[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “ศรีลังกามีมากกว่าวัด” ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง และก้าวย่างแรกในศรีลังกา


หลังจากที่รีวิวมารธอนของทริป “25 วันล่าฝันอเมริกาใต้”  ไปแล้ว วันนี้เลยขุดเอาทริปที่เราเพิ่งไปมาเมื่อต้นปีที่แล้วมารีวิว ประเทศนี้อาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เรารีวิวไป แต่มันก็เป็นอีกจุดหมายที่มีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ น่าไปลองเยือนดูซะครั้ง

ความเป็นมา
มันคือจะปีใหม่แล้ว
มันคือถามที่บ้านว่าจะไปไหนกันดี
มันคือไม่มีใครตอบกลับมา
มันคือหันไปถามเพื่อน (ตปท) ว่าจะมาไทยหาชั้นมั๊ย
มันคือปีใหม่นี้ต่างคนต่างอยู่
มันคือเพื่อนคนไทยอยู่ฉลองกับที่บ้าน
มันคือวันลายังมีเหลือ
มันคือถ้าไม่เที่ยวจะ....ลงแดงตาย
มันคือขอวีซ่าที่ไหนก็คงไม่ทัน
มันคือศรีลังกาแล้วกัน เพราะยังไม่เคยไป

พอให้ข้อสรุปกับตัวเองได้ก็จัดการซื้อตั๋วเลย เพราะกว่าจะรู้ว่าปีใหม่คงต้องไปคนเดียว กว่าจะซื้อตั๋วก็ปาไปวันที่ 22 ธันวาคม แล้วทริปจะเริ่มวันที่ 26 ธันวาคม คงมองภาพออกว่าราคาตั๋วมันจะมหาโหดขนาดไหน!!!!


แผนการท่องเที่ยว

จากแผนที่แปะคือสิ่งที่ไปมา เพราะแผนที่วางไว้ในวันหลังๆ ต่างจากแผนเดิมโดยสิ้นเชิง ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะวางแผนเที่ยวทำไม ในเมืองวางแผนแล้วไม่ค่อยจะไปตามนั้นเท่าไหร่

ที่พัก และ ตั๋วรถสำหรับเดินทาง
ไม่เคยมีทริปไหนที่เตรียมการเหมือนทริปนี้ เพราะทุกอย่าง (ทุกอย่างจริงๆ ) ไปหาเอาข้างหน้า แม้กระทั่งโรงแรมในคืนแรก ปกติจะเป็นคนจองนู่น จองนี่ประมาณ 3 วันของทริปทั้งหมด ส่วนที่เหลือค่อยไปจองเอาข้างหน้า แต่ทริปนี้คือ “ไม่ทำอะไรซะอย่าง” หรือจริงๆ เราไม่ควรจะเขียนเนื้อหาบทนี้แล้วข้ามๆ ไปเนื้อเรื่องเลยดี????

วีซ่า
คนไทยทำ On Arrival Visa ได้เลย คิวก็ไม่ยาว จ่ายเงินเสร็จ (USD40) รอกระดาษวีซ่ามาแปะที่หน้าพาสปอร์ตเป็นอันเสร็จพิธี

ตั๋วเครื่องบิน
ครั้งนี้บิน Sri Lankan Airline ซึ่งเป็นเที่ยวบินตรง เหมือนกับ Thai Airways แต่สายการบินแห่งชาติของบ้านเราราคาไม่อาจจะเอื้อมถึง เลยต้องจัดสายการบินของศรีลังกาไปแทน แต่อย่างที่บอกว่ากว่าจะซื้อก็คือ 4 วันก่อนเดินทาง ราคามันเลยไม่น่ารักซะเท่าไหร่ (ประมาณ 13,000บาท) ซื้อเสร็จถึงขั้นปาดเหงื่อ เพราะราคานี้เพิ่มเงินอีกหน่อยนี่บินไปยุโรป แอฟริกา ออสเตรเลียได้เลย!!!

เตรียมความพร้อม
อย่างที่บอกว่าไม่ได้เตรียมอะไรทั้งนั้น เงินที่แลกไปก็แลกตอนเลิกงานก่อนจะกลับบ้านไปเอากระเป๋า ทริปนี้เป็นทริปไม่ได้ตั้งใจไป แต่ตั้งใจเที่ยว ยังไงก็ลองติดตามกันดูนะคะ

ทริปเก่าที่เคยรีวิวมาสามารถเข้าไปดูกันได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ

ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “บุกแอฟริกา 4 ประเทศ 17 วัน”
https://pantip.com/topic/36521948

ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “หนีร้อนจากไทย ไปตากไอแดดที่ Ethiopia”
https://pantip.com/topic/36464768

ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “25 วันล่าฝันอเมริกาใต้”  
https://pantip.com/topic/36614026

บางทริปสั้นๆ เราอาจไม่ได้เขียนในพันทิปก็สามารถเข้าไปติดตามดูกันได้ที่ Facebook ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ
https://www.facebook.com/ladylonelyplanet/


หลังจากพรรณนาไปพักใหญ่เรากลับเข้ามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ!!!

26 Dec 2016
พอเลิกงานปุ๊บเราก็ตรงดิ่งกลับบ้านแม่ เพราะก่อนหน้านี้เอาข้าวของสำหรับไปเที่ยวไว้บ้านแม่แล้ว ตอนนั้นคือไม่มีเวลาจะอาบน้ำ มีแต่เวลาเดินผ่านน้ำซึ่งจำเป็นต้องทำ เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางกลิ่นกับคนที่นั่งข้างๆ บนเครื่องบิน

พอมาถึงสนามบิน เหตุการณ์เหมือนเดจาวูตอนทริปอเมริกาใต้!!! เครื่อง Delay ค่ะ เหตุผลคราวนี้คือ “อินเดียปิดน่านฟ้ายิงขีปนาวุธ” เป็นเหตุผลที่สมควรให้อภัย แต่ช้าก่อน....เครื่องบินลำนี้มันบินมาจากฮ่องกงนะจ๊ะ แล้วจะไปอ้อมน่าฟ้าอินเดียก่อนมาไทยทำไมเนี่ยยยยย!!! หลังจากนั่งเครื่องบินและเจอเครื่องบินดีเลย์บ่อยครั้ง ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า “เหตุผล” ที่สายการบินนำมาแจ้ง บางครั้งมันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ โดนมาเยอะเลยทำใจ

เอาเป็นว่าคืนนั้น Delay ไป 1.40 ชั่วโมง กว่าเครื่องจะออกก็ 22:40น. นี่เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งสายการบินนี้ เราว่าเครื่องมันออกจะเก่า (อันนี้อาจคิดไปเอง) แต่เก้าอี้นี่ใหญ่นั่งสบายมากๆ พอขึ้นเครื่องปุ๊บเรานี่เข้าสเต๊ปที่คุ้นเคยทันที หลับสิคะรออะไร แต่เราต้องสะดุ้งตื่นเพราะเครื่องตกหลุมอากาศอย่างแรง และไม่ได้ตกครั้งเดียวตกอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งว่ามีใครมาสร้างลูกระนาดไว้บนอากาศอย่างงั้นแหละ แต่จะด้วยกรรมเก่าที่ยังชดใช้ไม่หมด เราเลยมีชีวิตรอดกลับมารีวิวให้ทุกคนอ่านในในวันนี้

พอเครื่องลงจอดเราต้องเดินไปที่ ตม. แต่ระหว่างทางเดินนี่ บรรยากาศเหมือนเดินในห้างมากกว่าสนามบิน เป็นครั้งแรกที่เห็นสนามบินขายเครื่องใช้ไฟฟ้า Duty Fee จริงจังแบบนี้!!!

แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเช็คราคาหรือตรวจตลาด อยากจะผ่านตม. เข้าประเทศแล้วไปเสาะแสวงหาทางที่จะไป Anuradhapura ต่อ เราเดินมาจนถึงจุดทำ Visa ตรงนี้ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที พอได้วีซ่ามาแล้วก็เดินผ่านตม. ออกไปอย่างสง่างาม ด้านนอกจะมีบูธแลกเงินหลายรายให้เลือก ราคาก็แตกต่างกันเล็กน้อย เราแลกได้ที่ THB1 : 4 Rupees ตอนนี้มีเงินแล้ว เหลือแต่ข้อมูลที่ยังไม่มี เราต้องเดินหา Information Desk แต่เดินวนทั้งสนามบินรอบหนึ่งก็หาไม่เจอ เจอแต่ Inquiry และคำตอบที่ได้คือตอนนี้ไม่มีรถเมล์ไป Colombo Fort ต้องนั่ง Taxi ราคา 3,000 Rupees แต่กว่าจะเปิดขายตั๋วก็ตี 5 แหนะ (ตอนนั้นเพิ่งจะเกือบตีหนึ่ง) เราเลยว่าจะอยู่ในสนามบินนี่แหละ ดูสบายและปลอดภัยกว่าข้างนอกแน่นอน

แต่ด้วยความเป็นคนชอบถาม ถามเยอะๆ แล้วมาเปรียบเทียบเลยยังคงเดินหา Information ต่อไป จนมาเจอ Tourism Information เจ้าหน้าที่ที่นั่นบอกว่าสถานีรถไฟมี Booth ขายตั๋ว 24 ชม. แล้วรถตุ๊กตุ๊กไปสถานี Colombo Fort ราคา 2,000 Rupees พอได้ยินว่าขายตั๋วตลอด 24 ชม. ก็เลยคิดว่าจะไปที่นั่นเพื่อซื้อตั๋วก่อน ถึงรถไฟจะออกตอนเช้าสายบ่ายเย็นก็ช่างมันเหอะ

เราขอให้ทาง Tourism Information เรียกตุ๊กตุ๊กให้เรา (ถ้าเรียกเองน่าจะถูกกว่า) โดยเราจะต้องออกไปนอกสนามบินเพื่อเดินหาตุ๊กตุ๊กเอาเอง แต่ตอนเดินผ่านก่อนออกประตูสนามบินสิ่งที่เราเห็นคือรถเมล์!!! มันมีคนรออยู่ที่รถเมล์ พอถามตุ๊กตุ๊กกลับบอกว่านั่นไม่ใช่รถเมล์ ไม่รู้เราเข้าใจผิด หรือโดนหลอกกันแน่ แต่ไหนๆ ก็บอกจะนั่งรถเค้าแล้วก็ต้องนั่งนั่นแหละ รถไปส่งเราถึง Colombo Fort ตอน 02:45น. เราพยายามหาบูธขายตั๋ว แต่....มันปิดหมด!!! ไหนละบูธขายตั๋ว 24 ชม.????? หลังจากรู้สึกว่าโดนหลอก แต่ยังไม่ยอมรับ พยายามจะถามคนแถวนั้นซึ่งมารอซื้อตั๋ว แต่สภาพที่นั่นคือ คนนอนเกลื่อนกลาดบนพื้นหน้าสถานี แล้วก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น โชคดีที่หันไปเจอตำรวจพอดีเลยรีบวิ่งเข้าไปถาม คำตอบที่ได้คือต้องรอตอนตี 5 นะจ๊ะ ด้วยความที่ไม่รู้จะไปไหน เลยเดินไปเดินมาแถวนั้น (เดินเล่นตอนตีสามมันช่างสุนทรีย์สิ้นดี) จนตำรวจกลุ่มเดิมเดินกลับมา บอกว่าให้เราเข้าไปนั่งรอด้านในสถานีได้ โดยไปฝากฝังเราไว้กับเจ้าหน้าที่คุมประตูสถานีรถไฟ

ข้างใน Platform มันวังเวงมากๆ มีคนแต่น้อยมากๆๆๆๆๆ เราเดินไปหาที่ว่างเพื่อนั่งรอ แต่พอมองไปเห็นผู้ชายข้างๆ (บนม้านั่งเดียวกัน) เอนตัวลงนอนบนกระเป๋า แหม!!! Good Idea!!! เอาบ้างดีกว่า เราก็จัดกระเป๋าแล้วเอนตัวลงนอนอีกข้าง ภาพที่ได้คือกระเป๋าของเรากับผู้ชายคนนั้นจะอยู่ตรงกลาง ด้วยความที่เราหลับง่าย หลับลึก ช่วงเวลาที่นอนก็ฝันไปถึงไหนต่อไหน แต่ทันใดนั้น “ตุ๊บ!!” มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งกระแทกแทรกตัวระหว่างกระเป๋าสองใบ เรากับผู้ชายที่นั่งอยู่ก่อนสะดุ้งตื่นแล้วรีบยกกระเป๋ามาวางที่พื้น แล้วเอาหน้าซุกกระเป๋านอนต่อ (ยังจะมีอารมณ์นอน) แล้วไอ้คนที่มาแทรกก็มาสะกิดปลุกเราตบมือที่ตักแล้วชี้ให้เราไปนอนที่เป้ามัน!!! เราเลยตวาดกลับไปแล้วนอนต่อ (จุดนั้นคือง่วง และไม่อยากเสียเก้าอี้ ความกลัวคืออะไรตอนนั้นสะกดไม่ถูก) มันยังไม่หยุดยังจะบอกให้เราไปนอนซบอกอีก ตอนนั้นคือ อยากจะด่ากลับเป็นภาษาสิงหลผสมทมิฬ คนไม่ได้นอนมาสองคืนแล้วยังจะมาเจอมารผจญอีก แต่เพราะไม่เคยเรียนภาษาที่ว่ามาเลยทำได้แค่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินถ่ายรูปที่สถานีเล่นๆ จากนั้นก็ออกไปยืนต่อแถวตั้งแต่ตี 4 ตอนนั้นแถวสั้นมาก เราได้คิวที่ 3 แต่อีกสักพัก คนมาจากไหนเต็มไปหมดก็ไม่รู้


พอตี 5 บูธขายตั๋วก็เปิด พอถึงคิวเราจะซื้อตั๋วรอบ 5:45น. บอกตั๋วหมด ให้เราย้ายไปช่อง 17 เราต้องไปต่อคิวใหม่ที่ช่อง 17 ดีที่มันไม่ยาวมาก แต่มันเป็นช่อง Inquiry ไม่ได้ขายตั๋ว ต้องกลับไปช่องเดิม!!! นี่คือให้ออกกำลังกายเดินไปเดินมาตอนฟ้าสางสินะ พอกลับไปแถวคือยาวเหยียดมากกว่า 100 คิวแน่นอน เราเลยกลับไปที่หน้าต่างไม่ต่อคิว (ใครจะว่านิสัยแย่ก็เหอะ แต่เรามาต่อคิวตั้งแต่ตี 4) จะให้วิ่งไปวิ่งมาต่อแถวถึงกี่โมงถึงจะได้ซื้อตั๋ว? สรุปคือรอบ 5:45น. หมดแต่ยังมีรอบถัดไป (แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก???) สรุปเราได้รอบ 6:30น. เป็นรถไฟชั้นสอง พอได้ตั๋วก็กลับไปนั่งรอรถไฟอย่างใจจดใจจ่อ ถ้าได้ขึ้นรถเมื่อไหร่จะหลับให้มันยาวๆ เลย!!!!
ชื่อสินค้า:   Sri Lanka
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่