญนะคะ สำหรับเราแล้วไม่ใช่ถูกๆเลย
เมื่อฟ้ามืดเราก็ต้องอยู่ในห้องนี้ที่ไม่มีไฟ ด้วยความร้อนมากกก และบวกกับความกลัวคะ เพราะเพดานห้องไม่มีไฟ เค้าให้เราใช้แค่โคมไฟอันใหญ่ๆ 1 อัน เป็นอะไรที่เครียดมากบอกเลยคะ โทรหาเจ้าของบ้านก็ไม่รับ เอเจนซี่ที่ไทยก็คนละเวลา แค่สามารถส่งเมลไปได้เท่านั้น ส่วนเอเจนซี่เมกาที่ดูแลเราก็บอกว่าจะประสานงานให้ไวที่สุดละ คำถามในหัวคือ แล้วคืนนี้ละแกกกฉันจะทำยังไงได้บ้างงงงงงง หิวก็หิวทำไรไม่ถูกคะมันเป็นคืนที่สองของเรา เริ่มเศร้า น้ำจะไม่อาบก็เกรงใจเพื่อน การเดินหาที่นอนจึงเริ่มขึ้น ช่วงที่เราไปไม่รู้ทำไม อากาศทั้งหนาวแถมฝนก็ตก เสื้อกันฝนคะ ! ถ้าเป็นไปได้มันไม่ได้กินที่ในกระเป๋าสักเท่าไหร่ติดไปเผื่อไว้จะดีมาก แต่เราไม่มี อ่าวกรรม 555555555 ก็เลยต้องเดินตากฝนเหมือนในเอมวี เดินหาพระเอกมาช่วยสักทีสิ หนาวจะแย่อยู่แล้ว หาโรงแรมนอนกันคะ ซึ่งมันไม่ใช่ใก้ลๆเลย ถนนมีเป็นร้อยซอย เราเดินกันตั้งแต่สองยัน 30 กว่า อันนี้โม้ แต่ไกลจริงงงงงง จะเรียกแทกซี่ก็กลัวแพงบอกพิกัดก็ยังไม่ค่อยจะถูก เดินมันนี่ละคะคู้นนน จะได้มีเวลามองรอบๆ หลังจากวันนั้นที่เดินจนขาล้าแล้ว ก็สามารถจำทางได้ด้วย และแล้วก็ได้โรงแรมนอนคะ ในราคา 45 เหรียญต่อคืน ซื้อความสบายใจ พวกเราเร่ร่อนกันมา 4 วันคะ เปลี่ยนที่นอนไปมา จนทางเจ้าของบ้านโทรมาตามให้กลับไปนอน เพราะเค้าแก้ไฟแล้ว เราจึงตัดสินใจไปนอนสักคืนหนึ่งก็ได้เดียวพรุ่งนี้หาใหม่
WAT 2017 ไป work กันเถอะ... ประสบการณ์ไม่คาดคิดและการเอาตัวรอด
เราทำงานที่ Food lion ในรัฐ Maryland ฝั่ง West Ocean city คะ เป็น Supermarket เหมือนบิ้กซีบ้านเรานั้นเองคะ
สำหรับเราแล้ว Summer นี้เป็นอะไรที่ดีมากกก มันสอนเราหลายอย่างมากคะ การไป work เราว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะ ก่อนอื่น
เป้าหมายของเราที่ตัดสินใจไป นั้นก็คือ อยากเที่ยว ฝึกภาษา อยากเก็บเงินไว้ใช้ และส่วนสำคัญอยากได้เพื่อนและหาประสบการณ์ใหม่ๆคะ ครั้งแรกของเรา มันไม่ง่ายเลย เพราะเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะมาเป็นส่วนนึงของคนที่เจอเรื่องแย่ๆ 555555 แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
** มีโอกาสอยากให้ทุกคนควรไปคะ มันดีมากมากสำหรับเรา ครั้งนึงในชีวิต บางคนบอกไม่อยากทำงานเลยเหนื่อยแน่ๆ เราบอกเลยมันสนุกปนกับความเหนื่อยแต่พอเห็นเงิน ความเหนื่อยจะหายไป จะใช้ตังแบบประหยัดมากขึ้น รู้คุณค่าของเงินจริงๆ จากที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลยแบบเรา อาจจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะคะ อิอิ
EP 1. การเดินทาง
เราเดินทางไปกับกลุ่มเพื่อน 4 คนคะ ด้วยความที่อยากไปถึงก่อนอยากมีเวลาเซอเวย์สถานที่ จึงขอเอเจนซี่จองตั๋วเองคะ ก่อนไปพวกเราจึงแจ้งกับทางเจ้าของบ้านว่าเราถึงวันไหนและเวลาไหน เราเป็นกลุ่มเด็กไทย 4 คน ที่ถึงก่อนคนอื่นคะ วันที่เริ่มเดินทางเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากคะ เป็นการนั่งเครื่องที่ยาวนานมาก เราใช้เวลาในการนั่งเครื่องไปลงที่ ญี่ปุ่นก่อน 5 ชม.คะ หลังจากนั้นต่อจาก นาริตะ ไปถึง New york (๋JFK) อีก ประมาณ 16 ชม. ถ้าเราจำไม่ผิด เหมือนเป็นการวาร์ปไปวาร์ปมา เพราะเค้าช้ากว่าเรา 1 วันคะ ที่ไทยก็เหมือนเราหายไปเลย 2 วันเลยเต็มๆ เพราะเราไม่มีสัญญานและก็ซิมนี่เนอะ พอไปถึง New york แล้วนั้น เราก็ต้องต่อรถ ไปถึง รัฐที่เราอยู่ประมาณ 5 ชั่วโมงคะ เป็นการเดินทางที่สนุกสนาน และยาวนานมากกก รถที่เราไปคือของ E-point คะ เราต้องทำการจอง Airport pickup เค้าก็จะมีชื่อเราไว้ และ เก็บตังเราคนละ 75 เหรียญ เอาล้าวววว เริ่มเสียตังใจคอไม่ค่อยจะดีเลยคะทุกคน 555555 อ๋อใช่ ! สิ่งของที่ควรติดกระเป๋าไปตอนเดินทางนะคะ ควรมีที่เช็ดเครื่องสำอาง สำหรับคนแต่งหน้า ไม่ก็แต่งให้น้อยหรือไม่แต่งเลยคะ เพราะเราต้องนอนบนเครื่อง และอีกอย่างคือ ยาสีฟันและแปรงสีฟันขนาดพกพา สำหรับคนรักสะอาดแบบเราเรานะคะ 55555555
EP 2. การซื้อซิม
เมื่อไปถึงนะคะ เราก็คงคิดว่าจะซื้อซิมที่สนามบินแน่นอน แต่เราแนะนำว่าอย่าเพิ่งคะ อย่าเพิ่งรีบ เมื่อไปถึงแถวที่เราพักโชคดีที่ทำงานเราติดกับ Targer Outlet ซึ่งมันจะมีเครือข่ายมือถือให้เราได้เลือก ที่เราเลือกคือ AT&T นะคะ เราซื้อในราคา 45 เหรียญต่อเดือน เน็ตประมาณ 6 GB unlimited talk รวมภาษีอะไรพวกนี้ก็ประมาณ 48 เหรียญคะ เกินกว่านี้มันก็จะเกินความจำเป็นคะ เครือข่ายนี้โอเคอยู่นะคะเนตไวทันใจ แต่ถ้าไปที่ไม่มีสัญญานก็แย่หน่อย 5555555 แต่เราใช้แล้วไม่มีปัญหาอะไรแนะนำอันนี้เลยคะ เสริมนะคะ ในทุกๆเดือนเค้าจะแจ้งให้เราไปจ่ายเงินที่ร้านของเขาคะ ก็บอกเค้าว่าต่อโปรจ่าย 48 เหรียญเหมือนเดิม ที่เหลือเค้าจะทำให้เสร็จยืนรอ แล้วกลับบ้านได้ 55555555
EP 3.ที่พัก
เมื่อไปถึงนะคะ ทางเจ้าของบ้านนัดเรามาที่ Motel เค้าบอกว่าให้เรานอนที่นี่ก่อน 1 คืนแล้วพน.เช้าเค้าจะมารับเพื่อไปดูบ้านพักที่เตรียมไว้ให้เด็กไทยทั้งหมด 12 ชีวิต แต่เราเป็น 4 ชีวิตที่น่ารักที่มาถึงก่อนนะคะ
รุ่งเช้าเรารีบตื่นรอพบเจ้าของบ้านเพื่อที่จะพาไปดูบ้านคะ ตื่นเต้นมากกกกก เพราะมันจะเป็นบ้านที่เราพักตลอดการทำงานในเมกา แต่และแล้วพวกเราก็เจอกำสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอ นี่คือสภาพบ้านที่เราจะให้ดูแค่ส่วนนึง จริงๆเราไม่ได้เรื่องมากถึงกับอยู่ไม่ได้นะคะ เราอยู่ได้ แต่เพราะว่ามันไม่มีไฟ และไม่มีฝักบัวให้เราอาบน้ำนะสิ เราเลยคิดเยอะนิดนึงคะ บ้านนี้ทางเจ้าของบ้านเค้าบอกว่าเค้ารีทำใหม่ เพื่อรับเด็กมาเวิคโดยเฉพาะจึงอาจจะยังไม่เรียบร้อย แต่เราจำได้ว่าเค้ารู้ล่วงหน้านานมากว่าพวกเราจะมาช่วงไหน
เมื่อฟ้ามืดเราก็ต้องอยู่ในห้องนี้ที่ไม่มีไฟ ด้วยความร้อนมากกก และบวกกับความกลัวคะ เพราะเพดานห้องไม่มีไฟ เค้าให้เราใช้แค่โคมไฟอันใหญ่ๆ 1 อัน เป็นอะไรที่เครียดมากบอกเลยคะ โทรหาเจ้าของบ้านก็ไม่รับ เอเจนซี่ที่ไทยก็คนละเวลา แค่สามารถส่งเมลไปได้เท่านั้น ส่วนเอเจนซี่เมกาที่ดูแลเราก็บอกว่าจะประสานงานให้ไวที่สุดละ คำถามในหัวคือ แล้วคืนนี้ละแกกกฉันจะทำยังไงได้บ้างงงงงงง หิวก็หิวทำไรไม่ถูกคะมันเป็นคืนที่สองของเรา เริ่มเศร้า น้ำจะไม่อาบก็เกรงใจเพื่อน การเดินหาที่นอนจึงเริ่มขึ้น ช่วงที่เราไปไม่รู้ทำไม อากาศทั้งหนาวแถมฝนก็ตก เสื้อกันฝนคะ ! ถ้าเป็นไปได้มันไม่ได้กินที่ในกระเป๋าสักเท่าไหร่ติดไปเผื่อไว้จะดีมาก แต่เราไม่มี อ่าวกรรม 555555555 ก็เลยต้องเดินตากฝนเหมือนในเอมวี เดินหาพระเอกมาช่วยสักทีสิ หนาวจะแย่อยู่แล้ว หาโรงแรมนอนกันคะ ซึ่งมันไม่ใช่ใก้ลๆเลย ถนนมีเป็นร้อยซอย เราเดินกันตั้งแต่สองยัน 30 กว่า อันนี้โม้ แต่ไกลจริงงงงงง จะเรียกแทกซี่ก็กลัวแพงบอกพิกัดก็ยังไม่ค่อยจะถูก เดินมันนี่ละคะคู้นนน จะได้มีเวลามองรอบๆ หลังจากวันนั้นที่เดินจนขาล้าแล้ว ก็สามารถจำทางได้ด้วย และแล้วก็ได้โรงแรมนอนคะ ในราคา 45 เหรียญต่อคืน ซื้อความสบายใจ พวกเราเร่ร่อนกันมา 4 วันคะ เปลี่ยนที่นอนไปมา จนทางเจ้าของบ้านโทรมาตามให้กลับไปนอน เพราะเค้าแก้ไฟแล้ว เราจึงตัดสินใจไปนอนสักคืนหนึ่งก็ได้เดียวพรุ่งนี้หาใหม่