คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ไทยส่งเสริมการท่องเที่ยวมานานมากแล้วนะคะ
https://thai.tourismthailand.org/about-tat
" การส่งเสริมการท่องเที่ยว เกิดขึ้นโดยพระดำริของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ได้มีการส่งเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองไทยไปเผยแพร่ในสหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. 2467 ได้มีการจัดตั้งแผนกโฆษณาของการรถไฟขึ้น ทำหน้าที่รับรอง และให้ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย รวมทั้งการโฆษณาเผยแพร่ประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศ มีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรมรถไฟ เชิงสะพานนพวงศ์ ต่อมาได้ย้ายมาตั้งที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงย้ายไปดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ และคมนาคม งานด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ย้ายไปอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ และคมนาคมด้วย แต่ยังคงทำงานร่วมกับกรมรถไฟ มีสำนักงานตั้งที่ถนนเจริญกรุง หน้าไปรษณีย์กลาง
การส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เริ่มขึ้นอย่างชัดเจนใน พ.ศ. 2479 เมื่อ กระทรวงเศรษฐการ เสนอโครงการบำรุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศสยามต่อคณะรัฐมนตรี โดยเสนอแผนและวัตถุประสงค์ของการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3 ประการ คือ
1. งานโฆษณาชักชวนนักท่องเที่ยว
2. งานรับรองนักท่องเที่ยว
3. งานบำรุงสถานที่ท่องเที่ยวและที่พัก
กระทรวงเศรษฐการได้มอบงานนี้ให้กรมพาณิชย์ เป็นผู้จัดทำเพราะกรมพาณิชย์มีแผนกส่งเสริมพาณิชย์ และท่องเที่ยวอยู่กระทรวงเศรษฐการได้ดำเนินการเรื่องนี้ต่อมาจนเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น และสำนักงานถูกระเบิด จึงเลิกกิจการไปชั่วคราว
เมื่อ พ.ศ. 2492 กรมโฆษณาการได้ทำความตกลงกับกระทรวงเศรษฐการ ซึ่งในสมัยนั้นมีชื่อว่า กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ขอโอนกิจการส่งเสริมการท่องเที่ยว จากกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมมาอยู่กับกรมโฆษณาการ สำนักนายกรัฐมนตรี และให้เรียกส่วนงานนี้ว่า "สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว" ต่อมากรมโฆษณาการได้พิจารณาเห็นว่ากิจการส่งเสริมการท่องเที่ยวกำลังตื่นตัวในประเทศไทยมาก จึงได้จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีฐานะเทียบเท่ากอง เรียกว่า "สำนักงานท่องเที่ยว" โดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมโฆษณาการในสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2493
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2501 เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ไปพักรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลวอลเตอร์รีด สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษากิจการท่องเที่ยวด้วยความสนใจ และได้ดำริที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศอย่างจริงจัง ในปีต่อมาเมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดแบ่งส่วนราชการ กรมประชาสัมพันธ์ พ.ศ. 2502 โดยตัด "สำนักงานท่องเที่ยว" ออก แล้วจัดตั้งขึ้นเป็นองค์การอิสระ เรียกว่า "องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย" มีชื่อย่อว่า "อ.ส.ท." โดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. 2502
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแต่เดิมนั้นมีหน้าที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ขยายตัวอย่างกว้างขวางรวดเร็ว จำเป็นต้องปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ อ.ส.ท. ให้มีขอบเขตการปฏิบัติงานกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการพัฒนา อนุรักษ์ทรัพยากรทางการท่องเที่ยว และการส่งเสริมเผยแพร่ จึงได้มีการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้ หน่วยงานการท่องเที่ยวของรัฐ มีอำนาจหน้าที่และรับผิดชอบในการพัฒนาส่งเสริมเผยแพร่ และ ดำเนินกิจการ เพื่อเป็นการริเริ่มให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนคุ้มครองให้ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวด้วย สภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งทำหน้าที่รัฐสภาในการประชุมครั้งที่ 41 วันศุกร์ที่ 20 เมษายน 2522 ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ แล้วปรากฏว่า ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบธุรกิจ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ผ่านการพิจารณา ส่วนพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ผ่านการพิจารณาประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 96 ตอนที่ 72 วันที่ 4 พฤษภาคม 2522 จัดตั้ง "การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย" ขึ้น มีชื่อย่อว่า "ททท."
การเติบโตไม่ได้เป็นแบบก้าวกระโดดถือว่าอัตราเติบโตปกติ(บางปีถือว่าเติบโตช้า) แต่การที่ปัจจุบันการท่องเที่ยวไทยเทียบกับประเทศอื่นมีขนาดใหญ่มาก เป็นผลจากการที่ทำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนี้มานานกว่า
https://thai.tourismthailand.org/about-tat
" การส่งเสริมการท่องเที่ยว เกิดขึ้นโดยพระดำริของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ได้มีการส่งเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองไทยไปเผยแพร่ในสหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. 2467 ได้มีการจัดตั้งแผนกโฆษณาของการรถไฟขึ้น ทำหน้าที่รับรอง และให้ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย รวมทั้งการโฆษณาเผยแพร่ประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศ มีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรมรถไฟ เชิงสะพานนพวงศ์ ต่อมาได้ย้ายมาตั้งที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงย้ายไปดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ และคมนาคม งานด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ย้ายไปอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ และคมนาคมด้วย แต่ยังคงทำงานร่วมกับกรมรถไฟ มีสำนักงานตั้งที่ถนนเจริญกรุง หน้าไปรษณีย์กลาง
การส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เริ่มขึ้นอย่างชัดเจนใน พ.ศ. 2479 เมื่อ กระทรวงเศรษฐการ เสนอโครงการบำรุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศสยามต่อคณะรัฐมนตรี โดยเสนอแผนและวัตถุประสงค์ของการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3 ประการ คือ
1. งานโฆษณาชักชวนนักท่องเที่ยว
2. งานรับรองนักท่องเที่ยว
3. งานบำรุงสถานที่ท่องเที่ยวและที่พัก
กระทรวงเศรษฐการได้มอบงานนี้ให้กรมพาณิชย์ เป็นผู้จัดทำเพราะกรมพาณิชย์มีแผนกส่งเสริมพาณิชย์ และท่องเที่ยวอยู่กระทรวงเศรษฐการได้ดำเนินการเรื่องนี้ต่อมาจนเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น และสำนักงานถูกระเบิด จึงเลิกกิจการไปชั่วคราว
เมื่อ พ.ศ. 2492 กรมโฆษณาการได้ทำความตกลงกับกระทรวงเศรษฐการ ซึ่งในสมัยนั้นมีชื่อว่า กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ขอโอนกิจการส่งเสริมการท่องเที่ยว จากกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมมาอยู่กับกรมโฆษณาการ สำนักนายกรัฐมนตรี และให้เรียกส่วนงานนี้ว่า "สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว" ต่อมากรมโฆษณาการได้พิจารณาเห็นว่ากิจการส่งเสริมการท่องเที่ยวกำลังตื่นตัวในประเทศไทยมาก จึงได้จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีฐานะเทียบเท่ากอง เรียกว่า "สำนักงานท่องเที่ยว" โดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมโฆษณาการในสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2493
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2501 เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ไปพักรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลวอลเตอร์รีด สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษากิจการท่องเที่ยวด้วยความสนใจ และได้ดำริที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศอย่างจริงจัง ในปีต่อมาเมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดแบ่งส่วนราชการ กรมประชาสัมพันธ์ พ.ศ. 2502 โดยตัด "สำนักงานท่องเที่ยว" ออก แล้วจัดตั้งขึ้นเป็นองค์การอิสระ เรียกว่า "องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย" มีชื่อย่อว่า "อ.ส.ท." โดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. 2502
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแต่เดิมนั้นมีหน้าที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ขยายตัวอย่างกว้างขวางรวดเร็ว จำเป็นต้องปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ อ.ส.ท. ให้มีขอบเขตการปฏิบัติงานกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการพัฒนา อนุรักษ์ทรัพยากรทางการท่องเที่ยว และการส่งเสริมเผยแพร่ จึงได้มีการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้ หน่วยงานการท่องเที่ยวของรัฐ มีอำนาจหน้าที่และรับผิดชอบในการพัฒนาส่งเสริมเผยแพร่ และ ดำเนินกิจการ เพื่อเป็นการริเริ่มให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนคุ้มครองให้ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวด้วย สภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งทำหน้าที่รัฐสภาในการประชุมครั้งที่ 41 วันศุกร์ที่ 20 เมษายน 2522 ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ แล้วปรากฏว่า ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบธุรกิจ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ผ่านการพิจารณา ส่วนพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ผ่านการพิจารณาประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 96 ตอนที่ 72 วันที่ 4 พฤษภาคม 2522 จัดตั้ง "การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย" ขึ้น มีชื่อย่อว่า "ททท."
การเติบโตไม่ได้เป็นแบบก้าวกระโดดถือว่าอัตราเติบโตปกติ(บางปีถือว่าเติบโตช้า) แต่การที่ปัจจุบันการท่องเที่ยวไทยเทียบกับประเทศอื่นมีขนาดใหญ่มาก เป็นผลจากการที่ทำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนี้มานานกว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
จุดเปลี่ยนมี 3 ช่วงครับ
ปี 2530 ที่รัฐบาลพลเอกเปรมออกแคมเปญ Visit Thailand Year ผลปรากฎว่านักท่องเที่ยวต่างชาติแห่กันมาเที่ยวไทยแบบมืดฟ้ามัวดินเลย มาเลเซียต้องเลียนแบบไปทำบ้างในอีก 2 ปีถัดมา
ปี 2541 ที่รัฐบาลชวนออกแคมเปญ Amazing Thailand 1998-1999 ผลจากที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงมากบวกกับปี 1998 นั้นไทยได้จัดเอเชียนเกมส์ด้วย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวไทยเพราะราคาถูกลงเยอะ
ปี 2555 ที่ประเทศจีนฉายภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand และได้รับความนิยมอย่างสูงมาก ทำให้เกิดกระแสคนจีนหันมาเที่ยวไทยกันอย่างมโหฬารและคนจีนกลายเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยมากที่สุดไปจนทุกวันนี้
ปี 2530 ที่รัฐบาลพลเอกเปรมออกแคมเปญ Visit Thailand Year ผลปรากฎว่านักท่องเที่ยวต่างชาติแห่กันมาเที่ยวไทยแบบมืดฟ้ามัวดินเลย มาเลเซียต้องเลียนแบบไปทำบ้างในอีก 2 ปีถัดมา
ปี 2541 ที่รัฐบาลชวนออกแคมเปญ Amazing Thailand 1998-1999 ผลจากที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงมากบวกกับปี 1998 นั้นไทยได้จัดเอเชียนเกมส์ด้วย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวไทยเพราะราคาถูกลงเยอะ
ปี 2555 ที่ประเทศจีนฉายภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand และได้รับความนิยมอย่างสูงมาก ทำให้เกิดกระแสคนจีนหันมาเที่ยวไทยกันอย่างมโหฬารและคนจีนกลายเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยมากที่สุดไปจนทุกวันนี้
ความคิดเห็นที่ 4
อันนี้ต้องยกประโยชน์ให้ ททท ด้วยครับ แต่ละแคมเปญ แต่หละโฆษณา แต่ละอีเว้นในต่างประเทศ ในสมัยโปรโมทเมืองไทยแรก สร้างขึ้นแล้วก็ประสบความสำเร็จในหลายๆครั้งครับ ดูเป็นงานที่ผ่านการครีเอทมาเป็นอย่างดี ดูลงทุนทำอย่างจริงจัง คุ้มกับเม็ดเงินที่ลงทุน ความสำเร็จของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องยอมรับว่าคนทำงานเก่งมากครับ ที่ชูจุดเด่นต่างๆของไทยออกมาได้อย่างสวยงาม และผลตอบรับดีมากครับ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวอย่างเดียวแต่ยังมีแรงดึงนักลงทุน ให้มาลงทุนในอุสาหกรรมการท่องเที่ยว และบริการในบ้านเราได้
ความคิดเห็นที่ 14
ผมเคยถามเพื่อนชาวต่างชาติที่ไปๆมาๆเมืองไทยเกือบทุกปีว่าทำไมไม่ไปเที่ยวที่อื่นบ้าง
เพราะถ้าผมมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวทุกปีอย่างนั้น ผมคงจะเลือกไปเที่ยวหลายๆประเทศ
เขาตอบว่า .. บางประเทศมีทะเลสวยกว่าเมืองไทย บางแห่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า
บางประเทศบ้านเมิองสะอาดกว่า หรือแม้แต่ปลอดภัยกว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่ประเทศเหล่านั้นไม่มีก็คือคนไทย
เขาชอบคนไทยครับ
เพราะถ้าผมมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวทุกปีอย่างนั้น ผมคงจะเลือกไปเที่ยวหลายๆประเทศ
เขาตอบว่า .. บางประเทศมีทะเลสวยกว่าเมืองไทย บางแห่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า
บางประเทศบ้านเมิองสะอาดกว่า หรือแม้แต่ปลอดภัยกว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่ประเทศเหล่านั้นไม่มีก็คือคนไทย
เขาชอบคนไทยครับ
แสดงความคิดเห็น
เหตุการณ์ไหนหรอครับที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยพุ่งแบบก้าวกระโดด?
เราไม่ใช่ประเทศร่ำรวยเรามีปัญหาภายใน
คมนาคมถึงเราจะไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดี
หรือเพราะอาหารการกิน เพราะบริการ
ถ้าเรื่องราคา กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนามค่าของชีพก็ถูกกว่าเราเยอะทำไมนททถึงยังน้อยกว่าไทย
เรื่อง ทะเล ถึง แม้ เรา จะ มี อันดามันที่สวยงาม
แต่ฟิลิปปินส์ก็มีหมู่เกาะที่สวยงามกว่าเรา
แถมศาสนายังเป็นคริสต์อีก
ยิ่งไปดูตัวเลข นทท มาเลยิ่งทึ่ง 1ใน10ของประชากรมาไทยในแต่ล่ะปี
ถ้าเพราะผญขายบริการก็น่าสนใจ
แต่อย่าลืมตัดนททหญิงออกและคงมีแค่10-20%ของนททชายที่มาใช้บริการด้วยซ้ำ
ถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดไม่ออกเรามีไรโดดเด่นในภูมิภาคถึงขนาดที่ทำให้นทททั่วโลกมาที่เรา