ก่อนอื่นขอเล่าก่อน จขกท เป็นมนุษย์เงินเดือนค่ะ แต่ทำงานมา 7-8 ปีแล้ว เคยคุยๆกับแฟนว่าอยากซื้อบ้านร่วมกัน แต่ติดตรงยังผ่อนรถกับแฟนอยู่
ชื่อแฟนเป็นคนกู้ แต่เราช่วยผ่อนคนละครึ่ง และยังไม่มีลูก จะว่าไปภาระหนี้สินก็ไม่ได้มีอะไรมาก บริหารได้อยู่แม้จะไม่ได้เหลือเก็บมากนัก
ทีนี้ทางน้องชายอยู่ดีๆ ก็ไปหาข้อมูลอยากได้ตึกแถว ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านเรามาก ชวนเราไปดูหลายครั้ง แต่เราไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าน้องแค่อยากดูไว้
แป๊บๆเดี๋ยวก็ไปเล็งอย่างอื่น ทีจริงน้องเรามันมีเงินอยากจะไปซื้อตึกนั้น โดยเจ้าของตึกขายให้ถูกมาก คือประมาณ2.3ลบ จากราคาประเมินประมาณ3.xxลบ
แล้วการที่อยากได้กระทันหัน ทำให้ไม่ทันเดินบัญชีอะไรเลย ซึ่งเงินเดือนน้องเราน้อยกว่าเรามาก เงินเดือนน้องเราแค่หมื่นกว่าๆ ไปประเมินหลายๆที่ ธนาคารก็พูดจริงกันว่า เป็นไปไม่ได้กับการกู้หลักล้าน ต้องมีคนกู้ร่วม ซึ่งแม่ก็บอกให้เราช่วยกู้ร่วมกับน้องและน้องสะใภ้ ซึ่งเราเคยเข้าไปนั่งฟังธนาคารเค้าก็บอกมาว่าให้น้องเราลองกู้ร่วมกับแฟนดู ซึ่งเราคิดว่าแฟนน้องน่าจะผ่านได้ไม่ยาก เป็นตำรวจ เงินเดือนรวมค่าอื่นๆ ก็ 4หมื่นกว่าแล้ว ติดที่ยังผ่อนบ้านที่ต่างจังหวัด กับผ่อนรถเราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ทางแม่เราก็เห็นด้วยที่น้องอยากกู้ตึกนี้ เพราะมีการปล่อยเช่าได้เงิน รายเดือนน่าจะพอกับการผ่อนค่างวด หรือจ่ายส่วนต่างไม่มาก หลังจากน้องตระเวนสอบถามธนาคารหลายๆที่ ก็ไม่มีความคืบหน้า จนมาติดต่อธนาคารแห่งหนี่ง เสียค่าประเมินไปแล้ว ยื่นเอกสารไป ปรากฏว่าไม่ผ่าน
น้องกับแฟนมีลูก ภาระหนี้สินคงทำให้สกอร์ไม่ผ่าน คราวนี้น้องมาอ้อนวอนขอให้แม่มาพูดกับเราให้เราช่วย เราก็ทนแม่ขอร้องและรบเร้าไม่ไหว
เลยเอาเอกสารไปยื่นเพิ่มเป็นผู้กู้ร่วม โดยกู้ทั้งหมด 3 คน คือ น้องเรา แฟนน้อง และเราเป็นผู้กู้ร่วม
หลังจากนั้นผ่านมา ไม่กี่วัน ธนาคารโทรมาที่ออฟฟิต เราก็คิดว่าไม่นานคงรู้ผล เราเลยถามน้องเราว่าสรุปได้โทรถามธนาคารรึยังว่าผลเป็นยังไง
น้องเราก็บอกว่าจะรออีกอาทิตย์นึง เราก็เลยปล่อยไปไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะคิดว่าช่วยแล้ว ตามที่แม่ขอให้ช่วย
หลังจากนั้นไม่กี่วัน น้องเราลางานไป บอกไปติดต่อธนาคาร เราร้อนใจ เลยถามว่า สรุปเป็นไงบ้าง ติดอะไรมั้ย จะรู้ผลวันไหน
น้องเราถามเราว่า อยากให้มันผ่านไหม เราก็เลยตอบไปว่า แล้วแต่ดวงละกัน เราก็เลยไม่ถามต่อ.....
ทีนี้เรารู้สึกเอะใจเลยโทรกลับไปหาแม่ แม่เลยบอกว่าน้องเราสกอร์ไม่ผ่าน(อีกแล้ว) อาจจะให้เราเป็นผู้กู้หลัก เราก็เฮ้ยย...ไม่เอานะแม่
เราได้ยินแม่พูดเราก็ตกใจ ปฏิเสธไปแต่ใจก็คิดว่า รอให้น้องมาคุยกับเราดีกว่า ตกลงธนาคารว่าไงกันแน่!!!
ผ่านไป 2 วันมีธนาคารโทรเข้ามาที่ออฟฟิตอีกครั้ง คราวนี้เราก็แปลกใจเอ๊ะ โทรมาทำไมวะ รอบที่ 2 ละ สงสัยทนไม่ไหวแล้ว
เย็นวันนั้นเลยถามมันว่าทำไมธนาคารต้องโทรมาอีก มันเลยยอมบอกว่าจะเปลี่ยนให้เราเป็นผู้กู้หลัก
เราก็ด่าน้องเลย เฮ้ยมันไม่ใช่นะ เราช่วยแล้ว
ถ้าไม่ผ่านน่าจะมาคุยกับเราบอกเราดิ อยู่ดีๆ มีไรเปลี่ยนแปลงไม่บอกเราล่ะ เรากลับบ้านไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ไม่ว่าไง บอกว่าจะโอนบ้านเป็นชื่อเรา (เราเคยบอกให้แม่โอนบ้านเป็นชื่อเรา เพื่อให้แม่เปลี่ยนใจ ตอนที่จะให้กู้ร่วมครั้งแรก แต่แม่ก็เอาไปคิดเป็นข้อตกลง) ซึ่งเราบอกแม่ไปอีก
ว่าเราไม่อยากกู้อะไรแล้ว จบได้แล้ว
เช้าวันถัดมา เราอาบน้ำอยู่ ธนาคารโทรมา เราเลยถามว่าสรุปเรากู้หลัก หรือกู้ร่วม ธนาคารบอกเรานี่แหละผู้กู้หลัก เรานี่แบบเฮ้ยยย!!!
เราไม่ได่เซ็นเอกสารอะไรเลยนะ งงอ่ะ นั่นยังไม่เท่าไหร่ แถมน้องเรายังเอาชื่อน้องสะใภ้ออก กลายเป็นเรากู้กับน้องแค่2คน
ธนาคารสอบถามวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการอยู่อาศัย ซึ่งเราไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย เราก็ตอบไปตามจริง แล้วธนาคารก็วางสายไป
พอตกเย็นแม่ด่าเราเป็นชุด หาว่าทำลายความหวังของน้อง หาว่าเราไม่ได้ผ่อนจะเดือดร้อนทำไม และว่าอีกว่า กู้ไปก่อน3-5ปีค่อยถอนชื่อออก
ก็ไม่มีปัญหา จะกลัวอะไร คือที่เล่ามาทั้งหมด เราแค่คิดว่า ถ้าเรากับแฟนอยากมีบ้าน เราคงไม่มีโอกาสถ้าเราต้องช่วยน้องกู้ไปอีก 20-30ปี
หรือกว่าจะรีไฟแน๊นซ์อีก ไม่รู้เมื่อไหร่ ตอนนี้แม่โกรธไม่คุยกับเราเลย ไม่มองหน้า โทรไปก็ไม่พูด เราเสียใจที่เรากลายเป็นคนผิด
เราไม่ได้ใจดำ แต่เราอยากมีอนาคตที่เราเลือกเอง เราผิดไหม?? พรุ่งนี้ 28/8 วันเกิดเรา แต่เรารู้สึกโครตแย่ ปีนี้เป็นปีที่รู้สึกโดดเดี่ยว
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบค่ะ
ถูกขอให้ช่วยกู้ร่วม แต่สุดท้าย.......!!!!
ชื่อแฟนเป็นคนกู้ แต่เราช่วยผ่อนคนละครึ่ง และยังไม่มีลูก จะว่าไปภาระหนี้สินก็ไม่ได้มีอะไรมาก บริหารได้อยู่แม้จะไม่ได้เหลือเก็บมากนัก
ทีนี้ทางน้องชายอยู่ดีๆ ก็ไปหาข้อมูลอยากได้ตึกแถว ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านเรามาก ชวนเราไปดูหลายครั้ง แต่เราไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าน้องแค่อยากดูไว้
แป๊บๆเดี๋ยวก็ไปเล็งอย่างอื่น ทีจริงน้องเรามันมีเงินอยากจะไปซื้อตึกนั้น โดยเจ้าของตึกขายให้ถูกมาก คือประมาณ2.3ลบ จากราคาประเมินประมาณ3.xxลบ
แล้วการที่อยากได้กระทันหัน ทำให้ไม่ทันเดินบัญชีอะไรเลย ซึ่งเงินเดือนน้องเราน้อยกว่าเรามาก เงินเดือนน้องเราแค่หมื่นกว่าๆ ไปประเมินหลายๆที่ ธนาคารก็พูดจริงกันว่า เป็นไปไม่ได้กับการกู้หลักล้าน ต้องมีคนกู้ร่วม ซึ่งแม่ก็บอกให้เราช่วยกู้ร่วมกับน้องและน้องสะใภ้ ซึ่งเราเคยเข้าไปนั่งฟังธนาคารเค้าก็บอกมาว่าให้น้องเราลองกู้ร่วมกับแฟนดู ซึ่งเราคิดว่าแฟนน้องน่าจะผ่านได้ไม่ยาก เป็นตำรวจ เงินเดือนรวมค่าอื่นๆ ก็ 4หมื่นกว่าแล้ว ติดที่ยังผ่อนบ้านที่ต่างจังหวัด กับผ่อนรถเราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ทางแม่เราก็เห็นด้วยที่น้องอยากกู้ตึกนี้ เพราะมีการปล่อยเช่าได้เงิน รายเดือนน่าจะพอกับการผ่อนค่างวด หรือจ่ายส่วนต่างไม่มาก หลังจากน้องตระเวนสอบถามธนาคารหลายๆที่ ก็ไม่มีความคืบหน้า จนมาติดต่อธนาคารแห่งหนี่ง เสียค่าประเมินไปแล้ว ยื่นเอกสารไป ปรากฏว่าไม่ผ่าน
น้องกับแฟนมีลูก ภาระหนี้สินคงทำให้สกอร์ไม่ผ่าน คราวนี้น้องมาอ้อนวอนขอให้แม่มาพูดกับเราให้เราช่วย เราก็ทนแม่ขอร้องและรบเร้าไม่ไหว
เลยเอาเอกสารไปยื่นเพิ่มเป็นผู้กู้ร่วม โดยกู้ทั้งหมด 3 คน คือ น้องเรา แฟนน้อง และเราเป็นผู้กู้ร่วม
หลังจากนั้นผ่านมา ไม่กี่วัน ธนาคารโทรมาที่ออฟฟิต เราก็คิดว่าไม่นานคงรู้ผล เราเลยถามน้องเราว่าสรุปได้โทรถามธนาคารรึยังว่าผลเป็นยังไง
น้องเราก็บอกว่าจะรออีกอาทิตย์นึง เราก็เลยปล่อยไปไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะคิดว่าช่วยแล้ว ตามที่แม่ขอให้ช่วย
หลังจากนั้นไม่กี่วัน น้องเราลางานไป บอกไปติดต่อธนาคาร เราร้อนใจ เลยถามว่า สรุปเป็นไงบ้าง ติดอะไรมั้ย จะรู้ผลวันไหน
น้องเราถามเราว่า อยากให้มันผ่านไหม เราก็เลยตอบไปว่า แล้วแต่ดวงละกัน เราก็เลยไม่ถามต่อ.....
ทีนี้เรารู้สึกเอะใจเลยโทรกลับไปหาแม่ แม่เลยบอกว่าน้องเราสกอร์ไม่ผ่าน(อีกแล้ว) อาจจะให้เราเป็นผู้กู้หลัก เราก็เฮ้ยย...ไม่เอานะแม่
เราได้ยินแม่พูดเราก็ตกใจ ปฏิเสธไปแต่ใจก็คิดว่า รอให้น้องมาคุยกับเราดีกว่า ตกลงธนาคารว่าไงกันแน่!!!
ผ่านไป 2 วันมีธนาคารโทรเข้ามาที่ออฟฟิตอีกครั้ง คราวนี้เราก็แปลกใจเอ๊ะ โทรมาทำไมวะ รอบที่ 2 ละ สงสัยทนไม่ไหวแล้ว
เย็นวันนั้นเลยถามมันว่าทำไมธนาคารต้องโทรมาอีก มันเลยยอมบอกว่าจะเปลี่ยนให้เราเป็นผู้กู้หลัก
เราก็ด่าน้องเลย เฮ้ยมันไม่ใช่นะ เราช่วยแล้ว
ถ้าไม่ผ่านน่าจะมาคุยกับเราบอกเราดิ อยู่ดีๆ มีไรเปลี่ยนแปลงไม่บอกเราล่ะ เรากลับบ้านไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ไม่ว่าไง บอกว่าจะโอนบ้านเป็นชื่อเรา (เราเคยบอกให้แม่โอนบ้านเป็นชื่อเรา เพื่อให้แม่เปลี่ยนใจ ตอนที่จะให้กู้ร่วมครั้งแรก แต่แม่ก็เอาไปคิดเป็นข้อตกลง) ซึ่งเราบอกแม่ไปอีก
ว่าเราไม่อยากกู้อะไรแล้ว จบได้แล้ว
เช้าวันถัดมา เราอาบน้ำอยู่ ธนาคารโทรมา เราเลยถามว่าสรุปเรากู้หลัก หรือกู้ร่วม ธนาคารบอกเรานี่แหละผู้กู้หลัก เรานี่แบบเฮ้ยยย!!!
เราไม่ได่เซ็นเอกสารอะไรเลยนะ งงอ่ะ นั่นยังไม่เท่าไหร่ แถมน้องเรายังเอาชื่อน้องสะใภ้ออก กลายเป็นเรากู้กับน้องแค่2คน
ธนาคารสอบถามวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการอยู่อาศัย ซึ่งเราไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย เราก็ตอบไปตามจริง แล้วธนาคารก็วางสายไป
พอตกเย็นแม่ด่าเราเป็นชุด หาว่าทำลายความหวังของน้อง หาว่าเราไม่ได้ผ่อนจะเดือดร้อนทำไม และว่าอีกว่า กู้ไปก่อน3-5ปีค่อยถอนชื่อออก
ก็ไม่มีปัญหา จะกลัวอะไร คือที่เล่ามาทั้งหมด เราแค่คิดว่า ถ้าเรากับแฟนอยากมีบ้าน เราคงไม่มีโอกาสถ้าเราต้องช่วยน้องกู้ไปอีก 20-30ปี
หรือกว่าจะรีไฟแน๊นซ์อีก ไม่รู้เมื่อไหร่ ตอนนี้แม่โกรธไม่คุยกับเราเลย ไม่มองหน้า โทรไปก็ไม่พูด เราเสียใจที่เรากลายเป็นคนผิด
เราไม่ได้ใจดำ แต่เราอยากมีอนาคตที่เราเลือกเอง เราผิดไหม?? พรุ่งนี้ 28/8 วันเกิดเรา แต่เรารู้สึกโครตแย่ ปีนี้เป็นปีที่รู้สึกโดดเดี่ยว
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบค่ะ