เวลาพยายามคิดเรื่องธรรมมะมาก จะรู้สึกว่าอะไรๆก็บาป แล้วสภาพสังคมปัจจุบันจะทำให้เรารู้สึกถูกเอาเปรียบจากผู้อื่น

Q :  เวลาพยายามคิดเรื่องธรรมมะมาก จะรู้สึกว่าอะไรๆก็บาป แล้วสภาพสังคมปัจจุบันจะทำให้เรารู้สึกถูกเอาเปรียบจากผู้อื่น  ทำให้รู้สึว่า ทำความดีมันเหนื่อยจะทำยังไงดี
A :  ถ้าเล่นกีฬาแล้วเคารพกติกาก็ต้องเสียเปรียบคนที่เล่นนอกกติกาอยู่แล้ว  บางอย่างเสียเปรียบก็จริงเพราะเราไม่ยอมอนุโลมให้ความไม่ถูกต้อง  ในขณะเดียวกันก็ได้เปรียบเหมือนกัน อย่างน้อยก็มีความภูมิใจว่าเราไม่ทิ้งหลักการของตัวเอง  ในระยะยาวจะเกิดความเคารพตัวเอง มีหนังสือ เรื่อง give and take เขียนโดย ศาสตราจารย์  Adam Grant ที่หนุ่มที่สุด  ทำเรื่องนิสัยของนักธุรกิจโดยแบ่งเป็น 3 ประเภท  คือ 1. Giver คือ คนที่มีน้ำใจ  2. Taker คือ คนที่ทำทุกอย่างเพื่อเป็นที่ 1 3. Max cher คือ คนที่ให้บ้าง แต่คุณก็ต้องให้กลับมา  นิสัยอย่างไรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ Giver  ที่ให้อย่างมีปัญญา ในทางกลับกัน นิสัยอย่างไรที่ประสบความสำเร็จน้อยที่สุด คือ Giver ที่ให้อย่างไม่มีปัญญา  ส่วนพวก Taker และ Max cher จะอยุ่ในระดับกลาง ๆ แสดงให้เห็นว่า การให้ต้องประกอบด้วยปัญญา  คนที่เห็นแก่ตัวจะประสบความสำเร็จในระยะสั้น  เพราะไม่มีใครไว้ใจ  ยิ่งถ้ามีอัตตาสูงจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารในองค์กร  ถ้าเป็นผู้มีน้ำใจและประกอบด้วยปัญญา จะมีคนที่อยากจะแชร์ด้วย  การทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์เกืดขึ้นเมื่อมีน้ำใจต่อกัน  อีกอย่างเป็นเรื่องวิวัฒนาการของคน แปรียบเทียบคนที่ไม่คิดจะกลัวบาปกรรมก็เป็นผ้าสีดำ  มีมลทินอะไรมาเปื้อนก็มองไม่เห็น  กลับกันถ้าเราเป็นคนที่ฝึกตัวเองก็เหมือนผ้าขาว  มีมลทินนิดหน่อยมาเปื้อนก็จะเห็นได้ง่าย  มันลำบากเพราะชีวิตเรากำลังจะสูงขึ้น

เครดิต : การสนทนาเรื่องชีวิตกับพระอาจารย์ชยสาโร ณ บ.ฟีโนมีนา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่