ข้อความนี้ใช้เวลาเขียนมากกว่าหนึ่งครั้ง เก็บสะสมความยุ่งเหยิงในความคิดที่เจอตลอดเวลามาจัดกลุ่มเขียนรวมกันให้ตัวเองรู้เหตุ(ที่ส่วนใหญ่ดูเหมือนเข้าข้างตัวเอง?)และผลของปัญหาในใจนี้ บอกก่อนว่ายาวอย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านกันเด้อหล้า
*ขอเขียน ชั้น แทนคำว่า ฉัน เนื่องจากพิมพ์ได้เร็วกว่าและอ่านแล้วเสียงมันได้ถึงจะไม่ใช่นิยายก็เถอะ
รู้สึกเศร้ากับชีวิต ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย เพราะรู้ว่ามันบาปที่อาจต้องพาตัวเองไปเกิดอีกร้อยชาติพันชาติ เพราะตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองกำลังสะสมบาปด้วยความคิดและพฤติกรรมแย่ๆแทบทุกวันอยู่แล้ว
เมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่าเครียดเพราะรับรู้ถึงความมึนตึงที่หัว บางทีก็รู้สึกบีบๆแน่นๆในหัว แน่นในหน้าผาก แน่นท้ายทอย หลังๆนี่น้ำตาซึมง่ายมาก ไม่อยากเชื่อว่าต้องมาเครียดมาเศร้ากับเรื่องบ้าบออะไรพวกนี้จากคนบ้าคนหนึ่งในบ้าน
คนคนนี้เป็นญาติผู้ใหญ่เพศหญิงท่านหนึ่งในบ้าน(เราไม่ได้อยู่กับพ่อค่ะมีแต่แม่และญาติผู้ใหญ่อีก2ท่านรวมคนนี้) เค้าสำคัญตัวเองผิดไปมาก เรียกหาความรักไปมาก มากจนมันกระทบความสุขของคนอื่น
1)
คิดว่าตัวเองสำคัญพอทีจะให้ใครต่อใครที่เค้าไปเจอมีรีแอคชั่นใส่เค้าได้ทุกคน
คนนั้นมันทำหน้าแบบนี้ใส่ฉันตอนฉันพูดอย่างโน้นอย่างนี้ มันคงคิดอย่างนั้นอย่างนี้กับฉัน(เป็นแม้กระทั่งกับคนแปลกหน้าที่เจอแค่ครั้งเดียว เช่นคนขายของที่ห้าง พนง.ร้านอาหารที่ไปกิน คิดทุกเม็ด) คุยไลน์กันเค้าส่งสติ๊กเกอร์นี้มาเค้าต้องชอบชั้นแน่ๆ มันหมั่นไส้ชั้นแน่ๆ ถามอยู่นั่นสติ๊กเกอร์นี้หมายความว่าไรๆๆๆ เฮ้ย!!!! มันแค่สติ๊กเกอร์เว่ย ส่งกันให้มีสีสัน เก็บมาคิดทุกท่าทีของคนคุย คิดเองเออเองไม่พอต้องเอามาพูดกรอกหูให้คนอื่นเค้ารับรู้ด้วย
2)
สำคัญพอทีจะมีคนมานั่งรับฟังตลอดเวลา ขี้พูด พูดมากมากๆๆๆ พูดอยู่สองอย่าง ไม่เรื่องคนอื่นก็เรื่องตัวเอง(เป็นส่วนใหญ่เลยแหละ) ชอบเล่าอะไรที่คนอื่นได้อยากรู้ (คิดในใจตลอดกุไม่ได้ถามไม่ได้อยากรู้โว้ย) ดูทีวีทีนึงอยู่ด้วยไม่ได้ พูด

ทั้งรายการ ไม่เคยรับรู้ปฏิกิริยาที่คนอื่นเค้าเกลียด
เช่น"เดี๋ยวนี้ชั้นดูทีวีแล้วชอบหลับ เออๆตอนกำลังดูรายการไอ้เนี่ยทำศัลยกรรม ผู้ชายคนที่มาออกเนี่ยนะดูอรชรอ้อนแอ้นมาก หน้ามันสวยนะแต่บลาๆๆๆ....." คือมันจะหลุดประเด็นไปไกลมากกก แล้วก็มีเรื่องต่อไปเรื่อยๆ หรือเวลาดูทีวีด้วยกันนี่ทนไม่ได้เลย พูดมันตลอด วิจารณ์ในทีวีบ้าง ชุดไอ้นั่นสวย ไอนี่มันชอบแหกปาก ดาราคนนี้แต่ก่อนมันอย่างนู้นอย่างนี้ โอ้โหน่าเศร้าใจแทน น่าเอามาทำบ้าง น่าเอาไปบอกต่อ (จะทำไรคิดไรเรื่องมรึ้งงง!) อยู่ๆก็วนกลับมาเรื่องอาหารเมื่อเช้าบ้าง ระบบขับถ่ายตัวเองบ้าง เรื่องที่คุยตอนไปเจอกับคนนี้วันก่อนบ้าง มันมั่วไปหมด สติไม่มีเลย คนจะดูทีวีก็ไม่ได้ดู ไม่รู้ไม่เหงาปากขาดรักมาจากไหน
เล่าอะไรทีนึงตัวเองจะเป็นตัวเด่น น้ำเสียงอารมณ์มาเต็ม(หลายครั้งที่มันเว่อวังเกินความจริง) ความรู้สึกชั้นมันมากจนชั้นปริบตาชายตาใส่มันเลย จนชั้นคลื่นไส้ คลื่นไส้จริงๆนะแก จนชั้นโน่นนี่ร้อยแปดพันเก้า
แถมเวลาพูดจะไม่ชอบใช้คำปกติที่เอามาใช้พูดกัน ดูเป็นภาษาที่ควรอยู่ในนิยาย เช่น ชอกช้ำใจ ปวดหัวใจ ฯลฯฯฯฯฯ (แต่เวลาขอความช่วยคนอื่นจะใช้คำว่า"ด้วย"มากกว่า"หน่อย"ที่ฟังดูซอฟต์กว่า)
เวลาพูดอะไรจะชอบหาการซัพพอร์ตให้ตัวเอง แม่เราเป็นเหยื่อตลอด "เนอะ(ชื่อแม่)เนอะ" "เนอะแกเนอะ" เป็นคำติดปากลงท้าย วันนึงได้ยินไม่ต่ำกว่า5รอบ มันดูเป็นการเผด็จการทางความคิด แต่คิดอีกด้านคือเป็นพฤติกรรมของคนที่ต้องการความรักและสนใจ (รำคาญอยู่ดี อ่าวแย่จัง55)
3)
แม่บ้านที่จ้างมาทำความสะอาดรายวันเกินห้าคน ไม่มีใครมาทำได้เกินสามครั้ง(มีคนสุดท้ายอึดสุด มาเกิน5ครั้งสุดท้ายก็บายไม่รับสายเหมือนกัน) ขอลา ขอบาย รับรู้ได้เลยเพราะปฏิกิริยาที่แม่บ้านมีกับเค้ามันชัดเจนมากกก เรากับแม่เห็นรับรู้และไม่อยากเข้าใกล้หรือสู้หน้าให้ กลับกันคนที่โดนทำแอคชั่นอย่างนั้นใส่ตรงๆกลับไม่รู้เรื่อง!? ทั้งๆที่ปกติชอบคิดไปเองจะตายว่าคนอื่นเค้าทำแบบนั้นนี้ใส่ชั้นเหมือนที่บอกไปข้อแรก เอ้องงมากค่ะงงมากๆ แอบวิเคราะห์ได้สาเหตุเล็กอย่างนึงคือเค้าชอบยืนเท้าเอว มีทั้งใช้มือจับเอวและใช้หลังมือเท้าเอา กริยานี้ใครเห็นที่ไหนก็รู้สึกไม่ดีทั้งนั้น มันBossy แล้วชอบทำท่านี้ตอนไปยืนมองแม่บ้านทำงาน ยืนเท้าเอวมองเฉยๆ บางทีมือไม่พายไม่พอปากก็สั่งด้วย เหมือนสั่งโรบอทเธอเป็นแขนขาชั้นเธอต้องทำงี้ๆๆ แค่นี้ก็ไม่ต้องพูดแล้วว่าแม่บ้านเขาจะรู้สึกยังไง ฟีลเหมือนนั่งทำงานแล้วเจ้านายมายืนมองตอนทำนั่นแหละ มันอะไรกัน (สมัยก่อนจขกทก็เคยโดนเวลาเค้าทำครัวแล้วเราล้างจานอยู่ข้างๆ เค้าจะทำเป็นหันหน้าตรงแต่ชายตามามองตอนเราล้างตลอดเหมือนตัวเองเก่งตัวเองเป็นบอส ยัยนี่มันจะล้างสะอาดรึเปล่า มันจะทำจานร่วงแตกรึเปล่า เห่นโลววโตเป็นฟายขนาดนี้แล้วจะเอาอะไรกับตรูอีก ประสาทแด้กค่ะบอกตรง)
4)
เวลาเราคุยอะไรกับแม่แล้วเค้าอยู่ด้วยตรงนั้น ไม่มีทางที่เรื่องมันจะลอยตามลมผ่านหูเค้าไปเฉยๆ จะต้องถามจะต้องรู้เรื่องด้วย จะต้องออกความเห็น และคิดว่าความเห็นชั้นดีที่สุด ทำสิต้องทำ ทำตามซะ ถ้าเถียงก็จะหงุดหงิด โธ่!ทำไมไม่ทำ เชื่อชั้นสิ แกมันหลานเฮงซวยพ่อแม่ไม่สั่งสอน กลายเป็นตอนนี้จะคุยอะไรกับแม่ต้องเก็บมาคุยกันสองคนในห้อง
เสริมเรื่องออกความเห็น เค้าจะออกความเห็นกับทุกเรื่อง ย้ำว่าทุกเรื่อง ไม่เกี่ยงเวลาและสถานที่ พอใครไม่เห็นด้วยจะอารมณ์เสีย พูดอ้อมๆหรือตรงๆก็ไม่พอใจ เพราะเค้าชอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้มันเยอะแล้ว มันเก่งแล้ว ชั้นอายุเยอะผ่านอะไรมาเยอะ แต่เราน่ะหมดความศรัทธาในตัวเค้าไปนานแล้ว อยู่ด้วยกันมันเห็นว่าโลกเค้าแคบมาก ความรู้น้อยมาก ชอบมองอะไรด้านเดียว เรื่องตรรกะนี่ไม่ต้องพูดถึง คิดอะไรไม่ค่อยเป็น ขนาดเคยโดนคนอื่นด่ามาตรงๆ เป็นผู้ใหญ่เหมือนกันพิมพ์ผ่านไลน์มาตรงๆเลยค่ะ ว่าเค้ามันบ้า ตรรกะป่วย เค้ายังด่าคนนั้นกลับไปและไม่เคยกลับมาคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดคนถึงได้พูดแบบนี้ เพราะอะไรพวกเราคนในบ้านถึงไม่ชอบเค้าและมีรีแอคชั่นใส่เค้าแย่ๆ คิดแต่ว่าตัวเองไม่มีพวก ใครๆก็เข้าข้างแม่เราหมด เค้าไม่เคยมองความผิดตัวเอง ความผิดคนอื่นน่ะจำขึ้นใจ ผ่านไปกี่ปีก็ขุดมาได้ ทั้งๆที่ชอบพูดเวลาหาของไม่เจอว่า ชั้นจำไม่ได้เอาไปวางไว้ไหน(เช่นแว่น/มือถือ/ยาดม/ฯลฯ ของสำคัญติดตัวทั้งน้าน)แทบทุกวัน โอ้ยชั้นนี่อาการหนักละนะ ชั้นขี้ลืมมากจริงๆ อัลไซเมอร์แน่ๆ ... สงสัยอัลไซเมอร์เพราะชอบฝากคนอื่นจำเรื่องตัวเอง จะเดินจะหายใจชีวิตนี้เลยต้องไปฝากไว้ที่คนอื่นหมด เตือนชั้นด้วยพรุ่งนี้เจาะเลือด มะรืนนี้ต้องไปวัดเตือนชั้นด้วย เสาร์นี้นัดเพื่อนสิบโมงแกอย่าลืมเตือนชั้น ...........
5)
อีกเรื่องไร้สาระที่ทำให้คนในบ้านเอือมเค้าได้คือเรื่องการกิน บ้านเราไม่ใช่เป็นพวกขอกินขอชิมเลย เว้นแต่จะเป็นของแปลกใหม่ เวลาแบ่งก็แบ่งจากถุงหรือกล่องที่ซื้อมาใส่จานตัวเองเลย ไม่มีมาตักกันจากจานเท่าไหร่ มีก็แต่คนนี้ที่เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนกินน้อยยยยยยยยยย เค้าขอชิมคำเดียวพอ แต่เค้าชิมทุกอย่างทุกครั้งแม้ว่าจะเป็นร้านเดิมอาหารเดิม อาการแบบนี้มีส่วนอินเตอร์เซคกับคำว่าตะกละมั้ยคะ?
สืบเนื่องจากการกินน้อย เพราะงั้นเวลาซื้ออะไรมาเค้าจะแบ่งไปกินแบบไม่น้อยแต่เหลือไว้น้อยๆ กับข้าวจานกลางที่กินร่วมกันแต่กินไม่พร้อมกัน เค้าก็จะเหลือไว้น้อยๆแบบที่เค้าบอกว่าเค้าอิ่ม แต่ในสายตาคนอื่นมันทูเร้ดดดด แดงเกินไปอะจ้า แถมชอบตัดแบ่ง ไม่รู้เป็นโรคอะไร เช่นทอดมันชิ้นนึงพร้อมอาจาดที่มีแต่งกวาบางๆลอยอยู่1ชิ้น แกงจืดชามเบิ้มเหลือเต้าหู้ครึ่งก้อนแบบรอยช้อนแหว่งๆ ขนมปังก้อนฉีกไปแหว่ง1นิ้วมือ ขนมปังแผ่นเล็กก็ยังจะแบ่ง คุกกี้ครึ่งอัน ลำไยทั้งกิ่งเหลือสี่ลูก ส้มครึ่งลูก(บ่อยสุด) แอปเปิ้ลครึ่งลูก นมกับน้ำก้นขวด บ๊วยหนึ่งเม็ด ลูกพรุนสามเม็ด ฯลฯx10ไปเลย
อันนี้อยากทราบจริงจังเลยค่ะว่าเป็นโรคทางจิตอะไรรึเปล่า? มีใครพอทราบหรือเคยพบเจอบ้างมั้ยคะ
ทุกวันนี้เค้าพยายามเข้าหาธรรมะ แต่ดูไม่ช่วยอะไรเลย
พยายามให้ตัวเองดูเป็นคนดีบริสุทธิ์สดใส รู้จักบทสวดนั้น พระรูปนี้แนวไหน แต่พอแม่จขกทถามอะไรเบสิคนิดหน่อย ตอบไม่ได้ และไม่เคยนำสิ่งที่รับรู้เหล่านั้นมาปฏิบัติเลยยยย
เค้ายังคงใช้คนอื่นเป็นเครื่องรองมือรองเท้ารองปากให้ชีวิตอันแสนสบาย(จนชั้นไม่สามารถไปถือศีลที่วัดได้เพราะไม่มีใครยอมเป็นคนใช้ให้) อยากทำไรแกต้องมีน้ำใจทำให้ชั้น มีน้ำใจเตือนชั้น มีน้ำใจตอบชั้น แกไม่ทำ=แกไร้น้ำใจ ใจดำ จิตใจคับแคบ
วันแม่ที่ผ่านมาได้ยินเรากับแม่คุยกันเรื่องโรงแรมที่จะไปกินข้าวกัน: "แกจะไปเสียเงินกินทำไมแพงๆ" *ขมวดคิ้วทำหน้าชอกช้ำใจของนาง* ผมนี่ขึ้นเลยฮะ เลยเถียงไปว่า"เฮยนี่มันวันพิเศษนะ ไปกินอะไรดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง" คุณนางเถียงกลับแถมเสียงขำกลั้ว"ปกติก็เห็นกินดีๆอยู่แล้วไม่ใช่หรอ" ผมนี่ขึ้นถึงเอเวอเรสต์แล้วฮะ เราตอกกลับเลย "อ๋อผัดผักบุ้งกับไข่เจียวงี้อะหรอ" (นางชอบบอกให้ทำสองอย่างนี้กินเป็นอาหารเย็นกัน ไม่รู้โรคอะไรอีกละ หลานมาก็เจียวไข่ๆ อยู่บ้านก็เจียวไข่ๆ) เวลาไปช๊อปอะไรนานๆทีเรากับแม่ก็จัดหน่อย แต่เราจะเข้าเฉพาะร้านที่มีอักษรอังกฤษสี่ตัวบนป้ายสีแดง55555 พอกลับมาบ้านก็โดนหงุดหงิดใส่ ตัวเองก็ใส่ไปเถอะกางเกง39บาทที่มันขาดวิ่นแบบเอามาทำผ้าขี้ริ้วยังทูเร้ด เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนแค่ซื้อของใช้กับแม่ ไม่ใช่ช๊อปปิ้งฟุ่มเฟือยยังต้องแอบเอาของเข้าบ้านกันเลย มันหนักถึงขั้นนี้ได้ไงกันคะคุณกิตติ เราเลยรู้สึกว่าวันพิเศษแล้วนะยังจะมาเบียดเบียนเงินในกระเป๋าพวกตูอีกหรอ ที่เป็นปกติทุกวันนี่ไม่พอใช่มั้ย
**ตัวอักษรไม่พอ ขอต่อที่คห.1ค่ะ
[ระบาย-ขอคห.] เรียนเชิญผู้มีความรู้/ประสบการณ์ด้านจิตวิทยาและคนปกติทั่วไปเข้ามาเป็นหนึ่งในคนแปลกหน้าให้เราได้พึ่งพิง
*ขอเขียน ชั้น แทนคำว่า ฉัน เนื่องจากพิมพ์ได้เร็วกว่าและอ่านแล้วเสียงมันได้ถึงจะไม่ใช่นิยายก็เถอะ
รู้สึกเศร้ากับชีวิต ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย เพราะรู้ว่ามันบาปที่อาจต้องพาตัวเองไปเกิดอีกร้อยชาติพันชาติ เพราะตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองกำลังสะสมบาปด้วยความคิดและพฤติกรรมแย่ๆแทบทุกวันอยู่แล้ว
เมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่าเครียดเพราะรับรู้ถึงความมึนตึงที่หัว บางทีก็รู้สึกบีบๆแน่นๆในหัว แน่นในหน้าผาก แน่นท้ายทอย หลังๆนี่น้ำตาซึมง่ายมาก ไม่อยากเชื่อว่าต้องมาเครียดมาเศร้ากับเรื่องบ้าบออะไรพวกนี้จากคนบ้าคนหนึ่งในบ้าน
คนคนนี้เป็นญาติผู้ใหญ่เพศหญิงท่านหนึ่งในบ้าน(เราไม่ได้อยู่กับพ่อค่ะมีแต่แม่และญาติผู้ใหญ่อีก2ท่านรวมคนนี้) เค้าสำคัญตัวเองผิดไปมาก เรียกหาความรักไปมาก มากจนมันกระทบความสุขของคนอื่น
1)
คิดว่าตัวเองสำคัญพอทีจะให้ใครต่อใครที่เค้าไปเจอมีรีแอคชั่นใส่เค้าได้ทุกคน
คนนั้นมันทำหน้าแบบนี้ใส่ฉันตอนฉันพูดอย่างโน้นอย่างนี้ มันคงคิดอย่างนั้นอย่างนี้กับฉัน(เป็นแม้กระทั่งกับคนแปลกหน้าที่เจอแค่ครั้งเดียว เช่นคนขายของที่ห้าง พนง.ร้านอาหารที่ไปกิน คิดทุกเม็ด) คุยไลน์กันเค้าส่งสติ๊กเกอร์นี้มาเค้าต้องชอบชั้นแน่ๆ มันหมั่นไส้ชั้นแน่ๆ ถามอยู่นั่นสติ๊กเกอร์นี้หมายความว่าไรๆๆๆ เฮ้ย!!!! มันแค่สติ๊กเกอร์เว่ย ส่งกันให้มีสีสัน เก็บมาคิดทุกท่าทีของคนคุย คิดเองเออเองไม่พอต้องเอามาพูดกรอกหูให้คนอื่นเค้ารับรู้ด้วย
2)
สำคัญพอทีจะมีคนมานั่งรับฟังตลอดเวลา ขี้พูด พูดมากมากๆๆๆ พูดอยู่สองอย่าง ไม่เรื่องคนอื่นก็เรื่องตัวเอง(เป็นส่วนใหญ่เลยแหละ) ชอบเล่าอะไรที่คนอื่นได้อยากรู้ (คิดในใจตลอดกุไม่ได้ถามไม่ได้อยากรู้โว้ย) ดูทีวีทีนึงอยู่ด้วยไม่ได้ พูด
เช่น"เดี๋ยวนี้ชั้นดูทีวีแล้วชอบหลับ เออๆตอนกำลังดูรายการไอ้เนี่ยทำศัลยกรรม ผู้ชายคนที่มาออกเนี่ยนะดูอรชรอ้อนแอ้นมาก หน้ามันสวยนะแต่บลาๆๆๆ....." คือมันจะหลุดประเด็นไปไกลมากกก แล้วก็มีเรื่องต่อไปเรื่อยๆ หรือเวลาดูทีวีด้วยกันนี่ทนไม่ได้เลย พูดมันตลอด วิจารณ์ในทีวีบ้าง ชุดไอ้นั่นสวย ไอนี่มันชอบแหกปาก ดาราคนนี้แต่ก่อนมันอย่างนู้นอย่างนี้ โอ้โหน่าเศร้าใจแทน น่าเอามาทำบ้าง น่าเอาไปบอกต่อ (จะทำไรคิดไรเรื่องมรึ้งงง!) อยู่ๆก็วนกลับมาเรื่องอาหารเมื่อเช้าบ้าง ระบบขับถ่ายตัวเองบ้าง เรื่องที่คุยตอนไปเจอกับคนนี้วันก่อนบ้าง มันมั่วไปหมด สติไม่มีเลย คนจะดูทีวีก็ไม่ได้ดู ไม่รู้ไม่เหงาปากขาดรักมาจากไหน
เล่าอะไรทีนึงตัวเองจะเป็นตัวเด่น น้ำเสียงอารมณ์มาเต็ม(หลายครั้งที่มันเว่อวังเกินความจริง) ความรู้สึกชั้นมันมากจนชั้นปริบตาชายตาใส่มันเลย จนชั้นคลื่นไส้ คลื่นไส้จริงๆนะแก จนชั้นโน่นนี่ร้อยแปดพันเก้า
แถมเวลาพูดจะไม่ชอบใช้คำปกติที่เอามาใช้พูดกัน ดูเป็นภาษาที่ควรอยู่ในนิยาย เช่น ชอกช้ำใจ ปวดหัวใจ ฯลฯฯฯฯฯ (แต่เวลาขอความช่วยคนอื่นจะใช้คำว่า"ด้วย"มากกว่า"หน่อย"ที่ฟังดูซอฟต์กว่า)
เวลาพูดอะไรจะชอบหาการซัพพอร์ตให้ตัวเอง แม่เราเป็นเหยื่อตลอด "เนอะ(ชื่อแม่)เนอะ" "เนอะแกเนอะ" เป็นคำติดปากลงท้าย วันนึงได้ยินไม่ต่ำกว่า5รอบ มันดูเป็นการเผด็จการทางความคิด แต่คิดอีกด้านคือเป็นพฤติกรรมของคนที่ต้องการความรักและสนใจ (รำคาญอยู่ดี อ่าวแย่จัง55)
3)
แม่บ้านที่จ้างมาทำความสะอาดรายวันเกินห้าคน ไม่มีใครมาทำได้เกินสามครั้ง(มีคนสุดท้ายอึดสุด มาเกิน5ครั้งสุดท้ายก็บายไม่รับสายเหมือนกัน) ขอลา ขอบาย รับรู้ได้เลยเพราะปฏิกิริยาที่แม่บ้านมีกับเค้ามันชัดเจนมากกก เรากับแม่เห็นรับรู้และไม่อยากเข้าใกล้หรือสู้หน้าให้ กลับกันคนที่โดนทำแอคชั่นอย่างนั้นใส่ตรงๆกลับไม่รู้เรื่อง!? ทั้งๆที่ปกติชอบคิดไปเองจะตายว่าคนอื่นเค้าทำแบบนั้นนี้ใส่ชั้นเหมือนที่บอกไปข้อแรก เอ้องงมากค่ะงงมากๆ แอบวิเคราะห์ได้สาเหตุเล็กอย่างนึงคือเค้าชอบยืนเท้าเอว มีทั้งใช้มือจับเอวและใช้หลังมือเท้าเอา กริยานี้ใครเห็นที่ไหนก็รู้สึกไม่ดีทั้งนั้น มันBossy แล้วชอบทำท่านี้ตอนไปยืนมองแม่บ้านทำงาน ยืนเท้าเอวมองเฉยๆ บางทีมือไม่พายไม่พอปากก็สั่งด้วย เหมือนสั่งโรบอทเธอเป็นแขนขาชั้นเธอต้องทำงี้ๆๆ แค่นี้ก็ไม่ต้องพูดแล้วว่าแม่บ้านเขาจะรู้สึกยังไง ฟีลเหมือนนั่งทำงานแล้วเจ้านายมายืนมองตอนทำนั่นแหละ มันอะไรกัน (สมัยก่อนจขกทก็เคยโดนเวลาเค้าทำครัวแล้วเราล้างจานอยู่ข้างๆ เค้าจะทำเป็นหันหน้าตรงแต่ชายตามามองตอนเราล้างตลอดเหมือนตัวเองเก่งตัวเองเป็นบอส ยัยนี่มันจะล้างสะอาดรึเปล่า มันจะทำจานร่วงแตกรึเปล่า เห่นโลววโตเป็นฟายขนาดนี้แล้วจะเอาอะไรกับตรูอีก ประสาทแด้กค่ะบอกตรง)
4)
เวลาเราคุยอะไรกับแม่แล้วเค้าอยู่ด้วยตรงนั้น ไม่มีทางที่เรื่องมันจะลอยตามลมผ่านหูเค้าไปเฉยๆ จะต้องถามจะต้องรู้เรื่องด้วย จะต้องออกความเห็น และคิดว่าความเห็นชั้นดีที่สุด ทำสิต้องทำ ทำตามซะ ถ้าเถียงก็จะหงุดหงิด โธ่!ทำไมไม่ทำ เชื่อชั้นสิ แกมันหลานเฮงซวยพ่อแม่ไม่สั่งสอน กลายเป็นตอนนี้จะคุยอะไรกับแม่ต้องเก็บมาคุยกันสองคนในห้อง
เสริมเรื่องออกความเห็น เค้าจะออกความเห็นกับทุกเรื่อง ย้ำว่าทุกเรื่อง ไม่เกี่ยงเวลาและสถานที่ พอใครไม่เห็นด้วยจะอารมณ์เสีย พูดอ้อมๆหรือตรงๆก็ไม่พอใจ เพราะเค้าชอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้มันเยอะแล้ว มันเก่งแล้ว ชั้นอายุเยอะผ่านอะไรมาเยอะ แต่เราน่ะหมดความศรัทธาในตัวเค้าไปนานแล้ว อยู่ด้วยกันมันเห็นว่าโลกเค้าแคบมาก ความรู้น้อยมาก ชอบมองอะไรด้านเดียว เรื่องตรรกะนี่ไม่ต้องพูดถึง คิดอะไรไม่ค่อยเป็น ขนาดเคยโดนคนอื่นด่ามาตรงๆ เป็นผู้ใหญ่เหมือนกันพิมพ์ผ่านไลน์มาตรงๆเลยค่ะ ว่าเค้ามันบ้า ตรรกะป่วย เค้ายังด่าคนนั้นกลับไปและไม่เคยกลับมาคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดคนถึงได้พูดแบบนี้ เพราะอะไรพวกเราคนในบ้านถึงไม่ชอบเค้าและมีรีแอคชั่นใส่เค้าแย่ๆ คิดแต่ว่าตัวเองไม่มีพวก ใครๆก็เข้าข้างแม่เราหมด เค้าไม่เคยมองความผิดตัวเอง ความผิดคนอื่นน่ะจำขึ้นใจ ผ่านไปกี่ปีก็ขุดมาได้ ทั้งๆที่ชอบพูดเวลาหาของไม่เจอว่า ชั้นจำไม่ได้เอาไปวางไว้ไหน(เช่นแว่น/มือถือ/ยาดม/ฯลฯ ของสำคัญติดตัวทั้งน้าน)แทบทุกวัน โอ้ยชั้นนี่อาการหนักละนะ ชั้นขี้ลืมมากจริงๆ อัลไซเมอร์แน่ๆ ... สงสัยอัลไซเมอร์เพราะชอบฝากคนอื่นจำเรื่องตัวเอง จะเดินจะหายใจชีวิตนี้เลยต้องไปฝากไว้ที่คนอื่นหมด เตือนชั้นด้วยพรุ่งนี้เจาะเลือด มะรืนนี้ต้องไปวัดเตือนชั้นด้วย เสาร์นี้นัดเพื่อนสิบโมงแกอย่าลืมเตือนชั้น ...........
5)
อีกเรื่องไร้สาระที่ทำให้คนในบ้านเอือมเค้าได้คือเรื่องการกิน บ้านเราไม่ใช่เป็นพวกขอกินขอชิมเลย เว้นแต่จะเป็นของแปลกใหม่ เวลาแบ่งก็แบ่งจากถุงหรือกล่องที่ซื้อมาใส่จานตัวเองเลย ไม่มีมาตักกันจากจานเท่าไหร่ มีก็แต่คนนี้ที่เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนกินน้อยยยยยยยยยย เค้าขอชิมคำเดียวพอ แต่เค้าชิมทุกอย่างทุกครั้งแม้ว่าจะเป็นร้านเดิมอาหารเดิม อาการแบบนี้มีส่วนอินเตอร์เซคกับคำว่าตะกละมั้ยคะ?
สืบเนื่องจากการกินน้อย เพราะงั้นเวลาซื้ออะไรมาเค้าจะแบ่งไปกินแบบไม่น้อยแต่เหลือไว้น้อยๆ กับข้าวจานกลางที่กินร่วมกันแต่กินไม่พร้อมกัน เค้าก็จะเหลือไว้น้อยๆแบบที่เค้าบอกว่าเค้าอิ่ม แต่ในสายตาคนอื่นมันทูเร้ดดดด แดงเกินไปอะจ้า แถมชอบตัดแบ่ง ไม่รู้เป็นโรคอะไร เช่นทอดมันชิ้นนึงพร้อมอาจาดที่มีแต่งกวาบางๆลอยอยู่1ชิ้น แกงจืดชามเบิ้มเหลือเต้าหู้ครึ่งก้อนแบบรอยช้อนแหว่งๆ ขนมปังก้อนฉีกไปแหว่ง1นิ้วมือ ขนมปังแผ่นเล็กก็ยังจะแบ่ง คุกกี้ครึ่งอัน ลำไยทั้งกิ่งเหลือสี่ลูก ส้มครึ่งลูก(บ่อยสุด) แอปเปิ้ลครึ่งลูก นมกับน้ำก้นขวด บ๊วยหนึ่งเม็ด ลูกพรุนสามเม็ด ฯลฯx10ไปเลย
อันนี้อยากทราบจริงจังเลยค่ะว่าเป็นโรคทางจิตอะไรรึเปล่า? มีใครพอทราบหรือเคยพบเจอบ้างมั้ยคะ
ทุกวันนี้เค้าพยายามเข้าหาธรรมะ แต่ดูไม่ช่วยอะไรเลย
พยายามให้ตัวเองดูเป็นคนดีบริสุทธิ์สดใส รู้จักบทสวดนั้น พระรูปนี้แนวไหน แต่พอแม่จขกทถามอะไรเบสิคนิดหน่อย ตอบไม่ได้ และไม่เคยนำสิ่งที่รับรู้เหล่านั้นมาปฏิบัติเลยยยย
เค้ายังคงใช้คนอื่นเป็นเครื่องรองมือรองเท้ารองปากให้ชีวิตอันแสนสบาย(จนชั้นไม่สามารถไปถือศีลที่วัดได้เพราะไม่มีใครยอมเป็นคนใช้ให้) อยากทำไรแกต้องมีน้ำใจทำให้ชั้น มีน้ำใจเตือนชั้น มีน้ำใจตอบชั้น แกไม่ทำ=แกไร้น้ำใจ ใจดำ จิตใจคับแคบ
วันแม่ที่ผ่านมาได้ยินเรากับแม่คุยกันเรื่องโรงแรมที่จะไปกินข้าวกัน: "แกจะไปเสียเงินกินทำไมแพงๆ" *ขมวดคิ้วทำหน้าชอกช้ำใจของนาง* ผมนี่ขึ้นเลยฮะ เลยเถียงไปว่า"เฮยนี่มันวันพิเศษนะ ไปกินอะไรดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง" คุณนางเถียงกลับแถมเสียงขำกลั้ว"ปกติก็เห็นกินดีๆอยู่แล้วไม่ใช่หรอ" ผมนี่ขึ้นถึงเอเวอเรสต์แล้วฮะ เราตอกกลับเลย "อ๋อผัดผักบุ้งกับไข่เจียวงี้อะหรอ" (นางชอบบอกให้ทำสองอย่างนี้กินเป็นอาหารเย็นกัน ไม่รู้โรคอะไรอีกละ หลานมาก็เจียวไข่ๆ อยู่บ้านก็เจียวไข่ๆ) เวลาไปช๊อปอะไรนานๆทีเรากับแม่ก็จัดหน่อย แต่เราจะเข้าเฉพาะร้านที่มีอักษรอังกฤษสี่ตัวบนป้ายสีแดง55555 พอกลับมาบ้านก็โดนหงุดหงิดใส่ ตัวเองก็ใส่ไปเถอะกางเกง39บาทที่มันขาดวิ่นแบบเอามาทำผ้าขี้ริ้วยังทูเร้ด เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนแค่ซื้อของใช้กับแม่ ไม่ใช่ช๊อปปิ้งฟุ่มเฟือยยังต้องแอบเอาของเข้าบ้านกันเลย มันหนักถึงขั้นนี้ได้ไงกันคะคุณกิตติ เราเลยรู้สึกว่าวันพิเศษแล้วนะยังจะมาเบียดเบียนเงินในกระเป๋าพวกตูอีกหรอ ที่เป็นปกติทุกวันนี่ไม่พอใช่มั้ย
**ตัวอักษรไม่พอ ขอต่อที่คห.1ค่ะ