เราสมัครเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ กับ อาจารย์(หรือเปล่าไม่รู้)คนนึง บอกว่าตัวเองเป็นผอ.สถาบันสอนภาษา ซึ่งตั้งอยู่ที่จ.อุบลฯ โดยมีการติดต่อไปทางรุ่นน้องที่รู้จักเพราะรู้ว่าอ.คนนี้เป็นพ่อของเขาแต่หย่ากับแม่นานแล้ว ขอเบอร์มาติดต่อเอง ตกลงหลักสูตรกันเรียบร้อยตั้งแต่เดือนพ.ย. 59 อ.แถมให้เรา 10 ชม. ในราคา 16,500 บาท ต่อ 40 ชม.
ต่อมาอ.แจ้งว่าเพื่อเป็นการล็อกคิวอาจารย์ที่จะสอน ให้โอนเงินส่วนหนึ่งก่อน จำนวน 4,950 บาท เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 59
หลังจากนั้น อ.โทรถามเราว่า ให้โอนมาทั้งหมดเลยได้ไหม เราก็โอนให้อีก 11,550 บาท เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 59 โดยตกลงกันว่าจะเริ่มเรียนในเดือนมกราคม 2560 โดย อ.แจ้งว่าจะส่งตารางเรียนมาให้ เราก็โอนเงินไป ซึ่งก็ได้มารู้ในภายหลังว่าเป็นบัญชีของเมียใหม่อ.
และในตอนนั้นเราเพิ่งเริ่มงานกับออฟฟิศใหม่ และหัวหน้ากำลังหา อ.สอนภาษา เพื่อสอนพนักงาน เราจึงแนะนำให้กับออฟฟิศด้วย เมื่อมีการตกลงเรียนแบบ life class คือมาสอนที่ออฟฟิศ 100% จ่ายเงินเต็มจำนวนในครั้งเดียว เรารู้สึกเกรงใจเพราะเป็นพนักงานใหม่ เลยปล่อยให้ อ.ดูแลตารางเรียนของออฟฟิศไปก่อน และเอ่ยปากออกไปเองว่า "ไม่รีบ"
ทางออฟฟิศได้ตกลงตารางเรียนกันเรียบร้อยแล้ว ก็ยังคงไม่ได้รับตารางเรียนหรือแม้แต่หนังสือ (ซึ่งตอนหลังเราถามถึงว่าหนังสืออยู่ไหน ได้คำตอบเพียงว่า “อยู่ในรถ”)
เราได้เรียนกับ อ.ผ่านทางโปรแกรม Webex ซึ่งเป็นการสอนออนไลน์เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ในวันที่ 19 ม.ค. 60
ก่อนหน้าจะได้เรียน มีการขอหยุดขอเลื่อนการเรียนการสอน ตามนี้ค่ะ
เราเลื่อน 11 ม.ค. // อ.เลื่อน 17-18 ม.ค. // เราลืมนัด 25 ม.ค. // อ.ติดต่อคนสอนไม่ได้และหายไป 26 ม.ค.
ในเดือนนี้เราก็โอเค ไม่ได้โมโหอะไร เกรงใจอ.ด้วยซ้ำที่เราทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา เพราะเพิ่งเริ่มงาน ชีวิตยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่
พอตารางของออฟฟิศเริ่มนิ่ง เพราะมีการจ้างอ.ฝรั่งมาสอนแทน เราจึงขอตารางเรียนไป
วันที่ 2 ก.พ. อ.นัดส่งตาราง แต่ไม่ได้ // 8-9 ก.พ. เราโทรไปแจ้งว่าเรียนไม่ได้
// 10-21 ก.พ. อ.ขาดการติดต่อ เกรงใจไม่กล้าตามจิก เห็นเป็นพ่อรุ่นน้อง
// ตอบไลน์ 22 ก.พ. นัดส่งตาราง แต่ไม่ได้ // 23-26 ก.พ. อ.ขาดการติดต่ออีก
// 27 ก.พ. นัดส่งตาราง แต่ไม่ได้ // 28 ก.พ. ตัดสินใจยกเลิกการเรียน (กำหนดเรียนเดิมคือ 18.00 น.ของวันพุธและพฤหัส)
ส่วนของออฟฟิศ อ.ก็มีการเลื่อนการสอนบ่อย โดยให้เหตุผลว่าตารางยังไม่นิ่ง จนกระทั่งได้ อ.ฝรั่ง มาสอน (ซึ่งไปสอบถามกันทีหลัง ก็ได้รู้ว่าคุณอ.ฝรั่ง ไม่ได้เป็นอ.ของสถาบันนั้น แต่ถูกขอร้องให้มาช่วยสอนหลายครั้งแต่ยังไม่เคยได้รับเงิน) พอตารางของออฟฟิศนิ่งแล้วเรายังไม่ได้รับการติดต่อ ก็เริ่มอารมณ์เสียแล้วที่มักจะโดนเมินเฉยทั้งที่จ่ายเงินครบแล้ว จึงบอกว่าจะยกเลิกการเรียน
ซึ่งเราได้ให้เหตุผลว่างานไม่ค่อยเป็นเวลา เพิ่งเริ่มงานเลยเปลี่ยนใจอยากโฟกัสงาน แต่จริงๆแล้วเราแค่อยากปฏิเสธเขาในฐานะพ่อของรุ่นน้องอย่างสุภาพ เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการสอนที่ต่อเนื่องอย่างแน่นอน ขนาดหนังสือยังไม่ได้เลย และเราก็ถามในเรื่องการขอเงินคืนไปในวันนั้น
อ.แนะนำให้ดรอปไว้ก่อน และให้เหตุผลว่าที่ให้เราเรียนกับออฟฟิศไปก่อนเพราะเห็นว่า "เรียนฟรี" และมีประโยชน์กับตัวเรา และอีกอย่างเราเคยพูดกับเขาว่า "ไม่รีบ" เราก็หืม?? เราลงเรียนเพื่อสอบโทอิค ส่วนออฟฟิศเรียนแบบสนทนาทั่วไป แล้วมันยังไง ในเมื่อเราก็จ่ายเงินเพื่อจะเรียนไปก่อนแล้ว ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคลาสของออฟฟิศเลย แล้วก่อนหน้านี้ช่วงที่หายไป ไม่เห็นพูดแบบนี้เลย แล้วไม่รีบก็จะไม่สอน จะหายๆไปตอนไหนก็ได้แบบนี้หรอ
อ.บอกเราว่า แล้วจะโทรมาคุยอีกที แต่ก็ไม่โทรมา ในวันรุ่งขึ้นเราตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าไม่เอาแล้ว พูดขนาดนี้ยังไม่ติดต่อมาเลย ทำไมเมินกันขนาดนี้ จึงพิมพ์บอกไปอีกทีว่า ตัดสินใจแล้ว
หลังจากนั้นมีการคุยทางโทรศัพท์ โดยอ.บอกว่าจะจัดการให้ และบอกให้เราโทรไปหาเขา ตอนบ่าย 3 วันอาทิตย์ที่ 12 มี.ค. 60 (เขาบอกขับรถอยู่ไม่สะดวกคุย) แล้วเราลืมค่ะ -*- จึงพิมพ์ไปบอกว่าลืมและให้ช่วยดำเนินการให้ด้วย พร้อมส่งเลขที่บัญชีของเราไปให้
พอช่วงเช้าวันที่ 13 มี.ค.60 เราติดต่อ อ.ไม่ได้ และพยายามโทรทุกเบอร์ที่หาเจอในอินเตอร์เน็ต ที่เกี่ยวกับสถาบันชื่อ... แต่โทรไม่ติดทุกเบอร์ ตอนบ่ายสองกว่าๆเลยไลน์ทักไป ว่าโทรทุกเบอร์แล้ว อ.โทรไลน์กลับมา แต่เราไม่ได้รับสาย อ. พิมพ์ข้อความไว้ให้ว่า "เดี๋ยวจัดการให้" เราก็ตอบ(แบบมัดมือชก)ว่าขอวันพุธที่ 15 มี.ค.
วันที่ 14 มี.ค. เราพยายามติดต่อ แต่ติดต่อไม่ได้ พอถึงกำหนดวันที่ 15 มี.ค. เราก็ไม่ได้เงินคืน ได้เหตุผลว่า "ส่งเรื่องให้ทางบัญชีของบริษัทแล้ว แต่เลยรอบบัญชี จะจ่ายอีกทีวันที่ 1 เม.ย." ซึ่งเราเดือดร้อนละ
อ.บอกว่าจะเอาเงินตัวเองมาสำรองจ่ายให้ก่อน แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้รับสักแดง วันที่ 16-20 มี.ค. ไม่ตอบไลน์ ไม่โทรกลับ
รู้สึกชักไม่เข้าท่าละ เลยสอบถามไปทางรุ่นน้องซึ่งเป็นลูกสาว รุ่นน้องสอบถามให้ และอ.พิมพ์ตอบว่าอีกอาทิตย์นึงได้แน่นอน (รุ่นน้องแคปไลน์ส่งมาให้) เราก็รอจนครบกำหนด คือวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งก็ยังไม่ได้เงินอีก โดยครั้งนี้ให้เหตุผลว่า ทางบัญชีไม่อนุมัติ (ทั้งที่ตัวเขาเองบอกว่าเป็นเจ้าของรร. เป็นผอ. และรอบก่อนนั้นบอกว่าส่งเรื่องให้แล้วแค่รอรอบจ่าย) เพราะเราเป็นคนขอยกเลิกการเรียนเอง ทางโรงเรียนไม่ได้ขอยกเลิก (แค่ไม่มีหนังสือและขาดการติดต่อ) จึงไม่ตรงตามเงื่อนไข
เราโกรธมากกกกก เพราะเขาเป็นคนนัดเราเอง และก็เลื่อนนัด และติดต่อไม่ได้ และเลื่อนนัด อยู่อย่างนี้ ด้วยความข้องใจเราจึงขอให้เขาถ่ายรูปใบสมัครที่ให้เราเซ็นมาให้ดู เพื่อจะดูว่าข้อกำหนดเป็นอย่างไร ได้เจอคำว่า ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี เราได้โทรสอบถามทาง สคบ. และทางสคบ.แจ้งว่าหากมีเหตุที่สมควรแย้งก็สามารถเรียกคืนได้
วันที่ 27 มี.ค. อ.แจ้งว่า กำหนดคืนเงิน ให้รออีกหน่อย จนวันที่ 28 มี.ค. จึงไลน์สรุปมาให้ว่าจะ "แบ่งจ่าย 2 งวด งวดละ 50% คือวันที่ 6 เม.ย. และ 12 เม.ย." โดยยังให้เหตุผลอยู่ว่าขอเงินคืนจากรร.ตัวเองไม่ได้ เพราะยืนยันดำเนินการสอน แค่เลื่อนออกไปเฉยๆ (555โอ้ย) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวันสอบของนักเรียน เพราะยังไม่มีกำหนดสอบ (ไม่สอนแล้วจะให้สอบตอนไหนนนน)
เรารู้สึกได้กลิ่นตุๆกับวันนัด 6 เม.ย. มันเป็นวันหยุดราชการ ส่วน 12 เม.ย. ก็ใกล้วันหยุด เรารู้สึกได้ทันทีว่าต้องเบี้ยวอีกแน่ๆ เราจึงหักคอขอไปอีกที ว่าเป็นวันที่ 1 เม.ย. อ.ก็แจ้งว่า เขาแค่ลงวันที่ไว้เผื่อๆเฉยๆ คงได้เงินก่อน
สรุปถึงวันที่ 1 เม.ย. ก็ไม่ได้รับเงิน 3 เม.ย. ก็ไม่ได้รับเงิน 4-5 เม.ย. ติดต่อยากมาก 6 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่เขากำหนดเอง ก็ไม่รับสายจนเย็นจึงพิมพ์บอกเราว่า "ไม่ได้เงิน แต่จะหาดักนักศึกษาใหม่ที่เอาเงินมาจ่าย แล้วจะเอามาให้ก่อน"
จริงๆมันก็เรื่องของเขาที่จะยำระบบของสถาบันตัวเองอย่างไร แต่เรารู้สึกเลยว่าเขาทำไม่ถูก เงินของเราและของออฟฟิศก็คงเอาไปใช้ก่อนเหมือนกัน จึงหมดจนไม่มีเงินมาคืนให้
วันที่ 7 เม.ย. พี่ชายเรา ส่ง sms หา อ.ว่าให้ติดต่อกลับมาเพื่อหาหนทางจ่ายคืนร่วมกัน มิฉะนั้นจะต้องไปคุยกันที่สถานีตำรวจ ซึ่ง อ.และพี่ชายเราได้คุยกันทางโทรศัพท์ และอ.บอกว่า"จะติดต่อกลับมา"ในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. แต่สุดท้ายก็หายเงียบไปเช่นเคย
ระหว่างนี้ อ.ฝรั่งสอนของออฟฟิศครบชม.แล้ว มาถามเราว่า ติดต่ออ.ได้ไหม เขาติดต่อไม่ได้ เขารู้สถานการณ์เราก็บอกเราว่า เขาคงต้องทวงเงินได้แล้วใช่ไหม ...น่าสงสารอะ ปกติสอนอยู่ม.ชื่อดังแห่งนึง คุณฝรั่งสอนจบไป 8 เม.ย.ก็แยกย้ายจากกันไป
และหลังจากนั้น อ.ก็ไม่เคยมาสอนที่ออฟฟิศอีกเลย ติดต่อไปก็อ้างป่วย อ้างธุระ หาเหตุผลสารพัดอย่าง จนถึงล่าสุดที่บอกว่า "ไม่สะดวก" แค่นั้น เราขายขี้หน้ามาก ออฟฟิศจ่ายไปประมาณ 7หมื่นได้เรียนแค่ครึ่งหลักสูตร แถมไอ้คนเอาไป ดันเป็นคนที่เราแนะนำเอง
จนสุดท้ายวันที่ 14 เม.ย. เราและพี่ชายไปแจ้งความตามที่ได้เอ่ยไว้ ตำรวจบอกให้เราโทรติดต่อไปยัง อ.และได้คุยกับตำรวจ (เรามีแอพอัดคลิปเสียงไว้ แต่หากไม่ถูกต้องเราก็จะลบ ตอนนี้ไม่ได้เผยแพร่ และไม่อยากใช้คลิปนี้เป็นหลักฐาน เพราะมีแต่คำพูดเลอะเทอะของเขาอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีเราร่วมสนทนาด้วยในสาย)
อ.ได้ ขอชื่อ ยศ ตำแหน่ง สภ.ของตำรวจที่คุย แล้วบอกว่า "เดี๋ยวจะให้กองบังคับการมาคุย เกริ่นไว้แล้ว พอดีไปกินข้าวกันมา บลาๆๆๆ" .. เราช็อกเลย โอ้โห ทำไมต้องเอาคนอื่นมาคุยทั้งที่ อ.เป็นคนที่นัดเราแล้วไม่ยอมคืนเงินเอง
เรารู้สึกว่า อ.ไม่มีสำนึกแล้ว อ้างยศคนอื่นปกป้องตัวเองเพื่อข่มขู่เรา คุณตำรวจตรงนั้นถอนหายใจเบาๆแล้วส่ายหัว แต่ก็ให้ชื่อไป
เราส่งเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ. ตามคำแนะนำของตำรวจ เพราะแจ้งตำรวจก็ได้แค่แพ่ง ผิดสัญญา ช่วยไกล่เกลี่ยให้เท่านั้น อ.บอกตำรวจว่า ค่อยคุยอีกทีวันที่ 18 เม.ย. รอให้เปิดงานก่อน เราไม่เข้าใจทำไมต้องรอ ปัญหามันคือตัวเขาและเราเท่านั้น จะรอทำไม คุณตำรวจก็ถามว่า 18 คืนเงิน หรือ 18 คุย หรืออะไร ตำรวจยังงงเลยค่ะ (อ.มักใช้คำว่า “ค่อยคุยกัน” “เดี๋ยวเช็คให้”แล้วก็หายไป)
อ. บอกคุณตำรวจว่า พี่ชายเราบอกว่าจะติดต่อไป แต่ไม่ได้ติดต่อไปหาเขา โอยยยยพ่อคุณ กล้าพูดออกมาได้ไง ทั้งที่ตัวเองบอกว่าจะติดต่อมา บอกว่าที่คืนให้เพราะเห็นเป็นเพื่อนลูกสาว..555 ด้วยความเคยเป็นข้าราชการ มีประวัติดี การศึกษาดี มีความอ้างถึงกฎหมาย อ้างยศ เขาจะอ้างถึงสารพัดสิ่งที่เขาจะหามาพูดได้
แต่ตอนนี้เรามั่นใจเหลือเกินแล้วว่าเขาเป็นเพียงคนที่มักหลอกลวงคนอื่น เพราะถามจากลูกสาวเขา ก็บอกว่าเวลาขอเงินพ่อ พ่อก็เอาเงินนักเรียนมาให้ แล้วปัญหาการติดหนี้คนอื่น ก็เป็นปัญหาที่ทางบ้านเอือมระอา และต้องคอยตามจ่ายให้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
ตลอดมาที่เกิดเรื่องเราได้คุยกับน้องอยู่ตลอดเพราะเขาก็เอือม น้องพยายามติดต่อพ่อและคอยถามความคืบหน้าเราตลอด จนกระทั่ง อ.บอกให้ดิฉันเลิกยุ่งกับลูกสาวเขาไม่งั้นเขาจะไม่จ่ายเงิน แถมตอนคุยโทรศัพท์อยู่ดีดีก็พูดเกี่ยวกับว่า น้องมีอาเป็นตำรวจอยู่ที่... อ่าว.. ขู่ฉันหรอ เราจึงบอกน้องว่าไม่ให้ยุ่งแล้ว เพราะพ่อเธอขู่ฉันแล้ว
น้องบอกกับเราว่า "
ที่ผ่านมาเวลานักเรียนยกเลิกการเรียน พ่อเขาก็จะคืนเงินให้" ส่วนตัวน้องและแม่ไม่มีเงิน จึงไม่รู้จะช่วยเรายังไง และเราเองก็ไม่อยากได้เงินของคนอื่นด้วย ตอนหน้ามืดมีขอยืมแม่น้องไป แต่แม่ไม่มีให้ เราก็คิดได้เออดีแล้วแหละ ถ้าเขาให้ ก็กลายเป็นไม่จบสิ้นเป็นบุญคุณไปอีก
เพราะโกรธทำให้หน้ามืด มีการติดต่อเพจดาร์กให้แชร์เรื่องให้ ก็มีเพจนึงรับเรื่อง สุดท้ายกลัวครอบครัวอ.เดือดร้อน เลยตัดสินใจไม่ส่งเรื่องไป ทั้งที่เตรียมหลักฐานไว้หมดแล้ว ก็ถอดใจไปพักใหญ่ระหว่างรอความคืบหน้าจากสคบ.
23 ส.ค. เราโทรไปสอบถามยัง สนง.คกก.ศึกษาเอกชน ที่รับเรื่องต่อจากสคบ. เขาพบว่า สถาบันแห่งนี้ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และได้แจ้งให้ทางศึกษาธิการจังหวัด เรียกตรวจสอบกันต่อไป เอาจริงๆไม่มีกม.ข้อไหนจะเรียกเงินตรงนี้คืนได้ ก็ขึ้นอยู่กับเขา
ตอนนี้ก็ส่งเรื่องกลับมาที่ สคบ. อีกครั้ง แต่จนท.ของสนง.ศึกษาเอกชน บอกว่าให้ร้องเรียนไปทางอุบลฯเลยจะเร็วกว่า มีหลักฐานเป็นคลิปเสียงซึ่งไม่รู้จะได้ใช้ไหม มีแคปไลน์ไว้ทุกอย่าง น่าจะพอช่วยได้บ้าง
เราขอความกรุณาเป็นอย่างสูง มีใครชี้แนะทางไหนได้อีกไหมคะ ที่จะให้คนๆนี้รู้สำนึกและคืนเงินเรา เราไม่รวย เงินจำนวนนั้นมันเยอะค่ะ
อ.ได้บอกตำรวจว่า เขาเสียโอกาสทางธุรกิจ แต่คุณตำรวจก็ตอบว่า ทางนี้เขาก็เสียโอกาสทางการศึกษาเช่นกัน ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆ แต่เขาไม่สำนึกอะไรเลยจริงๆ อีกอย่างสงสารครอบครัวเขาก็อับอายทำไมไม่สำนึกไม่เข้าใจเลยค่ะ
ขอความช่วยเหลือค่ะ ทวงเงินค่าเรียนพิเศษคืนไม่ได้ แถมยังโดนขู่กลับ
ต่อมาอ.แจ้งว่าเพื่อเป็นการล็อกคิวอาจารย์ที่จะสอน ให้โอนเงินส่วนหนึ่งก่อน จำนวน 4,950 บาท เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 59
หลังจากนั้น อ.โทรถามเราว่า ให้โอนมาทั้งหมดเลยได้ไหม เราก็โอนให้อีก 11,550 บาท เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 59 โดยตกลงกันว่าจะเริ่มเรียนในเดือนมกราคม 2560 โดย อ.แจ้งว่าจะส่งตารางเรียนมาให้ เราก็โอนเงินไป ซึ่งก็ได้มารู้ในภายหลังว่าเป็นบัญชีของเมียใหม่อ.
และในตอนนั้นเราเพิ่งเริ่มงานกับออฟฟิศใหม่ และหัวหน้ากำลังหา อ.สอนภาษา เพื่อสอนพนักงาน เราจึงแนะนำให้กับออฟฟิศด้วย เมื่อมีการตกลงเรียนแบบ life class คือมาสอนที่ออฟฟิศ 100% จ่ายเงินเต็มจำนวนในครั้งเดียว เรารู้สึกเกรงใจเพราะเป็นพนักงานใหม่ เลยปล่อยให้ อ.ดูแลตารางเรียนของออฟฟิศไปก่อน และเอ่ยปากออกไปเองว่า "ไม่รีบ"
ทางออฟฟิศได้ตกลงตารางเรียนกันเรียบร้อยแล้ว ก็ยังคงไม่ได้รับตารางเรียนหรือแม้แต่หนังสือ (ซึ่งตอนหลังเราถามถึงว่าหนังสืออยู่ไหน ได้คำตอบเพียงว่า “อยู่ในรถ”)
เราได้เรียนกับ อ.ผ่านทางโปรแกรม Webex ซึ่งเป็นการสอนออนไลน์เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ในวันที่ 19 ม.ค. 60
ก่อนหน้าจะได้เรียน มีการขอหยุดขอเลื่อนการเรียนการสอน ตามนี้ค่ะ
เราเลื่อน 11 ม.ค. // อ.เลื่อน 17-18 ม.ค. // เราลืมนัด 25 ม.ค. // อ.ติดต่อคนสอนไม่ได้และหายไป 26 ม.ค.
ในเดือนนี้เราก็โอเค ไม่ได้โมโหอะไร เกรงใจอ.ด้วยซ้ำที่เราทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา เพราะเพิ่งเริ่มงาน ชีวิตยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่
พอตารางของออฟฟิศเริ่มนิ่ง เพราะมีการจ้างอ.ฝรั่งมาสอนแทน เราจึงขอตารางเรียนไป
วันที่ 2 ก.พ. อ.นัดส่งตาราง แต่ไม่ได้ // 8-9 ก.พ. เราโทรไปแจ้งว่าเรียนไม่ได้
// 10-21 ก.พ. อ.ขาดการติดต่อ เกรงใจไม่กล้าตามจิก เห็นเป็นพ่อรุ่นน้อง
// ตอบไลน์ 22 ก.พ. นัดส่งตาราง แต่ไม่ได้ // 23-26 ก.พ. อ.ขาดการติดต่ออีก
// 27 ก.พ. นัดส่งตาราง แต่ไม่ได้ // 28 ก.พ. ตัดสินใจยกเลิกการเรียน (กำหนดเรียนเดิมคือ 18.00 น.ของวันพุธและพฤหัส)
ส่วนของออฟฟิศ อ.ก็มีการเลื่อนการสอนบ่อย โดยให้เหตุผลว่าตารางยังไม่นิ่ง จนกระทั่งได้ อ.ฝรั่ง มาสอน (ซึ่งไปสอบถามกันทีหลัง ก็ได้รู้ว่าคุณอ.ฝรั่ง ไม่ได้เป็นอ.ของสถาบันนั้น แต่ถูกขอร้องให้มาช่วยสอนหลายครั้งแต่ยังไม่เคยได้รับเงิน) พอตารางของออฟฟิศนิ่งแล้วเรายังไม่ได้รับการติดต่อ ก็เริ่มอารมณ์เสียแล้วที่มักจะโดนเมินเฉยทั้งที่จ่ายเงินครบแล้ว จึงบอกว่าจะยกเลิกการเรียน
ซึ่งเราได้ให้เหตุผลว่างานไม่ค่อยเป็นเวลา เพิ่งเริ่มงานเลยเปลี่ยนใจอยากโฟกัสงาน แต่จริงๆแล้วเราแค่อยากปฏิเสธเขาในฐานะพ่อของรุ่นน้องอย่างสุภาพ เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการสอนที่ต่อเนื่องอย่างแน่นอน ขนาดหนังสือยังไม่ได้เลย และเราก็ถามในเรื่องการขอเงินคืนไปในวันนั้น
อ.แนะนำให้ดรอปไว้ก่อน และให้เหตุผลว่าที่ให้เราเรียนกับออฟฟิศไปก่อนเพราะเห็นว่า "เรียนฟรี" และมีประโยชน์กับตัวเรา และอีกอย่างเราเคยพูดกับเขาว่า "ไม่รีบ" เราก็หืม?? เราลงเรียนเพื่อสอบโทอิค ส่วนออฟฟิศเรียนแบบสนทนาทั่วไป แล้วมันยังไง ในเมื่อเราก็จ่ายเงินเพื่อจะเรียนไปก่อนแล้ว ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคลาสของออฟฟิศเลย แล้วก่อนหน้านี้ช่วงที่หายไป ไม่เห็นพูดแบบนี้เลย แล้วไม่รีบก็จะไม่สอน จะหายๆไปตอนไหนก็ได้แบบนี้หรอ
อ.บอกเราว่า แล้วจะโทรมาคุยอีกที แต่ก็ไม่โทรมา ในวันรุ่งขึ้นเราตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าไม่เอาแล้ว พูดขนาดนี้ยังไม่ติดต่อมาเลย ทำไมเมินกันขนาดนี้ จึงพิมพ์บอกไปอีกทีว่า ตัดสินใจแล้ว
หลังจากนั้นมีการคุยทางโทรศัพท์ โดยอ.บอกว่าจะจัดการให้ และบอกให้เราโทรไปหาเขา ตอนบ่าย 3 วันอาทิตย์ที่ 12 มี.ค. 60 (เขาบอกขับรถอยู่ไม่สะดวกคุย) แล้วเราลืมค่ะ -*- จึงพิมพ์ไปบอกว่าลืมและให้ช่วยดำเนินการให้ด้วย พร้อมส่งเลขที่บัญชีของเราไปให้
พอช่วงเช้าวันที่ 13 มี.ค.60 เราติดต่อ อ.ไม่ได้ และพยายามโทรทุกเบอร์ที่หาเจอในอินเตอร์เน็ต ที่เกี่ยวกับสถาบันชื่อ... แต่โทรไม่ติดทุกเบอร์ ตอนบ่ายสองกว่าๆเลยไลน์ทักไป ว่าโทรทุกเบอร์แล้ว อ.โทรไลน์กลับมา แต่เราไม่ได้รับสาย อ. พิมพ์ข้อความไว้ให้ว่า "เดี๋ยวจัดการให้" เราก็ตอบ(แบบมัดมือชก)ว่าขอวันพุธที่ 15 มี.ค.
วันที่ 14 มี.ค. เราพยายามติดต่อ แต่ติดต่อไม่ได้ พอถึงกำหนดวันที่ 15 มี.ค. เราก็ไม่ได้เงินคืน ได้เหตุผลว่า "ส่งเรื่องให้ทางบัญชีของบริษัทแล้ว แต่เลยรอบบัญชี จะจ่ายอีกทีวันที่ 1 เม.ย." ซึ่งเราเดือดร้อนละ
อ.บอกว่าจะเอาเงินตัวเองมาสำรองจ่ายให้ก่อน แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้รับสักแดง วันที่ 16-20 มี.ค. ไม่ตอบไลน์ ไม่โทรกลับ
รู้สึกชักไม่เข้าท่าละ เลยสอบถามไปทางรุ่นน้องซึ่งเป็นลูกสาว รุ่นน้องสอบถามให้ และอ.พิมพ์ตอบว่าอีกอาทิตย์นึงได้แน่นอน (รุ่นน้องแคปไลน์ส่งมาให้) เราก็รอจนครบกำหนด คือวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งก็ยังไม่ได้เงินอีก โดยครั้งนี้ให้เหตุผลว่า ทางบัญชีไม่อนุมัติ (ทั้งที่ตัวเขาเองบอกว่าเป็นเจ้าของรร. เป็นผอ. และรอบก่อนนั้นบอกว่าส่งเรื่องให้แล้วแค่รอรอบจ่าย) เพราะเราเป็นคนขอยกเลิกการเรียนเอง ทางโรงเรียนไม่ได้ขอยกเลิก (แค่ไม่มีหนังสือและขาดการติดต่อ) จึงไม่ตรงตามเงื่อนไข
เราโกรธมากกกกก เพราะเขาเป็นคนนัดเราเอง และก็เลื่อนนัด และติดต่อไม่ได้ และเลื่อนนัด อยู่อย่างนี้ ด้วยความข้องใจเราจึงขอให้เขาถ่ายรูปใบสมัครที่ให้เราเซ็นมาให้ดู เพื่อจะดูว่าข้อกำหนดเป็นอย่างไร ได้เจอคำว่า ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี เราได้โทรสอบถามทาง สคบ. และทางสคบ.แจ้งว่าหากมีเหตุที่สมควรแย้งก็สามารถเรียกคืนได้
วันที่ 27 มี.ค. อ.แจ้งว่า กำหนดคืนเงิน ให้รออีกหน่อย จนวันที่ 28 มี.ค. จึงไลน์สรุปมาให้ว่าจะ "แบ่งจ่าย 2 งวด งวดละ 50% คือวันที่ 6 เม.ย. และ 12 เม.ย." โดยยังให้เหตุผลอยู่ว่าขอเงินคืนจากรร.ตัวเองไม่ได้ เพราะยืนยันดำเนินการสอน แค่เลื่อนออกไปเฉยๆ (555โอ้ย) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวันสอบของนักเรียน เพราะยังไม่มีกำหนดสอบ (ไม่สอนแล้วจะให้สอบตอนไหนนนน)
เรารู้สึกได้กลิ่นตุๆกับวันนัด 6 เม.ย. มันเป็นวันหยุดราชการ ส่วน 12 เม.ย. ก็ใกล้วันหยุด เรารู้สึกได้ทันทีว่าต้องเบี้ยวอีกแน่ๆ เราจึงหักคอขอไปอีกที ว่าเป็นวันที่ 1 เม.ย. อ.ก็แจ้งว่า เขาแค่ลงวันที่ไว้เผื่อๆเฉยๆ คงได้เงินก่อน
สรุปถึงวันที่ 1 เม.ย. ก็ไม่ได้รับเงิน 3 เม.ย. ก็ไม่ได้รับเงิน 4-5 เม.ย. ติดต่อยากมาก 6 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่เขากำหนดเอง ก็ไม่รับสายจนเย็นจึงพิมพ์บอกเราว่า "ไม่ได้เงิน แต่จะหาดักนักศึกษาใหม่ที่เอาเงินมาจ่าย แล้วจะเอามาให้ก่อน"
จริงๆมันก็เรื่องของเขาที่จะยำระบบของสถาบันตัวเองอย่างไร แต่เรารู้สึกเลยว่าเขาทำไม่ถูก เงินของเราและของออฟฟิศก็คงเอาไปใช้ก่อนเหมือนกัน จึงหมดจนไม่มีเงินมาคืนให้
วันที่ 7 เม.ย. พี่ชายเรา ส่ง sms หา อ.ว่าให้ติดต่อกลับมาเพื่อหาหนทางจ่ายคืนร่วมกัน มิฉะนั้นจะต้องไปคุยกันที่สถานีตำรวจ ซึ่ง อ.และพี่ชายเราได้คุยกันทางโทรศัพท์ และอ.บอกว่า"จะติดต่อกลับมา"ในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. แต่สุดท้ายก็หายเงียบไปเช่นเคย
ระหว่างนี้ อ.ฝรั่งสอนของออฟฟิศครบชม.แล้ว มาถามเราว่า ติดต่ออ.ได้ไหม เขาติดต่อไม่ได้ เขารู้สถานการณ์เราก็บอกเราว่า เขาคงต้องทวงเงินได้แล้วใช่ไหม ...น่าสงสารอะ ปกติสอนอยู่ม.ชื่อดังแห่งนึง คุณฝรั่งสอนจบไป 8 เม.ย.ก็แยกย้ายจากกันไป
และหลังจากนั้น อ.ก็ไม่เคยมาสอนที่ออฟฟิศอีกเลย ติดต่อไปก็อ้างป่วย อ้างธุระ หาเหตุผลสารพัดอย่าง จนถึงล่าสุดที่บอกว่า "ไม่สะดวก" แค่นั้น เราขายขี้หน้ามาก ออฟฟิศจ่ายไปประมาณ 7หมื่นได้เรียนแค่ครึ่งหลักสูตร แถมไอ้คนเอาไป ดันเป็นคนที่เราแนะนำเอง
จนสุดท้ายวันที่ 14 เม.ย. เราและพี่ชายไปแจ้งความตามที่ได้เอ่ยไว้ ตำรวจบอกให้เราโทรติดต่อไปยัง อ.และได้คุยกับตำรวจ (เรามีแอพอัดคลิปเสียงไว้ แต่หากไม่ถูกต้องเราก็จะลบ ตอนนี้ไม่ได้เผยแพร่ และไม่อยากใช้คลิปนี้เป็นหลักฐาน เพราะมีแต่คำพูดเลอะเทอะของเขาอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีเราร่วมสนทนาด้วยในสาย)
อ.ได้ ขอชื่อ ยศ ตำแหน่ง สภ.ของตำรวจที่คุย แล้วบอกว่า "เดี๋ยวจะให้กองบังคับการมาคุย เกริ่นไว้แล้ว พอดีไปกินข้าวกันมา บลาๆๆๆ" .. เราช็อกเลย โอ้โห ทำไมต้องเอาคนอื่นมาคุยทั้งที่ อ.เป็นคนที่นัดเราแล้วไม่ยอมคืนเงินเอง
เรารู้สึกว่า อ.ไม่มีสำนึกแล้ว อ้างยศคนอื่นปกป้องตัวเองเพื่อข่มขู่เรา คุณตำรวจตรงนั้นถอนหายใจเบาๆแล้วส่ายหัว แต่ก็ให้ชื่อไป
เราส่งเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ. ตามคำแนะนำของตำรวจ เพราะแจ้งตำรวจก็ได้แค่แพ่ง ผิดสัญญา ช่วยไกล่เกลี่ยให้เท่านั้น อ.บอกตำรวจว่า ค่อยคุยอีกทีวันที่ 18 เม.ย. รอให้เปิดงานก่อน เราไม่เข้าใจทำไมต้องรอ ปัญหามันคือตัวเขาและเราเท่านั้น จะรอทำไม คุณตำรวจก็ถามว่า 18 คืนเงิน หรือ 18 คุย หรืออะไร ตำรวจยังงงเลยค่ะ (อ.มักใช้คำว่า “ค่อยคุยกัน” “เดี๋ยวเช็คให้”แล้วก็หายไป)
อ. บอกคุณตำรวจว่า พี่ชายเราบอกว่าจะติดต่อไป แต่ไม่ได้ติดต่อไปหาเขา โอยยยยพ่อคุณ กล้าพูดออกมาได้ไง ทั้งที่ตัวเองบอกว่าจะติดต่อมา บอกว่าที่คืนให้เพราะเห็นเป็นเพื่อนลูกสาว..555 ด้วยความเคยเป็นข้าราชการ มีประวัติดี การศึกษาดี มีความอ้างถึงกฎหมาย อ้างยศ เขาจะอ้างถึงสารพัดสิ่งที่เขาจะหามาพูดได้
แต่ตอนนี้เรามั่นใจเหลือเกินแล้วว่าเขาเป็นเพียงคนที่มักหลอกลวงคนอื่น เพราะถามจากลูกสาวเขา ก็บอกว่าเวลาขอเงินพ่อ พ่อก็เอาเงินนักเรียนมาให้ แล้วปัญหาการติดหนี้คนอื่น ก็เป็นปัญหาที่ทางบ้านเอือมระอา และต้องคอยตามจ่ายให้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
ตลอดมาที่เกิดเรื่องเราได้คุยกับน้องอยู่ตลอดเพราะเขาก็เอือม น้องพยายามติดต่อพ่อและคอยถามความคืบหน้าเราตลอด จนกระทั่ง อ.บอกให้ดิฉันเลิกยุ่งกับลูกสาวเขาไม่งั้นเขาจะไม่จ่ายเงิน แถมตอนคุยโทรศัพท์อยู่ดีดีก็พูดเกี่ยวกับว่า น้องมีอาเป็นตำรวจอยู่ที่... อ่าว.. ขู่ฉันหรอ เราจึงบอกน้องว่าไม่ให้ยุ่งแล้ว เพราะพ่อเธอขู่ฉันแล้ว
น้องบอกกับเราว่า "ที่ผ่านมาเวลานักเรียนยกเลิกการเรียน พ่อเขาก็จะคืนเงินให้" ส่วนตัวน้องและแม่ไม่มีเงิน จึงไม่รู้จะช่วยเรายังไง และเราเองก็ไม่อยากได้เงินของคนอื่นด้วย ตอนหน้ามืดมีขอยืมแม่น้องไป แต่แม่ไม่มีให้ เราก็คิดได้เออดีแล้วแหละ ถ้าเขาให้ ก็กลายเป็นไม่จบสิ้นเป็นบุญคุณไปอีก
เพราะโกรธทำให้หน้ามืด มีการติดต่อเพจดาร์กให้แชร์เรื่องให้ ก็มีเพจนึงรับเรื่อง สุดท้ายกลัวครอบครัวอ.เดือดร้อน เลยตัดสินใจไม่ส่งเรื่องไป ทั้งที่เตรียมหลักฐานไว้หมดแล้ว ก็ถอดใจไปพักใหญ่ระหว่างรอความคืบหน้าจากสคบ.
23 ส.ค. เราโทรไปสอบถามยัง สนง.คกก.ศึกษาเอกชน ที่รับเรื่องต่อจากสคบ. เขาพบว่า สถาบันแห่งนี้ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และได้แจ้งให้ทางศึกษาธิการจังหวัด เรียกตรวจสอบกันต่อไป เอาจริงๆไม่มีกม.ข้อไหนจะเรียกเงินตรงนี้คืนได้ ก็ขึ้นอยู่กับเขา
ตอนนี้ก็ส่งเรื่องกลับมาที่ สคบ. อีกครั้ง แต่จนท.ของสนง.ศึกษาเอกชน บอกว่าให้ร้องเรียนไปทางอุบลฯเลยจะเร็วกว่า มีหลักฐานเป็นคลิปเสียงซึ่งไม่รู้จะได้ใช้ไหม มีแคปไลน์ไว้ทุกอย่าง น่าจะพอช่วยได้บ้าง
เราขอความกรุณาเป็นอย่างสูง มีใครชี้แนะทางไหนได้อีกไหมคะ ที่จะให้คนๆนี้รู้สำนึกและคืนเงินเรา เราไม่รวย เงินจำนวนนั้นมันเยอะค่ะ
อ.ได้บอกตำรวจว่า เขาเสียโอกาสทางธุรกิจ แต่คุณตำรวจก็ตอบว่า ทางนี้เขาก็เสียโอกาสทางการศึกษาเช่นกัน ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆ แต่เขาไม่สำนึกอะไรเลยจริงๆ อีกอย่างสงสารครอบครัวเขาก็อับอายทำไมไม่สำนึกไม่เข้าใจเลยค่ะ