WAT2017 แชร์ประสบการณ์ทำงานซุปเปอร์มาเก็ต2เดือน เพื่อเที่ยว4เมืองในฝัน

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่work and travel2017กำลังรับสมัครแล้วก็เริ่มสัมภาษณ์งานกันแล้ว วันนี้เราขอมาแชร์ประสบการณ์ work and travelที่เราไปมาปีที่แล้วนะคะ เราไปทำงานที่Bilo Supermarket, Hilton head island, South Carolinaค่ะ โดยทริปนี้ไปกับเพื่อนสองคนค่ะ

ขอออกตัวก่อนว่าเน้นเล่าประสบการณ์ เนื่องจากเราไปกันแบบเด็กไทยโง่ๆสองคน จึงมีประสบการณ์โง่ๆเยอะมาก ทั้งกระเป๋าหาย กระเป๋าโดนทุบ ตำรวจจับ และรถดับเพลิงมาที่บ้าน55555 รูปเยอะมากๆ แต่ไม่สวยนะคะ55555 ถ่ายรูปไม่ค่อยเป็นกันค่ะ รูปมาจากทั้งกล้อง Cannon และ Olympus รวมถึงไอโฟนด้วยค่ะ ทำงานเก็บเงินทั้งหมด2เดือนแล้วไปเที่ยวให้สุด4เมืองในฝันของเด็กไทยหลายๆคน New York, Los Angeles, San Francisco, Florida ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวชาวพันทิพย์ด้วยนะคะ


ขอเริ่มด้วยรายละเอียดของโครงการก่อนนะคะ

เอเจนซี่ – เราเลือกไปกับเอเจนซี่ตัวย่อ H. นะคะ ข้อดีของเอเจนซี่นี้คือดูแลดีนะคะ สำหรับเรานะ คือมีการนัดอบรม Orientation ให้ข้อมูลทุกอย่างดีมากค่ะ เทียบกับเพื่อนเราที่ไปเอเจนซี่อื่นจะไม่มีการนัดมาประชุมอะไรงี้นะ ส่วนเอเจนซี่ที่เราไปเวลามีปัญหาหรือสงสัยอะไรก็อีเมลล์ไป เขาก็ตอบกลับเร็วค่ะ แต่ข้อเสียคือเรารู้สึกว่ามันช้ามาก คือวันบินช้ากว่าเพื่อนที่ไปกับเอเจนซี่อื่น (อาจจะเป็นเพราะงานที่เราเลือกด้วย แต่คือเขาก็ไม่ได้บอกก่อนว่างานไหนจะได้บินเร็วบินช้า เราใจร้อนอยากบินเร็วๆ พอมารู้ทีหลังว่างานนี้ได้บินช้านี่เฟลมาก555555) ตั๋วเครื่องบินงานเราบังคับซื้อกับเอเจนซี่ก็ได้ตั๋วช้ามาก ได้ตั๋วก่อนวันบินจริงแค่6วันเองค่ะ แล้วก็มีการจ่ายเงินยิบย่อยค่อนข้างเยอะ (อาจจะเป็นเฉพาะงานเรารึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ)

งาน – เราเลือกทำงานที่ซุปเปอร์มาเก็ตที่ Hilton Head island, South Carolina ค่ะ ได้ชั่วโมงละ $11.75 งานเราบังคับบินพร้อมกันทุกคนที่ไปทำงานนี้เลย คือซุปเปอร์มาเก็ตนี้มี3สาขาค่ะ สาขาละ20คน บินพร้อมกัน3สาขาก็60คนเลย เราเลือกงานนี้เพราะเงินดีแล้วก็ไม่อยากทำงานโรงแรมค่ะ พอดีไม่เก่งด้านทำความสะอาดจริงๆ แฮะๆ งานนี้บังคับซื้อตั๋วกับเอเจนซี่ค่ะเลยไม่ได้จัดการเรื่องตั๋วเองเลย เรื่องทีพักเขาก็ให้พักรวมกันหมดทั้ง60คนในโรงแรมที่ Bluffton,SC ค่ะ ห้องละ4คน และจะมีรถบัสรับส่งจากโรงแรมไปที่ทำงานแต่ละสาขาค่ะ

ค่าใช้จ่าย – จะมีค่าโครงการส่วนแรกรวมกับค่าวีซ่าประมาณ 50000บาทค่ะ แล้วก็ค่าตั๋วเครื่องบิน (บังคับซื้อกับเอเจนซี่) 39500บาท ค่าเดินทางเพราะงานเรานายจ้างจะมีรถรับส่งตลอดการทำงาน20000บาท แล้วก็งานที่เราเลือกจะต้องมีการอบรมก่อนเข้าทำงานจึงมีค่าโรงแรมที่ต้องพักในวันฝึกอบรม (อบรมที่Head Officeที่Florida) และค่ารถที่จะมารับจากสนามบินไปโรงแรม 5000บาท ส่วนเงินสดที่พกติดตัวไปเอาไป $700ค่ะ

ในวันบินไปอเมริกา เราก็ทำเว็บเช็กอินเลือกที่นั่งติดกันค่ะ (เหมือนเด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้นะคะเพราะมีหลายคนที่มาถามเราว่าทำยังไงให้ได้นั่งติดกันตลอดเลย) เราบินของสายการบินChina Airlines เราไม่เคยบินกับChina Airlinesเลย แต่ก็ถือว่าไม่แย่เท่าที่คิดนะคะ เราไปต่อเครื่องที่ไทเป ช่วงจากกรุงเทพไปไทเปเครื่องจะเก่านิดนึงค่ะ แต่จากไทเปไปนิวยอร์คนี่เครื่องใหม่กว่ามาก หน้าจอทัชสกรีนด้วยนะ แต่ที่ไม่ค่อยถูกปากคืออาหารค่ะ ยิ่งomletนี่รสชาติเหมือน เยลลี่ไข่มาก

รูปภาพเที่ยวบินและอาหารบนเครื่องอยู่ในสปอยล์นะคะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตอนต่อเครื่องที่ไทเป ฝนตกหนักมากค่ะ น้ำท่วมสนามบินทำให้เครื่องลงจอดไม่ได้ สรุปว่าดีเลย์ไปสองชั่วโมง พอลงเครื่องได้ก็เกิดปัญหาค่ะ เพราะว่าterminal2ที่เราต้องไปต่อเครื่องเนี่ยน้ำท่วม ต้องเปลี่ยนgate เลยเกิดเป็นการผจญภัยแรกของเด็กไทยสองคนที่ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆต้องไปสื่อสารกับพนักงานสนามบินชาวไต้หวัน แต่ก็รอดกันมาได้นะคะ ไม่ตกเครื่องด้วย55

จากนั้นเมื่อไปถึงที่นิวยอร์ค ที่สนามบินJFK แถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมากค่ะ แล้วเราก็พบกับปัญหาที่สองของเรานั่นก็คือ กระเป๋ามาไม่ถึงนิวยอร์คค่ะ ยังคงค้างอยู่ที่ไต้หวันเนื่องจากสนามบินที่นั่นน้ำท่วมแล้วเขาขนส่งกระเป๋าเรามาไม่ได้ กระเป๋าจะตามมากับเครื่องลำถัดไปที่จะมานิวยอร์ค อ่าววว ซวยแล้วไง เป็นอีกครั้งที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษอันน้อยนิดของตัวเองสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เป็นเจ้าหน้าที่ผิวสีตัวใหญ่ๆใส่ชุดสีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกน่ากลัว แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไปคุยค่ะ ตอนนั้นนี่ใจเสียแล้วค่ะ คิดแล้วว่าแบบเฮ้ย อะไรจะซวยขนาดนี้เนี่ย มาถึงก็มีปัญหาเลย

แต่ปรากฏว่าโชคดีค่ะ คุยกับเขารู้เรื่อง เขาเลยให้กรอกที่อยู่ที่เราจะไปอยู่ไว้แล้วเดี๋ยวถ้ากระเป๋าเรามา เขาจะส่งไปให้ตามที่อยู่ค่ะ เรายังโชคดีที่พกเสื้อผ้าบางส่วนและแปรงสีฟันcarry onขึ้นเครื่องมาด้วยเลยสามารถแบ่งกันใช้ได้ชั่วคราว เพราะว่าเราต้องรอเปลี่ยนเครื่องไป Florida อีกต่อนึงค่ะ การพกเสื้อผ้าและของใช้ไว้ในcarry on นี่สำคัญจริงๆนะคะ มีประโยชน์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินแบบนี้มากค่ะ


เนื่องจากเรากับเพื่อนทนความกระหายไม่ไหว ต้องหารกันซื้อน้ำเปล่าในราคา3เหรียญกว่า ตีเป็นเงินไทยแล้วตอนนั้นยังไม่ชินค่ะ ยังรับไม่ได้แพงอะไรขนาดนี้5555555

ส่วนในสนามบินJFKไม่ได้มี free wifiทุกที่นะคะ เราบินของ American Airline ซึ่งจะอยู่ที่terminalอีก terminalนึง ส่วนterminalที่เราลงเครื่องจากต่างประเทศเนี่ยจะลงที่terminal1 ค่ะ แต่เนื่องจากต้องรอเปลี่ยนเครื่องประมาน6ชั่วโมง เราเลยไปเล่น free wifi ที่terminal 5 ที่เป็นของสายการบิน jetblue ไม่แน่ใจว่าเป็น terminal เดียวที่มี free wifi รึเปล่านะคะ ใช้airtrainภายในสนามบินนั่งไปมาระหว่างแต่ละterminalเอาค่ะ

สนามบินที่นิวยอร์คตรงส่วนที่ยังไม่ได้check inเข้าไปนี่อาหารการกินแทบไม่มีเลยค่ะ แล้วช่วงรอเปลี่ยนเครื่องเป็นตอนกลางคืน แทบไม่มีอะไรเปิดเลย ต้องรอ2ชม. ก่อนถึงเวลาบินถึงจะcheck in แล้วผ่าน security checkเข้าไปได้ถึงจะมี McDonald’s, Starbucks (security checkที่นิวยอร์คกับแอลเอ นี่เข้มมากค่ะ มีเครื่องมืออุปกรณ์อะไรมากมาย แถวยาวสุดๆ เราโดนค้นกระเป๋าเป้เพราะไม่เอาlaptopออกจากเป้ตอนผ่านเครื่องแสกน โดนเจ้าหน้าที่ดุด้วยว่าวันหลังให้เอาออกด้วยนะ อันนี้เราโง่เอง ถือเป็นประสบการณ์ค่ะครั้งอื่นก้อไม่มีพลาดอีกเลย55555)


นี่เป็นอาหารมื้อแรกของเราที่อเมริกาค่ะ Mcdonald’s ราคา12เหรียญ เป็นแมคแบบfor mealคือมีน้ำ(เลือกได้มีกาแฟ ช็อกโกแลตร้อน น้ำส้ม น้ำอัดลม) เบอร์เกอร์ แล้วก็ hashbrown ตอนนั้นนี่คิดว่าแพงมากเพราะเอาคูณเป็นเงินไทยแถมยังมีtaxอีกนะ ตอนนั้นยังไม่รู้ค่ะว่าที่อเมริกามีtaxทุกอย่างไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ตาม

จากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องไปFlorida กันค่ะ บนเครื่องมีขนมแจกเล็กน้อยคล้ายๆ สายการบินที่บ้านเรา


พอถึงสนามบิน JAX (Jacksonville,FL) เราก็รีบตรงไปยังเคาเตอร์ baggage claimของ American Airlinesทันที แล้วใช้ทักษะภาษาอังกฤษอันน้อยนิดอธิบายให้เขาฟังเรื่องกระเป๋าที่ดีเลย์ของเราค่ะ เนื่องจากเราจะอยู่อบรมงานที่ฟลอริด้าแค่สามวันแล้วหลังจากนั้นเราจะต้องย้ายไปยังSouth Carolina ที่เราทำงาน เราจึงต้องแจ้งที่อยู่ทั้งสองที่ให้เขาส่งกระเป๋าไปให้เรา เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาถึงวันไหน ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงค่ะกว่าจะคุยรู้เรื่อง5555555

โรงแรมที่เราพักที่ florida มีรถ shuttleมารับที่สนามบินนะคะ โทรไปเบอร์โรงแรม เขาก็จะส่งรถมารับ พอถึงที่พักเนี่ยมีพี่คนไทยที่เป็นเจ้าหน้าที่ของเอเจนซี่เค้าบินมารอเราอยู่แล้วค่ะ พอเราcheck in ได้ห้องพักปุ๊ป พี่เขาก็ขอให้ shuttle ของโรงแรมไปส่งที่ walmartค่ะ เนื่องจากเด็กไทยทั้งหมดไม่ได้กระเป๋าเดินทางกันเลย และบางคนเนี่ยไม่ได้พกเครื่องใช้จำเป็นหรือเสื้อผ้าใดๆมาในcarry on เลย จึงมีความต้องการซื้อของใช้กันสูงมาก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

พวกสบู่ แชมพู นี่เลือกแบบราคาถูกสุดๆ ก็แค่2เหรียญก็มีนะคะ ขวดใหญ่ด้วย มีตั้งแต่ราคาสองเหรียญไปจนถึงสิบกว่าเหรียญให้เลือกเลยค่ะ แต่นี่ต้องประหยัดเลยเลือกแบบถูกสุด5555 เสื้อผ้าเราก็ต้องซื้อใหม่หมด เลยซื้อเสื้อยืดแพ็ค4ตัวของวอลมาร์ทไปแบ่งกันใส่สองคนค่ะ ราคาประหยัดที่สุดแล้ว เราโชคดีที่เอาชุดชั้นในcarry onมา เลยไม่ต้องซื้อ ส่วนของเพื่อนเราต้องซื้อทุกอย่างเลยค่ะ เพราะไม่พกอะไรcarry onมาเลย (เพิ่งเข้าใจว่าการcarry onเสื้อผ้ากันเหตุฉุกเฉินนี่สำคัญก็วันนี้แหละ)


อาหารมื้อที่สองของเราสองคนนี่อิ่มแปล้มากค่ะ เพราะมาเจอเพื่อนคนไทยที่มาอบรมงานด้วยกันแล้ว เลยซื้ออาหารในwalmartมาหารกัน เป็นการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ไปในตัว แต่คืนแรกๆที่มาถึงเรานอนเร็วมากค่ะ ปรับเวลาไม่ได้ นอนสองทุ่ม ตื่นตีสาม jet lackทำพิษ


มาถึงเราก็ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความอ้วนเลยค่ะ5555555 รูปนี้เรากินกันที่ร้าน buffalo wing’s ค่ะ คิดว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงนะคะ เพราะมีทุกเมืองเลยแล้วมีหลายสาขาด้วย แถมคนเยอะอีก แต่สำหรับเราสองคนแล้วไม่ถูกปากเลยค่ะ ไก่บัฟฟาโลที่เป็นsignatureรสชาติเข้มๆเครื่องเทศ ส่วนอย่างอื่นก็ธรรมดาค่ะ ราคาเซตละ 8เหรียญ


ส่วนพิซซ่า นายจ้างเลี้ยงตอนอบรมงานค่ะ เราค่อยข้างสบายมากเพราะตอนอบรมงานนี่นายจ้างก็จะมีซิมมือถือให้ (เรื่องsim card เราใช้แบบfamily packageค่ะ หารสี่คน จับกลุ่มกับคนไทยที่มาทำงานด้วยกัน ใช้เน็ต โทร ข้อความไม่อั้น เดือนละ 37เหรียญ ของ t-mobile) แล้วก็เปิดบัญชีธนาคารและบัตรเดบิตของTD bankเอาไว้ใช้ในการจ่ายค่าจ้างให้เลยค่ะ

ส่วนเรื่องกระเป๋าเดินทางของเราสองคนนั้น เราก็โทรไปตามเรื่องกับ baggage claimทุกวันค่ะ จนในสุดในวันที่สาม เราก็ได้รับคำตอบว่ากระเป๋าได้ส่งมาถึงโรงแรมแล้วค่ะ เราดีใจมากวิ่งไปถามล็อบบี้เรื่องกระเป๋า แล้วให้ทายว่าเรื่องเซอร์ไพรส์เรื่องถัดไปคืออะไรเอ่ยยย

กระเป๋าเราโดนค้นค่ะ เป็นผู้โชคดีที่โดน ตม.อเมริกาสุ่มมาค้นค่ะ ไม่โดนยึดอะไรนะคะทุกอย่างอยู่ครบยกเว้นตัวล็อกกระเป๋าพังค่ะ โดนทุบ (ผิดเองที่ตัวล็อกกระเป๋าไม่ world wide แต่ก็รู้สึกโชคร้ายมากค่ะ คนไทยที่มาอบรมกัน60คน มีแค่เรากับพี่อีกคน โดนสุ่มตรวจกันอยู่แค่สองคน) ความเสียหายนอกจากตัวล็อกกระเป๋าพังแล้วก็มีแค่เครื่องสำอางแตกค่ะ (แต่naked2เชียวนะ เสียดายมากกกก) ตอนนั้นความรู้สึกนี่เฟลแล้วค่ะ แบบทำไมต้องเป็นเรานะที่เจอแต่ละเรื่อง55555 ไปwork and travelนี่ได้ประสบการณ์จริงๆเลยเชียว โวยวายอะไรไม่ได้ด้วยนะคะ มาบ้านเขา กฎหมายเขา เขามีสิทธ์ TT
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่