วงการมวยสากลของไทยที่ซบเซาไปนาน ก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
เมื่อซุปเปอร์สตาร์ดวงใหม่จุติขึ้นมาในวงการกำปั้นไทยคือ
ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น (ศ.รุ่งวิสัย) แชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท (115 ปอนด์) WBC
ที่ป้องกันเข็มขัดได้ด้วยการชนะน็อกอดีตยอดมวยอันดับ 1 ของโลก ชาวนิการากัว
โรมัน กอนซาเลส ได้ในยกที่ 4 ที่ สหรัฐอเมริกา

รายละเอียดของการชก จะไม่กล่าวในกระทู้นี้ เพราะข่าวในรอบ 2 วันนี้ สื่อทุกสื่อคงเจาะลึกให้ได้อ่านกันอย่างละเอียด
จขกท ทำได้เพียงยกย่องว่า
ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น เป็นนักมวยไทยที่ดีที่สุดเวลานี้
และจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีกมาก ถ้าทำตัวได้อย่างนักมวยรุ่นพี่ เช่น เขาทราย แกแล็กซี่ แชมป์โลกขวัญใจชาวไทยตลอดกาล






ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของวงการมวยสากลอาชีพของไทย อยู่ในช่วงตั้งแต่ พ.ศ 2526-2534
เวลานั้น
ไทยมีแชมป์โลกพร้อมกันทีเดียว 3 คน คือ
สด จิตรลดา แชมป์โลกคนที่ 8
เขาทราย แกแล็คซี่ แชมป์โลกคนที่ 9
สามารถ พยัคฆ์อรุณ แชมป์โลกคนที่ 10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้านับบูมสุดจะเป็นช่วง พ.ศ 2527-2530 หลังจากนั้น สด กับ สามารถ เสียแชมป์ เหลือเขาทรายคนเดียว
ช่วงที่แชมป์โลกทั้ง 3 คนยังอยู่ในตำแหน่ง ตรงกับสมัย
พณ ท่าน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ เป็นนายกรัฐมนตรี
พลเอก เปรม รักกีฬามวยมาก จึงเอ็นดูและให้การสนับสนุนแชมป์โลกทั้ง 3 คน
โดยเฉพาะ สด จิตรลดา ทุกครั้งก่อนที่นักมวยทั้ง 3 จะขึ้นชก หัวหน้าคณะนักมวยจะพา
ไปขอพบเพื่อรับคำอวยพร ซึ่งท่านก็อนุญาตให้พบเกือบทุกครั้ง

และเมื่อการชกสิ้นสุดลง นักมวยมักจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ถามด้วยความเป็นห่วง
ซึ่งต่อมาวลีนี้ถือเป็นวลีฮิตที่สุดวลีหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การกีฬาของไทยนั่นคือ
เจ็บไม๊ลูก ?
เมื่อระดับหัวหน้ารัฐบาลให้ความสำคัญกับกีฬามวยแล้ว บรรดานักการเมืองทั้งหลาย
ต่างก็ทำตาม
โดยแย่งตัวนักมวยไปจัดในจังหวัดหรือในเขตของตน เป็นการผูกมัดใจชาวบ้าน
เพื่อหวังผลคะแนนเสียงในการเลือกตั้งของตนเอง เพราะในยุคนั้นสำหรับคนต่างจังหวัด
กีฬายอดนิยมที่สุดไม่ใช่ฟุตบอล แต่เป็น มวย !!!!
ช่วงนั้น สูตรสำเร็จในการจัดชิงแชมป์โลกคือ มีนักการเมืองประมูลไปจัด มีการถ่ายทอดสด
และมีพิธีการที่เยิ่นเย้อมาก โดยเฉพาะการ
แจกทองซึ่งมีทั้งจริงและปลอม !!!
แต่อย่างไรก็ตามยุคนั้นก็ถือว่า คอมวย
และคนที่ติดตามผลงานนักชกไทย ต่างก็มีความสุขตามๆกัน





มาถึงการชกไฟท์หนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ถูกบันทึกว่า เป็นไฟท์ที่เกิด โศกนาฏกรรมที่เศร้าสลดที่สุด
ในหน้าประวัติศาสตร์กีฬามวย ซึ่งเป็นการชกระหว่าง
เรย์ "บูม บูม" แมนชินี Ray "Boom Boom" Mancini ยอดมวยสหรัฐ กับ
คิม ดุ๊ก คู Kim Duk Koo นักมวยพลังโสม เกาหลีใต้
โดยมีกรรมการผู้ห้ามบนเวทีคือ
ริชาร์ด กรีน Richard Green

การชกครั้งนี้มีขึ้น ณ
วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ 1982 ที่โรงแรมซีซาร์ พาเลส สหรัฐอเมริกา
ตลอดการชกครั้งนี้เป็นไปอย่างดุเดือดและโหดเหี้ยม จนในที่สุด
มานชินี่ ก็สามารถน็อก คิม ได้ในยกที่ 14
คลิป วินาทีที่ คิม ถูกน็อก

หลังการชก คิม หมดสติ และถูกส่งไปโรงพยาบาล อาการเข้าขั้นโคม่า
รัฐบาลเกาหลี รีบอนุมัติให้มารดา คิม ซึ่งมีอายุ 66 ปี พร้อมทีมแพทย์ฝังเข็ม
บินด่วนไปเยี่ยม คิม

แต่เมื่อผ่านไป 4 วัน คิม ไม่ตอบสนองการรักษา
มารดา คิม ตัดสินใจให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจ ยุติความเจ็บปวดและทรมาน
ทันทีที่ข่าว คิม แพร่ออกไป แฟนมวยทั่วโลกต่างร่ำไห้ เสียใจ กับโศกนาฏกรรมครั้งนี้



ความเศร้าอะไรจะเทียบได้กับ การที่ผู้เป็นแม่ต้องเห็นลูกชายสุดที่รักตายไปก่อนวัยอันสมควร
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์นี้
มารดาของ คิม ทนความเสียใจไม่ได้
ก็ฆ่าตัวตายตามคิมไป
http://www.nytimes.com/1983/01/31/sports/kim-s-mother-commits-suicide.html?mcubz=1
ส่วน กรรมการห้ามมวยในครั้งนั้น ริชาร์ด กรีน ก็ทนแรงกดดันที่แฟนมวยตำหนิไม่ได้
ฆ่าตัวตายตามไปอีกคน นับเป็นศพที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับการชกครั้งนี้





การชกครั้งนี้ยังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการมวยคือ
WBC องค์กร สภามวยโลก ได้เปลี่ยนการชิงแชมป์โลกซึ่งเดิมกำหนดไว้ 15 ยก ลดเหลือ 12 ยก
ส่วนสมาคมมวยโลก WBA มาเปลี่ยนในอีกหลายปีต่อมา และคู่แรกที่ประเดิมการชก 12 ยกของสมาคมมวยโลกคือ
การชกระหว่างสายเลือดไทยทั้งคู่คือ
เขาทราย แกแล็คซี่ กับ ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ (พี่สามารถ)
ป.ล เนื้อหาแบ่งเป็นภาคๆ โดยเฉพาะภาคที่ 2 ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อ tag ห้องการเมืองได้
ป.ล 2 ขอบคุณเนื้อหาบางตอนที่ได้มาจาก storylog .co
ป.ล 3 ในเม้นท์ย่อย ยังมีรายละเอียดในเรื่องนี้อีก และยังมีล็อกอิน Mario จากห้องเพลง
ผู้เชี่ยวชาญมวยในยุคปัจจุบันมาช่วยเม้นท์เพื่อทำให้สมบูรณ์
ป.ล 4 จขกท ดูมวยที่สนามมวยตั้งแต่ ป.6 อายุ 12 ปี และเลิกดูเมื่อปีที่แล้ว
ป.ล 5
อยากจะให้รัฐบาลถ่ายทอดสดกีฬาทุกประเภทที่นักกีฬาไทยมีความหวัง
เพราะมีแต่กีฬาเท่านั้นที่จะหลอมละลายความขัดแย้งของสังคมไทยได้
ศรีสะเกษ....เจ็บไม๊ลูก ?....1 ไฟท์ 3 ชีวิต cnck
เมื่อซุปเปอร์สตาร์ดวงใหม่จุติขึ้นมาในวงการกำปั้นไทยคือ
ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น (ศ.รุ่งวิสัย) แชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท (115 ปอนด์) WBC
ที่ป้องกันเข็มขัดได้ด้วยการชนะน็อกอดีตยอดมวยอันดับ 1 ของโลก ชาวนิการากัว
โรมัน กอนซาเลส ได้ในยกที่ 4 ที่ สหรัฐอเมริกา
รายละเอียดของการชก จะไม่กล่าวในกระทู้นี้ เพราะข่าวในรอบ 2 วันนี้ สื่อทุกสื่อคงเจาะลึกให้ได้อ่านกันอย่างละเอียด
จขกท ทำได้เพียงยกย่องว่า ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น เป็นนักมวยไทยที่ดีที่สุดเวลานี้
และจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีกมาก ถ้าทำตัวได้อย่างนักมวยรุ่นพี่ เช่น เขาทราย แกแล็กซี่ แชมป์โลกขวัญใจชาวไทยตลอดกาล
ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของวงการมวยสากลอาชีพของไทย อยู่ในช่วงตั้งแต่ พ.ศ 2526-2534
เวลานั้นไทยมีแชมป์โลกพร้อมกันทีเดียว 3 คน คือ
สด จิตรลดา แชมป์โลกคนที่ 8
เขาทราย แกแล็คซี่ แชมป์โลกคนที่ 9
สามารถ พยัคฆ์อรุณ แชมป์โลกคนที่ 10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วงที่แชมป์โลกทั้ง 3 คนยังอยู่ในตำแหน่ง ตรงกับสมัย
พณ ท่าน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ เป็นนายกรัฐมนตรี
พลเอก เปรม รักกีฬามวยมาก จึงเอ็นดูและให้การสนับสนุนแชมป์โลกทั้ง 3 คน
โดยเฉพาะ สด จิตรลดา ทุกครั้งก่อนที่นักมวยทั้ง 3 จะขึ้นชก หัวหน้าคณะนักมวยจะพา
ไปขอพบเพื่อรับคำอวยพร ซึ่งท่านก็อนุญาตให้พบเกือบทุกครั้ง
และเมื่อการชกสิ้นสุดลง นักมวยมักจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ถามด้วยความเป็นห่วง
ซึ่งต่อมาวลีนี้ถือเป็นวลีฮิตที่สุดวลีหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การกีฬาของไทยนั่นคือ
เจ็บไม๊ลูก ?
เมื่อระดับหัวหน้ารัฐบาลให้ความสำคัญกับกีฬามวยแล้ว บรรดานักการเมืองทั้งหลาย
ต่างก็ทำตาม โดยแย่งตัวนักมวยไปจัดในจังหวัดหรือในเขตของตน เป็นการผูกมัดใจชาวบ้าน
เพื่อหวังผลคะแนนเสียงในการเลือกตั้งของตนเอง เพราะในยุคนั้นสำหรับคนต่างจังหวัด
กีฬายอดนิยมที่สุดไม่ใช่ฟุตบอล แต่เป็น มวย !!!!
ช่วงนั้น สูตรสำเร็จในการจัดชิงแชมป์โลกคือ มีนักการเมืองประมูลไปจัด มีการถ่ายทอดสด
และมีพิธีการที่เยิ่นเย้อมาก โดยเฉพาะการแจกทองซึ่งมีทั้งจริงและปลอม !!!
แต่อย่างไรก็ตามยุคนั้นก็ถือว่า คอมวย และคนที่ติดตามผลงานนักชกไทย ต่างก็มีความสุขตามๆกัน
มาถึงการชกไฟท์หนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ถูกบันทึกว่า เป็นไฟท์ที่เกิด โศกนาฏกรรมที่เศร้าสลดที่สุด
ในหน้าประวัติศาสตร์กีฬามวย ซึ่งเป็นการชกระหว่าง
เรย์ "บูม บูม" แมนชินี Ray "Boom Boom" Mancini ยอดมวยสหรัฐ กับ
คิม ดุ๊ก คู Kim Duk Koo นักมวยพลังโสม เกาหลีใต้
โดยมีกรรมการผู้ห้ามบนเวทีคือ ริชาร์ด กรีน Richard Green
การชกครั้งนี้มีขึ้น ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ 1982 ที่โรงแรมซีซาร์ พาเลส สหรัฐอเมริกา
ตลอดการชกครั้งนี้เป็นไปอย่างดุเดือดและโหดเหี้ยม จนในที่สุด
มานชินี่ ก็สามารถน็อก คิม ได้ในยกที่ 14
คลิป วินาทีที่ คิม ถูกน็อก
หลังการชก คิม หมดสติ และถูกส่งไปโรงพยาบาล อาการเข้าขั้นโคม่า
รัฐบาลเกาหลี รีบอนุมัติให้มารดา คิม ซึ่งมีอายุ 66 ปี พร้อมทีมแพทย์ฝังเข็ม
บินด่วนไปเยี่ยม คิม
แต่เมื่อผ่านไป 4 วัน คิม ไม่ตอบสนองการรักษา
มารดา คิม ตัดสินใจให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจ ยุติความเจ็บปวดและทรมาน
ทันทีที่ข่าว คิม แพร่ออกไป แฟนมวยทั่วโลกต่างร่ำไห้ เสียใจ กับโศกนาฏกรรมครั้งนี้
ความเศร้าอะไรจะเทียบได้กับ การที่ผู้เป็นแม่ต้องเห็นลูกชายสุดที่รักตายไปก่อนวัยอันสมควร
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์นี้ มารดาของ คิม ทนความเสียใจไม่ได้ ก็ฆ่าตัวตายตามคิมไป
http://www.nytimes.com/1983/01/31/sports/kim-s-mother-commits-suicide.html?mcubz=1
ส่วน กรรมการห้ามมวยในครั้งนั้น ริชาร์ด กรีน ก็ทนแรงกดดันที่แฟนมวยตำหนิไม่ได้
ฆ่าตัวตายตามไปอีกคน นับเป็นศพที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับการชกครั้งนี้
การชกครั้งนี้ยังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการมวยคือ
WBC องค์กร สภามวยโลก ได้เปลี่ยนการชิงแชมป์โลกซึ่งเดิมกำหนดไว้ 15 ยก ลดเหลือ 12 ยก
ส่วนสมาคมมวยโลก WBA มาเปลี่ยนในอีกหลายปีต่อมา และคู่แรกที่ประเดิมการชก 12 ยกของสมาคมมวยโลกคือ
การชกระหว่างสายเลือดไทยทั้งคู่คือ เขาทราย แกแล็คซี่ กับ ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ (พี่สามารถ)
ป.ล เนื้อหาแบ่งเป็นภาคๆ โดยเฉพาะภาคที่ 2 ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อ tag ห้องการเมืองได้
ป.ล 2 ขอบคุณเนื้อหาบางตอนที่ได้มาจาก storylog .co
ป.ล 3 ในเม้นท์ย่อย ยังมีรายละเอียดในเรื่องนี้อีก และยังมีล็อกอิน Mario จากห้องเพลง
ผู้เชี่ยวชาญมวยในยุคปัจจุบันมาช่วยเม้นท์เพื่อทำให้สมบูรณ์
ป.ล 4 จขกท ดูมวยที่สนามมวยตั้งแต่ ป.6 อายุ 12 ปี และเลิกดูเมื่อปีที่แล้ว
ป.ล 5 อยากจะให้รัฐบาลถ่ายทอดสดกีฬาทุกประเภทที่นักกีฬาไทยมีความหวัง
เพราะมีแต่กีฬาเท่านั้นที่จะหลอมละลายความขัดแย้งของสังคมไทยได้