yandere? ที่เราเป็นแบบนี้มันปกติรึเปล่าคะ

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ อย่างแรกต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า เรื่องที่เราจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ บางสิ่งมันไม่ดีล่ะค่ะ แล้วก็บางทีอาจจะคิดไปเองก็ได้ค่ะ
แต่ว่าอยากถามความเห็นของทุกคนด้วยน่ะค่ะ แล้วก็ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ


    เราเป็นคนที่ติดอนิเมะคนนึงเลยล่ะค่ะ ตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีมานี้ ว่าง่ายๆมันเป็นส่วนนึงของชีวิตไปแล้ว555 ประมาณว่าตอนนั้นชีวิตเรามีแค่
ครอบครัว ตัวเอง การเรียน เพื่อน แล้วก็เมะนี่แหละค่ะ ไม่ค่อยได้หลุดจากอ้อมอกพ่อแม่เท่าไหร่ ตื่นเช้ามา ไปโรงเรียน เรียนเสร็จเรียนพิเศษต่อยันดึกกลับมาทำการบ้านนอน ตื่นแต่เช้าอีก สอบบ้าง เข้าค่ายบ้าง โคตรจะเป็นแบบแผนของคำว่าเด็กเนิร์ดเลยล่ะค่ะ

    กระทั่งต้องห่างบ้าน มาอยู่คนเดียว ช่วงแรกก็แบบเดิมล่ะค่ะ เมะ กับเรียนลูกเดียว จนวันนึง มีเด็กผู้ชายในชั้นเรียนทักมา เริ่มสร้างความสัมพันผ่านแชท
แค่ในแชทน่ะค่ะ ตอนแรกก็คุยแบบเพื่อนๆ เอาเข้าจริงแล้วเรามาจากหญิงล้วนมันก็รู้สึกแปลกๆอยู่เวลาคุยกับผู้ชาย แถมไอประเภทที่ทักมาแบบทั้งวี่ทั้งวันก็เพิ่งเคยเจอเนี่ยแหละค่ะ ตอนนั้นไม่เข้าใจหลายๆอย่างที่เขาทำ พอระยะนึงเข้า ก็พอเดาๆถูกบ้างแล้วล่ะค่ะว่าเขามาเพื่ออะไร เลยเตือนเขาว่า เรารักอนิเมะและโลกแบบนั้นมากๆ รักมันมากๆ เราชอบหดหู่และรู้สึกไร้ค่าบ่อยๆ ครอบครัว เพื่อนกับอนิเมะเนี่ยแหละช่วยเอาไว้ แถมยังเตื่อนเรื่องพฤติกรรมแปลกๆขี้อิจฉาของเราด้วยค่ะ555 พูดง่ายๆคือเริ่มเอาไส้ในตัวเองมาพูดให้ฟัง ดูสิเขาจะยังอยู่มั้ย

     ปรากฎว่าเขาบอกประมาณว่า เขาจะทำให้เรามีความสุขมากกว่าที่โลกนั้นช่วยเราอีก ใครจะเชื่อ 100% กับคนที่รู้จักได้ไม่นานกันคะ
แต่ก็ 50% ไปแล้วกับความเชื่อที่มีให่เขา - -;; นั่นแหละค่ะเราใจอ่อนง่ายมาก ขี้สงสารด้วย(แต่ตอนนี้ เราควรสงสารตัวเองค่ะ TvT )
ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆ คุยกับเขาทุกวัน
     จนกระทั่ง วันที่เราทะเลาะกันเรื่องเขาหึงหวงเรา ความรู้สึกตอนนั้นเราค่อนข้างจะขาดเขาไม่ได้เลยค่ะ ก็คงเรื่องปกติล่ะค่ะที่พอคุยกันมาระยะนึง
แล้วจะไม่อยากเสียอีกฝ่ายไป มันเป็นครั้งแรกเลยล่ะค่ะที่โคตรจะเครียดกับเรื่องความสัมพันธ์ เพราะเรื่องพื้นฐานที่เราจะเครียดๆเมื่อก่อนคือ ผลสอบ
กับเงินเปย์เมะค่ะ555 ตอนนั้นมันเป็นความคิดที่งี่เง่าที่สุดค่ะ แต่ว่ามันก็ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ แบบว่าเราทำร้ายตัวเองน่ะค่ะว่าง่ายๆ
ร้องไห้ไป นั่งเฉือนขาตัวเองไปพลางๆ
นั่นเป็นครั้งแรกเลยค่ะ ที่เริ่มทำอะไรแบบนี้ ตามตรงเลยค่ะ มันช่วยเราได้เยอะเลยล่ะค่ะ หลังจากนั้นทุกครั้งเลยก็ว่าได้ที่มีการทะเลาะกัน เป็นลางๆว่าเขาอาจจะไปก็ทำแบบนี้ตลอด บางครั้งตอนเขากลับบ้านเราก็แอบตามไปจนถึงที่ บางครั้งก็นั่งบิดมือ จิกเล็บเวลามีเพื่อนผู้หญิงอยู่ใกล้เขา
อยากจะตามไปทุกที่ อยากจะกำจัดผู้หญิงแม้แต่ผู้ชายที่อยู่รอบตัวเขา ช่วงหลังๆก็เริ่มหนักขึ้นๆเรื่อย จนในคาบเรียนที่เขานั่งใกล้เพื่อนผู้หญิง แทบจะหยิบคัตเตอร์มาจ้วงหลังเลยล่ะค่ะ ถึงจะอยากมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยทำเลยค่ะ ยังดีที่เราไม่ปล่อยไปตามอารมณ์ จนถึงล่าสุดบอกลากันเรียบร้อยค่ะ ฝ่ายโน้นเขาบอกมาว่าให้เรารักตัวเองก่อน ครั้งแรกที่เห็นคำนั้นก็เหมือนว่าทุกอย่างมันพังทลายลงมาเลยล่ะค่ะ เราทำให้เขาทุกอย่าง พูดความจริงตลอด ให้ความรักอย่างเต็มที่ ช่วยเขาเรื่องเรียน ยอมแทบจะไม่นอนเพื่อเขียนสรุปให้เขาเข้าใจง่ายๆ พยายามหลายครั้งที่จะไม่ทำร้ายตัวเอง วันนั้นเราทั้งโมโห เสียใจ
ผิดหวัง ความรู้สึกทุกอย่างมารวมๆแล้วก็คือ อยากตายโว้ย ออกไปนอกระเบียงเตรียมยืนเรียบร้อยเลยค่ะ ไม่รู้อะไรดลใจให้มีสายจากทางบ้านเรียนเข้ามา

กับสิ่งที่ีผ่านมานี้ เรายอมรับเลยว่าพอดูเมะบ่อยๆเข้ามันหลงรักกับสิ่งที่เป็นพระเอกกับนางเอก มันโคตรจะฝันเฟื่องแต่ว่า เราหวังกับรักแรกไว้มากโคตรๆเลยล่ะค่ะ เราคิดว่า ถ้าเราทุ่มทุกอย่าง ทั้งความรัก ความพยายามเข้าใจ เวลา มันจะทำให้เราได้เจอกับความรักสวยๆแบบนั้นจริงๆ แต่อย่างที่บอกล่ะค่ะ

หลายคนอาจสงสัยว่ามันเกี่ยวกับ ยันเดเระยังไงหว่า? อยากจะถามว่าถ้าครั้งต่อๆไป เรายังเป็นประเภทแบบนี้อีก คือ
ถ้ารักคือรักโคตรๆ (ความจริง มันอาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้ค่ะ แต่ถึงตอนนี้แล้ว ก็ยังรู้สึกกับเขาอยู่ค่ะ
แม้จะโดนแบบนี้แล้วก็ตาม)หึงหวงสุดขีด มีแววว่าถ้าหนักข้อกว่านี้เข้า อาจจะสติขาดไปเลย หรืออีกอย่างก็คือไม่ได้ทำร้ายโดยตรงทางร่างกาย
แต่เป็นทางอ้อมเป็นเรื่องของคะแนน อะไรเทือกนี้น่ะค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้อีก มันไม่มีคนชอบแบบนี้ใช่มั้ยคะ อยู่ใกล้ใครหน่อย คะแนนตกหน่อยก็เอาแต่จะคุยอย่างจริงจัง พอเรื่องบานปลายก็คุมตัวเองไม่ได้ แอบตามติดแทบเป็นเงา

ส่วนเรื่องการทำร้ายตัวเองที่ว่ามันช่วยเรายังไง ตอนสุดท้ายที่เขาบอกลา ถ้าเราไม่ทำร้ายร่างกายบ้าง
เราคงไม่ใช่แค่ยืนเกือบกระโดดแล้วล่ะค่ะ เราคงสติแตกแล้วก็กระโดดไปเลย ไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรเลย ความรู้สึกเจ็บที่มันอัดแน่นอยู่ด้านในน่ะค่ะ
เราเจ็บปวดมากๆ ถ้ามันยังอัดแน่นกันอยู่ด้านในผลลัพทธ์คงอย่างที่บอกน่ะค่ะ แต่การที่ได้ทำร้ายร่างกายอย่างน้อยเราแค่รู้สึกว่ามันช่วยเราบรรเทาความเจ็บจากด้านในได้บ้าง ไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ แล้วคืนนั้น ตอนตี 2 กว่าๆก็เกือบจะเดินไปหาเขาเลยล่ะค่ะ ซึ่งมันค่อนข้างไกลเลยล่ะค่ะ

นั่นแหละค่ะ เท่าที่เล่ามาคร่าวๆ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน 53 วันตั้งแต่วันที่เขาทักมา ยอมรับเลยว่าทำตัวงี่เง่าสุดๆเลยล่ะค่ะ

แล้วก็อยากได้วิธีแก้ด้วยน่ะค่ะ จะว่าเราเลียนแบบจากเรื่องที่ดูมาก็ไม่ผิดหรอกค่ะ มันเกิดขึ้นจากแรงปราถนาจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่