สวัสดีค่า😀 อย่างที่หลายๆคนรู้กันว่าทุน MEXT:Monbukagakusho หรือที่รู้จักกันในชื่อ'ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น' เป็นทุนในฝันสำหรับคนไปเรียนต่อญี่ปุ่นเลย ด้วยความคลอบคลุมตั้งแต่ค่าเรียน ค่าเครื่องบิน ยันค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หลายคนคงเห็นรอบสถานฑูตที่เค้าเปิดสอบกันประมาณสิงหา 2020 และมิถุนา 2021 ซึ่งจริงๆแล้วทุน MEXT เนี่ยมี 2 ประเภทนะคะสำหรับคนที่จะสอบป.โท คือรอบสถานฑูตที่เราต้องไปสอบข้อเขียนละค่อยสอบสัมภาษณ์กัน กับอีกประเภทคือ University recommendation ซึ่งดูเป็นรอบลับแลมากกก เนื่องจากรอบนี้เราต้องสมัครกับมหาลัยญี่ปุ่นโดยตรง และข้อมูลรีวิวที่มีอยู่ก็น้อยเหลือเกินเพราะส่วนใหญ่คนมักจะสมัครรอบสถานฑูตกันมากกว่า วันนี้เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์การสมัคร เตรียมเอกสาร ยันสัมภาษณ์จนจบให้ฟังกันค่ะ
ก่อนอื่น ขอเกริ่นเรื่องข้อแตกต่างของการ MEXT ทั้ง 2 รอบก่อน
สำหรับร
อบสถานฑูต จะสมัครในชื่อทุน Research student คือเราต้องไปทำงานวิจัยในแลปกับอาจารย์ที่ญี่ปุ่นก่อน 1 - 2 ปี ถึงชื่อจะบอกว่าเป็น non degree แต่ในระหว่างที่เข้าแลปนั่นแหล่ะค่ะก็เตรียมตัวเพื่อสอบเข้าป.โทไปด้วย ดังนั้นจะใช้เวลาในจบโท 3 - 4 ปี
ส่วนในรอบของ
University recommendation นั้น เราจะเริ่มจากหามหาวิทยาลัยที่สนใจ > หาสาขาที่เรียนและอาจารย์ตรงสายตามที่เราอยากเรียนหรือทำวิจัย > เช็คอีกทีว่าแลปนั้นรับนักศึกษาต่างชาติมั้ย(บางแลปเว็บเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย ใช้ google translate แทนนะคะ) > ส่งอีเมลล์สอบถามเพื่อพูดคุยอีกที ติดต่อว่าปีนี้เค้าพร้อมจะรับนักศึกษาเข้าแลปหรือไม่
ที่ยากอีกอย่างคือระยะเวลารับสมัครของแต่ละมหาลัยค่ะ เพราะช่วงเวลาที่เค้ารับมันกระจายตลอดปี ที่เราเห็นเร็วสุดคือเริ่มรับตั้งแต่เดือน 7 ของปีก่อนหน้ายันเดือน 4 ก่อนที่จะไปเรียนในเดือนตุลาของปีนั้นๆ กลับกัน ระยะเวลาเปิดรับสมัครของแต่ละมหาลัยมีไม่นานค่ะ ส่วนใหญ่ 2 อาทิตย์ เท่ากับว่าเราต้องมีข้อมูลล่วงหน้าก่อนที่เค้าจะเปิดรับ เพื่อให้พอเค้าประกาศเราจะได้เตรียมเอกสารและอะไรหลายๆอย่างให้ทัน
โดยสิ่งที่เราควรเตรียมไว้ก่อนเลยคือผลการทดสอบภาษาอังกฤษค่ะ เราเคยสอบโทอิคทิ้งไว้ปีก่อนเผื่อใช้ในอนาคต ก็ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ โดยเกณฑ์ที่เค้ากำหนดรับ คือ B2 ขึ้นไป (คะแนนอื่นๆลองดูในเว็บอีกทีนะคะ) ซึ่งก็คือ listening 400+ reading 385+
ets.org
กับถ้าใช้ JLPT เหมือนจะต้อง N2+ นะ ยังไงลองเช็คในเว็บมหาลัยนั้นๆดูอีกทีค่ะ
ซึ่งมหาลัยเป็นมหาลัยทางด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะ เน้นเรื่องหุ่นยนต์กับ AI เป็นหลัก ถึงจะเป็นสายวิทยาศาสตร์แต่คนที่เรียนสายอื่นก็อ่านเป็นไกด์ได้นะคะ น่าจะต่างกันหลักๆแค่ research plan
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ :
https://www.iizuka.kyutech.ac.jp/iart/scholarship
ปีที่เราสมัครรับป.โท 3 คน ป.เอก 1 คน แต่คนสมัครมีชาวต่างชาติด้วย ไม่ได้มีแค่คนไทยนะ
ตามที่บอกไปตอนแรกว่าเราต้องหาทุนตามจากแต่ละมหาลัย แล้วติดต่ออาจารย์ไปเอง แต่ตอนเราสมัคร เรารู้รายละเอียดผ่านเพื่อนที่อยู่อีกมหาลัยค่ะ ซึ่งอาจารย์จากแลปที่ญี่ปุ่นนั้นเค้าหาคนเองเลย เท่ากับว่าลดขั้นตอนช่วงติดต่ออาจารย์ไปเพราะรู้อยู่แล้วว่าแลปนี้ต้องการคนและมีทุนให้ แค่เข้าไปดูว่าแลปย่อยเค้ามีอะไรที่เราสนใจมั้ย สายที่จะเรียนต่อป.โทตรงตามที่เราต้องการหรือไม่ ซึ่งจากที่เราไปดูงานในแลปเค้ากับอ่านจาก description สมัครที่ค่อนข้างตรง เลยลองสมัครดูค่ะ แต่ช่วงเวลาที่เรารู้ทุนกับเดดไลน์นั้น ห่างกันประมาณ 2 อาทิตย์ แถมก่อนหน้านั้นเป็นช่วงที่เรากำลังคิดอยู่ว่า จะทำงานหรือต่อโทดี แต่พอเพื่อนโยนทุนมาให้ หลายๆอย่างเหลือแค่ลงมือทำ ประกอบกับแรงจูงใจไปต่อญี่ปุ่นค่อนข้างมาก เลยคิดว่าลองซักหน่อยก็ไม่เสียหาย
Timeline การสมัครโดยภาพรวมจะเป็น
สมัครทุน MEXT กับทางแลป(ต้น ม.ค.) → สัมภาษณ์กับอาจารย์แลป(ปลาย ม.ค.) → ประกาศผลทุน(ต้น ก.พ.) → ทำเรื่องสมัครป.โทกับมหาลัย(ปลาย พ.ค.) → สัมภาษณ์กับอาจารย์คณะ(ต้น ก.ค.) → ประกาศผลสมัครป.โท(ปลาย ก.ค.)
✨สมัครทุน MEXT กับทางแลป(ต้นมกรา)✨
ตอนเราตัดสินใจจะสมัคร เหลือเวลาไม่เยอะก่อนปิดรับค่ะ เลยเริ่มจากเลือกแลปที่สนใจก่อน ดูรายละเอียดเยอะๆ (ตอนที่เราเข้าเรียน สาขาที่เราเรียนจะตามสาขาของอาจารย์แลปนั้นๆเลยนะคะ)
การกรอกรายละเอียดในฟอร์มคร่าวๆเพื่อดูว่าทุกอย่างตรงตาม requirement หมดมั้ย มีอะไรที่เราไม่มีแล้วจะเตรียมไม่ทันรึเปล่าจะได้ไม่เสียเวลากรอกอันนี้แล้วหาที่ใหม่(ช่วงมกราเราว่าเปิดหลายที่อยู่นะ) แต่พอกรอกและดูลิสเอกสารคิดว่าน่าจะทันค่ะ ก็เลยเริ่มทำเรื่องขอเอกสารต่อไป ติดต่ออาจารย์ ซึ่งอันนี้แนะนำทำเนิ่นๆ ไหนช่วงนี้จะโควิดอีก ขอไปอาจจะล่าช้าได้ พอจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างแล้วก็เริ่มกรอกฟอร์มดีๆ สำหรับรอบเรา ส่วนที่สำคัญคือ research plan และคลิปแนะนำตัว 5 นาทีค่ะ
สำหรับ research plan เราเริ่มจากการไปอ่านเปเปอ หรือดูงานวิจัยในแลปที่สนใจว่ามีอะไรที่เราพอจะทำได้มั้ย ก็ไล่อ่านไล่ดูซ้ำๆไป จนกว่าจะได้ไอเดียว่ามีอะไรที่เราสามารถต่อยอดจากงานของเค้าได้บ้าง หรือบางคนอาจจะคิดหัวข้อใหม่ขึ้นมาเลยก็ได้เหมือนกันนะคะ ขั้นตอนนี้ขึ้นกับแต่ละคนเลยว่านานเท่าไหร่ถึงจะปิ๊ง พอได้หัวข้อแล้วก็เขียนแยกหัวข้อย่อยไปอีก ที่มาความสำคัญ จุดประสงค์ ลำดับวิธีการคร่าวๆว่าใช้หรือทำยังไงบ้าง ผลลัพธ์ที่คาดหวังและแหล่งอ้างอิง อันนี้เราก็ทำรวมๆ 6 วัน อ่าน+คิด 4 เขียนอีก 2 รีบมากๆ 555 จากนั้นก็ทำส่วน video presentation ค่ะ ก็เริ่มจากคิดว่าอาจารย์น่าจะอยากรู้อะไรจากเรา เช่น มาจากไหน เรียนจบยัง เรียนอะไรไปบ้าง เคยทำงานอะไรมั้ย หรือมีโปรเจคอะไรเด่นๆ และโปรเจคจบทำอะไร ก็พยายามรวมๆไปใน 5-6 นาทีค่ะ พูดเป็นอังกฤษ เน้นว่าให้ตีโจทย์ก่อนนะคะ อย่าพูดในสิ่งที่เราอยากพูดไปหมด แต่ให้คิดว่าอีกฝั่งเป็นอาจารย์ในแลป แล้วคิดว่าเค้าอยากรู้อะไรบ้าง วิชาการ งานที่เคยทำก็ว่าไป ลองเขียนเป็นหัวหลักๆมาก่อนแล้วค่อยเรียบเรียงเนื้อหาย่อยๆค่ะ
พอเตรียมเอกสารทุกอย่างตามที่เค้าลิสไว้ให้เสร็จก็ส่งทางเมลล์ได้เลยค่ะ เขียนเนื้ออีเมลล์ด้วยนะคะอย่าส่งไปแต่เอกสาร 555 เช่นเป็นใคร มาจากไหน ส่งเมลล์มาเพื่ออะไร เคยทำหรือเรียนอะไรมา(แบบคร่าวๆ) ทำไมอยากเรียนต่อ แล้วก็ขอบคุณที่พิจารณาไรงี้ เช็คเอกสารให้ครบถ้วนดีๆก่อนส่ง อย่างคลิป ถ้าอัพลงไดรฟ์ลองให้คนอื่นช่วยเช็คก็ได้ค่ะว่าเปิดไฟล์ได้มั้ย อย่างของเราตอนส่ง ส่งวันสุดท้าย แล้วพี่เค้าส่งกลับมาว่าเปิดไม่ได้ ใจแป้วเลย ยังดีที่เค้าให้ส่งไปใหม่ได้ เกือบไป
หลังจากนั้น ก็รอเค้าส่งเมลล์กลับมาว่าผ่านมั้ย ถ้าผ่าน ก็เตรียมตัวสำหรับรอบสัมภาษณ์ต่อไปได้เลยค่า
✨สัมภาษณ์กับอาจารย์แลป(ปลายมกรา)✨
ขั้นตอนนี้เราก็เตรียมตัวประมาณ 5 วัน สิ่งที่ต้องทำคือเตรียมสไลด์พรีเซ้น 15 นาทีกับเตรียมตอบคำถามค่ะ ในส่วนของสไลด์ เราคิดว่ารอบทุนอาจจะไม่ได้เน้นวิชาการมาก อย่างให้เห็นภาพรวมของตัวเราเอง(เพราะจริงๆเราก็ไม่ได้เด่นวิชาการขนาดนั้น 555) เลยใส่ไปหลายอย่าง วิชาที่เคยเรียนหลักๆ โปรเจคที่เคยทำ เคยได้ทุนหรือไปต่างประเทศที่ไหนบ้าง ไปทำอะไร(ให้รู้ว่าเราสามารถอยู่ต่างที่หรือทำงานกับชาวต่างชาติได้นะ) ฝึกงานที่ไหน ได้ทำตำแหน่งอะไร อย่างเราตอนฝึกงานรอบแรกทำ UX/UI designer รอบ 2 ทำจิปาถะหลายอย่างมาก ก็เขียนไปค่ะ มันไม่ค่อยเกี่ยวกับสายที่สมัครก็จริง แต่ให้เค้ารู้ว่าเราทำได้หลายอย่างนะ จริงๆตอนแรกจะใส่พาร์ทไทม์ด้วยแต่เวลาพูดไม่พอเลยตัดออก ถ้าใครมีก็ใส่ด้วยก็ได้ จากนั้นก็เริ่มพูดถึงงานแข่งกับ senior project ว่าทำอะไร แล้วค่อยอธิบาย research plan ว่างานที่เราเขียนไปคืออะไร จะทำอะไรบ้าง อธิบายให้เข้าฝั่ง technical นิดนึงอย่าลอยมาก อารมณ์เหมือนว่าที่เราคิดมันน่าจะทำได้ ถ้าทำแบบนี้ๆ แล้วก็ใส่หน้า resume ที่จัดเป็นแนวนอนเสริมไปด้วยเผื่อเค้าอยากดูรายะละเอียด กิจกรรมอย่างอื่นเพิ่มเติมที่เราไม่มีเวลาพูด เพราะเห็นว่าทางนั้นให้ส่งสไลด์ไปก่อน เลยคิดว่าเค้าน่าจะมีเวลาอันนี้ พอส่งสไลด์เสร็จก็ค่อยซ้อมกับเตรียมตอบคำถามค่ะ เพื่อนก็ให้คำแนะนำมา คำถามก็มี 2 แบบ แบบทั่วไปอย่างจุดอ่อนจุดแข็ง ทำไมอยากเรียนที่ญป. ทำไมเลือกแลปนี้ แล้วถ้าไม่ได้แลปนี้มีแลปอื่นสนใจเพิ่มเติมมั้ย เรียนจบแล้วตั้งใจจะทำอะไรต่อ ประสบการณ์ที่ดี ประสบการณ์ที่ไม่ดีหรือผิดหวังไรงี้ กับคำถามอีกแบบจะเป็นแนววิชาการ ให้อธิบายเพิ่มเติมในโปรเจค หรือตรงนั้นทำยังไง เรียนอันนี้คือเรียนอะไรมาบ้าง ก็ซ้อมพูดเป็นภาษาอังกฤษไป
เราเองก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเพราะเรียนภาคปกติ แต่เวลาซ้อมเราจะใช้วิธีจำหัวข้อแล้วพูดไปเรื่อยค่ะ บางทีก็เน้นพูดบ่อยๆ เรียบเรียงแล้วพูดๆๆ อาจจะฟังแปลกๆแต่เราไม่ชอบเขียนสคริปเพราะจำไม่ได้ 5555 แล้วมันจะทำให้เวลาถ้าลืมจุดไหนมันต่อยากค่ะ เพราะเราจำพยายามนึกว่าคำหรือส่วนต่อไปคืออะไร กับแค่ดูสไลด์แล้วคิดไปว่าหน้านี้เราต้องการพูดไร แล้วค่อยพูดอิ้งไปเลย เราถนัดแบบนี้มากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ แกรมม่าก็ไม่เป๊ะมาก ศัพท์ก็เอาให้ง่ายแต่เข้าใจ เพราะอีกฝั่งก็เป็นญี่ปุ่น ไม่ native ทั้งคู่ เน้นให้รู้เรื่องก็พอค่ะ
ประสบการณ์ส่วนตัวคือเราพรีเซ้นได้ไม่มีปัญหา เกิน 15 นาทีนิดหน่อย แต่ตอนตอบคำถามแอบลำบาก ฟังฝั่งนู้นก็ยากนิดนึง แถมตื่นเต้น คิดคำไม่ออก พูดวน จนตอบเสร็จแล้วไปนอนคิดว่าหาที่ใหม่เตรียมเลยดีมั้ยนะ รู้สึกตอบแย่จัง 555
✨ประกาศผลทุน(ต้นกุมภา)✨
แต่สุดท้ายสุดท้ายก็ ผ่านค่ะ เย่ๆๆๆ🥳 จริงๆค่อนข้างเตรียมใจว่าจะไม่ติดเยอะมาก แต่ก็ผ่านมาได้ ดีใจมากเลย หลังจากอันนี้ก็คือเตรียมส่งเอกสารทั้งหมดที่เราเคยส่งทางเมลล์ไปทางญี่ปุ่นค่ะ ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้(ที่คิวชูเทคเป็นพี่คนไทยค่ะ ใจดีมากๆ สงสัยอะไรก็ถามได้ตลอด) แต่มีเอกสารที่เราต้องใช้เพิ่มอันนึงจากตอนแรกคือตรวจสุขภาพ เราก็ไปตรวจที่รพ.จุฬาค่ะ ยื่นเอกสารให้เค้า บอกว่าจะไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ตรวจนู่นตรวจนี่นิดหน่อย รอผล 2 - 3 วัน ละก็กลับมารวมทุกอย่างส่งอีกทีตามลิสรายการในลิ้งนั้นเลย หรือถ้ามีอะไรต้องแก้จากรอบที่แล้วก็แก้ให้เรียบร้อย โดยอันนึงที่เราต้องส่งไปด้วยคือผล TOEIC ตัวจริงค่ะ ก็ถ่ายเอกสารไว้ที่ไทยเพื่อใช้ไว้หน่อยด้วยก็ได้ ตอนนั้นส่ง DHL โดนไปพันนึงค่ะ แต่ส่งถึงเร็วอยู่ ได้แน่นอน เพราะช่วงโควิดไปรษณีย์จะส่งช้า(เป็นเดือน 555) เลยเลือกอันที่เร็วกว่าแทน
ถามว่าจบอันนี้แล้วถือว่าได้ 100% เลยมั้ย ก็เหมือนจะได้แล้วแหล่ะค่ะ แต่ด้วยความที่ยังเหลือสอบสัมตอนป.โทอีกรอบ เลยเผื่อใจไว้ซัก 10% เผื่อ accident อะไรขึ้น แต่ 10% ตรงนี้ก็ทำให้เราเตรียมตัวได้เต็มที่เหมือนกันค่ะ ประมาณว่ารอบต่อไปแผ่วไม่ได้นะ ทำให้ดีเข้าไว้ไรงี้
เท่ากับว่ารอบทุนจะจบที่ตรงนี้ค่ะ รอทางมหาลัยเค้าจัดการเรื่องกับรัฐบาล แล้วให้เค้าส่งเอกสารทางการกลับมาอีกในอีกหลายเดือนข้างหน้า ก็จะเว้นนานหน่อย เว้นจนแอบระแวงว่าไม่ต้องทำอะไรแล้วจริงหรอ แต่ก็ไม่ต้องทำอะไรจริงๆค่ะ 555
ส่วนอันที่เหลือขอเพิ่มด้านล่างต่อนะคะ
[CR] รีวิวสมัครทุน Mext รอบ University recommendation 2021 ของป.โท สายวิทย์
ก่อนอื่น ขอเกริ่นเรื่องข้อแตกต่างของการ MEXT ทั้ง 2 รอบก่อน
สำหรับรอบสถานฑูต จะสมัครในชื่อทุน Research student คือเราต้องไปทำงานวิจัยในแลปกับอาจารย์ที่ญี่ปุ่นก่อน 1 - 2 ปี ถึงชื่อจะบอกว่าเป็น non degree แต่ในระหว่างที่เข้าแลปนั่นแหล่ะค่ะก็เตรียมตัวเพื่อสอบเข้าป.โทไปด้วย ดังนั้นจะใช้เวลาในจบโท 3 - 4 ปี
ส่วนในรอบของ University recommendation นั้น เราจะเริ่มจากหามหาวิทยาลัยที่สนใจ > หาสาขาที่เรียนและอาจารย์ตรงสายตามที่เราอยากเรียนหรือทำวิจัย > เช็คอีกทีว่าแลปนั้นรับนักศึกษาต่างชาติมั้ย(บางแลปเว็บเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย ใช้ google translate แทนนะคะ) > ส่งอีเมลล์สอบถามเพื่อพูดคุยอีกที ติดต่อว่าปีนี้เค้าพร้อมจะรับนักศึกษาเข้าแลปหรือไม่
ที่ยากอีกอย่างคือระยะเวลารับสมัครของแต่ละมหาลัยค่ะ เพราะช่วงเวลาที่เค้ารับมันกระจายตลอดปี ที่เราเห็นเร็วสุดคือเริ่มรับตั้งแต่เดือน 7 ของปีก่อนหน้ายันเดือน 4 ก่อนที่จะไปเรียนในเดือนตุลาของปีนั้นๆ กลับกัน ระยะเวลาเปิดรับสมัครของแต่ละมหาลัยมีไม่นานค่ะ ส่วนใหญ่ 2 อาทิตย์ เท่ากับว่าเราต้องมีข้อมูลล่วงหน้าก่อนที่เค้าจะเปิดรับ เพื่อให้พอเค้าประกาศเราจะได้เตรียมเอกสารและอะไรหลายๆอย่างให้ทัน
โดยสิ่งที่เราควรเตรียมไว้ก่อนเลยคือผลการทดสอบภาษาอังกฤษค่ะ เราเคยสอบโทอิคทิ้งไว้ปีก่อนเผื่อใช้ในอนาคต ก็ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ โดยเกณฑ์ที่เค้ากำหนดรับ คือ B2 ขึ้นไป (คะแนนอื่นๆลองดูในเว็บอีกทีนะคะ) ซึ่งก็คือ listening 400+ reading 385+
กับถ้าใช้ JLPT เหมือนจะต้อง N2+ นะ ยังไงลองเช็คในเว็บมหาลัยนั้นๆดูอีกทีค่ะ
ซึ่งมหาลัยเป็นมหาลัยทางด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะ เน้นเรื่องหุ่นยนต์กับ AI เป็นหลัก ถึงจะเป็นสายวิทยาศาสตร์แต่คนที่เรียนสายอื่นก็อ่านเป็นไกด์ได้นะคะ น่าจะต่างกันหลักๆแค่ research plan
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ : https://www.iizuka.kyutech.ac.jp/iart/scholarship
ปีที่เราสมัครรับป.โท 3 คน ป.เอก 1 คน แต่คนสมัครมีชาวต่างชาติด้วย ไม่ได้มีแค่คนไทยนะ
ตามที่บอกไปตอนแรกว่าเราต้องหาทุนตามจากแต่ละมหาลัย แล้วติดต่ออาจารย์ไปเอง แต่ตอนเราสมัคร เรารู้รายละเอียดผ่านเพื่อนที่อยู่อีกมหาลัยค่ะ ซึ่งอาจารย์จากแลปที่ญี่ปุ่นนั้นเค้าหาคนเองเลย เท่ากับว่าลดขั้นตอนช่วงติดต่ออาจารย์ไปเพราะรู้อยู่แล้วว่าแลปนี้ต้องการคนและมีทุนให้ แค่เข้าไปดูว่าแลปย่อยเค้ามีอะไรที่เราสนใจมั้ย สายที่จะเรียนต่อป.โทตรงตามที่เราต้องการหรือไม่ ซึ่งจากที่เราไปดูงานในแลปเค้ากับอ่านจาก description สมัครที่ค่อนข้างตรง เลยลองสมัครดูค่ะ แต่ช่วงเวลาที่เรารู้ทุนกับเดดไลน์นั้น ห่างกันประมาณ 2 อาทิตย์ แถมก่อนหน้านั้นเป็นช่วงที่เรากำลังคิดอยู่ว่า จะทำงานหรือต่อโทดี แต่พอเพื่อนโยนทุนมาให้ หลายๆอย่างเหลือแค่ลงมือทำ ประกอบกับแรงจูงใจไปต่อญี่ปุ่นค่อนข้างมาก เลยคิดว่าลองซักหน่อยก็ไม่เสียหาย
Timeline การสมัครโดยภาพรวมจะเป็น
สมัครทุน MEXT กับทางแลป(ต้น ม.ค.) → สัมภาษณ์กับอาจารย์แลป(ปลาย ม.ค.) → ประกาศผลทุน(ต้น ก.พ.) → ทำเรื่องสมัครป.โทกับมหาลัย(ปลาย พ.ค.) → สัมภาษณ์กับอาจารย์คณะ(ต้น ก.ค.) → ประกาศผลสมัครป.โท(ปลาย ก.ค.)
✨สมัครทุน MEXT กับทางแลป(ต้นมกรา)✨
ตอนเราตัดสินใจจะสมัคร เหลือเวลาไม่เยอะก่อนปิดรับค่ะ เลยเริ่มจากเลือกแลปที่สนใจก่อน ดูรายละเอียดเยอะๆ (ตอนที่เราเข้าเรียน สาขาที่เราเรียนจะตามสาขาของอาจารย์แลปนั้นๆเลยนะคะ)
การกรอกรายละเอียดในฟอร์มคร่าวๆเพื่อดูว่าทุกอย่างตรงตาม requirement หมดมั้ย มีอะไรที่เราไม่มีแล้วจะเตรียมไม่ทันรึเปล่าจะได้ไม่เสียเวลากรอกอันนี้แล้วหาที่ใหม่(ช่วงมกราเราว่าเปิดหลายที่อยู่นะ) แต่พอกรอกและดูลิสเอกสารคิดว่าน่าจะทันค่ะ ก็เลยเริ่มทำเรื่องขอเอกสารต่อไป ติดต่ออาจารย์ ซึ่งอันนี้แนะนำทำเนิ่นๆ ไหนช่วงนี้จะโควิดอีก ขอไปอาจจะล่าช้าได้ พอจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างแล้วก็เริ่มกรอกฟอร์มดีๆ สำหรับรอบเรา ส่วนที่สำคัญคือ research plan และคลิปแนะนำตัว 5 นาทีค่ะ
สำหรับ research plan เราเริ่มจากการไปอ่านเปเปอ หรือดูงานวิจัยในแลปที่สนใจว่ามีอะไรที่เราพอจะทำได้มั้ย ก็ไล่อ่านไล่ดูซ้ำๆไป จนกว่าจะได้ไอเดียว่ามีอะไรที่เราสามารถต่อยอดจากงานของเค้าได้บ้าง หรือบางคนอาจจะคิดหัวข้อใหม่ขึ้นมาเลยก็ได้เหมือนกันนะคะ ขั้นตอนนี้ขึ้นกับแต่ละคนเลยว่านานเท่าไหร่ถึงจะปิ๊ง พอได้หัวข้อแล้วก็เขียนแยกหัวข้อย่อยไปอีก ที่มาความสำคัญ จุดประสงค์ ลำดับวิธีการคร่าวๆว่าใช้หรือทำยังไงบ้าง ผลลัพธ์ที่คาดหวังและแหล่งอ้างอิง อันนี้เราก็ทำรวมๆ 6 วัน อ่าน+คิด 4 เขียนอีก 2 รีบมากๆ 555 จากนั้นก็ทำส่วน video presentation ค่ะ ก็เริ่มจากคิดว่าอาจารย์น่าจะอยากรู้อะไรจากเรา เช่น มาจากไหน เรียนจบยัง เรียนอะไรไปบ้าง เคยทำงานอะไรมั้ย หรือมีโปรเจคอะไรเด่นๆ และโปรเจคจบทำอะไร ก็พยายามรวมๆไปใน 5-6 นาทีค่ะ พูดเป็นอังกฤษ เน้นว่าให้ตีโจทย์ก่อนนะคะ อย่าพูดในสิ่งที่เราอยากพูดไปหมด แต่ให้คิดว่าอีกฝั่งเป็นอาจารย์ในแลป แล้วคิดว่าเค้าอยากรู้อะไรบ้าง วิชาการ งานที่เคยทำก็ว่าไป ลองเขียนเป็นหัวหลักๆมาก่อนแล้วค่อยเรียบเรียงเนื้อหาย่อยๆค่ะ
พอเตรียมเอกสารทุกอย่างตามที่เค้าลิสไว้ให้เสร็จก็ส่งทางเมลล์ได้เลยค่ะ เขียนเนื้ออีเมลล์ด้วยนะคะอย่าส่งไปแต่เอกสาร 555 เช่นเป็นใคร มาจากไหน ส่งเมลล์มาเพื่ออะไร เคยทำหรือเรียนอะไรมา(แบบคร่าวๆ) ทำไมอยากเรียนต่อ แล้วก็ขอบคุณที่พิจารณาไรงี้ เช็คเอกสารให้ครบถ้วนดีๆก่อนส่ง อย่างคลิป ถ้าอัพลงไดรฟ์ลองให้คนอื่นช่วยเช็คก็ได้ค่ะว่าเปิดไฟล์ได้มั้ย อย่างของเราตอนส่ง ส่งวันสุดท้าย แล้วพี่เค้าส่งกลับมาว่าเปิดไม่ได้ ใจแป้วเลย ยังดีที่เค้าให้ส่งไปใหม่ได้ เกือบไป
หลังจากนั้น ก็รอเค้าส่งเมลล์กลับมาว่าผ่านมั้ย ถ้าผ่าน ก็เตรียมตัวสำหรับรอบสัมภาษณ์ต่อไปได้เลยค่า
✨สัมภาษณ์กับอาจารย์แลป(ปลายมกรา)✨
ขั้นตอนนี้เราก็เตรียมตัวประมาณ 5 วัน สิ่งที่ต้องทำคือเตรียมสไลด์พรีเซ้น 15 นาทีกับเตรียมตอบคำถามค่ะ ในส่วนของสไลด์ เราคิดว่ารอบทุนอาจจะไม่ได้เน้นวิชาการมาก อย่างให้เห็นภาพรวมของตัวเราเอง(เพราะจริงๆเราก็ไม่ได้เด่นวิชาการขนาดนั้น 555) เลยใส่ไปหลายอย่าง วิชาที่เคยเรียนหลักๆ โปรเจคที่เคยทำ เคยได้ทุนหรือไปต่างประเทศที่ไหนบ้าง ไปทำอะไร(ให้รู้ว่าเราสามารถอยู่ต่างที่หรือทำงานกับชาวต่างชาติได้นะ) ฝึกงานที่ไหน ได้ทำตำแหน่งอะไร อย่างเราตอนฝึกงานรอบแรกทำ UX/UI designer รอบ 2 ทำจิปาถะหลายอย่างมาก ก็เขียนไปค่ะ มันไม่ค่อยเกี่ยวกับสายที่สมัครก็จริง แต่ให้เค้ารู้ว่าเราทำได้หลายอย่างนะ จริงๆตอนแรกจะใส่พาร์ทไทม์ด้วยแต่เวลาพูดไม่พอเลยตัดออก ถ้าใครมีก็ใส่ด้วยก็ได้ จากนั้นก็เริ่มพูดถึงงานแข่งกับ senior project ว่าทำอะไร แล้วค่อยอธิบาย research plan ว่างานที่เราเขียนไปคืออะไร จะทำอะไรบ้าง อธิบายให้เข้าฝั่ง technical นิดนึงอย่าลอยมาก อารมณ์เหมือนว่าที่เราคิดมันน่าจะทำได้ ถ้าทำแบบนี้ๆ แล้วก็ใส่หน้า resume ที่จัดเป็นแนวนอนเสริมไปด้วยเผื่อเค้าอยากดูรายะละเอียด กิจกรรมอย่างอื่นเพิ่มเติมที่เราไม่มีเวลาพูด เพราะเห็นว่าทางนั้นให้ส่งสไลด์ไปก่อน เลยคิดว่าเค้าน่าจะมีเวลาอันนี้ พอส่งสไลด์เสร็จก็ค่อยซ้อมกับเตรียมตอบคำถามค่ะ เพื่อนก็ให้คำแนะนำมา คำถามก็มี 2 แบบ แบบทั่วไปอย่างจุดอ่อนจุดแข็ง ทำไมอยากเรียนที่ญป. ทำไมเลือกแลปนี้ แล้วถ้าไม่ได้แลปนี้มีแลปอื่นสนใจเพิ่มเติมมั้ย เรียนจบแล้วตั้งใจจะทำอะไรต่อ ประสบการณ์ที่ดี ประสบการณ์ที่ไม่ดีหรือผิดหวังไรงี้ กับคำถามอีกแบบจะเป็นแนววิชาการ ให้อธิบายเพิ่มเติมในโปรเจค หรือตรงนั้นทำยังไง เรียนอันนี้คือเรียนอะไรมาบ้าง ก็ซ้อมพูดเป็นภาษาอังกฤษไป
เราเองก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเพราะเรียนภาคปกติ แต่เวลาซ้อมเราจะใช้วิธีจำหัวข้อแล้วพูดไปเรื่อยค่ะ บางทีก็เน้นพูดบ่อยๆ เรียบเรียงแล้วพูดๆๆ อาจจะฟังแปลกๆแต่เราไม่ชอบเขียนสคริปเพราะจำไม่ได้ 5555 แล้วมันจะทำให้เวลาถ้าลืมจุดไหนมันต่อยากค่ะ เพราะเราจำพยายามนึกว่าคำหรือส่วนต่อไปคืออะไร กับแค่ดูสไลด์แล้วคิดไปว่าหน้านี้เราต้องการพูดไร แล้วค่อยพูดอิ้งไปเลย เราถนัดแบบนี้มากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ แกรมม่าก็ไม่เป๊ะมาก ศัพท์ก็เอาให้ง่ายแต่เข้าใจ เพราะอีกฝั่งก็เป็นญี่ปุ่น ไม่ native ทั้งคู่ เน้นให้รู้เรื่องก็พอค่ะ
ประสบการณ์ส่วนตัวคือเราพรีเซ้นได้ไม่มีปัญหา เกิน 15 นาทีนิดหน่อย แต่ตอนตอบคำถามแอบลำบาก ฟังฝั่งนู้นก็ยากนิดนึง แถมตื่นเต้น คิดคำไม่ออก พูดวน จนตอบเสร็จแล้วไปนอนคิดว่าหาที่ใหม่เตรียมเลยดีมั้ยนะ รู้สึกตอบแย่จัง 555
✨ประกาศผลทุน(ต้นกุมภา)✨
แต่สุดท้ายสุดท้ายก็ ผ่านค่ะ เย่ๆๆๆ🥳 จริงๆค่อนข้างเตรียมใจว่าจะไม่ติดเยอะมาก แต่ก็ผ่านมาได้ ดีใจมากเลย หลังจากอันนี้ก็คือเตรียมส่งเอกสารทั้งหมดที่เราเคยส่งทางเมลล์ไปทางญี่ปุ่นค่ะ ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้(ที่คิวชูเทคเป็นพี่คนไทยค่ะ ใจดีมากๆ สงสัยอะไรก็ถามได้ตลอด) แต่มีเอกสารที่เราต้องใช้เพิ่มอันนึงจากตอนแรกคือตรวจสุขภาพ เราก็ไปตรวจที่รพ.จุฬาค่ะ ยื่นเอกสารให้เค้า บอกว่าจะไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ตรวจนู่นตรวจนี่นิดหน่อย รอผล 2 - 3 วัน ละก็กลับมารวมทุกอย่างส่งอีกทีตามลิสรายการในลิ้งนั้นเลย หรือถ้ามีอะไรต้องแก้จากรอบที่แล้วก็แก้ให้เรียบร้อย โดยอันนึงที่เราต้องส่งไปด้วยคือผล TOEIC ตัวจริงค่ะ ก็ถ่ายเอกสารไว้ที่ไทยเพื่อใช้ไว้หน่อยด้วยก็ได้ ตอนนั้นส่ง DHL โดนไปพันนึงค่ะ แต่ส่งถึงเร็วอยู่ ได้แน่นอน เพราะช่วงโควิดไปรษณีย์จะส่งช้า(เป็นเดือน 555) เลยเลือกอันที่เร็วกว่าแทน
ถามว่าจบอันนี้แล้วถือว่าได้ 100% เลยมั้ย ก็เหมือนจะได้แล้วแหล่ะค่ะ แต่ด้วยความที่ยังเหลือสอบสัมตอนป.โทอีกรอบ เลยเผื่อใจไว้ซัก 10% เผื่อ accident อะไรขึ้น แต่ 10% ตรงนี้ก็ทำให้เราเตรียมตัวได้เต็มที่เหมือนกันค่ะ ประมาณว่ารอบต่อไปแผ่วไม่ได้นะ ทำให้ดีเข้าไว้ไรงี้
เท่ากับว่ารอบทุนจะจบที่ตรงนี้ค่ะ รอทางมหาลัยเค้าจัดการเรื่องกับรัฐบาล แล้วให้เค้าส่งเอกสารทางการกลับมาอีกในอีกหลายเดือนข้างหน้า ก็จะเว้นนานหน่อย เว้นจนแอบระแวงว่าไม่ต้องทำอะไรแล้วจริงหรอ แต่ก็ไม่ต้องทำอะไรจริงๆค่ะ 555
ส่วนอันที่เหลือขอเพิ่มด้านล่างต่อนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้