DEVIL AMONG US | อัจฉริยะ..ฆาตกร..รอยยิ้ม | DEVA HELLBLAZER

"ความกลัวตัวตลก" อาจกลายมาเป็นความฝังใจของใครหลายๆ คน ตามที่จิตแพทย์ได้สันนิษฐานว่า.. ความรู้สึก และจินตนาการของเด็กๆ อาจละเอียดอ่อนกว่าผู้ใหญ่ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของตัวตลกนั้น สร้างความกลัวให้แก่เด็กๆ มากกว่าให้ความสุข ราวกับว่า ตัวตลกเหล่านั้น ไม่เคยยิ้มออกมาจากใจจริง..

    และความกลัวอย่างฝังใจเกี่ยวกับตัวตลก ก็ได้ถูกตอกย้ำด้วย 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดในอเมริกา ด้วยฝีมือของฆาตกรโหดระดับอัจฉริยะ ที่เคยถือตำแหน่งใหญ่ๆ ในการเมืองของสหรัฐอเมริกามาแล้ว..

คำเตือน: การยิ้มอย่างใจจริง จะช่วยสร้างความรู้สึกดีๆ ได้อย่างมหาศาล..ถึงแม้ว่ามันจะทำให้หน้าตาของบางคนกลายเป็นแป๊ะยิ้มหรือซิ้มข้างบ้าน

"รอยยิ้มของบางคน..เกิดจากการมอบความสุขให้แก่ผู้อื่น
แต่รอยยิ้มของบางคน..เกิดจากการมอบความตายให้แก่ผู้อื่น"


'จอห์น เวย์น กาซี่' ตัวตลก 'โผล่จากนรก'


เมื่อชายคนหนึ่งค้นพบความสุขของชีวิต..ที่หาได้จากการคร่าชีวิต

DEATH OF THE FAMILY

    17 มีนาคม ปี 1942 ทารกน้อยรายหนึ่งเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการคลอด จากการทำคลอดที่ผิดวิธีและอันตราย แต่ทารกรายนั้นก็ได้รับโอกาสให้มีชีวิตจนเติบโตมาเป็นเด็กหนุ่มนามว่า 'จอห์น เวย์น กาซี่' โดยมีพี่น้องรวมสายเลือดอีก 2 คน โดยจอห์น เป็นลูกคนกลาง และอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยด์

    ชีวิตวัยเด็กของ เวย์น กาซี่ นั้น ได้รับการเอาอกเอาใจอย่างมากเกินเหตุจาก 'แมเรียน กาซี่' แม่ของตน แต่ด้วยความที่ เวย์น กาซี่ ได้รับการตามใจจนติดแม่ เพราะแม่นั้นให้ทุกอย่าง ทำให้ 'จอห์น กาซี่' อดีตทหารสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ที่อยากมีลูกชายสมความเป็นชาย แต่กลับได้ลูกชายที่ติดแม่จนเริ่มออกอาการตุ้งติ้ง ดูเหมือนคนอ่อนแอ จึงเริ่มดัดนิสัย เวย์น กาซี่ ด้วยวิธีการแบบผิดๆ

"ไอ้ลูกแหง่! ไอ้หน้าโง่!ไอ้ผิดเพศ!"


    ถ้อยคำดังกล่าวคือ จอห์น กาซี่ ผู้เป็นพ่อมักจะพูดเพื่อถากถางบุคลิกภาพของ จอห์น เวย์น กาซี่ อยู่เสมอ เพื่อดัดนิสัยให้กลับมามีบุคลิกแบบชายชาตรีทั่วไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าผลของการกระทำในแต่ละครั้งนั้น กลับยิ่งสร้างบาดแผล และความสับสนในใจ ราวกับกรีดแผลเดิมอยู่ซ้ำๆ ซึ่งไม่รอให้แผลหายดี

    ในช่วงอายุ 5 ปี จอห์น เวย์น กาซี่ ถูกข่มขืนโดยเด็กสาวข้างบ้านที่โตกว่า เมื่อเวย์น กาซี่ นำเรื่องไปบอกพ่อ หวังจะให้ผู้เป็นพ่อได้ปกป้องลูกชายอย่างตน แต่ผลคือเขาทำให้ จอห์น และแมเรียน มีปากเสียงกัน ด้วยความที่ผู้เป็นแม่อยากปกป้องลูกชาย แต่ผู้เป็นพ่อกลับมองว่าเพราะความอ่อนแอของจอห์น จึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

"หลังจากนั้น..
จอห์น เวย์น กาซี่ จึงไม่กล้าปริปากใดๆ
เพื่อเปิดใจกับครอบครัวอีกเลย.."


    ในช่วงอายุ 9 ปี ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ผู้เป็นเพื่อนของ จอห์น กาซี่ อาสารับพา จอห์น เวย์น กาซี่ ไปนั่งรถเล่นด้วย และเมื่อสบโอกาส ชายวัยกลางคนก็ได้ทำการล่วงละเมิดทางเพศ เวย์น กาซี่ แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการบอกเล่าปัญหาให้ครอบครัวฟังในครั้งที่แล้ว ซึ่งไม่ได้รับการปกป้อง ซ้ำยังถูกซ้ำเติม เวย์น กาซี่ จึงตัดสินใจไม่ปริปากใดๆ กับครอบครัวอีก

    1 ปีต่อมา ครอบครัวกาซี่ย้ายไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ ที่ใหญ่กว่าเดิม แต่ความกว้างของบ้าน ก็เปรียบพอๆ กับความห่างเหินของทั้งครอบครัว เพราะพื้นที่ส่วนตัวที่มีมากขึ้น

    จอห์น กาซี่ กลายเป็นชายผู้ติดเหล้า เริ่มทุบตีภรรยา ในขณะที่ จอห์น เวย์น กาซี่ เริ่มมีพฤติกรรมหมกมุ่นทางเพศ โดยเริ่มจากการเก็บเอาชุดชั้นในของแมเรียนผู้เป็นแม่มาสะสมไว้ จนผู้เป็นแม่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงนำเรื่องชุดชั้นในหายนี้ไปบอกกับสามี ทำให้ จอห์น กาซี่ จับแพะชนแกะ จนได้ความขึ้นมาเองว่า เวย์น กาซี่ เป็นคนทำ จึงลงมือทุบตี เวย์น กาซี่ ด้วยอารมณ์โทสะแม้จะยังไม่พบหลักฐาน ที่สุดแล้ว แมเรียนก็พบหลักฐานอยู่ในห้องของ เวย์น กาซี่ เอง แต่กลับเลือกที่จะไม่บอกอะไรแก่จอห์นอีก ด้วยความห่วงลูกชาย กลัวว่าสามีจะมาทำร้าย

    ถึงแม้ว่าชีวิตของ จอห์น เวย์น กาซี่ จะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเจ็บปวด แต่กับสังคมภายนอก เขาเป็นเด็กที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทำงานพิเศษตั้งแต่วัยเด็กโดยไม่เกี่ยงงานหนักเบา เพียงแต่ความเป็น ‘เด็กอ้วน’ ของ เวย์น กาซี่ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเข้าสังคมกับเด็กๆ ในวัยเดียวกัน ด้วยความกลัวที่จะถูกล้อ


    9 ปีต่อมา อาจเพราะ จอห์น เวย์น กาซี่ ทนกับความเป็นอยู่ที่บ้านไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านไปโดยไม่มีใครรู้ รวมไปถึงลาออกจากโรงเรียนด้วย ก่อนที่จะมีเบาะแสมาว่า เวย์น กาซี่ ทำงานเป็นพนักงานดูแลห้องเก็บศพในลาส เวกัส แต่ไม่นานก็ต้องถูกไล่ออกจากงานนั้น เพราะมีผู้พบเห็นว่า ตั้งแต่ จอห์น เวย์น กาซี่ เข้ามาทำงานที่นี่ ศพทุกศพจะถูกเปลือยกายในเวลาต่อมา จนเรื่องนี้บานปลายไปถึงตำรวจ เมื่อสอบปากคำ จอห์น เวย์น กาซี่ สารภาพอย่างหมดเปลือกว่า..

“ผมเข้าไปนอนในโลงเดียวกับศพ
โดยผมจะเลือกศพที่เป็นวัยรุ่นผู้ชาย
และผมจะกอดจูบเขาทั้งคืน”


    จอห์น เวย์น กาซี่ ถูกส่งกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ชิคาโก ก่อนจะเรียนต่อจนจบมัธยมปลาย และศึกษาต่อในสาขาธุรกิจจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรีในปี 1963

    หลังความสำเร็จในด้านการศึกษา จอห์น เวย์น กาซี่ เข้าทำงานในแผนกการขายของบริษัทผลิตรองเท้าแห่งหนึ่ง และได้พบกับ ‘มาร์ลีน ไมเยอร์’ จนได้คบหาดูใจกันนานถึง 9 เดือน ก่อนจะแต่งงานกัน ในเดือนกันยายน ปี 1964


    ฐานะความเป็นอยู่ของ จอห์น เวย์น กาซี่ ดีขึ้นเป็นอย่างมาก จากการที่ได้ช่วยพ่อของมาร์ลีนดูแลธุรกิจเฟรนไชส์ไก่ทอดชื่อดังยี่ห้อหนึ่งถึง 3 สาขา แถมยังได้เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากการขาย ก่อนที่ครอบครัวของกาซี่ จะย้ายไปอยู่วอเตอร์ลู

    ปี 1966 มาร์ลีน ไมเยอร์ ให้กำเนิดบุตรชายนาม ‘ไมเคิล ไมเยอร์’ และอีก 1 ปีต่อมา ก็ได้ให้กำเนิดบุตรสาวนาม ‘คริสติน ไมเยอร์’ แต่ทว่า จอห์น เวย์น กาซี่ กลับไม่มีเวลาให้ครอบครัวเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุที่ เวย์น กาซี่มักจะใช้เวลาไปกับชมรมกิจกรรมการกุศล ซึ่ง เวย์น กาซี่ ได้รับการยกย่อง จนได้กลายเป็นรองประธานชมรม จากนิสัยเดิมที่เป็นผู้ชอบช่วยเหลือผู้คน รวมไปถึงการนำไก่ทอดที่เขาเป็นหุ้นส่วนเฟรนไชส์ไปแจกจ่ายอยู่เสมอ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่