ไสยศาสตร์เป็นศาสนาของคนปัญญาอ่อน ... 7/9/2560
https://pantip.com/topic/36847959
Cr: Tawe Nop

คนบางคนในวงการวิทยาศาสตร์และสุขภาพ ก็มีไสยวิทยาศาสตร์
“สิ่งที่เรียกว่าไสยศาสตร์นี่มันจำเป็นสำหรับคนปัญญาอ่อน ไสยศาสตร์เป็นศาสนาของคนปัญญาอ่อน คุณอย่าปัญญาอ่อนสิ อย่าเป็นผู้ปัญญาอ่อน ไสยศาสตร์จะหมดอำนาจหมดกำลัง ถ้าคุณยังเป็นปัญญาอ่อนอยู่ มันก็ยังต้องการไสยศาสตร์อย่างที่หลีกไม่ได้ช่วยไม่ได้...
มันเป็นต้นตอแห่งปัญหาของโลกทั้งโลกเลย มันเป็นปัจจัยที่หล่อเลี้ยงอวิชชาไว้มากเหลือเกิน ไสยศาสตร์เป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงอวิชชาไว้ให้ยังคงมีกำลังรุนแรงอยู่ตลอดเวลา
ปัญหาทางไสยศาสตร์ โลกมันถูกครอบงำอยู่ด้วยปัญหาอย่างนี้มันจึงลืมตาไม่ขึ้น แม้ว่าจะมีการศึกษา เจริญก้าวหน้าเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นบัณฑิตเป็นอะไรกันเต็มที่แล้ว ไอ้ความรู้สึกทางไสยศาสตร์มันก็ยังอยู่ ต่อให้ไปเรียนจากเมืองนอกมีปริญญาเป็นหางมาถึงเมืองไทย ก็ยังไม่ละทิ้งไอ้ไสยศาสตร์ได้ คือความกลัวโดยไม่มีเหตุผล ความอยากโดยไม่รู้จักประมาณ ความเชื่อว่ามีสิ่งหนึ่งซึ่งเราไม่รู้ได้ไม่เห็นหน้าได้ไม่รู้จักได้ เป็นสิ่งที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง แม้จะไปเรียนวิทยาศาสตร์จบปริญญาวิทยาศาสตร์มา มันก็ไม่ละทิ้งความรู้สึกอันนี้ได้เพราะมันฝังอยู่ลึก
ทำไมเราจึงปัญญาอ่อน เพราะว่าไอ้ศรัทธางมงายมันมาแย่งเอาไป แย่งรากฐานเอาไปหมด ศรัทธาที่งมงายมันมาแย่งรากฐานเอาไปหมด รากฐานของปัญญาแล้ว ปัญญามันจึงทรุดลงเป็นปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อนอย่างนี้หมายความว่าปัญญาทางจิตทางวิญญาณ ไม่ใช่ปัญญาอ่อนทางวัตถุ เด็กๆ ทุพพลภาพ เด็กหรือสัตว์พิการสมองพิการปัญญาอ่อนอย่างนั้น ไม่เกี่ยวกันกับเรื่องนี้
ปัญญาอ่อนในเรื่องนี้หมายถึงว่ามันอ่อนไปด้วยความรู้ ความถูกต้องของพระธรรม มันปัญญาอ่อนอย่างนี้ ไอ้เด็กปัญญาอ่อนที่เก็บไว้ตามโรงพยาบาลนั่นไม่เป็นไร นั่นมันเป็นธรรมชาติ มันเป็นความไม่สมประกอบของไอ้ระบบกาย แต่คนที่มีร่างกายดี กลับมีปัญญาอ่อนเพราะรู้ผิดนี่ คือสิ่งที่เป็นปัญหาที่ทำให้โลกนี้จมอยู่ในความมืดไม่ลืมตา เราเรียกกันว่าไสยศาสตร์ ปัญญาอ่อนเท่าไร มันก็ยิ่งต้องการไสยศาสตร์มากเท่านั้นแหละ
ใครปัญญาอ่อนเท่าไร เขาจะยิ่งชอบยิ่งต้องการไสยศาสตร์มากเท่านั้น น่าเห็นใจ จะแก้ไขกันอย่างไร มันก็ต้องเพิ่มปัญญา อย่าให้อ่อน ให้เป็นปัญญาแข็ง ถ้าถูกด่าว่าปัญญาอ่อน อย่าโกรธเลย ถ้าเขาหาว่าเราปัญญาอ่อนบ้าง ก็อย่าโกรธเลย เพราะมันอ่อนอยู่จริงๆ รีบทำให้มันกล้าแข็งเสียเถิด”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : พุทธทาสภิกขุแสดงธรรมล้ออายุ ปี 2525 หัวข้อ อยากจะร้องไห้ เพราะจะต้องรักษาไสยศาสตร์ไว้สำหรับคนปัญญาอ่อน
.………………...
นี่เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเหนื่อยใจ ท่านพุทธทาสฯพูดเหมือนปลงตกไปแล้ว
มองดูบ้านเมืองตอนนี้ ไสยศาสตร์ทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งฆราวาสและพระ ปัญญาอ่อนกันถ้วนหน้า
ขออนุญาตถอนใจสองเฮือก ถอนผมหงอกสองเส้นที่เกิดจากความเหนื่อยใจ แล้วถอนใจอีกสองเฮือก แล้วไปทำงานต่อ
วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ค
https://www.facebook.com/winlyovarin/
ไสยศาสตร์เป็นศาสนาของคนปัญญาอ่อน ... 7/9/2560 สรายุทธ กันหลง
https://pantip.com/topic/36847959
Cr: Tawe Nop
คนบางคนในวงการวิทยาศาสตร์และสุขภาพ ก็มีไสยวิทยาศาสตร์
“สิ่งที่เรียกว่าไสยศาสตร์นี่มันจำเป็นสำหรับคนปัญญาอ่อน ไสยศาสตร์เป็นศาสนาของคนปัญญาอ่อน คุณอย่าปัญญาอ่อนสิ อย่าเป็นผู้ปัญญาอ่อน ไสยศาสตร์จะหมดอำนาจหมดกำลัง ถ้าคุณยังเป็นปัญญาอ่อนอยู่ มันก็ยังต้องการไสยศาสตร์อย่างที่หลีกไม่ได้ช่วยไม่ได้...
มันเป็นต้นตอแห่งปัญหาของโลกทั้งโลกเลย มันเป็นปัจจัยที่หล่อเลี้ยงอวิชชาไว้มากเหลือเกิน ไสยศาสตร์เป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงอวิชชาไว้ให้ยังคงมีกำลังรุนแรงอยู่ตลอดเวลา
ปัญหาทางไสยศาสตร์ โลกมันถูกครอบงำอยู่ด้วยปัญหาอย่างนี้มันจึงลืมตาไม่ขึ้น แม้ว่าจะมีการศึกษา เจริญก้าวหน้าเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นบัณฑิตเป็นอะไรกันเต็มที่แล้ว ไอ้ความรู้สึกทางไสยศาสตร์มันก็ยังอยู่ ต่อให้ไปเรียนจากเมืองนอกมีปริญญาเป็นหางมาถึงเมืองไทย ก็ยังไม่ละทิ้งไอ้ไสยศาสตร์ได้ คือความกลัวโดยไม่มีเหตุผล ความอยากโดยไม่รู้จักประมาณ ความเชื่อว่ามีสิ่งหนึ่งซึ่งเราไม่รู้ได้ไม่เห็นหน้าได้ไม่รู้จักได้ เป็นสิ่งที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง แม้จะไปเรียนวิทยาศาสตร์จบปริญญาวิทยาศาสตร์มา มันก็ไม่ละทิ้งความรู้สึกอันนี้ได้เพราะมันฝังอยู่ลึก
ทำไมเราจึงปัญญาอ่อน เพราะว่าไอ้ศรัทธางมงายมันมาแย่งเอาไป แย่งรากฐานเอาไปหมด ศรัทธาที่งมงายมันมาแย่งรากฐานเอาไปหมด รากฐานของปัญญาแล้ว ปัญญามันจึงทรุดลงเป็นปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อนอย่างนี้หมายความว่าปัญญาทางจิตทางวิญญาณ ไม่ใช่ปัญญาอ่อนทางวัตถุ เด็กๆ ทุพพลภาพ เด็กหรือสัตว์พิการสมองพิการปัญญาอ่อนอย่างนั้น ไม่เกี่ยวกันกับเรื่องนี้
ปัญญาอ่อนในเรื่องนี้หมายถึงว่ามันอ่อนไปด้วยความรู้ ความถูกต้องของพระธรรม มันปัญญาอ่อนอย่างนี้ ไอ้เด็กปัญญาอ่อนที่เก็บไว้ตามโรงพยาบาลนั่นไม่เป็นไร นั่นมันเป็นธรรมชาติ มันเป็นความไม่สมประกอบของไอ้ระบบกาย แต่คนที่มีร่างกายดี กลับมีปัญญาอ่อนเพราะรู้ผิดนี่ คือสิ่งที่เป็นปัญหาที่ทำให้โลกนี้จมอยู่ในความมืดไม่ลืมตา เราเรียกกันว่าไสยศาสตร์ ปัญญาอ่อนเท่าไร มันก็ยิ่งต้องการไสยศาสตร์มากเท่านั้นแหละ
ใครปัญญาอ่อนเท่าไร เขาจะยิ่งชอบยิ่งต้องการไสยศาสตร์มากเท่านั้น น่าเห็นใจ จะแก้ไขกันอย่างไร มันก็ต้องเพิ่มปัญญา อย่าให้อ่อน ให้เป็นปัญญาแข็ง ถ้าถูกด่าว่าปัญญาอ่อน อย่าโกรธเลย ถ้าเขาหาว่าเราปัญญาอ่อนบ้าง ก็อย่าโกรธเลย เพราะมันอ่อนอยู่จริงๆ รีบทำให้มันกล้าแข็งเสียเถิด”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : พุทธทาสภิกขุแสดงธรรมล้ออายุ ปี 2525 หัวข้อ อยากจะร้องไห้ เพราะจะต้องรักษาไสยศาสตร์ไว้สำหรับคนปัญญาอ่อน
.………………...
นี่เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเหนื่อยใจ ท่านพุทธทาสฯพูดเหมือนปลงตกไปแล้ว
มองดูบ้านเมืองตอนนี้ ไสยศาสตร์ทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งฆราวาสและพระ ปัญญาอ่อนกันถ้วนหน้า
ขออนุญาตถอนใจสองเฮือก ถอนผมหงอกสองเส้นที่เกิดจากความเหนื่อยใจ แล้วถอนใจอีกสองเฮือก แล้วไปทำงานต่อ
วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/winlyovarin/