ครั้งหนึ่งผมมีความคิด ทำบุญไปเพื่ออะไร ความดีไม่มีผลตอบแทน ถ้าเงินทองหมดจะลำบากเอา เห็นว่าการสละทรัพย์เพื่อวัดก็ดี บุคคลอื่นก็ดี เป็นเรื่องโง่เขลา
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โลกหน้าเป็นอย่างไร
เห็นหลายคนพูดว่า ทำบุญแล้ว หากสิ้นอายุขัย
โลกหน้าเขาจะมีความสุข
เมื่อเขาทำ ผมก็ทำ สมัยก่อนผมเป็นเด็ก ไม่รู้ผิดรู้ถูก เป็นคนชั่ว พอถูกคนชั่วรังแก เลยรู้กรรม
ถ้าปฐมบท ผมคือคนชั่ว ช่วงชดใช้กรรม ผมก็คือคนชั่ว แล้ว พอเราเปลี่ยนแปลงสร้างกรรมดีเราใช่ว่าจะดี เพราะความชั่วนั้นซึมลึกสู่จิต
ทำดีแล้ว ไม่มีผล แถมถูกหลอกจากพระสงฆ์ที่เคารพนับถือ ผมเหนื่อย
บางทีรู้สึกเลยว่า ความดี คนทำเหมือนคนโง่ จะทำไปทำไม เมื่อไร้ผลประโยชน์
ผมทุกข์ คนอื่นเขาไม่ได้ทุกข์ เขาสุขผมไม่ได้สุขไปกับเขา
เวลาทำดี ทำทาน ผมสามารถมีเหตุผลอันชอบธรรม ที่จะไม่ทำ เช่น ผมจนผมไม่มี ผมไม่ทำก็ได้
หากผมเดือดร้อนใครล่ะจะช่วยผม ?
ผมเห็นผู้คนมีความสุข ก็เกิดอิจฉาริษยาขึ้นมา
ทำไมคนพวกนี้ถึงมีความสุข?
คำตอบที่ได้คือ เพราะผู้คนช่วยเหลือเขา มีน้ำใจแก่เขา เขาก็เลยมีน้ำใจแก่บุคคลรอบข้าง
สิ่งเหล่านั้น ทำให้เขายืนหยัด
อันที่จริง ผมสามารถเป็นแบบพวกเขาได้ แต่ ใจของผม แม้แต่สบตาผู้คนยังยาก ยิ้มแย้มยังยาก ไม่ต้องคิดเลยว่า จะทำดีต่อหน้าผู้คนยากแสนยาก
ผมคิดนะบางที เราเกลียดชังกัน มันคืออารมณ์ของเราจริงๆรึเปล่า?
ก็เหมือนครั้งนั้นผมทำชั่ว ผู้คนจึงชั่วกับผม ทั้งที่คนเหล่านั้น ไม่ได้รู้จักผมด้วยซ้ำ
เหมือนกัน ผมเองพบเจอคนชั่ว ก็เกลียดชังคนชั่ว แม้ว่าผมจะไม่รู้จักเขา
ผมคิดไปคิดมา มันก็แปลก เหตุใดถึงเป็นแบบนั้น?
มันราวกับว่า อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด มีผลกระทบจากบุคคลอื่นๆ ราวกับมนุษย์อย่างพวกเราถูกควบคุม
แต่นั้นหมายความว่า ถ้าเราทำความดีไปเรื่อยๆ ชีวิตของเราจะดี รึเปล่า?
เวลาผมมองสัตว์ นั้นสิ มันถูกกิน สัตว์ป่าต้องกิน ฆ่าชีวิต
เราเป็นมนุษย์ เรายังกิน ทำปศุสัตว์ เราควบคุม สัตว์ที่ภูมิปัญญาต่ำกว่า
ไม่รู้ว่า นอกโลกจะมีเผ่าพันธุ์ที่กินมนุษย์เป็นอาหารรึไม่?
แต่ที่แน่ๆ โลกนี้มีกระสือ ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลยมันลอยได้ยังไง
ผมสงสัยอยู่ว่า พวกเราถูกควบคุมอยู่รึเปล่า รึแท้จริงแล้วคิดไปเอง?
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โลกหน้าเป็นอย่างไร
เห็นหลายคนพูดว่า ทำบุญแล้ว หากสิ้นอายุขัย
โลกหน้าเขาจะมีความสุข
เมื่อเขาทำ ผมก็ทำ สมัยก่อนผมเป็นเด็ก ไม่รู้ผิดรู้ถูก เป็นคนชั่ว พอถูกคนชั่วรังแก เลยรู้กรรม
ถ้าปฐมบท ผมคือคนชั่ว ช่วงชดใช้กรรม ผมก็คือคนชั่ว แล้ว พอเราเปลี่ยนแปลงสร้างกรรมดีเราใช่ว่าจะดี เพราะความชั่วนั้นซึมลึกสู่จิต
ทำดีแล้ว ไม่มีผล แถมถูกหลอกจากพระสงฆ์ที่เคารพนับถือ ผมเหนื่อย
บางทีรู้สึกเลยว่า ความดี คนทำเหมือนคนโง่ จะทำไปทำไม เมื่อไร้ผลประโยชน์
ผมทุกข์ คนอื่นเขาไม่ได้ทุกข์ เขาสุขผมไม่ได้สุขไปกับเขา
เวลาทำดี ทำทาน ผมสามารถมีเหตุผลอันชอบธรรม ที่จะไม่ทำ เช่น ผมจนผมไม่มี ผมไม่ทำก็ได้
หากผมเดือดร้อนใครล่ะจะช่วยผม ?
ผมเห็นผู้คนมีความสุข ก็เกิดอิจฉาริษยาขึ้นมา
ทำไมคนพวกนี้ถึงมีความสุข?
คำตอบที่ได้คือ เพราะผู้คนช่วยเหลือเขา มีน้ำใจแก่เขา เขาก็เลยมีน้ำใจแก่บุคคลรอบข้าง
สิ่งเหล่านั้น ทำให้เขายืนหยัด
อันที่จริง ผมสามารถเป็นแบบพวกเขาได้ แต่ ใจของผม แม้แต่สบตาผู้คนยังยาก ยิ้มแย้มยังยาก ไม่ต้องคิดเลยว่า จะทำดีต่อหน้าผู้คนยากแสนยาก
ผมคิดนะบางที เราเกลียดชังกัน มันคืออารมณ์ของเราจริงๆรึเปล่า?
ก็เหมือนครั้งนั้นผมทำชั่ว ผู้คนจึงชั่วกับผม ทั้งที่คนเหล่านั้น ไม่ได้รู้จักผมด้วยซ้ำ
เหมือนกัน ผมเองพบเจอคนชั่ว ก็เกลียดชังคนชั่ว แม้ว่าผมจะไม่รู้จักเขา
ผมคิดไปคิดมา มันก็แปลก เหตุใดถึงเป็นแบบนั้น?
มันราวกับว่า อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด มีผลกระทบจากบุคคลอื่นๆ ราวกับมนุษย์อย่างพวกเราถูกควบคุม
แต่นั้นหมายความว่า ถ้าเราทำความดีไปเรื่อยๆ ชีวิตของเราจะดี รึเปล่า?
เวลาผมมองสัตว์ นั้นสิ มันถูกกิน สัตว์ป่าต้องกิน ฆ่าชีวิต
เราเป็นมนุษย์ เรายังกิน ทำปศุสัตว์ เราควบคุม สัตว์ที่ภูมิปัญญาต่ำกว่า
ไม่รู้ว่า นอกโลกจะมีเผ่าพันธุ์ที่กินมนุษย์เป็นอาหารรึไม่?
แต่ที่แน่ๆ โลกนี้มีกระสือ ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลยมันลอยได้ยังไง