จริงๆ #ลึกๆ แล้วเราอยากตามหาคนๆหนึ่งค่ะ อยากรู้ว่าเขาโตขึ้นมาแล้วสบายดีมั้ยหรือทุกข์ทรมานใจหรือให้อภัยตัวเองยากแบบเรารึเปล่า เราแค่อยากรู้ อยากแน่ใจว่าเขามีชีวิตที่ดีค่ะ เราไม่อยากให้ใครจมปลักอยู่กับอดีตที่เลวร้าย(อย่างเรา) เราอยากจะขอโทษเขาค่ะ ...ใครจะว่าเรามาเพ้อมาตั้งกระทู้สารภาพบาปอะไรก็เถอะ เราเชื่อว่ามันมีประโยชน์ค่ะ
...เรามีเรื่องที่คิดว่าเก็บไว้คนเดียวคงทรมานแน่ๆ แต่ก็ยังหวั่นๆในการเปิดเผยให้สาธารณะรู้ เราเกรงว่าผลเสียจะเกิดขึ้นกับคนรอบข้าง โดยเฉพาะต่อครอบครัว แต่เราก็หวังว่าวันหนึ่งจะเขียนเล่าเป็นนิยายที่อิงจากเรื่องจริงแบบฉบับของตัวเองค่ะ (ถ้าเล่าไปแล้วในพันทิปนี้ก็แอบกลัวว่าใครจะหยิบพล็อตไปใช้ตัดหน้ารึเปล่า55 ><) เพราะเราคิดว่าเรื่องของเราค่อนข้างแปลก คนทั่วไปน่าจะพบพานได้น้อย เราเลยมีความเชื่อต่อตัวเองว่า เรามันเป็นคนแปลก...ถึงยังไงเราก็เชื่อว่าการได้เล่าครั้งนี้ จะมีประโยชน์ต่อสังคม ถือเป็นวิทยาทานค่ะ
เราเคยเล่าเรื่องนี้ให้จิตแพทย์ฟังแล้ว ซึ่งช่วยได้มาก แต่บ่อยครั้งที่อาการก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เราไม่มั่นใจเลยค่ะ เราเป็นไบโพลาร์ค่ะ
เราหาสาเหตุอยู่นาน ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพราะปัญหาการไม่มีสัญชาติไทย และฐานะที่ยากจน ไม่สิ ต้องเรียกว่า "ยากจนแบบแปลกๆ" คือ เราอาศัยอยู่บ้านคนอื่นฟรีค่ะ ซึ่งเป็นบ้านพักของเจ้านายแม่เรา แกส่งค่าเทอมให้เราเรียนมหาวิทยาลัย (เรื่องค่อนข้างยาว...ไว้มาเล่าค่ะ) ในขณะที่พ่อแม่ทำงานรับจ้างทั่วไป รายวัน 300 กว่าบาท ก็นั่นแหละค่ะ ไม่รู้จะเรียกว่าจนได้มั้ย แต่รู้ค่ะว่ามีคนที่จนและทุกข์ยากกว่าเรา แต่เราก็อดทุกข์ใจไม่ได้อยู่ดีค่ะ
เราซึ้งในพระคุณและอยากตอบแทนผู้มีพระคุณทุกคน แต่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหนเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะด้วยโรคไบโพลาร์หรือเพราะใจเราไม่เข้มแข็งเอง
...เห็นอย่างงี้เราก็สู้ค่ะ หางานพิเศษทำตลอด แต่หลังๆนี้เริ่มมีปัญหาค่ะ เราแบ่งเวลาไม่ได้ บอกตรงๆว่าเฉื่อย เบื่อ ขี้เกียจ (ตอนนี้ก็โดดงานมา ไม่ทำงานค่ะ T T มันไม่มีกะจิตกะใจเลย ) ไม่พักผ่อน คิดมากตลอดเวลา ส่วนมากที่คิดก็เรื่องที่เรากำลังจะเล่านี่แหล่ะค่ะ เป็นเรื่องที่เราทำใจเล่ายากพอสมควร ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นที่มาของอาการเจ็บป่วยทางใจของเราค่ะ
เราจะพิมพ์ไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละค่ะ จนกว่าเราจะทำใจเล่าได้ เราอาจจะไม่เล่า เพราะ ณ ตอนนี้เราสับสนมากค่ะ เราก็ยังคงกลัวใจตัวเองว่าจะยอมรับต่อฟีดแบ็คไม่ได้...
เรามีนัดพบจิตแพทย์อีกครั้งสิ้นเดือนนี้ค่ะ แต่เราแค่อยากเพิ่มช่องทางในการระบาย เพราะเราไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง หอพักที่เราอาศัยอยู่ผนังก็บางด้วย เดี๋ยวข้างห้องได้ยิน555+ จะไปโทรหาสายด่วนสุขจิตที่ไหนก็กลัวคนได้ยิน เราเลยไม่โทรค่ะ
และเราหวังว่าคนที่เราอยากเจอจะได้อ่าน จะได้ปลดปล่อยพันธนาการหรือปมในใจนี้ไป ซึ่งเราก็ไม่ร็ว่าเขาจะแคร์รึเปล่า เขาอาจมีชีวิตที่ดีไปแล้ว เลิกจมปลักอยู่กับอดีต ไม่ได้คิดมากตั้งแต่แรก คงมีแต่เราที่ยังเศร้ากับมัน แต่เราก็คิดในอีกแง่หนึ่งว่า ถ้าเกิดบาดแผลในสมัยอนุบาลที่เราเคยร่วมกันสร้างมันทำให้เขากลายเป็นคนมีปัญหาทางด้านพฤติกรรมล่ะ เราจะทำยังไง เราคิดแม้กระทั่งจะรับผิดชอบต่อความผิดนั้นยังไงได้บ้าง แต่ก็กลัวๆกล้าๆ ถ้าเกิดว่าเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนไม่ดี แล้วหวังใช้ผลประโยชน์จากเราล่ะ โอ๊ยยยย จิตใจเราปรุงแต่งไปสารพัดเลยค่ะ ...เฮ้อ
ปล. ตอนนี้เราพยายามเรียนรู้ทุกศาสตร์เลยค่ะ ทั้งฟังคลิปการบำบัดจิตใต้สำนึก เรื่องการให้อภัยตนเองของศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธ จิตวิทยา และเรื่องของSelf-development ค่ะ แต่เราตั้งใจว่าจะเลือกนับถือศาสนาอีกทีเมื่อเราศรัทธาอย่างแท้จริงค่ะ ตอนนี้ก็ทำตามๆเขาไปก่อน เดิมนับถือพุทธค่ะ แต่เป็นคนค่อนข้างเปิดกว้างทางความคิด แต่หนักไปทางเสรีนิยม(Liberal)ค่ะ เพราะแต่ก่อนค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณแล้วค้นพบว่าไม่ใช่ตัวเองและไม่มีความสุขเลยค่ะ
... พิมพ์จบปุ๊บอารมณ์ทำงานก็มาเลยค่ะ รู้สึกว่าได้ระบายบ้างแล้ว เพิ่งเริ่มเล่นนะคะ แท็กผิดขอโทษน้า ไว้มาแก้ให้ค่ะ ...
ควรเล่าเรื่องเลวร้ายในอดีตสมัยอนุบาลหรือไม่ 18+ สารภาพบาปด้วยความค้างคาใจ ทรมาน และให้อภัยตัวเองยากมาก #พบจิตแพทย์ประจำ
...เรามีเรื่องที่คิดว่าเก็บไว้คนเดียวคงทรมานแน่ๆ แต่ก็ยังหวั่นๆในการเปิดเผยให้สาธารณะรู้ เราเกรงว่าผลเสียจะเกิดขึ้นกับคนรอบข้าง โดยเฉพาะต่อครอบครัว แต่เราก็หวังว่าวันหนึ่งจะเขียนเล่าเป็นนิยายที่อิงจากเรื่องจริงแบบฉบับของตัวเองค่ะ (ถ้าเล่าไปแล้วในพันทิปนี้ก็แอบกลัวว่าใครจะหยิบพล็อตไปใช้ตัดหน้ารึเปล่า55 ><) เพราะเราคิดว่าเรื่องของเราค่อนข้างแปลก คนทั่วไปน่าจะพบพานได้น้อย เราเลยมีความเชื่อต่อตัวเองว่า เรามันเป็นคนแปลก...ถึงยังไงเราก็เชื่อว่าการได้เล่าครั้งนี้ จะมีประโยชน์ต่อสังคม ถือเป็นวิทยาทานค่ะ
เราเคยเล่าเรื่องนี้ให้จิตแพทย์ฟังแล้ว ซึ่งช่วยได้มาก แต่บ่อยครั้งที่อาการก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เราไม่มั่นใจเลยค่ะ เราเป็นไบโพลาร์ค่ะ
เราหาสาเหตุอยู่นาน ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพราะปัญหาการไม่มีสัญชาติไทย และฐานะที่ยากจน ไม่สิ ต้องเรียกว่า "ยากจนแบบแปลกๆ" คือ เราอาศัยอยู่บ้านคนอื่นฟรีค่ะ ซึ่งเป็นบ้านพักของเจ้านายแม่เรา แกส่งค่าเทอมให้เราเรียนมหาวิทยาลัย (เรื่องค่อนข้างยาว...ไว้มาเล่าค่ะ) ในขณะที่พ่อแม่ทำงานรับจ้างทั่วไป รายวัน 300 กว่าบาท ก็นั่นแหละค่ะ ไม่รู้จะเรียกว่าจนได้มั้ย แต่รู้ค่ะว่ามีคนที่จนและทุกข์ยากกว่าเรา แต่เราก็อดทุกข์ใจไม่ได้อยู่ดีค่ะ
เราซึ้งในพระคุณและอยากตอบแทนผู้มีพระคุณทุกคน แต่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหนเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะด้วยโรคไบโพลาร์หรือเพราะใจเราไม่เข้มแข็งเอง
...เห็นอย่างงี้เราก็สู้ค่ะ หางานพิเศษทำตลอด แต่หลังๆนี้เริ่มมีปัญหาค่ะ เราแบ่งเวลาไม่ได้ บอกตรงๆว่าเฉื่อย เบื่อ ขี้เกียจ (ตอนนี้ก็โดดงานมา ไม่ทำงานค่ะ T T มันไม่มีกะจิตกะใจเลย ) ไม่พักผ่อน คิดมากตลอดเวลา ส่วนมากที่คิดก็เรื่องที่เรากำลังจะเล่านี่แหล่ะค่ะ เป็นเรื่องที่เราทำใจเล่ายากพอสมควร ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นที่มาของอาการเจ็บป่วยทางใจของเราค่ะ
เราจะพิมพ์ไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละค่ะ จนกว่าเราจะทำใจเล่าได้ เราอาจจะไม่เล่า เพราะ ณ ตอนนี้เราสับสนมากค่ะ เราก็ยังคงกลัวใจตัวเองว่าจะยอมรับต่อฟีดแบ็คไม่ได้...
เรามีนัดพบจิตแพทย์อีกครั้งสิ้นเดือนนี้ค่ะ แต่เราแค่อยากเพิ่มช่องทางในการระบาย เพราะเราไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง หอพักที่เราอาศัยอยู่ผนังก็บางด้วย เดี๋ยวข้างห้องได้ยิน555+ จะไปโทรหาสายด่วนสุขจิตที่ไหนก็กลัวคนได้ยิน เราเลยไม่โทรค่ะ
และเราหวังว่าคนที่เราอยากเจอจะได้อ่าน จะได้ปลดปล่อยพันธนาการหรือปมในใจนี้ไป ซึ่งเราก็ไม่ร็ว่าเขาจะแคร์รึเปล่า เขาอาจมีชีวิตที่ดีไปแล้ว เลิกจมปลักอยู่กับอดีต ไม่ได้คิดมากตั้งแต่แรก คงมีแต่เราที่ยังเศร้ากับมัน แต่เราก็คิดในอีกแง่หนึ่งว่า ถ้าเกิดบาดแผลในสมัยอนุบาลที่เราเคยร่วมกันสร้างมันทำให้เขากลายเป็นคนมีปัญหาทางด้านพฤติกรรมล่ะ เราจะทำยังไง เราคิดแม้กระทั่งจะรับผิดชอบต่อความผิดนั้นยังไงได้บ้าง แต่ก็กลัวๆกล้าๆ ถ้าเกิดว่าเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนไม่ดี แล้วหวังใช้ผลประโยชน์จากเราล่ะ โอ๊ยยยย จิตใจเราปรุงแต่งไปสารพัดเลยค่ะ ...เฮ้อ
ปล. ตอนนี้เราพยายามเรียนรู้ทุกศาสตร์เลยค่ะ ทั้งฟังคลิปการบำบัดจิตใต้สำนึก เรื่องการให้อภัยตนเองของศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธ จิตวิทยา และเรื่องของSelf-development ค่ะ แต่เราตั้งใจว่าจะเลือกนับถือศาสนาอีกทีเมื่อเราศรัทธาอย่างแท้จริงค่ะ ตอนนี้ก็ทำตามๆเขาไปก่อน เดิมนับถือพุทธค่ะ แต่เป็นคนค่อนข้างเปิดกว้างทางความคิด แต่หนักไปทางเสรีนิยม(Liberal)ค่ะ เพราะแต่ก่อนค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณแล้วค้นพบว่าไม่ใช่ตัวเองและไม่มีความสุขเลยค่ะ
... พิมพ์จบปุ๊บอารมณ์ทำงานก็มาเลยค่ะ รู้สึกว่าได้ระบายบ้างแล้ว เพิ่งเริ่มเล่นนะคะ แท็กผิดขอโทษน้า ไว้มาแก้ให้ค่ะ ...