อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม !!! "Dr. Glenn Cunningham นักวิ่งระดับโลก ผู้ไม่ย่อท้อต่อความพิการ"
"Dr. Glenn Cunningham นักวิ่งระดับโลก ผู้ไม่ย่อท้อต่อความพิการ"
ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ ดช.เกล็น คันนิงแฮม ประสบอุบัติเหตุไฟไหม้ในโรงเรียน ไฟแผดเผาร่างกายช่วงล่าง จนหลายคนคิดว่าเขาคงไม่รอดชีวิตแม้กระทั่งแม่ตัวเอง หรือถ้าหากรอด เขาก็ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
แต่เขาก็สร้างความประหลาดใจแก่แพทย์ที่รักษา เมื่อผลปรากฏว่าเด็กชายคนนี้ยังสามารถมีชีวิตต่อได้ ถึงแม้ท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปจะมีทักษะการเคลื่อนไหวผิดปกติ ขาอันผอมบางทั้งสองข้างของเขาเพียงแค่ห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถใช้งานได้
หากเป็นคนอื่นคงหมดอาลัยตายอยากใช้ชีวิตอยู่แค่สองที่ คือ บนเตียงนอนและรถเข็น แต่ไม่ใช่สำหรับ ด.ช.เกล็น หลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล ความมุ่งมั่นที่จะเดินได้ก็ไม่ได้หายไป
วันหนึ่งเขาตัดสินใจโยนตัวเองจากเก้าอี้และดึงตัวเองให้เคลื่อนไปทั่วหญ้า ในขณะที่ลากขาไว้ข้างหลัง จนกระทั่งเคลื่อนไปได้ถึงรั้วไม้ เขายกตัวขึ้นแล้วเริ่มลากตัวเองไปตามริวรั้ว ทำแบบเดิมทุกวันด้วยความเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งต้องเดินได้ด้วยตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว
ในที่สุด Dr.Glenn Cunningham ก็สามารถลุกขึ้นยืน ถึงแม้จะเดินได้ติดขัดเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ก็สามารถพัฒนามาเดินได้ด้วยตัวเองและวิ่งได้!
เขาเริ่มสัมผัสกับความสุขที่แท้จริงซึ่งเกิดจากการวิ่งไปโรงเรียนในทุกวัน
เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยเขาก็ตัดสินใจร่วมทีมกรีฑา และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1934 เมืองนิวยอร์ค ในเมดิสัน สแควร์ การ์เดน สนามกีฬาที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก หนุ่มคนนี้ที่ครั้งหนึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะรอดชีวิต ไม่คิดว่าเขาจะสามารถเดินได้และความหวังในการวิ่งริบหรี่ Dr.Glenn กลายเป็นเจ้าของสถิติวิ่งเร็วที่สุดในโลกในขณะนั้น!
Cr.MGR
ดังนั้น อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม เพราะ ความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตนตั้งไว้
อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม!!! "Dr. Glenn Cunningham นักวิ่งระดับโลก ผู้ไม่ย่อท้อต่อความพิการ"
"Dr. Glenn Cunningham นักวิ่งระดับโลก ผู้ไม่ย่อท้อต่อความพิการ"
ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ ดช.เกล็น คันนิงแฮม ประสบอุบัติเหตุไฟไหม้ในโรงเรียน ไฟแผดเผาร่างกายช่วงล่าง จนหลายคนคิดว่าเขาคงไม่รอดชีวิตแม้กระทั่งแม่ตัวเอง หรือถ้าหากรอด เขาก็ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
แต่เขาก็สร้างความประหลาดใจแก่แพทย์ที่รักษา เมื่อผลปรากฏว่าเด็กชายคนนี้ยังสามารถมีชีวิตต่อได้ ถึงแม้ท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปจะมีทักษะการเคลื่อนไหวผิดปกติ ขาอันผอมบางทั้งสองข้างของเขาเพียงแค่ห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถใช้งานได้
หากเป็นคนอื่นคงหมดอาลัยตายอยากใช้ชีวิตอยู่แค่สองที่ คือ บนเตียงนอนและรถเข็น แต่ไม่ใช่สำหรับ ด.ช.เกล็น หลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล ความมุ่งมั่นที่จะเดินได้ก็ไม่ได้หายไป
วันหนึ่งเขาตัดสินใจโยนตัวเองจากเก้าอี้และดึงตัวเองให้เคลื่อนไปทั่วหญ้า ในขณะที่ลากขาไว้ข้างหลัง จนกระทั่งเคลื่อนไปได้ถึงรั้วไม้ เขายกตัวขึ้นแล้วเริ่มลากตัวเองไปตามริวรั้ว ทำแบบเดิมทุกวันด้วยความเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งต้องเดินได้ด้วยตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว
ในที่สุด Dr.Glenn Cunningham ก็สามารถลุกขึ้นยืน ถึงแม้จะเดินได้ติดขัดเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ก็สามารถพัฒนามาเดินได้ด้วยตัวเองและวิ่งได้!
เขาเริ่มสัมผัสกับความสุขที่แท้จริงซึ่งเกิดจากการวิ่งไปโรงเรียนในทุกวัน
เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยเขาก็ตัดสินใจร่วมทีมกรีฑา และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1934 เมืองนิวยอร์ค ในเมดิสัน สแควร์ การ์เดน สนามกีฬาที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก หนุ่มคนนี้ที่ครั้งหนึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะรอดชีวิต ไม่คิดว่าเขาจะสามารถเดินได้และความหวังในการวิ่งริบหรี่ Dr.Glenn กลายเป็นเจ้าของสถิติวิ่งเร็วที่สุดในโลกในขณะนั้น!
Cr.MGR
ดังนั้น อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม เพราะ ความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตนตั้งไว้