คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
อยู่ลำพัง บางครั้งครา
ให้เวลา คิดทบทวน
แต่ละวัน ที่ผันผวน
ดั่งโซ่ตรวน ฉุดล่ามดึง
ปลดปล่อย ใจลอยล่อง
เพ่งจิตมอง ทีละหนึ่ง
ตกผลึก คิดคำนึง
อาจลึกซึ้ง ที่ นิ่ง-วาง
ดูสิ่ง ที่แบกมา
คืออัตตา บนไหล่กว้าง
หนักไหม เรื่องบางอย่าง
ลอง”ปล่อยวาง” อาจบางเบา
...................................
จำได้เมื่อตอนเด็ก ชอบให้พ่อเล่านิทานให้ฟัง
ขอบคุณท่านคนอุบลค่ะ
ให้เวลา คิดทบทวน
แต่ละวัน ที่ผันผวน
ดั่งโซ่ตรวน ฉุดล่ามดึง
ปลดปล่อย ใจลอยล่อง
เพ่งจิตมอง ทีละหนึ่ง
ตกผลึก คิดคำนึง
อาจลึกซึ้ง ที่ นิ่ง-วาง
ดูสิ่ง ที่แบกมา
คืออัตตา บนไหล่กว้าง
หนักไหม เรื่องบางอย่าง
ลอง”ปล่อยวาง” อาจบางเบา
...................................
จำได้เมื่อตอนเด็ก ชอบให้พ่อเล่านิทานให้ฟัง
ขอบคุณท่านคนอุบลค่ะ




แสดงความคิดเห็น
อัตตา…ตัวตน/คนอุบล
สมมุตว่าโยมกำลังนั่งเรือทอดอารมณ์ในแม่น้ำมูล…
มองไปทางทิศตะวันตกพระอาทิตย์กำลังลับขอบน้ำ…
สายลมพัดมาเย็นสบาย…ท่ามกลางเสียงนกกำลังบินกลับรัง…
นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ…ทันใดก็ต้องสะดุ้งตกใจกับเรือถูกกระแทกอย่างจังจากด้านหลัง…
แน่นอนโยมต้องหันกลับไปดูเรือลำนั้นและหากเจอคนที่พายเรือลำนั้น…โยมจะทำอย่างไร.???
พวกเราต่างตอบว่า ก็ต้องต่อว่าเพราะพายเรือมาชนเรา…
ท่านอาจารย์จึงเล่าใหม่ว่า…แล้วถ้าหันกลับไปเจอเรือเปล่าๆที่ลอยตามน้ำมาชน…
เราจะมีอารมณ์เหมือนตัวอย่างแรกไม๊…
แน่นอนเราต่างตอบว่าไม่ …
ท่านจึงสอนว่าเพราะเรือเปล่าไม่มีคนให้เราโกรธให้เราอยากเอาชนะ…
คนเราต่างถือศักดิ์ศรีไม่อยากถูกใครล้ำเส้นยิ่งมีศักดิ์ศรีมาก อัตตาก็ยิ่งมาก…
แต่พอหันกลับมาไม่เจอใครให้เอาชนะ อารมณ์โกรธก็ไม่เกิด…
ครับ…เอานิทานมาฝากทุกท่าน…
ตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น…
คนอุบล