สังคมไร้เงินสด ประเทศไทยพร้อมแค่ไหน คุณกล้าใช้บริการมั้ย

ตอนนี้เราอยู่จีน ออกไปไหนมาไหนแทบไม่ต้องพกเงินสดเลย
จ่ายผ่านแอพฯมือถือตลอด รวดเร็วทันใจ
ขนาดร้านรถเข็นริมทางที่มีอาแปะอาม่าเป็นคนขาย ซื้อของไม่กี่หยวนก็จ่ายผ่านแอพฯได้
ไม่ต้องกลัวหาตังค์ทอนไม่ได้ ไม่ต้องกลัวถูกปล้นเงินสด ตรวจสอบเงินได้ว่าออกจากบัญชีไหนเข้าบัญชีไหน

แล้วเวลาจ่ายตังค์ผ่านแอพฯ (หรือรูดบัตรฯก็ตาม) เราต้องกดรหัสผ่าน6ตัวทุกครั้งก่อนจ่าย ซึ่งก็เซฟได้ระดับนึง ว่าถ้าเราทำบัตรหายหรือโทรศัพท์หาย คนอื่นเก็บได้ก็เอาไปใช้ไม่ได้

หรือจะเอาบาร์โคดในมือถือของเรายื่นให้แม่ค้าสแกนก็ได้ แบบนี้ไม่ต้องกดรหัสเลย รวดเร็วขึ้นไปอีก แต่หน้าบาร์โคดจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ(หรือจะกดเปลี่ยนเองก็ได้) ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะแอบเอาบาร์โคดเราไปจ่ายต่อ
เราค่อนข้างมั่นใจกับการรักษาความปลอดภัยทางการเงินของเขา
แล้วเน็ตจีนก็เร็วและค่อนข้างเสถียร
(เอ้ะ นี่เราอวยจีนมากไปมั้ย เอาเป็นว่าเรื่องนี้เราว่าจีนทำได้ดีอ่ะ)

เรากลับไทยปีละแค่ไม่กี่ครั้ง ครั้งละไม่นาน
เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ไทยไปถึงไหนแล้ว แต่เห็นข่าวว่าเริ่มมีแนวคิดสังคมไร้เงินสดแล้ว
ถ้าทำได้จริง เราว่าก็ดีนะคะ มันสะดวกดี และน่าจะสะดวกตอนตรวจสอบภาษีด้วย
แต่เอาจริงๆ เรายังไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของการใช้เงินออนไลน์ในไทยอ่ะค่ะ

อย่างตอนไปซื้อของในไทย เรายังคงใช้เงินสดซะส่วนใหญ่ มีรูดบัตรบ้าง แต่ไม่เคยจ่ายผ่านแอพฯเลย
อย่างตอนรูดบัตรที่ไทยคือ รูดปื้ด เซ็นชื่อเหยเกแค่ไหนก็ผ่าน ไม่ต้องกดรหัสอะไรเลย
เราเลยรู้สึกว่า มันอันตรายมากเลยถ้าบัตรเราหาย แล้วคนอื่นเอาไปใช้
ก็เลยคิดเลยไปว่าแล้วถ้าเป็นแอพฯจะปลอดภัยแค่ไหนหว่า
แล้วต้องแยกใช้แอพฯของแต่ละธนาคารมั้ย(อยากได้แอพฯเดียวที่ผูกบัตรธนาคารอะไรก็ได้ค่ะ)

เราไม่มีความรู้เชิงลึกด้านนี้นะคะ คิดในมุมผู้ใช้บริการอย่างเดียวจริงๆ
เพื่อนๆล่ะคะ คิดว่าไทยพร้อมรึยัง และคุณกล้าใช้บริการมั้ย
หรือใครมีข้อมูลด้านนี้เอามาแชร์กันได้นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ

*********************
เราสรุปความเห็นของทุกคนคร่าวๆไว้ที่ความเห็น 127 ขอยกมาไว้ตรงนี้ด้วยเลยแล้วกันนะคะ เผื่อใครขี้เกียจเลื่อนไปอ่านข้างล่าง

ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น
เราได้ความรู้และได้มุมมองในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเยอะเลย (บางมุมก็ได้เข้าใจตัวเองเพิ่มขึ้นด้วย)
จากที่อ่านความเห็นมา เราขอสรุปเองคร่าวๆดังนี้นะคะ

1.ยังมีคนเข้าใจคำว่าสังคมไร้เงินสดไม่ตรงกับเรา
- บางคนคิดว่า เงินสดจะหายไปจากสังคมเลย แล้วเราจะทำไงกันดีละเนี่ย
ตรงนี้ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เงินสดยังใช้ได้ปกติเหมือนเดิม สะดวกแบบไหนก็ใช้แบบนั้น ไม่มีการบังคับ
- บางคนคิดว่า มันเป็นสังคมแบบที่ไม่ต้องใช้เงินเลย เอ่อ.. มันก็แค่เปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินอ่ะค่ะ แต่คุณยังต้องมีเงินในกระเป๋าเองนะคะ
(บางคนก็เข้าใจถูกแล้ว แต่ตกอยู่ในภาวะ"ไร้เงินสด"แบบจำยอม 555)

เราว่ามันก็คงเป็นไปตามธรรมชาติของมันอะค่ะ ระบบไหนดีก็เติบโต ระบบไหนไม่ดีก็จะค่อยๆหายไป
มันไม่ใช่การมาแทนที่กันในทันที ไม่มีระบบไหนหายไป แต่แค่เพิ่มตัวเลือกมาอีกหนึ่งช่องทาง แล้วใช้ควบคู่กันไป
ช่วงเริ่มใหม่ๆคงยังไม่มีอะไรดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ต้องปรับปรุงแก้ไขกันไป


2.ขอแบ่งคนตอบเป็นสองกลุ่มคือกล้าใช้กับไม่กล้าใช้

2.1กลุ่มคนที่กล้าใช้
-มีการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดอยู่บ้างแล้ว พร้อมปรับตัว อยากลองของใหม่ๆ
-รู้สึกสะดวก
-เห็นประโยชน์จากการใช้ระบบไร้เงินสด เช่น มีส่วนลด บันทึกการใช้จ่ายแบบเรียลไทม์ เป็นต้น

2.2กลุ่มคนที่ไม่กล้าใช้หรือจะไม่ใช้เด็ดขาด
-กลัวความเปลี่ยนแปลง
**แสดงออกในรูปแบบของความกังวล อยากลองแต่ก็กล้าๆกลัวๆ ขอดูลาดเลาก่อน(ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ เราก็อยู่ในกลุ่มนี้)
**ปฏิเสธหัวชนฝา เกรี้ยวกราด (ความจริงมันก็มีพื้นฐานมาจากความกังวลนั่นแหละ)
-กลัวเรื่องมาตรการความปลอดภัยทางการเงิน และการแก้ไขปัญหาที่ล่าช้าของธนาคาร เมื่อเกิดปัญหาก็ปัดความรับผิดชอบมาที่ผู้ใช้(เราก็กังวลข้อนี้ มีข่าวให้เห็นบ๊อยบ่อย)
-กลัวโดนล้วงข้อมูลส่วนตัวจากการจับจ่ายใช้สอย (ข้อนี้เข้าใจได้)
-กลัวการจ่ายภาษี (เลี่ยงภาษีเท่ากับทุจริตนะคะ ข้อนี้ก็แบ่งย่อยเป็นสองกลุ่ม)
**จ่ายเงินสดแบบเดิมได้รับเงินเต็มๆ จ่ายออนไลน์แบบนี้เขาก็รู้หมดสิว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ แล้วจะเลี่ยงภาษียังไง
**หูย อย่าไปตกเป็นเหยื่อไอ้พวกนักการเมืองขี้โกง มันจะเอาภาษีเราไปถลุง(อย่าแก้ปัญหาการทุจริตด้วยการทุจริตสิคะ)
-กลัวระบบเน็ตไม่ดี เน็ตล่มจะทำยังไง (ถึงตอนนั้นค่ายเน็ตคงพัฒนาตัวเองเพื่อตอบสนองลูกค้าแหละค่ะ)
-กลัวต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม (ไม่ฟรีเราก็ไม่ใช้จ้า)
-ต้องเสียค่าเน็ตเพิ่มเพื่อใช้บริการ (สำหรับคนที่ใช้เป็นประจำคงไม่ใช่ปัญหา ถึงตอนนั้นอาจจะมีโปรฯมารองรับโดยเฉพาะด้วย)
-ระบบยังไม่ทั่วถึง ร้านค้าเล็กๆยังไม่มีให้ใช้(มันก็เกิดจากคนยังไม่กล้าใช้นั่นแล)
-อยู่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว จะไปเลียนแบบต่างประเทศเขาทำไมห๊า
-ว่างนักหรือไง ปัญหาอื่นมีเยอะแยะ ไปแก้ปัญหาอื่นให้ได้ก่อนเซ่
(เอ่อ.. เราจะพยายามไม่ใช้อารมณ์ในการโต้ตอบหรือแสดงความคิดเห็นนะคะ แต่ใครจะใช้ก็เข้าใจได้ว่ามันอัดอั้น ตราบใดที่ไม่หยาบคายก็ไม่ว่ากันค่ะ)

ปล.อาจจะยังมีตกหล่น ถ้านึกได้จะมาเพิ่มทีหลังนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
เสียค่าธรรมเนียมไหม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 30
บัตรประชาชน Smart Card ใช้ได้กว้างขวางทั่วประเทศ ไม่ต้องให้ประชาชนไปถ่ายเอกสารพร้อมเซ็นต์กำกับอยู่อย่างนี้ มันควรจะเป็นเรื่องพื้นฐานเรื่องแรกๆ ที่รัฐบาลควรจะทำนะ ถ้าจะไป Thailand 4.0 หรืออย่างโรงพักออนไลน์แบบแจ้งความที่ไหนก็ได้ ฐานข้อมูลลิงค์กันหมด ไม่ใช่ไล่ประชาชนไปแจ้งความสถานที่เกิดเหตุ กลับไม่ทำ

นี่ยังไม่รู้เลยว่าไอ้บัตรประชาชนแบบชิพที่ทุกคนถืออยู่นี่มันจะใช้ได้ตามฟังก์ชั่นของมันได้เมื่อไหร่  แต่กลับกำลังผลักดันอะไรบางอย่างที่คนส่วนใหญ่ยังไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา แต่ก็พยายามหว่านล้อม ชักแม่น้ำทั้งห้า ขายฝัน ให้คนเชื่อ เชื่อว่ามันคือปัญหาจึงต้องทำเพื่อแก้ไข
ความคิดเห็นที่ 26
ยิ้มยย ยังมีหน้ามาสะเออะคิดอยากจะทำตามชาติอื่นเขา

เอาเรื่องคอรัปชั่นให้หมดไปก่อนเหอะ ที่ทำเพราะอยากจะเก็บภาษีได้เต็มเม็ด แต่เก็บเต็มเม็ดแล้วเอาไปโกงกินมันก็ไร้ประโยชน์ เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

แก้ปัญหาคอรัปชั่นน่ะ ได้เงินภาษีที่มาจาประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่าเก็บภาษีจากประชาชนจากไอ QR Code พวกนี้อีก
และที่สำคัญ มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเอางบเอาเวลามาพัฒนาเรื่องนี้ วิธีการเพิ่มเงินในคลัง มันต้องไปหาเพิ่มจากข้างนอก ไม่ใช่มากินจากข้างในตัวเองซึ่งก็คือเก็บจากประชาชนเพิ่ม

มันต้องเพิ่มจากดุลการค้า ไม่ใช่มาจาก Tax นี่มันเหมือนขูดเลือดขูดเนื้อตัวเองมากิน ดูเศรษฐกิจตอนนี้บ้างมั้ย พร้อมรึยัง ขนาดเศรษฐโลกยังแย่เลย เก็บ Tax มากยังไงมันก็ไม่พอใช้ หากระบบเศรษฐกิจในประเทศยังอ่อนแอ เอาเวลาไปคิดไปลงทุนพัฒนา ส่งเสริมอย่างอื่นที่มันพอจะสร้างหรือดูดเม็ดเงินจากข้างนอกให้เข้ามาในประเทศดีกว่า ไปเปลี่ยนมุมมองใหม่ซะนะลุงตู่ ผมไม่เห็นด้วย

เหมือนหัวหน้าครอบจะพัฒนาบ้านอ่ะ โดยการบอกว่า จะสร้างรั้วบ้านใหม่นะ แล้วไปหาเงินจากการเก็บค่าขนมลูก จากเดิมลูกได้วันละ 50 เหลือ 40 บาท ไปเก็บจากค่าไปตลาดของเมีย จากเดิมไปตลาดมื้อละ 100 กลายเป็นเหลือมื้อละ 80 แบบนี้มันไม่ใช่
มันทำให้ระบบเศรษฐกิจในครอบครัวเสีย เพราะมันยังไม่พร้อม ยังอ่อนแออยู่ ลูกยังเรียนไม่จบ เมียก็ไม่มีรายได้เพราะเป็นแม่บ้าน ถ้าเมียงานประจำหรือลูกเรียนจบมีงานทำแล้ว สามารถเรียกเก็บได้ เพราะรายไดด้มั่นคง ถือเป็นระบบเศรษฐกิจที่แข็งแรง

แต่นี่ระบบเศรษฐกิจของไทย ประชาชนส่วนใหญ่เป็นใคร อาชีพอะไร หาเช้ากินค่ำทั้งนั้น รายได้ต่อหัวเท่าไหร่ คุณลองมองไปรอบๆตัวคุณสิ เออ
ไปขูดเลือดจากปู ไปรีดน้ำจากแกลบ มันจะมีได้ไง

ดังนั้น หัวหน้าครอบครัวเมื่อกี้ต้องทำไง คุณจะสร้างรั้ว พัฒนาบ้านเนี่ย คุณต้องไปหารายได้เพิ่มสิ รายได้ทางอื่นข้างนอกบ้านสิ เพื่อให้มันพอกับค่าใช้จ่ายและเป็นเงินเหลือเก็บไว้สร้างรั้ว

นี่ไง แค่หลักการ วิธีคิดของลุงมันก็ผิดแล้ว ลุงเอาเงินงบประมาณของประเทศไปทำไร ขึ้นเงินเดือน ตร. ข้าราชการต่างๆ มันใช่ที่ไหน ในเมื่อรายได้เข้าคลังยังไม่เพิ่มเลย คุณจะใช้เงิน จ่ายเงินมากขึ้นได้ไง รายได้มันก็จะไม่พอไปพัฒนาส่วนอื่นดิ โธ่

ไปเปลี่ยนมุมมองซะใหม่ อย่างน้อยๆเอาเรื่องคอรัปชั่นให้หมดก่อน ประเทศจะเหลือเงินไว้พัฒนาขึ้นอีกเยอะ และก็จะพัฒนาเร็วขึ้นกว่าเดิมมากด้วย
อบต. เหลือเงินงบประมาณไปเที่ยวทุกปีเงี้ย 3จว.ภาคใต้พอได้รึยัง จะสงบได้เมื่อไหร่ แด.รกงบก้อนโตทั้งนั้นแต่ละปี
ความคิดเห็นที่ 22
ผมมองว่าถ้าไทยก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบจริงๆ
คนที่จะ "ยิ้มแก้มปริ" ที่สุด ก็คือบรรดาผู้ให้บริการ internet ทั้งหลาย
เพราะเป็นไปไม่ได้เลย ที่ท่านจะใช้บริการ "สังคมไร้เงินสด" โดยไม่ใช่บริการ internet ควบคู่กันไปด้วย
(หรือถ้าจริงๆแล้วมันมีทางไหน ที่ทำให้ใช้บริการ "สังคมไร้เงินสด" โดยที่คุณไม่ต้องมีบริการ internet ของค่ายใดๆเลย ก็ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ)

คุณอาจมองว่า "โอ๊ย  เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็มีสมาร์ทโฟน เปิดใช้บริการ internet บนสมาร์ทโฟนกันทุกคนแล้ว"
ก็อาจใช่ครับ  แต่ผมคิดว่าก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงตรงส่วนนี้
ความคิดเห็นที่ 169
เงินสกุลดิจิทัล หรือ คริปโต เป็นคำอธิบายได้ดีของสังคมไร้เงินสดครับ จากตอนแรกมาในรูปของพอยต์ แต้มสะสมก่อน แล้วมาก็เปลี่ยนเป็นใช้เงินจริงแลกเปลี่ยนเงินในแอป ของในเกม แล้วก็กลายมาเป็นยุคบิทคับที่ใช้เงินจริงแลกเงินดิจิทัลที่มีราคาสูงกว่า บริบทจะเป็นประมาณนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ให้คนอื่นนำร่องไปก่อน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

พอสักวันหนึ่งมันพิสูจน์ตัวเองได้ดีพอสมควรแล้วค่อยเริ่มใช้ก็ยังไม่สายเกินไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่