โลกสดใสของน้องเปย์กลายมาเป็นโลกที่โหดร้ายได้อย่างไร ขอเริ่มที่นิสัยแรกของน้องเปย์ ที่มักเผลอไปเห็นกระเป๋าใบงามที่ชอบลดราคาเกินจริงตามห้างต่างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะซื้อมาไว้ครอบครองเพื่อกันคู่แข่งตัวฉกาจ (หรือน้องคิดไปเอง?) น้องเปย์ยังต้องเข้าสังคมบ่อยๆ เช่น การกินบุฟเฟต์ หรือบางทีก็ร้านอาหารหรูๆบ้าง เพื่อให้เพื่อนๆ ไม่ห่างเหิน ยังไม่นับรถของน้องเปย์ที่เพิ่งถอยมาใหม่แบบงงๆ ทำไงได้สมัยนี้จ่ายอะไรก็ง่ายแค่ สแกนปุ๊ปจ่ายปั๊ป ก็ก่อหนี้บานจะจ่ายให้ตรงก็ไม่ไหวเลื่อนจ่ายบ้าง จ่ายขั้นต่ำบ้าง เอาใบนั้นมาโปะใบนี้บ้าง โลกสดใสก็เริ่มขุ่นๆ มัวๆ เจ้าหนี้ก็เริ่มทวง เอาไงดีว้า ส่วนใหญ่น้องเปย์ ก็จะไปพึ่งครอบครัว คนสนิท (ที่ตอนนี้เค้าอาจไม่อยากสนิท) หรือ เงินนอกระบบ แล้วแบบนี้น้องเปย์จะรอดได้ยังไง?
หากน้องเปย์อยากรอด ต้องเริ่มต้นจากยอมรับก่อนว่า ตนเองติดหนี้ และกำลังลำบาก อารมณ์เหมือนตั้งสติก่อนสตาร์ท จากนั้นเริ่มรวมค่าใช้จ่ายว่าแต่ละเดือนหมดไปกับค่าอะไรบ้าง โดยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงเช่น การเข้าสังคมก็ยังทำได้ แต่อาจต้องลดจำนวนครั้งหรือสถานที่ในการนัดหมายจากร้านหรูๆ ก็ลองนัดกันที่ร้านส้มตำเปลี่ยนบรรยากาศ ของสิ่งไหนที่ไม่จำเป็นก็ควรขายออก เพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ อย่างค่าใช้จ่ายจุกจิกเช่น ค่ากาแฟ ขนม ก็พยายามลด นอกจากจะลดหนี้แล้วสุขภาพดีด้วยนะ (คิดบวกเข้าไว้) เมื่อน้องเปย์ ลดรายจ่ายแล้วก็ต้องเพิ่มรายได้ เช่น การขอทำงานล่วงเวลาเพื่อรับโอที หรือการหาอาชีพเสริมประเภทที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนักจากความสามารถส่วนตัว เช่น รับสอนดนตรี เป็นต้น
เมื่อควบคุมค่าใช้จ่ายได้แล้ว น้องเปย์ก็ควรเริ่มหันมามองสิ่งที่ไม่อยากมองกันบ้างนั่นก็คือ ยอดหนี้ที่มีอยู่ เริ่มจากน้องเปย์แจกแจงหนี้ที่มี และเริ่มลงรายละเอียดหนี้สิน ยอดหนี้คงเหลือ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายขั้นต่ำ และอัตราดอกเบี้ย โดยเรียงตามลำดับหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดไปต่ำสุด (เหนื่อยหน่อยน้าแต่คุ้ม) จากนั้นก็เริ่มวางแผนกำจัดไปทีละตัว หากดอกเบี้ยแตกต่างกันเยอะก็ให้เริ่มปิดหนี้ที่มี “อัตราดอกเบี้ยสูงสุด” เช่น หนี้นอกระบบ ร้อยละ 20 ต่อเดือน เมื่อเทียบกับหนี้ในระบบซึ่งคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี แต่ถ้าไม่ต่างกันก็ให้ดูจากพลังกดดันของแต่ละเจ้าหนี้ละกันนะ แต่ต้องพยายามรักษาระดับการจ่ายชำระขั้นต่ำกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากการผิดนัดชำระหนี้ เพราะอาจจะส่งผลกับน้องได้หากต้องการกู้ครั้งต่อไป
หากทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว แค่เงินต้นก็ยังจ่ายไม่ไหว ทางเลือกลำดับท้ายๆ ของน้องเปย์ ที่พอทำได้นั่นก็คือ การเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน เพื่อขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญาเพื่อช่วยลดภาระการผ่อนชำระในแต่ละเดือนลง แต่ก็ต้องเผื่อใจด้วยเพราะการขอเจรจานั้นไม่ได้ทำได้ทุกกรณี สถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน บางสถาบันการเงินอาจกำหนดเงื่อนไขว่าจะรับเจรจาก็ต่อเมื่อลูกหนี้มีประวัติค้างชำระจนเข้าข่ายหนี้เสียหรือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้วเท่านั้น จึงจะเข้ากระบวนการแก้ไขสัญญาหรือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ แต่บางสถาบันการเงินอาจผ่อนปรนให้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญาเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ การเสียประวัติในเรื่องการชำระหนี้สิน ทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตทำได้ยากขึ้น วิธีนี้จึงควรใช้เป็นวิธีท้ายๆ นะครับ

โลกของน้องเปย์จะกลับมาสดใสได้ไหมก็ขึ้นอยู่กับวินัยเป็นสำคัญ เพื่อนๆ ล่ะเคยเจอเหตุการณ์แบบน้องเปย์กันบ้างไหมมาร่วมวงคุยกัน
จะเอาตัวรอดอย่างไรในโลกที่โหดร้ายของน้องเปย์ (หนี้บานเลย) T_T
หากน้องเปย์อยากรอด ต้องเริ่มต้นจากยอมรับก่อนว่า ตนเองติดหนี้ และกำลังลำบาก อารมณ์เหมือนตั้งสติก่อนสตาร์ท จากนั้นเริ่มรวมค่าใช้จ่ายว่าแต่ละเดือนหมดไปกับค่าอะไรบ้าง โดยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงเช่น การเข้าสังคมก็ยังทำได้ แต่อาจต้องลดจำนวนครั้งหรือสถานที่ในการนัดหมายจากร้านหรูๆ ก็ลองนัดกันที่ร้านส้มตำเปลี่ยนบรรยากาศ ของสิ่งไหนที่ไม่จำเป็นก็ควรขายออก เพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ อย่างค่าใช้จ่ายจุกจิกเช่น ค่ากาแฟ ขนม ก็พยายามลด นอกจากจะลดหนี้แล้วสุขภาพดีด้วยนะ (คิดบวกเข้าไว้) เมื่อน้องเปย์ ลดรายจ่ายแล้วก็ต้องเพิ่มรายได้ เช่น การขอทำงานล่วงเวลาเพื่อรับโอที หรือการหาอาชีพเสริมประเภทที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนักจากความสามารถส่วนตัว เช่น รับสอนดนตรี เป็นต้น
เมื่อควบคุมค่าใช้จ่ายได้แล้ว น้องเปย์ก็ควรเริ่มหันมามองสิ่งที่ไม่อยากมองกันบ้างนั่นก็คือ ยอดหนี้ที่มีอยู่ เริ่มจากน้องเปย์แจกแจงหนี้ที่มี และเริ่มลงรายละเอียดหนี้สิน ยอดหนี้คงเหลือ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายขั้นต่ำ และอัตราดอกเบี้ย โดยเรียงตามลำดับหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดไปต่ำสุด (เหนื่อยหน่อยน้าแต่คุ้ม) จากนั้นก็เริ่มวางแผนกำจัดไปทีละตัว หากดอกเบี้ยแตกต่างกันเยอะก็ให้เริ่มปิดหนี้ที่มี “อัตราดอกเบี้ยสูงสุด” เช่น หนี้นอกระบบ ร้อยละ 20 ต่อเดือน เมื่อเทียบกับหนี้ในระบบซึ่งคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี แต่ถ้าไม่ต่างกันก็ให้ดูจากพลังกดดันของแต่ละเจ้าหนี้ละกันนะ แต่ต้องพยายามรักษาระดับการจ่ายชำระขั้นต่ำกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากการผิดนัดชำระหนี้ เพราะอาจจะส่งผลกับน้องได้หากต้องการกู้ครั้งต่อไป
หากทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว แค่เงินต้นก็ยังจ่ายไม่ไหว ทางเลือกลำดับท้ายๆ ของน้องเปย์ ที่พอทำได้นั่นก็คือ การเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน เพื่อขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญาเพื่อช่วยลดภาระการผ่อนชำระในแต่ละเดือนลง แต่ก็ต้องเผื่อใจด้วยเพราะการขอเจรจานั้นไม่ได้ทำได้ทุกกรณี สถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน บางสถาบันการเงินอาจกำหนดเงื่อนไขว่าจะรับเจรจาก็ต่อเมื่อลูกหนี้มีประวัติค้างชำระจนเข้าข่ายหนี้เสียหรือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้วเท่านั้น จึงจะเข้ากระบวนการแก้ไขสัญญาหรือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ แต่บางสถาบันการเงินอาจผ่อนปรนให้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญาเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ การเสียประวัติในเรื่องการชำระหนี้สิน ทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตทำได้ยากขึ้น วิธีนี้จึงควรใช้เป็นวิธีท้ายๆ นะครับ