<<<คดีสะเทือนขวัญ>>>........บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับฆ่าตกรรมในอดีต

กระทู้สนทนา
อยากมาแชร์คดีเก่าๆที่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น แต่ว่าใครเล่าจะรู้ว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว บางรายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และเราจะได้ระวังคนในครอบครัวเราด้วยค่ะ  

ไม่พูดพร่ำทำเพลงละกันเริ่มกันเลยกับคดีแรก
John Wayne Gacy ตัวตลกฆาตกร


          จอห์น เวยน์ เกซี เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1942 ทารกน้อยแทบจะเอาชีวิตไม่รอดเนื่องจากการคลอดผิดปกติและอันตราย แต่เขาก็รอดจนโตชายหนุ่มร่างอ้วน..........พร้อมกับนำมาซึ่งความตายมาสู่เด็กหนุ่มชายของครอบครัวอื่นๆ กว่า 30 ชีวิต
          วีถีชีวิตครอบครัวของเกซีนับว่าเป็นครอบครัวสังคมอเมริกันปกติทั่วไปในขณะนั้น เขาเป็นลูกคนที่สองในครอบครัวลูกสามมีแม่ที่เอาอกเอาใจลูกเกินเหตุ ชื่อแมเรียน เป็นมิตรในหมู่เพื่อนฝูง ส่วนพ่อที่ชื่อเหมือนลูก จอห์น เกซี่ อาชีพช่างยนต์ที่ใครๆ ต่างยกย่องว่าชำนาญการ เป็นคนค่อนข้างเงียบขรึมตรงข้ามกับแม่ ขี้โมโหง่าย และไม่ค่อยชอบเกซีตั้งแต่เกิด เพราะว่าลูกชายคนที่สองจะต้องมาดแมนสมชาย แต่กับได้ลูกชายตุ้งติง อ่อนแอ เจ็บๆ แอดๆ แทน เขาหวังให้เกซีสมชาย โดยใช้วิธีการบังคับ พูดจาถากถาง เสียดสี แต่เขาคิดผิด มันยิ่งให้จิตใจจอห์นสับสน เด็กน้อยหาทางออกไม่เจอ เหนือสิ่งอื่นใด ความจริง จอห์น เกซี อยากให้พ่อที่เขารัก แต่พ่อไม่เล่นด้วย ส่งผลให้จอห์นเป็นฝ่ายแพ้ตลอด

          ลักษณะผิดเพศที่แสดงออกมาตั้งแต่เด็ก เป็นสาเหตุหนึ่งที่จอห์นเกลียดเกซี ทำให้พ่อของเกซีมักพ่นคำหยาบใส่ลูกเสมอ บางครั้งก็ว่าลูก “ลักเพศ” “ไอ้โง่” ทึ่ม “ควาย” แถมบอกว่าถ้าโตขึ้นจะเป็นกระเทยอีก **แต่เด็กลักเพศนี้กำลังโตขึ้นกลับกลายเป็นนักฆ่าหฤโหด** ช่วงจอห์นอายุ 5-8 ขวบ เขาเคยโดนข่มขื่นถึงสองครั้ง ครั้งแรกถูกข่มขื่นโดยผู้หญิงรุ่นพี่ข้างบ้านตอน 5 ขวบ เขาบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ แต่ผลคือทะเลาะกันทั้งบ้าน ทำให้จอห์นฝังใจว่าจะไม่เล่าเรื่องใดให้พ่อแม่อีก ส่วนครั้งที่สอง เมื่อจอห์นอายุ 9 ขวบ เพื่อนของพ่อชวนจอห์นขบรถกินลมและลวนลามทางเพศ เด็กชายจอห์นไม่ปริปากเล่าเรื่องให้พ่อแม่ฟังแม้แต่น้อย
          
          เมื่อจอห์นอายุ 10 ขวบ ครอบครัวย้ายมาอยู่บ้านใหม่ที่ชิคาโก แดนมาเฟีย บ้านใหญ่กว่าเดิม แต่จิตใจคนในครอบครัวแคบลง พ่อยึดห้องใต้ดินเป็นอาณาจักรส่วนตัว เขาล็อกห้องไม้ให้ใครเข้าไป ทุกครั้งที่กลับจากที่ทำงานเขามักเขาไปในห้องส่วนตัว นั่งดื่มเหล้าฟังเพลงเสียงดัง และขึ้นมาด้วยอาการเมากร่าง พร้อมมีเรื่องกับภรรยา ส่วนจอห์นก็มีห้องส่วนตัวเขาเช่นกัน ที่ห้องใต้ระเบียงเป็นอาณาจักรของเขา เขาชอบเก็บสะสมถุงกระดาษใส่ชุดชั้นในของแม่ เขาแอบๆ ให้ห้องเล็กๆ นั้น เอามือลูบๆ คลำๆ ชุดชั้นใน ในขณะที่เฝ้าดูคนอื่นผ่านไปที่มองไม่เห็นเขา และเมื่อแม่พบว่าชุดชั้นในของเธอหายไป จะมีเรื่องกับสามีเธอทุกครั้งไป จอห์นผู้เป็นพ่อโกรธแทบเป็นบ้า ทุบตีลูกรุนแรง ดังนั้น เมื่อแมเรียนพบชุดชั้นในที่หายภายหลัง แต่เธอเลือกที่ปิดปาก ไม่ให้เรื่องนี้ใหญ่โต

          แต่กระนั้น จอห์น เกซี ตอนเด็กนับว่าเป็นคนดีในสายตาคนอื่นที่เดียว เขาเป็นคนมุงานหนัก ตั้งแต่เด็กจอห์นมักอาสาทำงานเพื่อชุมชนเสมอ เช่น การตัดหญ้าในสวนโรงเรียน รับส่งหนังสือพิมพ์และของใช้ในครัวเรือน และช่วยงานบ้านแบบไม่ขาดตกบกพร่อง น่าเสียดาย จอห์นเป็นคนไม่ค่อยเข้าสังคมเพื่อนฝูงมากนัก เขาเป็นคนอ้วนไม่ค่อยสนิมสนมกับผู้หญิงทั้งผู้ชาย เมื่ออายุ 18 เขาเคยเกือบมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ยอมเล่นด้วย แต่กลับเป็นลมเสียก่อนที่จะได้เล่นบทพระนาง ทำให้จอห์น เกซี เป็นเกย์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

          เมื่อจอห์นอายุ 19 ขณะเรียนปีสุดท้ายของมัธยมปลาย จู่ๆ เขาก็ลาออกและหนีออกจากบ้านแบบไม่บอกกล่าวโดยไม่บอกใครว่าไปที่ไหน ชีวิตช่วงนี้ขาดช่วงไป จนกระทั้งมีข่าวว่าจอห์นอยู่ที่ลาสเวกัส ทำงานในฌาปนสถาน ใกล้ห้องเก็บศพ ไม่มีใครรู้ว่าจอห์นทำอะไรกับศพหรือเปล่า เพราะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นตอนจอห์นทำงานว่า ตอนเช้าทุกวัน ศพที่เก็บในห้องถูกเปลื้อยผ้า ทั้งที่เมื่อคืนก่อนศพใส่เสื้อผ้ามิดชิด และเสื้อผ้าดังกล่าวถูกวางพับไว้ข้างศพอย่างเป็นระเบียบ

          ยังไม่ทันที่แจ้งความ จอห์นชิงลาออกก่อนที่จะมีการสืบสวน
เมื่อออกจากงาน จอห์นกลับบ้านในชิคาโก ได้งานในร้านขายรองเท้านันบุช ที่นี้เขาได้รู้จักมาร์ลีน ไมเยอร์ส ลูกจ้างคนหนึ่งในร้าน ทั้งสองแต่งงานในเดือนกันยายน 1964 ผลจากการแต่งงาน ทำให้จอห์นได้เลื่อนตำแหน่งเพราะพ่อของมาร์ลีนมีแฟรนไชส์เคนตักกี้ ฟรายชิกเก้น อยุ่หลายแห่งในวอเตอร์ ลูไอโอวา แต่กระนั้น เฟรด ไมเยอร์ส พยายามคัดการการแต่งงานของเขาทั้งสองตั้งแต่เริ่มแรกรู้จักกัน แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้เขาต้องพยายามให้ลูกสาวเขาสบาย โดยเสนอตำแหน่งผู้จัดการร้านแฟรนไซต์ 3 แห่งแก่จอห์นด้วยเงินถึงปีละ 6 แสนบาท บวกเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งการขายแถมบ้านหลังหนึ่ง ในปี 1966 มาร์ลีนกำเนิดลูกชายคนแรกชื่อ ไมเคิล ถัดมาอีกปีครึ่งก็ให้กำเนิดลูกสาว คริสทีน แต่จอห์นวุ่นวายอยู่กับธุรกิจการงานและกิจกรรมการกุศลให้องค์กรเจย์ซีส์ จอห์นต้องการตำแหน่งประธานสาขามาก จนพ่อตาผิดหวังเพราะเจ้าลูกเขยเอาไก่ทอดเคนตักกี้ไปแจกฟรีในงานกุศลของเจย์ซีส์

          จอห์นจ้างคนงานทั้งเด็กหญิงและชายเข้าร้านอาหาร แต่กระนั้นเขาชอบเด็กผู้ชายมากกว่า ชายร่างอ้วนเริ่มดัดแปลงห้องใต้ดินให้เป็นห้องเพาะกายสำหรับเด็กๆ บริการเครื่องดื่มแอลกฮอล์และโต๊ะพนัน คนแพ้จะต้องปฏิบัติโอษฐกามให้ผู้ชนะ หรือบอกเด็กๆ ว่าใครชนะจะได้ร่วมเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขา แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับจบด้วยโอษฐกามแทนแต่แค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของชายร่างอ้วน เขาต้องการมีความต้องการในกามมากกว่านั้น เขาต้องการเด็กๆ ที่หนุ่มๆ........
**และแล้วเหยื่อรายแรก.......ก็เกิดขึ้น.....



          เหยื่อวิปริตรายแรกของจอห์น เป็นเด็กชายชื่อ โดนัลด์ โวรีส์ อายุ 15 ปี ผมบลอนด์ เป็นบุตรชายคนหนึ่งของสมาชิกเจย์ซีส์คนหนึ่ง จอห์นอยากร่วมรัก จึงชักชวนมาเป็นเพื่อนร่วมเตียงกัน ทุกอย่างเกือบจบลงด้วยดี ถ้าไม่เด็กชายได้ทราบข่าวจากพ่อว่า จอห์น เกซี กำลังลงสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานเจย์ซีส์และขอให้พ่อเขารณรงค์หาเสียง แต่เด็กน้อยไม่อยากให้คนหน้าไหว้หลังหลอกขึ้นเป็นใหญ่ โดนัลด์ผู้กล้าหาญจึงเล่าเรื่องวิปริตให้พ่อฟัง ทันทีที่พ่อเด็กทราบเรื่อง พ่อของโดนัลด์รีบแจ้งตำรวจจับเกซีทันที ตำรวจบุกค้นบ้านจอห์นพบ ฟิล์มหนังโป๊ ตรงคำให้การของเด็กชายทุกประการ

          จากการสอบคำเพิ่มเติมพบว่า โดนัลด์มิใช่เด็กคนเดียวที่ถูกกระทำอย่างวิปริต เอ็ดเวิร์ด ลินซ์ ให้การต่อศาลว่าเขาก็เป็นเหยื่อวิปริตของจอห์น เจ้านายของตนอยากมีเพศสัมพันธ์ด้วยแต่ตนไม่ยอม ทำให้ขัดขื่นยกใหญ่ จนถูกมีดบาดที่หัวไหล่ จอห์นตกใจ ออกปากขอโทษและทำแผลให้ แต่โชคร้ายยังไม่หมด หลังทำแผลเสร็จ จอห์นเริ่มลวนลาม ขึ้นนั่งบนตักเด็ก แต่เด็กดิ้นและใช้หัวชนขณะที่มือถูกพันธนาการ ทำให้ชายร่างอ้วนโกรธ ตบหน้า และจับตัวคว่ำลงกับเตียง เด็กผู้ชายพยายามสู้ แต่ถูกจอห์น เกซี บีบคอจนสลบไปก่อน เมื่อฟื้นขึ้นมา จอห์น เกซีเอ่ยปากขอโทษอีกครั้ง แก้เชือกที่มือเขา นำเขาไปส่งที่บ้าน และหลังจากนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ถูกไล่ออก

          เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล จอห์นแก้ปัญหาแบบไม่คิดโดยการจ้างคนทำร้ายโจทก์ แต่โดนัลด์เอาตัวรอดได้ จึงแจ้งความอีกเป็นครั้งที่สอง ทำให้สถานการณ์ของจอห์นกลับเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ตำรวจได้พยานเหลือเฟือ เด็กชายคนแล้วคนเล่าให้ปากคำถูกต้องตามหลักฐานในมือตำรวจ จนจอห์น เกซียอมรับสารภาพเพราะจำนงด้วยหลักฐาน เพื่อหวังผลลดหย่อนโทษ คณะลูกขุนไม่เมตตา ส่งผลให้จอห์น เกซี ติดคุกไอโอวา 10 ปี จอห์น เกซี ไม่เข็ดหลาบ ตรงข้าม เขาได้บทเรียนสำคัญ ครั้งต่อไปเขาต้องทำอีกจะต้องไม่ให้พยานรู้เห็น วันที่ จอห์น เกซีถูกส่งตัวเข้าคุกในปี 1968 มาร์ลีนยื่นฟ้องหย่าขาด เธอหนีพร้อมกับลูกทั้งสอง โดยไม่ให้จอห์นได้พบหน้าอีกเลย ชีวิตในคุกไม่เลวร้ายมากนัก เนื่องจากจอห์นเป็นคนประจบประแจงเก่ง รู้เทคนิกที่ช่วยให้ได้งานสบาย เขากลายเป็นพ่อครัว มีอภิสืทธิและมีเงินใช้แบบไม่ขาดมือ

          พ่อของจอห์นตายในขณะเขายังอยู่ในคุก เขาไม่อนุญาตให้เข้าร่วมในพิธีศพ ทำให้จอห์นรู้สึกว่าตนต้องรับผิดชอบต่อการตายของพ่อ เขาเชื่อว่าพ่อเขาตรอมใจตายสิ่งนี้ติดตรึงอยู่ในใจ และแผ่ขยายผลออกไปอีกมาก จนโลกต้องตะลึง................

           จอห์นพ้นโทษเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1970 ติดคุกจริงแค่ 2 ปี เนื่องจากขอการทำทัณฑ์บน ทันที่ที่ออกจากคุกจอห์นก็เดินทางอาศัยอยู่กับแม่ที่ชิคาโกทันที งานแรกของจอห์นคือการเป็นพ่อครัวในภัตตาคารบรูโน จอห์น เกซี ไม่สามารถหักห้ามใจให้อยู่กับเด็กชายได้เลย เขาเรียนรู้ประสบการณ์ในอดีตว่า ถ้าจะทำผิด จงอย่าให้ใครจับได้ จงทำอย่างรอบคอบ อย่าให้มีหลักฐานหลงเหลือ

          **โทษจำคุก ไม่ได้ให้จอห์น เข็ดหลาบ แต่ช่วยพัฒนาให้ทำชั่วให้สูงขึ้น**
แต่กระนั้นการทำชั่วหลังออกจากคุก ไม่ง่ายนัก เดือนกุมภาพันธ์ 1971 จอห์นถูกจับข้อหาลักพาตัวและข่มขื่นเด็กตามป้ายรถเมล์ แต่รอดพ้นจากตะรางเพราะเด็กชายไม่ยอมให้ปากคำในชั้นศาล จอห์นไม่เพียงหนีพ้นมือกฎหมาย เขายังรับอนุญาตให้ยกเลิกทัณฑ์บนในเดือนตุลาคมในปีเดียวกันอีก
แสดงถึงความหละหลวงของระบบยุติธรรมอย่างยิ่ง

          จากคำให้การของคนในครอบครัว เล่าว่า “พ่อมีอิทธิพลต่อจอห์นมาก พ่อของจอห์นเป็นคนสองด้าน มีทั้งสว่างและมืด ยามดีก็ดี ยามร้ายจะร้ายสุดๆ โดยเฉพาะตอนเมา เขาจะเกรียวกราด ชอบตบเมีย และทำร้ายลูก ถ้าจอห์นเข้ามาปกป้องแม่ พ่อจะพ่นคำหยาบว่า “อีกระเทย” พ่อไม่เคยแสดงความรักใดๆ แก่ลูกสักครั้ง ยกเว้นตอนที่จอห์นถูกพิพากษาจำคุกครั้งแรกในข้อหาอนาจารเด็กชาย พ่อร้องไห้”

“เมื่อพ่อของจอห์นตายในคุก จอห์นเสียใจมากและโกรธพัศดีที่ไม่อนุญาตให้เขาไปเคารพศพพ่อ เขาโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้ตัวเองตรองใจตาย”

          นอกจากนี้ครอบครัวจอห์นก็กล่าวถึงจอห์นว่า “จอห์นไม่สนิทสนมกับครอบครัวในบ้าน เขามีบทบาทเพียงเล็กน้อย ไม่ทำตนเป็นประโยชน์ ไม่ค่อยอยู่ร่วมกับครอบครัว ชอบคุยกับครอบครัวทางโทรศัพท์มากกว่า” กับมาที่เรื่องของจอห์นเขาแต่งงานใหม่อีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 1971 กับสาวนามว่า แคโรล ฮอฟฟ์ คนรู้จักและเคยเป็นแม่ม่ายมาก่อน ต่อมาจอห์นก็ทะเลาะอย่างหนักกับแม่ ส่งผลให้แม่ตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน จอห์นใช้บ้านเป็นเรือนหอและชักชวนให้แม่ยายมาอยู่ด้วยกัน แต่ปีต่อมาเขาใช้คำสั่งศาลไล่แม่ยายตัวเองออกจากบ้าน

          ความสัมพันธ์กับเมียใหม่เสื่อมทรามอย่างรวดเร็ว เมื่อจอห์นชอบพาเด็กหนุ่มๆ มานอนในบ้านบ่อยๆ จอห์นไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาโดยยกงานมาบังหน้า ถึงปี 1975 แคโรลย้านออกจากบ้าน และขอหย่าในที่สุด แม้จอห์นจะล้มเหลวในเรื่องครอบครัว แต่ในด้านหน้าที่การงานและสังคมกับประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง นอกจากจะทำงานเป็นพ่อครัวแล้ว จอห์นยังรับเหมาก่อสร้างจนสามารถตั้งบริษัทของตนเองชื่อ PDM รับเหมาทาสี โดยย่อมาจาก Paintiting Decorating Mainance บริษัทใหม่นี้มีงานเข้ามาตลอด จนทำให้จอห์นย้ายที่ทำงานใหม่ที่ออฟฟิคให้เช่าเลขที่ 8213 ถนนซัมเมอร์เดล ตะวันตกแถบนอร์วูดพาร์ก

          ในด้านสังคม จอห์น เกซี ชอบทำตัวเด่นดังในสังคมโดยการอุทิศตัวเพื่อสังคม จัดงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ เขาค่อยๆ มีบทบาทในฐานะตัวแทนสังคม เล่นการเมืองอย่างลับๆ เป็นหัวคะแนนในเขตนอร์วูดพาร์ก เป้นผู้นำเดินพาเหรดเพื่อผู้ป่วยในโรงพยาบาล ร่วมสมาชิกองค์กรการกุศล Jolly Jokers Club เขาชอบเด็กเป็นตัวตลกเพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบเด็กๆ จนได้ฉายา “ตัวตลกโพโก” แต่ความชั่วในจิตใจของจอห์น ไม่เปลี่ยนไป เขารักเด็ก แต่ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น และแล้วเขาก็เริ่มแผนอุบาทว์ บริษัทก่อสร้าง PDM ต้องการเด็กหนุ่ม คัดแต่หน้าตาดี หัวอ่อน และชักจูงง่าย...................

ปล. ตัวอักษรไม่พอนะคะ มันยาว ต่อ คห. ถัดไปเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่