พอดีไปทานข้าวในร้านอาหารแล้วได้ยินกลุ่มนักศึกษาหญิงเค้าเม้ากัน สรุปใจความได้ว่า
ผู้ชายที่จ้องจีบแต่เพื่อนหรือคนที่รู้จักกันมานานแล้วเป็นผู้ชายใจเสาะที่หลบอยู่ใน comfort zone เวลาเกาะกลุ่มกันเห็นผู้หญิงสวยๆผ่านมาก็ชมงู้นงี้ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปทัก สุดท้ายก็มาจีบผู้หญิงธรรมดาอย่างเราเหมือนเห็นเราเป็นของตาย ของง่ายๆ ที่เสี่ยงน้อยกว่า ลุงทุนน้อยกว่า เหมือนเป็นช้อยสุดท้าย
ผมได้ยินแล้วเมื่อนึกถึงสมัยเรียนมหาลัยก็ยอมรับนะว่าตรงเกือบหมด
อย่างแรกเลยเวลาเจอสาวสวยก็นึกในใจว่า อู้หูววว!! ขาวขนาดนี้ น่ารักขนาดนี้ หุ่นดีอย่างนี้อยากได้เค้ามาอยู่ข้างกายเราจริงๆเลย หรือถ้าอยู่กับเพื่อนก็แซวๆกันว่า เห้ย!! คนนี้กุจอง ใครดีใครได้เว้ย บลาๆๆ แต่สุดท้ายก็ ทำได้แค่มอง......
ส่วนตัวยอมรับว่าใจเสาะและขี้ขลาดครับ กลัวความผิดหวังครับ เพราะเราอยู่ในสังคมก็ได้เห็นผู้ชายมากมายที่เค้าหน้าตาดีกว่าเรา รวยกว่าเรา เก่งกว่าเรา ซึ่งเค้าก็คงหมายปองผู้หญิงกลุ่มนี้ไว้เหมือนกันแล้วเราจะไปสู้ได้ยังไงล่ะ เหมือนกวางเวลาแย่งตัวเมียที่ต้องเอาเขาชนกันแล้วเราเป็นแค่กวางง่อยๆตัวนึงขืนไปชนกับกวางเขาไทเซราท็อปก็คงต้องตายเปล่า
เอาวะ งั้นจีบเพื่อนในคณะนี่แหละ แม้ไม่ตรงเสป๊กมากแต่ขอสัก 40-50% ก็ยังดี ดีกว่าไม่มีใครเลย จากนั้นก็เริ่มหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่า เนี่ย เริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนมันทำให้เรามีความเข้าอกเข้าใจกันมากกว่านะ ได้เรียนรู้กันมากขึ้นอย่างงู้นอย่างงี้ หรือเวลาไปเข้าค่ายเจอใครถูกใจก็พยามเข้าไปเป็นเพื่อนก่อนด้วยเหตุผลข้างต้น ซึ่งหากสรุปมาก็คือพาตัวเองเข้าไปอยู่ใน comfort zone นั่นแหละ ยิ่งเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมนี่อู้หูว สวยขึ้นเกือบทุกคนแหละ แต่จะมีอยู่คนสองคนที่สวยที่สุดแล้วทำให้เราคิดเป็นตุเป็นเป็นตะว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตของเราทั้งคู่แน่ๆที่ทำให้เราได้มาเจอกันอีก (ดอกไม้โปรยปรายอยู่ในหัว) แล้วก็เอามาอ้างกับเค้า ส่วนไอคนไม่สวยหรือสวยรองลงมาก็เป็นได้แค่เพื่อนประมาณว่า "ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อะ"
ทั้งหมดนั่น

คิดไปเองทั้งนั้น เพราะเค้าเองก็ไม่ได้ตรงเสป๊กเท่าไหร่เลยแต่เราไม่กล้าไปจีบผู้หญิงกลุ่มที่เราต้องการไง เลยต้องป้องกันตัวเองด้วยความคิดเหล่านี้ เช่น เราก็สนิทสนมกันมานานแล้วนะ เราก็แอบชอบเธออยู่นะ ว่าแล้วก็เปิดเพลง "ไม่บอกเธอ" ของ Bedroom ฟังวนไป
สุดท้ายแล้วเมื่อขอเป็นแฟนก็โดนปฎิเสธบ้าง ไปกันไม่รอดบ้าง แล้วพอมานั่งนึกๆดูถึงการโดนปฏิเสธหรือการเลิกกันแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า ทำไมเราไม่เปลี่ยนตัวละครในฉากเหล่านี้ให้เป็นคนที่ตรงเสป๊กเราตั้งแต่แรกวะ!? โดนบอกว่าไม่เอาเหมือนกัน ไปไม่รอดเหมือนกัน แต่กลับไม่ใช่คนที่เราฝันไว้เลยซึ่งมันน่าเสียดายเอามากๆ
ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเปลี่ยนใหม่ครับ ตั้งแต่เลิกกับคนล่าสุดผมเข้ายิม หารายได้เสริม สมัครเข้าอบรมงานต่างๆ ส่วนเรื่องยาเสพติดตั้งแต่บุหรี่ขึ้นไปผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวเลยในชีวิตนี้และเป็นประวัติที่ผมจะรักษาต่อไป
เพราะผมเชื่อมาตั้งแต่เด็กๆว่าถ้าประวัติเราดี ก็ไม่มีใครย้อนกลับไปเอามันมาทำร้ายเราในอนาคตได้ ดังนั้นเรื่องเมาไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยสัมผัส เหล้าแก้วเดียวผมถือได้ตั้งแต่สองทุ่มยันเที่ยงคืนอะ นอกจากนี้นะ การที่เราได้ไปเข้าสัมนาหรือกิจกรรมพัฒนาตัวเองต่างๆก็ทำให้ได้รู้ว่า ไอ้พวกผู้ชายที่เราคิดว่ามันเหนือกว่าเราสมัยมหาลัยน่ะ

เอ๊ยยย!! มันยังมีเหนือกว่านั้นอีกครับ
แต่ว่าคราวนี้ผมจะไม่อยู่เฉยให้เค้าทิ้งห่างอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมอยู่รั้งท้ายหรืออยู่แค่กลุ่มตรงกลาง แต่ต้องอยู่เหนือค่าเฉลี่ย ซึ่งด้วยความคิดนี้และอะไรหลายอย่างในชีวิตที่มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนจนรู้สึกได้มันก็ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น กล้ามากขึ้นว่าผู้หญิงที่จะจีบคนต่อไปต้องตรงเสป๊กที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 80% เด๋วนี้เวลาเดินสวนกับผู้หญิงคนไหนที่มองๆแล้วรู้สึกว่า ฮึ้ยย.... อยู่ในใจเนี่ย ผมจะมองตาเค้าแบบไม่ละสายตาเลย ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่กล้าทำแบบนี้นะ เพราะเวลาผู้หญิงส่งสายตากลับมาผมจะหลบไปทางอื่น ซึ่งผมได้มาเรียนรู้ทีหลังว่านั่นคือ Body language ที่บ่งบอกว่าเรากำลังกลัว หรือยอมรับความพ่ายแพ้ เหมือนเด็กๆที่เวลาทำผิดแล้วถูกจับได้ก็จะมองแต่พื้น ดังนั้นตอนนี้ผมจึงทำเหมือนเป็นเกมที่ใครหลบสายตาก่อนคนนั้นแพ้ และหากเจอคนไหนส่งสายตาตอบโต้มาเหมือนพยามจะสู้ผมก็จะยิ้มน้อยๆตีโต้กลับไปซึ่งส่วนใหญ่ก็จะหลุดยิ้มออกมา มีบางคนยักคิ้วให้ด้วย ก็จะถือว่าผมชนะอย่างเบ็ดเสร็จ
ย้อนกลับไปดูรูปถ่ายเก่าๆของตัวเองก็ได้แต่นึกเสียดายนะว่าทำไมเราไม่คิดแบบนี้ ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ไม่งั้นป่านนี้คงหวานชื่นพรีเว้ดดิ้งกับผู้หญิงในฝันกันอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วก็ได้ เพราะผมอยากแต่งงานตอนอายุ 30 ซึ่งมันก็จะฝันๆหน่อย
ขอพูดถึงกลุ่มผู้หญิงที่อายุมากหน่อยละกัน ตีว่ากลุ่มอายุ 30 ขึ้นไปพวกเธออาจไม่ชอบพฤติกรรมการไล่ล่าแบบนี้มากนักเพราะเวลาของพวกเธอใกล้หมดแล้ว เพื่อนบางคนอายุ 27-28 เริ่มพูดถึงการแช่แข็งไข่กันแล้วด้วย ดังนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องการน่าจะเป็นความอบอุ่นและความมั่นคงมากกว่า แต่นั่นไม่ใช้กลุ่มเป้าหมายผม เพราะเสป๊กผมที่ฟิกไว้เลยตอนนี้คือต้องอายุน้อยกว่าอย่างน้อย 2 ปี ไม่ใช่ก็ไม่ทักไปก่อน ขอเป็นคนเลือกมั่งล่ะ
มาเล่าสู่กันฟัง ผู้ชายที่จ้องจีบแต่เพื่อนผู้หญิงที่รู้จักนานแล้วคือผู้ชายใจเสาะ ?
ผู้ชายที่จ้องจีบแต่เพื่อนหรือคนที่รู้จักกันมานานแล้วเป็นผู้ชายใจเสาะที่หลบอยู่ใน comfort zone เวลาเกาะกลุ่มกันเห็นผู้หญิงสวยๆผ่านมาก็ชมงู้นงี้ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปทัก สุดท้ายก็มาจีบผู้หญิงธรรมดาอย่างเราเหมือนเห็นเราเป็นของตาย ของง่ายๆ ที่เสี่ยงน้อยกว่า ลุงทุนน้อยกว่า เหมือนเป็นช้อยสุดท้าย
ผมได้ยินแล้วเมื่อนึกถึงสมัยเรียนมหาลัยก็ยอมรับนะว่าตรงเกือบหมด
อย่างแรกเลยเวลาเจอสาวสวยก็นึกในใจว่า อู้หูววว!! ขาวขนาดนี้ น่ารักขนาดนี้ หุ่นดีอย่างนี้อยากได้เค้ามาอยู่ข้างกายเราจริงๆเลย หรือถ้าอยู่กับเพื่อนก็แซวๆกันว่า เห้ย!! คนนี้กุจอง ใครดีใครได้เว้ย บลาๆๆ แต่สุดท้ายก็ ทำได้แค่มอง......
ส่วนตัวยอมรับว่าใจเสาะและขี้ขลาดครับ กลัวความผิดหวังครับ เพราะเราอยู่ในสังคมก็ได้เห็นผู้ชายมากมายที่เค้าหน้าตาดีกว่าเรา รวยกว่าเรา เก่งกว่าเรา ซึ่งเค้าก็คงหมายปองผู้หญิงกลุ่มนี้ไว้เหมือนกันแล้วเราจะไปสู้ได้ยังไงล่ะ เหมือนกวางเวลาแย่งตัวเมียที่ต้องเอาเขาชนกันแล้วเราเป็นแค่กวางง่อยๆตัวนึงขืนไปชนกับกวางเขาไทเซราท็อปก็คงต้องตายเปล่า
เอาวะ งั้นจีบเพื่อนในคณะนี่แหละ แม้ไม่ตรงเสป๊กมากแต่ขอสัก 40-50% ก็ยังดี ดีกว่าไม่มีใครเลย จากนั้นก็เริ่มหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่า เนี่ย เริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนมันทำให้เรามีความเข้าอกเข้าใจกันมากกว่านะ ได้เรียนรู้กันมากขึ้นอย่างงู้นอย่างงี้ หรือเวลาไปเข้าค่ายเจอใครถูกใจก็พยามเข้าไปเป็นเพื่อนก่อนด้วยเหตุผลข้างต้น ซึ่งหากสรุปมาก็คือพาตัวเองเข้าไปอยู่ใน comfort zone นั่นแหละ ยิ่งเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมนี่อู้หูว สวยขึ้นเกือบทุกคนแหละ แต่จะมีอยู่คนสองคนที่สวยที่สุดแล้วทำให้เราคิดเป็นตุเป็นเป็นตะว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตของเราทั้งคู่แน่ๆที่ทำให้เราได้มาเจอกันอีก (ดอกไม้โปรยปรายอยู่ในหัว) แล้วก็เอามาอ้างกับเค้า ส่วนไอคนไม่สวยหรือสวยรองลงมาก็เป็นได้แค่เพื่อนประมาณว่า "ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อะ"
ทั้งหมดนั่น
สุดท้ายแล้วเมื่อขอเป็นแฟนก็โดนปฎิเสธบ้าง ไปกันไม่รอดบ้าง แล้วพอมานั่งนึกๆดูถึงการโดนปฏิเสธหรือการเลิกกันแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า ทำไมเราไม่เปลี่ยนตัวละครในฉากเหล่านี้ให้เป็นคนที่ตรงเสป๊กเราตั้งแต่แรกวะ!? โดนบอกว่าไม่เอาเหมือนกัน ไปไม่รอดเหมือนกัน แต่กลับไม่ใช่คนที่เราฝันไว้เลยซึ่งมันน่าเสียดายเอามากๆ
ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเปลี่ยนใหม่ครับ ตั้งแต่เลิกกับคนล่าสุดผมเข้ายิม หารายได้เสริม สมัครเข้าอบรมงานต่างๆ ส่วนเรื่องยาเสพติดตั้งแต่บุหรี่ขึ้นไปผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวเลยในชีวิตนี้และเป็นประวัติที่ผมจะรักษาต่อไปเพราะผมเชื่อมาตั้งแต่เด็กๆว่าถ้าประวัติเราดี ก็ไม่มีใครย้อนกลับไปเอามันมาทำร้ายเราในอนาคตได้ ดังนั้นเรื่องเมาไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยสัมผัส เหล้าแก้วเดียวผมถือได้ตั้งแต่สองทุ่มยันเที่ยงคืนอะ นอกจากนี้นะ การที่เราได้ไปเข้าสัมนาหรือกิจกรรมพัฒนาตัวเองต่างๆก็ทำให้ได้รู้ว่า ไอ้พวกผู้ชายที่เราคิดว่ามันเหนือกว่าเราสมัยมหาลัยน่ะ
แต่ว่าคราวนี้ผมจะไม่อยู่เฉยให้เค้าทิ้งห่างอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมอยู่รั้งท้ายหรืออยู่แค่กลุ่มตรงกลาง แต่ต้องอยู่เหนือค่าเฉลี่ย ซึ่งด้วยความคิดนี้และอะไรหลายอย่างในชีวิตที่มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนจนรู้สึกได้มันก็ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น กล้ามากขึ้นว่าผู้หญิงที่จะจีบคนต่อไปต้องตรงเสป๊กที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 80% เด๋วนี้เวลาเดินสวนกับผู้หญิงคนไหนที่มองๆแล้วรู้สึกว่า ฮึ้ยย.... อยู่ในใจเนี่ย ผมจะมองตาเค้าแบบไม่ละสายตาเลย ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่กล้าทำแบบนี้นะ เพราะเวลาผู้หญิงส่งสายตากลับมาผมจะหลบไปทางอื่น ซึ่งผมได้มาเรียนรู้ทีหลังว่านั่นคือ Body language ที่บ่งบอกว่าเรากำลังกลัว หรือยอมรับความพ่ายแพ้ เหมือนเด็กๆที่เวลาทำผิดแล้วถูกจับได้ก็จะมองแต่พื้น ดังนั้นตอนนี้ผมจึงทำเหมือนเป็นเกมที่ใครหลบสายตาก่อนคนนั้นแพ้ และหากเจอคนไหนส่งสายตาตอบโต้มาเหมือนพยามจะสู้ผมก็จะยิ้มน้อยๆตีโต้กลับไปซึ่งส่วนใหญ่ก็จะหลุดยิ้มออกมา มีบางคนยักคิ้วให้ด้วย ก็จะถือว่าผมชนะอย่างเบ็ดเสร็จ
ย้อนกลับไปดูรูปถ่ายเก่าๆของตัวเองก็ได้แต่นึกเสียดายนะว่าทำไมเราไม่คิดแบบนี้ ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ไม่งั้นป่านนี้คงหวานชื่นพรีเว้ดดิ้งกับผู้หญิงในฝันกันอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วก็ได้ เพราะผมอยากแต่งงานตอนอายุ 30 ซึ่งมันก็จะฝันๆหน่อย
ขอพูดถึงกลุ่มผู้หญิงที่อายุมากหน่อยละกัน ตีว่ากลุ่มอายุ 30 ขึ้นไปพวกเธออาจไม่ชอบพฤติกรรมการไล่ล่าแบบนี้มากนักเพราะเวลาของพวกเธอใกล้หมดแล้ว เพื่อนบางคนอายุ 27-28 เริ่มพูดถึงการแช่แข็งไข่กันแล้วด้วย ดังนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องการน่าจะเป็นความอบอุ่นและความมั่นคงมากกว่า แต่นั่นไม่ใช้กลุ่มเป้าหมายผม เพราะเสป๊กผมที่ฟิกไว้เลยตอนนี้คือต้องอายุน้อยกว่าอย่างน้อย 2 ปี ไม่ใช่ก็ไม่ทักไปก่อน ขอเป็นคนเลือกมั่งล่ะ