
หลายๆ ท่าน คงมี facebook ของตัวเองอยู่แล้ว และแต่ละท่านก็คงได้โพสต์เหตุการณ์สำคัญหรือเรื่องราวต่างๆ ลงใน facebook ของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ตามความชอบ
แต่... ใครเคยได้ยินข่าวว่า facebook โดนแฮ็ก หรือจู่ๆ ก็เข้าไม่ได้บ้างไหมครับ แล้วสุดท้ายจบลงด้วยการต้องเปิดเฟสใหม่ นั่นแสดงว่า facebook นั้นไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง เพราะถ้าเข้าไม่ได้เมื่อไหร่นั่นคือทุกอย่างหายเกลี้ยง...
ซวยล่ะสิ ทำไงดีล่ะ

เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ผมก็เลยคิดไอเดียเจ๋งๆ ขึ้นมา นั่นก็คือ เราก็รวบรวมข้อมูลใน facebook นั่นแหละ ทำเป็นหนังสือมันซะเลย มีสารบัญชัดเจน แบบนี้ ข้อมูลเหล่านี้ จะอยู่กับเราตลอดไปอย่างแน่นอน
ผมขอตั้งชื่อเจ้าไอเดียของผมว่า "membook" นะครับ มาจาก memory + book ก็คือหนังสือแห่งความทรงจำนั่นเอง เป็นความทรงจำที่ทรงคุณค่ามากๆ
วิธีการก็คือ แคปเจอร์หน้าจอนี่แหละ แล้วนำมารวมกันด้วยโปรแกรมออกแบบ เก็บรายละเอียดให้สวย แต่ละโพสต์ก็แทรกภาพเข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้มันเป็น facebook จ๋ามากเกินไป
อันนี้เป็นตัวอย่างที่ผมเก็บข้อมูลของลูกที่ผมกับภรรยาโพสต์ไว้ จากนั้นก็ใส่หัวคอลัมน์ให้ดูสวยงาม พร้อมระบุวันเดือนปีที่เกิดเหตุการณ์ให้ชัดเจน พร้อมทั้งใส่หัวข้อให้ด้วยเพื่อจะได้นำไปทำเป็นสารบัญได้

จะเห็นได้ว่า ผมมีทั้งแทรกภาพ และเพิ่มคำบรรยายเข้าไป ซึ่งอันนี้ คนที่เขียนหนังสือไม่เก่งก็ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ หรือจะมีสักบรรทัดสองบรรทัดก็ได้ไม่ว่ากัน แล้วแต่ชอบเลย

ขนาดหนังสือที่ผมใช้คือ ขนาด A4 เพราะจะวางโพสต์ได้เต็มที่ และป้องกันไม่ให้ตัวหนังสือที่อยู่ในโพสต์ไม่ให้เล็กเกินไปด้วย
เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ของลูกเช่น สอบเข้าโรงเรียนได้ หรือแข่งเปียโน แข่งร้องเพลงได้รางวัล ผมเก็บมาหมด

และจุดเด่นอีกอย่างคือ ในหนังสือ membook นี้ ผมใส่ QR โค้ดเข้าไปด้วย ดังนั้นหากต้องการดูภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ ก็ใช้โทรศัพท์ส่องเลย แค่นี้ก็ได้ดูลูกผมกำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีล่ะ
เหตุการณ์ตอนลูกสอบเข้าโรงเรียนดังได้สมใจ ดีใจกันทั้งบ้าน มีคนมาแสดงความยินดีใน facebook เพียบ ผมเก็บมาหมดเลย เพราะถือว่า ข้อความแสดงความยินดีเหล่านี้ คือกำลังใจที่จะให้ครอบครัวเราพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งๆ ขึ้น

สำหรับบางท่าน หากกลัวว่า หนังสือจะหนาเกินไป หรือไม่สำคัญ ก็ตัดคอมเม้นต์เหล่านี้ออกได้ อันนี้แล้วแต่ใจเราชอบเลยครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ครอบครัวเราเจอวิกฤติ ป่วยกันทั้งบ้าน เว้นพ่อคนเดียวที่ห้ามป่วยเด็ดขาด เหตุการณ์ครั้งนั้น เราต้องสูญเสียเวลา สูญเสียทรัพย์สินไปมากมาย เพื่อรักษาให้ทุกคนกลับมาสุขภาพดีดังเดิม ก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องใน facebook มาให้กำลังใจกันเยอะมาก ผมเก็บไว้หมด กลับมาอ่านทีไรก็รู้สึกใจชื้นว่า ไม่ว่าเราจะเจออะไร ย่ำแย่แค่ไหน ก็มีคนคอยให้กำลังใจเราอยู่เสมอ ไม่มีอะไรต้องท้อ สู้ต่อไป

หนังสือเล่มนี้ ผมทำทั้งหมด 58 หน้า นำมาให้ดูเป็นตัวอย่างบางส่วน เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นภาพครับ

อ้ออีกนิด หลังจากที่ผมวางเนื้อหาทั้งหมดเสร็จแล้ว ใส่หัวข้ออะไรต่างๆ เสร็จทั้งหมด ก็จะไปเก็บรายละเอียดสารบัญอีกที เพื่อให้เปิดหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
หน้าซ้ายคู่กับสารบัญยังมีที่ว่าง ผมก็เลยขอให้ลูกสาวใส่ข้อความแนะนำตัว หน้านี้ก็เลยจะให้บรรยากาศเหมือนๆ กับหนังสือ friendship + magazine

แล้วสุดท้ายก็มาจบที่ปก ผมพยายามออกแบบให้บางๆ เบาๆ และมีบรรยากาศ facebook อยู่ด้วย บังเอิญลูกสาวคนเล็กของผมมาเห็นเข้าก็เลยขอออกแบบด้วย และถามแกมบังคับว่า “พ่อใส่รูปวาดของหนูเป็นปกได้ไหมคะ” ผมก็เลยใส่รูปที่ลูกสาววาดเข้าไปด้วย ได้ปกออกมาแบบนี้ครับ

เขาวาดหนูและเสือเข้ามาด้วย ก็เพราะพี่สาวเกิดปีหนู ส่วนน้องเกิดปีเสือ (คิดดูล่ะกันครับว่า บ้านนี้จะยุ่งวุ่นวายเพราะสองพี่น้องนี้แค่ไหน)
แต่ถึงเวลาพิมพ์เป็นเล่มจริง ผมแอบกระซิบลูกสาวว่า พ่อขอใช้ภาพจริงของพวกหนูขึ้นปกเลยล่ะกันเนอะ จะได้เห็นง่ายๆ เผื่อพ่อแก่ตัวไป สายตาฟ้าฟาง มองเห็นปกนี้ปุ๊บจะได้จำได้ทันที ลูกสาวก็ยอม แต่แอบมีงอนไป 3 วัน
สรุปตอนเข้าโรงพิมพ์ก็ได้เป็นปกนี้ครับ

อันนี้เป็นปกหลัง

ก่อนจะส่งเข้าโรงพิมพ์ก็มีปัญหานิดหน่อยว่า จะพิมพ์ที่ไหนดี ตอนแรกว่าจะให้ร้านถ่ายเอกสาร print สี แล้วเย็บเล่มให้ คิดไปคิดมา อุตส่าห์ตั้งใจทำมาซะขนาดนี้แล้ว พิมพ์ให้ดีไปเลยดีกว่า ก็เลยใช้บริการ Print on demand กับโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง กระดาษก็ดีด้วย ดูแล้วเหมือน magazine เล่มหนึ่งเลย ถูกใจมากๆ
แนะนำเป็นไอเดียครับ หากใครอยากมีหนังสือเป็นของตัวเอง หรือตัองการเก็บความทรงจำเกี่ยวกับลูก หรือคนที่เรารัก หรือต้องการหาของขวัญแบบ premium ให้กับเพื่อน แนะนำว่า นำข้อมูลใน facebook มาทำเป็นหนังสือนี่แหละครับ เจ๋งสุดๆ เลย^^
"แนะนำไอเดียเจ๋งๆ เปลี่ยน facebook ให้เป็นหนังสือสุดรัก"
หลายๆ ท่าน คงมี facebook ของตัวเองอยู่แล้ว และแต่ละท่านก็คงได้โพสต์เหตุการณ์สำคัญหรือเรื่องราวต่างๆ ลงใน facebook ของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ตามความชอบ
แต่... ใครเคยได้ยินข่าวว่า facebook โดนแฮ็ก หรือจู่ๆ ก็เข้าไม่ได้บ้างไหมครับ แล้วสุดท้ายจบลงด้วยการต้องเปิดเฟสใหม่ นั่นแสดงว่า facebook นั้นไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง เพราะถ้าเข้าไม่ได้เมื่อไหร่นั่นคือทุกอย่างหายเกลี้ยง...
ซวยล่ะสิ ทำไงดีล่ะ
เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ผมก็เลยคิดไอเดียเจ๋งๆ ขึ้นมา นั่นก็คือ เราก็รวบรวมข้อมูลใน facebook นั่นแหละ ทำเป็นหนังสือมันซะเลย มีสารบัญชัดเจน แบบนี้ ข้อมูลเหล่านี้ จะอยู่กับเราตลอดไปอย่างแน่นอน
ผมขอตั้งชื่อเจ้าไอเดียของผมว่า "membook" นะครับ มาจาก memory + book ก็คือหนังสือแห่งความทรงจำนั่นเอง เป็นความทรงจำที่ทรงคุณค่ามากๆ
วิธีการก็คือ แคปเจอร์หน้าจอนี่แหละ แล้วนำมารวมกันด้วยโปรแกรมออกแบบ เก็บรายละเอียดให้สวย แต่ละโพสต์ก็แทรกภาพเข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้มันเป็น facebook จ๋ามากเกินไป
อันนี้เป็นตัวอย่างที่ผมเก็บข้อมูลของลูกที่ผมกับภรรยาโพสต์ไว้ จากนั้นก็ใส่หัวคอลัมน์ให้ดูสวยงาม พร้อมระบุวันเดือนปีที่เกิดเหตุการณ์ให้ชัดเจน พร้อมทั้งใส่หัวข้อให้ด้วยเพื่อจะได้นำไปทำเป็นสารบัญได้
จะเห็นได้ว่า ผมมีทั้งแทรกภาพ และเพิ่มคำบรรยายเข้าไป ซึ่งอันนี้ คนที่เขียนหนังสือไม่เก่งก็ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ หรือจะมีสักบรรทัดสองบรรทัดก็ได้ไม่ว่ากัน แล้วแต่ชอบเลย
ขนาดหนังสือที่ผมใช้คือ ขนาด A4 เพราะจะวางโพสต์ได้เต็มที่ และป้องกันไม่ให้ตัวหนังสือที่อยู่ในโพสต์ไม่ให้เล็กเกินไปด้วย
เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ของลูกเช่น สอบเข้าโรงเรียนได้ หรือแข่งเปียโน แข่งร้องเพลงได้รางวัล ผมเก็บมาหมด
และจุดเด่นอีกอย่างคือ ในหนังสือ membook นี้ ผมใส่ QR โค้ดเข้าไปด้วย ดังนั้นหากต้องการดูภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ ก็ใช้โทรศัพท์ส่องเลย แค่นี้ก็ได้ดูลูกผมกำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีล่ะ
เหตุการณ์ตอนลูกสอบเข้าโรงเรียนดังได้สมใจ ดีใจกันทั้งบ้าน มีคนมาแสดงความยินดีใน facebook เพียบ ผมเก็บมาหมดเลย เพราะถือว่า ข้อความแสดงความยินดีเหล่านี้ คือกำลังใจที่จะให้ครอบครัวเราพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งๆ ขึ้น
สำหรับบางท่าน หากกลัวว่า หนังสือจะหนาเกินไป หรือไม่สำคัญ ก็ตัดคอมเม้นต์เหล่านี้ออกได้ อันนี้แล้วแต่ใจเราชอบเลยครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ครอบครัวเราเจอวิกฤติ ป่วยกันทั้งบ้าน เว้นพ่อคนเดียวที่ห้ามป่วยเด็ดขาด เหตุการณ์ครั้งนั้น เราต้องสูญเสียเวลา สูญเสียทรัพย์สินไปมากมาย เพื่อรักษาให้ทุกคนกลับมาสุขภาพดีดังเดิม ก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องใน facebook มาให้กำลังใจกันเยอะมาก ผมเก็บไว้หมด กลับมาอ่านทีไรก็รู้สึกใจชื้นว่า ไม่ว่าเราจะเจออะไร ย่ำแย่แค่ไหน ก็มีคนคอยให้กำลังใจเราอยู่เสมอ ไม่มีอะไรต้องท้อ สู้ต่อไป
หนังสือเล่มนี้ ผมทำทั้งหมด 58 หน้า นำมาให้ดูเป็นตัวอย่างบางส่วน เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นภาพครับ
อ้ออีกนิด หลังจากที่ผมวางเนื้อหาทั้งหมดเสร็จแล้ว ใส่หัวข้ออะไรต่างๆ เสร็จทั้งหมด ก็จะไปเก็บรายละเอียดสารบัญอีกที เพื่อให้เปิดหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
หน้าซ้ายคู่กับสารบัญยังมีที่ว่าง ผมก็เลยขอให้ลูกสาวใส่ข้อความแนะนำตัว หน้านี้ก็เลยจะให้บรรยากาศเหมือนๆ กับหนังสือ friendship + magazine
แล้วสุดท้ายก็มาจบที่ปก ผมพยายามออกแบบให้บางๆ เบาๆ และมีบรรยากาศ facebook อยู่ด้วย บังเอิญลูกสาวคนเล็กของผมมาเห็นเข้าก็เลยขอออกแบบด้วย และถามแกมบังคับว่า “พ่อใส่รูปวาดของหนูเป็นปกได้ไหมคะ” ผมก็เลยใส่รูปที่ลูกสาววาดเข้าไปด้วย ได้ปกออกมาแบบนี้ครับ
เขาวาดหนูและเสือเข้ามาด้วย ก็เพราะพี่สาวเกิดปีหนู ส่วนน้องเกิดปีเสือ (คิดดูล่ะกันครับว่า บ้านนี้จะยุ่งวุ่นวายเพราะสองพี่น้องนี้แค่ไหน)
แต่ถึงเวลาพิมพ์เป็นเล่มจริง ผมแอบกระซิบลูกสาวว่า พ่อขอใช้ภาพจริงของพวกหนูขึ้นปกเลยล่ะกันเนอะ จะได้เห็นง่ายๆ เผื่อพ่อแก่ตัวไป สายตาฟ้าฟาง มองเห็นปกนี้ปุ๊บจะได้จำได้ทันที ลูกสาวก็ยอม แต่แอบมีงอนไป 3 วัน
สรุปตอนเข้าโรงพิมพ์ก็ได้เป็นปกนี้ครับ
อันนี้เป็นปกหลัง
ก่อนจะส่งเข้าโรงพิมพ์ก็มีปัญหานิดหน่อยว่า จะพิมพ์ที่ไหนดี ตอนแรกว่าจะให้ร้านถ่ายเอกสาร print สี แล้วเย็บเล่มให้ คิดไปคิดมา อุตส่าห์ตั้งใจทำมาซะขนาดนี้แล้ว พิมพ์ให้ดีไปเลยดีกว่า ก็เลยใช้บริการ Print on demand กับโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง กระดาษก็ดีด้วย ดูแล้วเหมือน magazine เล่มหนึ่งเลย ถูกใจมากๆ
แนะนำเป็นไอเดียครับ หากใครอยากมีหนังสือเป็นของตัวเอง หรือตัองการเก็บความทรงจำเกี่ยวกับลูก หรือคนที่เรารัก หรือต้องการหาของขวัญแบบ premium ให้กับเพื่อน แนะนำว่า นำข้อมูลใน facebook มาทำเป็นหนังสือนี่แหละครับ เจ๋งสุดๆ เลย^^