สวัสดีค่ะทุกคน เมื่อพูดถึงทุนที่ให้กินฟรี อยู่ฟรี มีเงินให้ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น หรือ เรียกสั้นๆว่าทุนมง คงเป็นตัวเลือกแรกๆที่รู้จักกัน ซึ่งรายละเอียดว่ามีกี่แบบ อะไรบ้าง น่าจะหาอ่านกันได้เยอะแล้วแหละเนอะ เราจะมาเล่าประสบการณ์ในส่วนของ university recommendation (The International Priority Graduate Programs: PGP) เอาตั้งแต่ก่อนเขียนใบสมัครกันเลย ข้อมูลทั้งหมดเป็นการอ้างอิงจากการสมัครผ่านมหาวิทยาลัยโอซาก้า หลักสูตร Biotechnology Global Human Resource Development Program (5 ปี โท-เอก)....เริ่มค่ะ
1. รู้จักตัวเองก่อน
ก่อนจะเลือกอะไรไปต้องรู้จักตัวเองกันก่อนนะ เพราะเราจะอยู่กับสิ่งที่เราตัดสินใจไปอย่างน้อยๆก็ 2-5 ปี แถมยังจะต้องทำงานกับมันเลี้ยงชีพต่อไปอีกจนเกษียณเลยนะ ถ้าเกลียดมันขึ้นมาที่หลัง เราคงไม่มีความสุขกับชีวิตแหงๆ อย่างเราเองเรียนตรี-โท สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ ก็เท่ากับว่าไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก ปรับตัวไม่ยาก (มั้ง) ทำงานในห้องแลปเหมือนเดิม เลี้ยงเชื้อไป ก็สนุกดี เราชอบ ก็เลือกไป ถ้าเพื่อนชอบสาขานี้เหมือนกันก็สมัครมาเลยนะ
http://www.bio.eng.osaka-u.ac.jp/gh_resour_prog/index.html
แต่ถ้าไม่ชอบสาขานี้มีสาขาอื่นไหมล่ะ...มีสิ....หลายมหาวิทยาลัยเลยนะ ข้อมูลตามลิงค์นี้อาจจะเก่าไม่ได้อัพเดต แต่ยังพอใช้อ้างอิงตามไปดูที่เว็บมหาวิทยาลัยได้ว่ายังมีหลักสูตรนี้เปิดรับสมัครของปีการศึกษานี้หรือไม่
http://www.mext.go.jp/a_menu/koutou/ryugaku/kokuhi/tokubetu/07032702.htm
2. จีบอาจารย์
หลังจากที่ไปสืบมาแล้วว่ามีสาขาที่เราสนใจอยู่นะ แล้วก็ยังเปิดรับสมัครอยู่นะ ก็ต้องไปดูว่าอยากทำงานวิจัยแบบไหน กับใคร เพราะก่อนจะสมัครเราต้องมี prospective advisor ด้วยนะ เราก็จะต้องดำเนินการจีบอาจารย์ท่านนั้น ให้เค้าสนใจเราให้ได้ มีสรรพคุณดียังไง ใส่เข้าไปค่ะ แนบ CV อะไรไปให้เรียบร้อย ถ้าอาจารย์เค้าเห็นแวว เค้าก็จะบอกประมาณว่า “งั้นก็สมัครมาเลยนะ ใส่ชื่อเค้าเป็น prospective advisor เลยนะ”
แต่สำหรับอาจารย์บางท่านเค้าอาจจะอยากขอสัมภาษณ์ ดูหน้าตากันสักนิดนึง อาจจะมี skype interview ก่อนก็ได้ ซึ่งเราประสบมาแล้ว เจอกัน 3:1 อาจารย์หมายเลข 1 ถามเสร็จก็หันกล้องไปหาอาจารย์ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งบรรยากาศมันจะหวิวๆ คล้ายจะเป็นลมหน่อยๆ แต่ก็ผ่านมาได้นะ
ปล. ในขั้นตอนนี้ เราควรมีคะแนนภาษาอังกฤษอยู่ในมือแล้วนะ เพราะเค้าอาจจะถามว่าได้คะแนนมาเท่าไหร่แล้วจ๊ะหนูลูก
3. ส่งใบสมัคร
กรอกตามจริงไปค่ะ เค้าขออะไรมาก็ใส่ข้อมูลไป แต่ช่องที่ถามว่าอยากไปทำงานวิจัยกับอาจารย์คนไหน ใส่มา 3 คน ก็เลือกใส่ไปค่ะ เอาคนที่เรายังทำงานได้ สนใจในหัวข้องานได้ ซึ่งเราเองสัมภาษณ์กับอาจารย์แลปตัวเลือกที่ 1 แต่ได้ไปอยู่จริงที่อันดับ 3 เลย ถ้าสักแต่ใส่ๆไปให้ครบๆ อาจจะต้องไปอยู่กับงานที่เราไม่ชอบก็ได้
4. ประกาศผล
ประมาณกลางเดือนมกราคม ทางมหาวิทยาลัยก็จะส่งผล final candidate มาทางอีเมล และก็เตรียมตัวสัมภาษณ์ต่อเลย
5. สัมภาษณ์
การสัมภาษณ์หรือการสอบของแต่ละมหาวิทยาลัยอาจแตกต่างกัน อาจจะมาเป็นโทรศัพท์สัมภาษณ์หรือส่งคำถามมาทางอีเมลที่ละคำถาม ทำไปเรื่อยๆ ส่งเมลคำตอบภายใน 24 ชั่วโมง ในส่วนความฟิตของอาจารย์นั้น.....เคยตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีห้า เมลคำถามก็มา ตีห้าไทย เจ็ดโมงญี่ปุ่น อะไรจะฟิตขนาดนี้อ่ะ
6. ส่งใบสมัครทุน
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ คุณเลขาในแลปของอาจารย์จะติดต่อมาให้ส่งเอกสารสมัครทุนอีกรอบ (รอบแรก สมัครเข้าหลักสูตร) เค้าให้ทำอะไรก็ทำไปค่ะ ทำให้ถูกต้องและส่งให้ตรงเวลา เพราะถ้าพวกเรามาจนถึงขั้นตอนนี้แล้ว โอกาสที่จะหลุดทุนมีน้อยมากแล้ว ถ้าจะหลุดก็เพราะเอกสารไม่สมบูรณ์นี้แหละนะ
7. รออย่างอดทน
อดทนขนาดไหนหรอ ก็รอตั้งแต่เดือน 3-8 นานไหมล่ะ การรอครั้งนี้เหมือนแลกกับทุกอย่าง เพราะหลังจากเรียนจบโทก็ไม่ได้หางานทำไว้เลย แต่เลือกทำงานในแลปต่อหลังจากเรียนจบ หาเงินพอดูแลตัวเอง ไม่ให้ที่บ้านต้องส่งเงินมาดูแลกันอีก การรอจะยิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีกเมื่อถึงวันที่แจ้งในเอกสารสมัครว่าจะประกาศผลทุนช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนะ แต่มันไม่ออก ทางมหาวิทยาลัยก็บอกให้รอนะ แต่เมื่อไหร่ ไม่รู้เหมือนกัน สุดท้ายลากยาวไปจนถึงวันสุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ต่อเดือนสิงหาเลย ในบางมหาวิทยาลัยอาจจะช้าไปถึงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมเลยก็ได้
สำหรับเว็บบอร์ดที่เข้าไปร่วมลุ้นกับผู้สมัครคนอื่นๆ อารมณ์จับมือกับเพื่อนนางงามคือเว็บนี้ค่ะ
https://www.jref.com/forum/threads/mext-scholarship-through-university-recommendation.43903/page-60
8. ประกาศผลทุนและทำวีซ่า
เมื่อผลประกาศแล้วก็สบายใจได้เลยค่ะ รอรับเอกสารจากทางมหาวิทยาลัยเพื่อยื่นเรื่องทำวีซ่าที่สถานทูตได้เลย เอกสารที่ใช้ก็มี รูป 2*2 นิ้ว พื้นหลังขาว, จดหมายตอบรับเข้าเรียน, หนังสือเดินทาง, ใบสมัครวีซ่า, แบบสอบถาม (2 รายการหลังสามารถดาวโหลดจากเว็บไซต์ได้เลยนะ) ใช้เวลาเร็วมากประมาณ 10 นาที รับเล่มหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่าได้ในวันทำการถัดไป ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินนั้นเราเลือกได้เฉพาะวันที่เราไปถึง สายการบินเลือกไม่ได้นะจ๊ะ ของเราได้เวียดนามแอร์ไลน์
ถ้ามีคำถามฝากมาหลังไมค์ได้นะคะ หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์กันนะ
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น แบบ University recommendation
1. รู้จักตัวเองก่อน
ก่อนจะเลือกอะไรไปต้องรู้จักตัวเองกันก่อนนะ เพราะเราจะอยู่กับสิ่งที่เราตัดสินใจไปอย่างน้อยๆก็ 2-5 ปี แถมยังจะต้องทำงานกับมันเลี้ยงชีพต่อไปอีกจนเกษียณเลยนะ ถ้าเกลียดมันขึ้นมาที่หลัง เราคงไม่มีความสุขกับชีวิตแหงๆ อย่างเราเองเรียนตรี-โท สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ ก็เท่ากับว่าไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก ปรับตัวไม่ยาก (มั้ง) ทำงานในห้องแลปเหมือนเดิม เลี้ยงเชื้อไป ก็สนุกดี เราชอบ ก็เลือกไป ถ้าเพื่อนชอบสาขานี้เหมือนกันก็สมัครมาเลยนะ
http://www.bio.eng.osaka-u.ac.jp/gh_resour_prog/index.html
แต่ถ้าไม่ชอบสาขานี้มีสาขาอื่นไหมล่ะ...มีสิ....หลายมหาวิทยาลัยเลยนะ ข้อมูลตามลิงค์นี้อาจจะเก่าไม่ได้อัพเดต แต่ยังพอใช้อ้างอิงตามไปดูที่เว็บมหาวิทยาลัยได้ว่ายังมีหลักสูตรนี้เปิดรับสมัครของปีการศึกษานี้หรือไม่
http://www.mext.go.jp/a_menu/koutou/ryugaku/kokuhi/tokubetu/07032702.htm
2. จีบอาจารย์
หลังจากที่ไปสืบมาแล้วว่ามีสาขาที่เราสนใจอยู่นะ แล้วก็ยังเปิดรับสมัครอยู่นะ ก็ต้องไปดูว่าอยากทำงานวิจัยแบบไหน กับใคร เพราะก่อนจะสมัครเราต้องมี prospective advisor ด้วยนะ เราก็จะต้องดำเนินการจีบอาจารย์ท่านนั้น ให้เค้าสนใจเราให้ได้ มีสรรพคุณดียังไง ใส่เข้าไปค่ะ แนบ CV อะไรไปให้เรียบร้อย ถ้าอาจารย์เค้าเห็นแวว เค้าก็จะบอกประมาณว่า “งั้นก็สมัครมาเลยนะ ใส่ชื่อเค้าเป็น prospective advisor เลยนะ”
แต่สำหรับอาจารย์บางท่านเค้าอาจจะอยากขอสัมภาษณ์ ดูหน้าตากันสักนิดนึง อาจจะมี skype interview ก่อนก็ได้ ซึ่งเราประสบมาแล้ว เจอกัน 3:1 อาจารย์หมายเลข 1 ถามเสร็จก็หันกล้องไปหาอาจารย์ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งบรรยากาศมันจะหวิวๆ คล้ายจะเป็นลมหน่อยๆ แต่ก็ผ่านมาได้นะ
ปล. ในขั้นตอนนี้ เราควรมีคะแนนภาษาอังกฤษอยู่ในมือแล้วนะ เพราะเค้าอาจจะถามว่าได้คะแนนมาเท่าไหร่แล้วจ๊ะหนูลูก
3. ส่งใบสมัคร
กรอกตามจริงไปค่ะ เค้าขออะไรมาก็ใส่ข้อมูลไป แต่ช่องที่ถามว่าอยากไปทำงานวิจัยกับอาจารย์คนไหน ใส่มา 3 คน ก็เลือกใส่ไปค่ะ เอาคนที่เรายังทำงานได้ สนใจในหัวข้องานได้ ซึ่งเราเองสัมภาษณ์กับอาจารย์แลปตัวเลือกที่ 1 แต่ได้ไปอยู่จริงที่อันดับ 3 เลย ถ้าสักแต่ใส่ๆไปให้ครบๆ อาจจะต้องไปอยู่กับงานที่เราไม่ชอบก็ได้
4. ประกาศผล
ประมาณกลางเดือนมกราคม ทางมหาวิทยาลัยก็จะส่งผล final candidate มาทางอีเมล และก็เตรียมตัวสัมภาษณ์ต่อเลย
5. สัมภาษณ์
การสัมภาษณ์หรือการสอบของแต่ละมหาวิทยาลัยอาจแตกต่างกัน อาจจะมาเป็นโทรศัพท์สัมภาษณ์หรือส่งคำถามมาทางอีเมลที่ละคำถาม ทำไปเรื่อยๆ ส่งเมลคำตอบภายใน 24 ชั่วโมง ในส่วนความฟิตของอาจารย์นั้น.....เคยตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีห้า เมลคำถามก็มา ตีห้าไทย เจ็ดโมงญี่ปุ่น อะไรจะฟิตขนาดนี้อ่ะ
6. ส่งใบสมัครทุน
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ คุณเลขาในแลปของอาจารย์จะติดต่อมาให้ส่งเอกสารสมัครทุนอีกรอบ (รอบแรก สมัครเข้าหลักสูตร) เค้าให้ทำอะไรก็ทำไปค่ะ ทำให้ถูกต้องและส่งให้ตรงเวลา เพราะถ้าพวกเรามาจนถึงขั้นตอนนี้แล้ว โอกาสที่จะหลุดทุนมีน้อยมากแล้ว ถ้าจะหลุดก็เพราะเอกสารไม่สมบูรณ์นี้แหละนะ
7. รออย่างอดทน
อดทนขนาดไหนหรอ ก็รอตั้งแต่เดือน 3-8 นานไหมล่ะ การรอครั้งนี้เหมือนแลกกับทุกอย่าง เพราะหลังจากเรียนจบโทก็ไม่ได้หางานทำไว้เลย แต่เลือกทำงานในแลปต่อหลังจากเรียนจบ หาเงินพอดูแลตัวเอง ไม่ให้ที่บ้านต้องส่งเงินมาดูแลกันอีก การรอจะยิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีกเมื่อถึงวันที่แจ้งในเอกสารสมัครว่าจะประกาศผลทุนช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนะ แต่มันไม่ออก ทางมหาวิทยาลัยก็บอกให้รอนะ แต่เมื่อไหร่ ไม่รู้เหมือนกัน สุดท้ายลากยาวไปจนถึงวันสุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ต่อเดือนสิงหาเลย ในบางมหาวิทยาลัยอาจจะช้าไปถึงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมเลยก็ได้
สำหรับเว็บบอร์ดที่เข้าไปร่วมลุ้นกับผู้สมัครคนอื่นๆ อารมณ์จับมือกับเพื่อนนางงามคือเว็บนี้ค่ะ
https://www.jref.com/forum/threads/mext-scholarship-through-university-recommendation.43903/page-60
8. ประกาศผลทุนและทำวีซ่า
เมื่อผลประกาศแล้วก็สบายใจได้เลยค่ะ รอรับเอกสารจากทางมหาวิทยาลัยเพื่อยื่นเรื่องทำวีซ่าที่สถานทูตได้เลย เอกสารที่ใช้ก็มี รูป 2*2 นิ้ว พื้นหลังขาว, จดหมายตอบรับเข้าเรียน, หนังสือเดินทาง, ใบสมัครวีซ่า, แบบสอบถาม (2 รายการหลังสามารถดาวโหลดจากเว็บไซต์ได้เลยนะ) ใช้เวลาเร็วมากประมาณ 10 นาที รับเล่มหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่าได้ในวันทำการถัดไป ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินนั้นเราเลือกได้เฉพาะวันที่เราไปถึง สายการบินเลือกไม่ได้นะจ๊ะ ของเราได้เวียดนามแอร์ไลน์
ถ้ามีคำถามฝากมาหลังไมค์ได้นะคะ หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์กันนะ